คำหนุนใจ Pre Sermon วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน 2018 เรื่อง “จงนิ่งเสียและรับรู้ว่าเราคือพระเจ้า” โดย นคร เวชสุภาพร

คำหนุนใจ Pre Sermon วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน 2018

เรื่อง “จงนิ่งเสียและรับรู้ว่าเราคือพระเจ้า”

โดย นคร  เวชสุภาพร

            สวัสดีครับ อีกไม่กี่สัปดาห์เราก็จะมีค่ายครอบครัว คือวันที่ 5-7 ตุลาคม 2018 ปีนี้พิเศษมาก ได้หัวข้อเรื่องปีนี้แล้ว  ชื่อหัวข้อค่าย เรื่อง “จงนิ่งเสีย และรู้ว่าเราคือพระเจ้า” หรือ “จงนิ่งเสียและรับรู้ว่าเราคือพระเจ้า”

เป็นหัวใจของคริสเตียนก็ว่าได้ ว่าตามจริงไม่ได้เป็นหัวใจของคริสเตียนอย่างเดียว เป็นหัวใจของผู้ที่แสวงหาพระเจ้า เป็นหัวใจที่พระเจ้าจะนำประชากรของพระองค์ คือมนุษย์ทั้งหลายบนโลกใบนี้ ซึ่งเป็นมนุษย์บาป เข้ามารู้จักพระองค์ ตั้งแต่เริ่มแรกเลย ตั้งแต่ปฐมกาลเลย ตั้งแต่พระคัมภีร์เดิมเลย จนพระคัมภีร์ใหม่ จงนิ่งเสียและรับรู้ว่าเราคือพระเจ้า ตัวนี้สำคัญที่สุด เรามาถึงยุคปัจจุบัน ยุคของคริสเตียน ตรงนี้ ยิ่งจำเป็นสำหรับเรามากขึ้น และเรามีโอกาสได้มากขึ้นกว่าคนสมัยก่อน เพราะว่าทุกวันนี้ พระเจ้ามาสถิตอยู่กับเราตามพระคัมภีร์บอก พระคัมภีร์ทั้งเล่ม หมายถึงพันธสัญญาใหม่ทั้งเล่ม พระเจ้าได้บอกตลอดเวลาว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับเราแล้ว พระเยซูสถิตอยู่กับเราแล้ว พระเยซูคริสต์ได้กระทำสำเร็จแล้วที่ไม้กางเขน

สำเร็จ นี่คืออะไร? คือทำให้พระเจ้าสามารถลงมาสถิตอยู่กับมนุษย์ได้ ทำให้ร่างกายมนุษย์ที่สกปรกโสโครก เป็นคนบาปนั้น กลายเป็นวิหารของพระเจ้าสถิตอยู่ในวิญญาณของเขา ทำได้แล้ว แล้วเรารู้ได้อย่างไร? วิธีรู้ ก็คือจงนิ่งเสียและรับรู้เถิดว่าเราคือพระเจ้า พระองค์คือพระเจ้า พระองค์มาสถิตอยู่กับเราแล้ว จงนิ่งเสียและรับรู้ สมัยก่อนนี้นิ่ง แล้วรับรู้ว่าพระองค์คือพระเจ้า เคลื่อนไหวอยู่แถวๆ ท่ามกลางอิสราเอล ท่ามกลางผู้คนของพระองค์ แต่เดี๋ยวนี้สมัยพระเยซู คือสมัยคริสเตียน สมัยเรา จงนิ่งและรับรู้เถิดว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา

เพราะฉะนั้น ค่ายครั้งนี้จะพิเศษ จะสอนน้อย แต่ปฏิบัติเยอะ จะพาท่านไปปฏิบัติ เพราะเรื่องราวของพระเจ้าต้องใช้ปฏิบัติ มาตั้งแต่สมัยพระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย แล้วเข้าไปอยู่ในสวรรค์ใหม่ๆ สิ่งนี้คือสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เราทำมากที่สุด คือให้เรารู้ว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา และมันก็เป็นจริงๆ ตามนั้นด้วย ถ้อยคำก็เป็นอย่างนั้น ความจริงก็เป็นอย่างนั้น เราเองคิดไปไม่ถึง เกินกว่าความคิดของมนุษย์จะเข้าใจ ถึงต้องอาศัยตรงนี้แหละ จงนิ่งเสีย

จงนิ่งเสีย คืออะไร? พูดคร่าวๆ ให้ฟังก่อน  จะได้ตื่นเต้น ใครที่ลงทะเบียนไปค่าย ท่านจะได้ตื่นเต้นว่าเที่ยวนี้ท่านไป ท่านจะได้รับอะไรบางอย่างที่เป็นอาวุธของท่าน ในการดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อย่างสันติสุขและสงบสุข และรู้ว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน (ตลอดเวลา)  โดยการฝึกฝนวิธี จะสอนทฤษฎีด้วย แต่ปฏิบัติเยอะ ปฏิบัติในการรับรู้ พอบอกว่าจงรับรู้ จงนิ่งเสีย ท่านก็อาจจะไม่เข้าใจ นิ่งเสียคืออะไร?

จะพูดคร่าวๆ ให้ฟัง นิ่งเสีย ก็คือการจดจ่อไปที่วิญญาณ เหมือนคำพูดในพระคัมภีร์ใหม่ที่พูดคำว่าจดจ่อ เมื่อไร ในนั้นพูดคำว่าจดจ่อ นี่แหละคือจงนิ่งเสีย จดจ่อเข้าไปในวิญญาณ

เมื่อไรที่ท่านอ่านพระคัมภีร์ใหม่ ที่บันทึกคำว่า “จงมองให้เห็นเถิด” นั่นแหละคือคำว่า “จงนิ่งเสีย” มันมองด้วยตาไม่เห็น ถ้าไม่นิ่งไม่เห็น ถ้านิ่งเมื่อไร มันมองทะลุไปในโลกวิญญาณได้ว่านี่มันจริง พระเจ้าสถิตอยู่เราจริงๆ มีจริงๆ เป็นจริงๆ

จะสอนเคล็ดลับตรงนี้ให้ เอาหรือไม่เอา? รับรองได้ว่าตื่นเต้น ใครได้ไปขนาดไหน? อย่างไร? แต่มันตื่นเต้น ตะกี้เราพูดถึง เมื่อแปลเป็นภาษาไทย จงจดจ่อ จงมองให้เห็นเถิด  แล้วแปลเป็นอะไรได้อีกไหม? นี่ใช้ภาษาไทยคำนี้มาตั้งแต่สมัยโน้นปฐมกาล พระเจ้าให้มนุษย์ที่เต็มไปด้วยความบาป ให้รู้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้า โดยการ … ถ้าใช้พูดภาษาไทย คำนี้ทุกคนจะเข้าใจเลย  คือคำว่าภาวนา บางทีเราคิดว่าภาวนา คืออธิษฐาน ไม่ใช่ ภาวนา คือการมองทะลุเข้าไปในโลกวิญญาณ ค่อยๆ ผลักดันตัวเองเข้าไปในโลกวิญญาณ ทะลุเข้าไปได้ แล้วแถมผมมีเครื่องมือพิเศษ เครื่องมือพิเศษ คือเอาวัสดุ เอาสิ่งต่างๆ ของวัตถุ ของสิ่งของบนโลกใบนี้มาช่วยเราในการภาวนา ทะลุเข้าไปในโลกวิญญาณให้ได้ง่ายขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น การอยู่เงียบๆ เป็นส่วนหนึ่ง เป็นส่วนประกอบที่ช่วยเราให้ทะลุ ภาวนาได้ง่ายขึ้น กับการที่นั่งบนรถเมล์ ใครง่ายกว่ากัน อยู่ในห้องง่ายกว่าใช่ไหม? ถ้าอยู่ในห้องและอยู่ในโบสถ์ยิ่งง่ายขึ้น เพราะว่าอยู่ในโบสถ์มีความรู้สึกว่ามันศักดิ์สิทธิ์ มันช่วยเรา จริงๆ มันเหมือนกัน นั่งรถเมล์ กับนั่งที่โบสถ์ ก็เหมือนกัน แต่ไม่เหมือน ตรงที่สิ่งแวดล้อมช่วยเรา อะไรต่างๆ ที่ช่วยเรา กินอิ่มเกินไป มันก็ไม่ได้ช่วยเรา หิวเกินไป ก็ไม่ช่วยเราอีก มันต้องพอดีๆ ใช่ไหม? บรรยายกาศดีๆ นั่นแหละสิ่งเหล่านี้เป็นตัวช่วย

และตัวช่วยอีกอันหนึ่งในสมัยอดีต  บอกเคล็ดลับให้ ตัวช่วยอีกอันหนึ่งในอดีต ที่ช่วยมาตลอด จนถึงยุคพระคัมภีร์ใหม่ ก็ยังช่วยอยู่ ตัวนี้ ก็คือเขาเรียกว่าอโรมา คือกลิ่น ทำให้มีความรู้สึกไวและสัมผัสในโลกฝ่ายวิญญาณได้มากขึ้น อันนี้เรื่องจริงนะ ไม่ได้พูดขายของนะ กลิ่น ปัจจุบันเรารู้กันในนามของอโรมาเธอราฟี่ หรือการบำบัด การรักษา การเอาประโยชน์จากการดมกลิ่น  กลิ่นดีๆ ทำให้เราสามารถคลายเครียดได้ ปลดปล่อยเราจากความซึมเศร้าได้ ทำให้เรายิ้มแย้มแจ่มใสได้ และสามารถทำให้เราทะลุเข้าไปในอีกมิติหนึ่งที่เรียกว่าโลกวิญญาณได้ ช่วยเรา ผมกำลังจะพูดถึงสิ่งที่พระเจ้าวางไว้บนโลกใบนี้เรียบร้อยแล้ว ถ้าเราเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ มันก็เป็นประโยชน์ต่อเรา เรากำลังต้องการทำอะไร? เรากำลังต้องการทำความสงบ ทำความนิ่งให้กับวิญญาณของเรา แล้วจะทะลุเข้าไป ภาวนาเข้าไปในโลกวิญญาณ เขาไปหาว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับเราอย่างไร? ให้เห็นชัดๆ ขึ้นกับการไม่นิ่ง ตอนนี้เราจะพยายามให้นิ่ง วิธีช่วยให้นิ่ง หนึ่งอัน คือการใช้สมุนไพรที่พระเจ้าวางไว้ สำหรับมนุษย์บนโลกใบนี้ ช่วยเราในการที่จะค่อยๆ สงบลง

และหนึ่งในจำนวนนั้น ที่พระเจ้าใช้ เรารู้จักกันดีในปัจจุบัน อดีตเขารู้จักกันมานานแล้ว พระเจ้าบอกอิสราเอลบอกว่าปุโรหิต จะเข้าไปหาพระเจ้า หนึ่งอันในนั้น ต้องทำพิธีหลายอย่าง มีความหมายหมด แต่หนึ่งอันในนั้น ต้องทำแน่ๆ คือก่อนที่จะเข้าสู่พระนิเวศน์ของพระเจ้า ผ่านด่านมาทีละหนึ่งด่าน ทั้งหมดมี 7 ด่าน ตั้งแต่นอกพลับพลา จนเดินผ่านพลับพลาเข้ามา มาจนกระทั่งถึงภายใน  จนถึงที่พระเจ้าสถิตอยู่ จะเข้าไปก่อนพระเจ้าสถิตอยู่ ด่านที่ 6 กับด่านที่ 7 และด่านที่ 7 พระเจ้าสถิตอยู่ ด่านที่ 6 ก่อนจะเข้าไป ทำอะไร? จะมีเครื่องเผากำยาน ต้องเผากำยานก่อนนะ แล้วถึงเข้าไป เคยได้ยินใช่ไหม?

กำยานตัวนั้น ภาษาอังกฤษเขาเรียก Frankincense ภาษาไทยแปลว่ากำยาน … กำยานตัวนี้ปุโรหิตเอา อาโรนหรือปุโรหิตก่อนจะเข้าไปในอภิสุทธิสถาน คือเข้าไปในการทรงสถิตของพระเจ้า ซึ่งรุนแรงมาก เต็มไปด้วยฤทธิ์เดชและบริสุทธิ์ เขาต้องชำระตัวกับพระเจ้า หนึ่งในจำนวนนั้น ก็คือเขาต้องเผาเครื่องกำยาน ให้ควันมันฟุ้งไปหมดเลย ท่านรู้ไหมกำยานนี้ ฆ่าเชื้อโรคได้ดียิ่งกว่าสารเคมีที่เข้าไปอยู่ในห้องผ่าตัดอีก กำยานตัวนี้ทุกวันนี้เอามารักษาโรคมะเร็ง รักษาโรคอะไรเยอะแยะ กำยานตัวนี้เอามาใช้ในการสวดมนต์  และแสวงหาโลกวิญญาณในทางศาสนาต่างๆ เยอะแยะเลย กำยานตัวนี้เอามาใช้เยอะแยะมากมายไปหมด แต่พระคัมภีร์บอกไว้ตั้งนาน และให้ควันคุ้งเลย  และเปิดม่านเข้าไปสู่อภิสุทธิสถาน พอผลักม่านเข้าไปปุ๊บ ให้เผาเยอะขึ้นเลย คุ้งไปหมดเลย

ท่านคิดดูที่พระเจ้าสถิตอยู่ในอดีต ที่พลับพลา เข้าไปห้องสุดท้าย ในพระคัมภีร์บันทึกว่าห้องนั้นปิดม่านทึบหมด ทุกอย่างไม่มีแสงเข้า ไม่มีคนเข้าไปเลย ปีหนึ่งมีคนเข้าไปครั้งเดียว ไม่มีการทำความสะอาด แล้วมันจะสะอาดได้อย่างไร? มันคงเหม็นอับมากเลย แต่ไม่หรอก พระเจ้ามีกลิ่นกำยาน ให้เผาทุกวัน เผาข้างหน้าทุกวัน กลิ่นมันก็หอมอบอวลอยู่ในนั้น กลิ่นนี้เรียกว่ากลิ่นกำยาน จบแค่นี้

ค่ายครั้งนี้เราจะไปนิ่งสงบในพระเจ้า คือจดจ่อเข้าไปในโลกวิญญาณ ภาวนาในโลกวิญญาณว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับเรานั้น หมายความว่าอย่างไร? ที่พระเยซูบอกว่าสำเร็จแล้ว สถิตอยู่กับเรานั้น หมายความว่าอย่างไร? ที่พระคัมภีร์บอกเราเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า เราเป็นลูกของพระเจ้า พระเจ้าสถิตอยู่ในร่างกายนี้ มันคืออย่างไร? มันชัดขนาดไหน? เอาสิ่งเหล่านี้มาช่วยกัน

และคำหนึ่งที่แปลตรงตัว ก็คือเราจะไปภาวนาด้วยกัน ทำสมาธิ จดจ่อเรื่องถ้อยคำพระเจ้า โดยใช้สิ่งแวดล้อมต่างๆ ประกอบกัน ก็คือหนึ่งในนั้น ก็คือการใช้กำยาน และใช้การเข้ามาอยู่ร่วมกัน ใช้ถ้อยคำพระเจ้าที่ผมจะคัดให้ท่าน ถ้อยคำพระเจ้าที่เราจะใช้ในการเพ่งมองดู ภาวนา เกี่ยวกับการทรงสถิตของพระเจ้า คืออะไร? และการนมัสการพระเจ้าก่อนหน้า ที่เราจะฝึกฝนร่วมกัน และสถานที่ที่เราจะใช้ร่วมกัน ชายทะเล อะไรมันก็ดูสุขไปหมด ไม่ใช่เดินออกมารถติด เสียงรถ เสียงแตร วุ่นวาย ที่ภาวนาเมื่อตะกี้หายหมด อันนี้เรื่องธรรมดา

สิ่งที่กำลังพูดเหล่านี้ คืออยากให้ท่านได้จริงๆ เพราะตอนที่ผมได้มา ผมก็ดีใจเลย รีบไปบอกทีมงาน … ทีมงานก็ดีใจบอกพี่รีบพูดเลย อาทิตย์นี้รีบพูดเลย พูดให้ประชากรพระเจ้าฟังเลย เขาจะได้เตรียมตัว จะได้เก็บเงินค่าค่ายทัน ตื่นเต้น ผมก็ตื่นเต้น ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรนะ แต่รู้ว่าไม่มีการสอน มีแต่ปฏิบัติ แนะนำให้นิดหนึ่ง แล้วก็ปฏิบัติกันเลย เดี๋ยวนั้นเลย จบค่าย กลับไปที่บ้าน ท่านก็จะสามารถปฏิบัติต่อไปเองได้เลย จะได้รู้ว่าที่พระเจ้าพูดเสมอว่า …

“จงรับรู้เถิดว่าเรา คือพระเจ้า เราสถิตอยู่กับเจ้าแล้ว” … แปลว่าอะไร? เอเมน

พอได้สิ่งนี้ ก็เท่ากับได้ทุกสิ่งบนโลกใบนี้แล้ว ท่านได้สิ่งนี้ ก็ได้เท่ากับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ และโลกวิญญาณ และนิรันดร์ เราได้รับหมดแล้ว ท่านได้สิ่งนี้เท่านั้นเอง จึงมีค่ามากยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง เอเมนไหมครับ เอเมน

 

************************