วารสาร Holy  News   ฉบับที่  1409

คำบรรยายวันอาทิตย์ที่  26  มีนาคม  2023

เรื่อง “อัศจรรย์เกิดขึ้นทันที เมื่อฉันเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์”

ตอน 7 “ได้รับมรดกเป็นรางวัล ตั้งแต่อยู่ในโลกนี้ ถึงโลกหน้า”

โดย นคร  เวชสุภาพร

            “อัศจรรย์เกิดขึ้นทันที เมื่อฉันเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์” ตอนที่ 7 “ได้รับมรดกเป็นรางวัล ตั้งแต่อยู่ในโลกนี้ จนถึงโลกหน้า”

            ทบทวน 7 ตอนในซีรี่ย์นี้ …

                        ตอน 1 “วิญญาณเก่าที่เป็นคนบาปต้องคำสาปได้ตายไปแล้ว”

                        ตอน 2 “ได้บังเกิดใหม่โดยพระวิญญาณของพระเจ้า”

                        ตอน 3 “ได้เป็นลูกของพระเจ้าที่ทรงรักดังแก้วตาดวงใจแล้ว”

                        ตอน 4 “พระเจ้าเข้ามาสถิตอยู่ด้วย ภายในร่างกาย”

                        ตอน 5 “ได้เข้ามาอยู่ในสวรรค์แล้ว ขณะนี้”

                        ตอน 6 “พระเจ้าได้ทรงให้ฉัน นั่งในสวรรคสถานกับพระคริสต์”

                        และวันนี้  ตอน 7 “ได้รับมรดกเป็นรางวัล ตั้งแต่อยู่ในโลกนี้ จนถึงโลกหน้า”

            ทั้งหมด 7 ตอนนี้เป็นอัศจรรย์เกิดขึ้นทันที เมื่อฉันเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ พูดให้ตัวเองฟังเลยนะว่าอัศจรรย์ที่เราได้เรียนรู้มา 7 ตอนแล้วนี้ อัศจรรย์ใหญ่มากขนาดไหน?  เราได้รับแล้วเรียบร้อยขณะนี้ เดี๋ยวนี้ ทันที เมื่อเราเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ แล้วเราส่วนใหญ่ที่นั่งอยู่ที่นี่  และอยู่ที่บ้าน ที่ฟังอยู่ตอนนี้ ก็คือผู้ที่ได้เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอดแล้วนั่นเอง

            วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องการได้รับมรดกเป็นรางวัล ตั้งแต่อยู่ในโลกนี้ จนถึงโลกหน้า “มรดก” คาดไม่ถึงว่าเรามีมรดกด้วย บางคนบอกว่า …

            “อยู่บนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรเลย  ไม่มีทรัพย์สมบัติเลยสักนิดหนึ่ง”

            ถ้าท่านเป็นคริสเตียน เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์แล้ว ท่านมีมรดกมหาศาลเลย

            “ฉันมีมรดกมหาศาลเรียบร้อยแล้วในพระเยซูคริสต์”

            มรดกรางวัลที่ได้รับแล้ว ทันที ขณะดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ คืออะไร? อะไรล่ะที่ตะกี้เราพูดกัน อัศจรรย์ที่เราได้เรียนรู้มา 6 อย่างและวันนี้อย่างที่ 7 อย่างนี้เป็นมรดก เป็นรางวัลที่ได้รับเรียบร้อยแล้ว ทันทีขณะดำเนินชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้ ก็คือมี 7 อย่างที่ได้รับเรียบร้อยแล้ว ทันที บนโลกใบนี้

            มรดกรางวัลที่ได้รับแล้ว ทันที ขณะดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ คือ …

                        * วิญญาณเก่าที่เป็นคนบาป ต้องคำสาป ได้ตายไปแล้ว

                        * ได้บังเกิดใหม่ โดยพระวิญญาณของพระเจ้าแล้ว

                        * ได้เป็นลูกของพระเจ้า ที่ทรงรัก ดังแก้วตาดวงใจแล้ว

                        * พระเจ้า เข้ามาสถิตอยู่ด้วย ภายในร่างกายแล้ว

                        * ได้เข้ามาอยู่ในอาณาจักรสวรรค์แล้ว ขณะนี้

                        * พระเจ้าได้ทรงให้ฉัน นั่งในสวรรคสถานกับพระคริสต์แล้ว

                        * ได้รับมรดก เป็นรางวัล ตั้งแต่อยู่ในโลกนี้ จนถึงโลกหน้าเลยทีเดียว เอเมน

            นี่คือสิ่งที่ได้รับเรียบร้อยไปแล้วทันที ขณะที่กำลังดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ ทันทีที่ใครก็ตามเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ อัศจรรย์ หรือที่เรียกว่าปาฏิหาริย์ก็ได้ หรือเรียกว่าระเบิดปรมาณูในโลกฝ่ายวิญญาณ ก็ได้  ที่มิติทางฝ่ายวิญญาณ นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันเขาใช้คำว่าบิ๊กแบง ตอนที่กำเนิดสร้างโลก เขาหาเจอแล้วว่ากำเนิดสร้างโลก ไม่ใช่สร้างทีละนิดทีละหน่อย  แต่สร้างทีเดียว มาหมดเลยทั้งมหาจักรวาลทุกอย่าง ทั้งโลกด้วย  ระเบิดครั้งเดียว เขาเรียกว่าบิ๊กแบง นั่นแหละ ภาษาพระคัมภีร์เขาเรียกว่าอัศจรรย์ หรือเนรมิตสร้างของพระเจ้า  เป็นอัศจรรย์ เป็นปาฏิหาริย์ เกิดขึ้นในโลกวิญญาณ  ระเบิดเปรี้ยงในโลกวิญญาณ ก็คือคนนั้นที่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เขาจะได้รับมรดก คือชีวิตนิรันดร์ ที่ครบถ้วนบริบูรณ์ จากองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นมรดก เป็นรางวัล แค่เริ่มต้น  7 อัศจรรย์ ที่ตะกี้เราพูดถึง และจะมีต่อเนื่องไป จนกระทั่งถึงโลกหน้า หลังความตายด้วย ต้องพูดพร้อมกันว่า …

            “โอ้โห! ขอบคุณพระเจ้า”

            แต่สำหรับคนที่ยังไม่เชื่อ เขาก็บอกว่า … “โอ้โห! เป็นไปได้หรือเนี้ย เชื่ออะไรกันอย่างนี้”

            แต่เราเชื่อแล้ว เรารู้ว่าเราอยู่ในพระคริสต์และมีพระวิญญาณยืนยันอยู่ในใจ เราจึงบอกว่า …

            “โอ้โห อัศจรรย์ ขอบคุณพระเจ้า”

        โคโลสี 3:23-24 “23 ไม่ว่าท่านทั้งหลายจะทำสิ่งใด จงทุ่มเททำอย่างสุดใจ เหมือนทำเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ 24 เพราะท่านรู้ว่าท่านจะได้รับมรดก จากองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นรางวัล องค์พระคริสต์เจ้านี่แหละ คือผู้ที่ท่านกำลังรับใช้อยู่”

            “คือผู้ที่ท่านกำลังรับใช้อยู่” ตรงนี้ อธิบายให้ฟังนิดหนึ่ง ก่อนที่จะไปเรื่องอื่น คือผู้ที่ท่านกำลังรับใช้อยู่  รับใช้ตรงนี้หมายถึงนมัสการ หมายถึงเชื่อฟัง เป็นลูกที่เชื่อฟังคำของพระองค์ เหมือนดังทาส มันแปลว่าอย่างนี้ ท่านกำลังรับใช้อยู่ หมายถึงท่านกำลังเป็นลูกของพระองค์  ที่มองหน้าพระองค์และมีความเชื่อพระองค์ 100% ว่าเป็นลูก มันหมายถึงอย่างนี้นะ

            “จงทุ่มเท ทำอย่างสุดใจ” หมายถึงอะไร? ตามบริบทนี้ หมายถึงการดำเนินชีวิต ที่ชอบธรรมบริสุทธิ์ดีพร้อมแล้ว ที่พระองค์ทรงกระทำให้เราเป็นลูกของพระเจ้าแล้วนั้น ให้ดำเนินชีวิตตามการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์  ที่สถิตอยู่ภายในเรา  ไม่สนองตอบต่อกิเลสตัณหาทางฝ่ายเนื้อหนัง ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด ให้สมกับที่เป็นลูกของพระเจ้าแล้ว เป็นพลเมืองสวรรค์แล้ว เป็นลูกแห่งความสว่างแล้ว และเป็นลูกแห่งความสว่างที่ดำเนินชีวิต ท่ามกลางความมืดบนโลกใบนี้  ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด  พูดง่ายๆ ก็คือความประพฤตินั่นเอง  เพื่อประกาศศักดิ์ศรี บารมีขององค์พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสถิตอยู่ภายใน ให้กับผู้คนรอบข้างได้เห็น  คือสำแดงพระเยซูคริสต์ในตัวเรา ให้ผู้คนรอบข้างได้เห็นนั่นเอง

            แล้วที่บอกว่า “ท่านจะได้รับมรดกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นรางวัล” ตรงนี้เป็นปัญหา ทำให้มีการเข้าใจผิดเยอะ ท่านจะได้รับมรดก จากองค์พระผู้เป็นเจ้า ตรงนี้หมายถึงท่านจะได้รับมรดกอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ สมบูรณ์พร้อมจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นรางวัล ตรงนี้  หมายถึงขั้นตอน ในการรับมรดก มีอยู่ 2 ขั้นตอน …

            ขั้นตอนแรก คือในปัจจุบัน ขณะที่กำลังดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ มรดก คือรางวัลที่เราได้รับทันที เมื่อเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ ก็คือ 6 อย่างที่เราได้เรียนรู้ และวันนี้ เป็นอย่างที่ 7  คือ 7 อัศจรรย์ที่ตะกี้เราทบทวนกันทั้งหมด  เราได้รับเรียบร้อยไปแล้วทันที ในขณะที่ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

            “ได้รับทันที เดี๋ยวนี้ ตอนกำลังดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้” เอเมน

            ขั้นตอนที่ 2 ก็คือในอนาคต หลังความตาย  หลังจากที่จากโลกนี้ไปแล้ว  เข้าสู่มิติฝ่ายวิญญาณ อย่างครบถ้วนบริบูรณ์  มรดกหรือรางวัล ที่เราจะได้รับอีก  เพิ่มเติมตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรม  ตามที่ระบุไว้ในหนังสือสัญญาของพระคริสต์ ก็คือเราจะได้รับร่างกายใหม่

            อันนี้เป็น “จะ” คือเป็นอนาคต เมื่อเราออกจากร่างนี้แล้ว  เราจะได้รับร่างกายใหม่ ร่างกายสวรรค์ ที่เต็มเปี่ยมด้วยสง่าราศี  เหมือนพระเยซูคริสต์เลย ไม่มีผิด  และเราจะได้เข้าครอบครองโลกใหม่ รวมทั้งสรรพสิ่งใหม่ๆ ที่พระเจ้าสร้างใหม่  แทนที่โลกเก่า เพราะโลกใบนี้วันหนึ่ง มันจะสิ้นสุดลง

            ครบ 2 ขั้นตอน ก็เท่ากับรับมรดกหรือรางวัล  ที่ครบถ้วนบริบูรณ์  สมบูรณ์แล้ว  ร่างกายสวรรค์ที่เรารอนั้น  เป็นร่างกายที่มีสง่าราศี เหมือนพระเยซูคริสต์เลย คือสูงสุดแล้ว  สง่าสุดแล้ว เป็นรางวัลสุดท้ายที่ดีที่สุด สำหรับเราแล้ว

            ประเด็นที่หลายคนเข้าใจผิดในความหมายของข้อพระคัมภีร์นี้ ก็คือเรื่องของรางวัลที่เราจะได้รับ อย่างที่ตะกี้นี้บอกไว้

            ในข้อที่ 24 บอกว่า “เพราะท่านรู้ว่าท่านจะได้รับมรดกจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นรางวัล” หลายคนก็เลยไปแปลความหมายพระคัมภีร์ตรงนี้ว่ารางวัลที่จะได้รับนั้น ขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ นี่คือปัญหา นี่คือความเข้าใจผิดอย่างหนึ่ง รางวัลที่เราจะได้รับ จะระบุไว้ ขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ด้วย หรือคิดตามนะ เช่น เข้าใจผิด แล้วก็บอกว่า …

            “ถ้าเรารับใช้พระเจ้าเยอะๆ ประกาศเยอะๆ ก็จะส่งผลให้เราได้รับรางวัลเพิ่มมากขึ้น ในสวรรค์เยอะๆ ยิ่งรับใช้เยอะ ยิ่งได้รับรางวัลเยอะ ยิ่งพาคนมาเชื่อพระเจ้าเยอะๆ ยิ่งได้รับรางวัลเยอะๆ”

            คุ้นๆ ไหม? คุ้นหู แล้วรู้สึกอย่างไร?  รู้สึกไม่ค่อยเห็นด้วย  ไม่รู้จะทำอย่างไร? ใช่ไหม?  ซึ่งความหมายที่แท้จริง ตามบริบทอย่างที่บอกไว้เมื่อสักครู่นี้  คือคำว่า “ทุ่มเททำอย่างสุดใจ” ตามบริบท หมายถึงเปาโลกำลังพูดถึงก่อนหน้านี้  คริสเตียนผู้เชื่อ ที่อาจารย์เปาโลดูแลอยู่ มีความประพฤติยังไม่ถูกต้อง ยังทะเลาะกัน ยังอิจฉาริษยากัน ยังเอาเปรียบกัน ยังไม่ยอมให้อภัยกัน  เปาโลเลยจัดระเบียบว่าให้ทำยังไง ให้สำแดงความรัก ในพระเยซูคริสต์ ให้ประพฤติให้ดีงามขึ้น ให้ประพฤติตนให้สมกับสถานะของตนเองที่เป็นผู้ที่บังเกิดใหม่ เป็นลูกของพระเจ้าแล้ว ให้ทำตัวให้บริสุทธิ์ ดีพร้อม เหมือนพระเจ้า  ที่ได้บังเกิดใหม่ โดยพระเยซูคริสต์ เรียบร้อยแล้ว  มันหมายถึงความประพฤติ

            ในนี้บอกว่าอย่างไร? “เพราะท่านรู้ว่าท่านจะได้รับมรดก  ก็คือ 7 สิ่งที่ตะกี้เราพูดถึง จากพระเจ้าเป็นรางวัลเรียบร้อยแล้ว ในขณะนี้  กำลังจะบอกว่าเพราะว่าท่านรู้แล้วว่าท่านได้รับการบังเกิดใหม่ เป็นลูกของพระเจ้าแล้ว ตัวเก่าท่านได้ตายไปแล้ว  ท่านได้รับเรียบร้อยแล้ว ท่านก็สมควรฝึกฝนประพฤติตนให้ดีขึ้น ให้เป็นไปตามรางวัล หรือมรดกที่ท่านได้รับไปแล้ว ในขณะที่ดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ แล้วรางวัลที่ท่านจะได้รับนั้น  ท่านจะได้รับอย่างครบถ้วนบริบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง  หลังจากที่ท่านจากโลกใบนี้เรียบร้อยแล้ว ก็คือหลังจากตาย ก็คือได้รับรางวัลอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ เมื่อเห็นแก่อย่างนี้แล้ว ท่านก็สมควรที่จะกระทำตัวให้สมกับที่ท่านได้รับรางวัลมาแล้ว มันหมายถึงอย่างนั้น

            ยกตัวอย่าง เหมือนกับปัจจุบันนี้ คนได้รับรางวัลใหญ่ๆ ไม่ว่ารางวัลอะไรก็ตาม เช่นรางวัลพลเมืองดี รางวัลลูกกตัญญู ใช่ไหม? คำพูดที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ …

            “นี่! ประพฤติตัวให้ดี ให้สมกับที่ได้รับรางวัลมานะ”

            นี่ขนาดมนุษย์ยังรู้เลยว่าให้ทำตัวให้ดี ให้สมกับที่ได้รับรางวัลมา  แล้วลองคิดดูสิ เปาโลกำลังจะพูดถึงอะไร? เปาโลกำลังจะพูดว่า …

            “โอ้โห! รางวัลที่ท่านได้รับมา มันยิ่งใหญ่กว่ารางวัลมนุษย์ที่ให้บนโลกใบนี้มากนักเลย”

            คือมรดกรางวัลยิ่งใหญ่ 7 อย่างนั้นยังไม่พอเลย  หลังจากตายยังได้อีกนะ ใหญ่ขนาดไหน?  เพราะฉะนั้น ท่านก็ควรจะมีความประพฤติให้สมกับค่าตรงนั้น ให้สมกับการที่ได้รับรางวัลนั้น จากพระเจ้า ขนาดคนบนโลกนี้ แค่รางวัล แค่โล่ การประกาศเกียรติยศบนโลกใบนี้ แค่นั้น  คนยังมีความรู้สึกภูมิใจ  อยากจะประพฤติตนให้สมกับรางวัลที่ได้รับมากที่สุด เท่าที่ทำได้ ถูกไหม? แล้วมากกว่านั้นสักเท่าไรที่รางวัลของผู้เชื่อทั้งหลาย เป็นรางวัลจากพระเจ้า เป็นมรดกจากพระเจ้า มันยิ่งใหญ่กว่ากันขนาดไหน? และเป็นรางวัลที่เป็นนิรันดร์  เพราะฉะนั้น เพียงพอไหมที่จะทำให้เรารู้สึกภูมิใจ และอยากจะประพฤติตนให้สมกับที่เราเป็นลูกของพระเจ้า ที่ได้รับมรดกเหล่านั้นเรียบร้อยไปแล้ว ได้เป็นผู้ชอบธรรม บริสุทธิ์ ดีพร้อมเรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่งประพฤติไม่ดี ก็ยังเป็นผู้ชอบธรรมอยู่ เพราะฉะนั้น เราสมควรที่จะกระทำตามที่อาจารย์เปาโลแนะนำไหมว่าให้ทำตามที่เราได้เป็นแล้ว

            และการที่เราเป็นแล้ว  ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว  ไม่ว่าเราจะทำตามมากหรือน้อยก็ตาม ไม่ว่าเราจะทำให้สมกับเป็นลูกพระเจ้าให้มากหรือน้อยก็ตาม  ไม่ว่าเราจะประพฤติอะไรก็ตาม ไม่สามารถมาเปลี่ยนแปลงมรดกนี้ได้เลย มรดกและรางวัลนี้ เราได้รับเรียบร้อยไปแล้ว  เอเมน

            เพราะฉะนั้น จะทำผิดพลาดเท่าไร? ประพฤติตนผิดพลาดเท่าไร? ก็ไม่เป็นไร? เพราะรางวัล ก็ได้รับไปเรียบร้อยแล้ว  แต่พระเจ้าจะสอนเรา จะนำพาเรา จะฝึกฝนเรา ให้ทำ หรือประพฤติให้ดีขึ้น เรื่อยๆ

            นี่คือความหมายคำที่พูดเมื่อตะกี้นี้ ที่บอกว่า “จงทุ่มเททำอย่างสุดใจ เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า” เข้าใจแล้วนะ ทุ่มเททำอย่างสุดใจ เพราะเรารู้ว่าเราได้รับรางวัลเรียบร้อยมาแล้ว ไม่ใช่ทำ เพื่อจะได้รับรางวัล รู้แล้วว่ารางวัลคืออะไร?  ได้รับเรียบร้อยแล้ว เราจึงทุ่มเทกระทำ ก็คือประพฤติดี ถูกไหม?  ไม่ใช่ทุ่มเททำอย่างสุดใจ เพื่อจะได้ลุ้นว่าเราจะได้รับรางวัลเพิ่มขึ้นอย่างไร? นี่อย่าเข้าใจผิดตรงนี้

            ซึ่งจริงๆ แล้วข้อนี้ ก็เขียนชัดเจน แล้วถ้าอ่านให้ดีๆ ไม่เข้าข้างตนเอง และไม่คิดตามภาษามนุษย์ เราที่จะพึ่งพาในการกระทำของตนเอง จริงๆ แล้วข้อนี้ เขาเขียนไว้ชัดเจนเลย ก็คือคำว่า “รางวัลที่เราได้รับ ก็คือมรดก” ท่านผู้เชื่อจะเริ่มต้นได้รับมรดกแห่งชีวิตนิรันดร์  จากองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นรางวัล ระบุไว้ชัดเจนว่ารางวัลนี้ ก็คือมรดก เริ่มต้นได้รับ เมื่อตอนเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอด มรดกคำนี้ ในภาษาเดิมแปลเป็นภาษาอังกฤษและแปลเป็นไทย เป็นคำๆ เดียวกับคำว่า “พินัยกรรม” ก็คือกรมธรรม์ คือหนังสือพันธสัญญาของผู้ตายกับผู้ที่จะได้รับมรดก

            มรดก หมายถึงทรัพย์สินของผู้ตาย ที่ตกทอดแก่ทายาทผู้รับมรดก ที่มีชื่อระบุไว้ในพินัยกรรม พันธสัญญานั้น ได้รับสิ่งเหล่านี้ มรดกนี้ เพราะเป็นทายาท  ไม่ใช่ได้รับเพราะทำดีอะไร?  ไม่เกี่ยวอะไรกับการกระทำของทายาทคนนี้เลย  เป็นพระคุณให้ฟรีๆ ใช่หรือไม่? แค่คิดแค่นี้ ก็เข้าใจแล้วนะ ตามภาษามนุษย์  นี่พระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างนี้ ชัดเจน

            พระเจ้าบอกว่าเมื่อเราเชื่อในข่าวดีของพระเยซูคริสต์ เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ พระองค์ก็ทรงให้เราบังเกิดใหม่ เป็นลูกพระเจ้า และเราก็เป็นทายาท เป็นทายาทตรงนี้ คือสิทธิในการรับมรดกของพระองค์  โดยอัตโนมัติทันทีเลย  พอเป็นทายาท ก็มีมรดกทันที ไม่มีตรงไหนบอกว่าให้เราเป็นทายาทก่อน แล้วถ้าเป็นทายาท และทำความดีครบถ้วนบริบูรณ์ สมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว  ก็จะได้รับมรดกเป็นรางวัล

            ถ้าเราวิเคราะห์ตามบริบท แล้วค่อยๆ ไล่ตามความหมายไป จะเห็นชัดเจน  เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ เวลาท่านอ่านพระคัมภีร์ หรือเรียนรู้พระคัมภีร์ ท่านกำลังอ่านหนังสือพินัยกรรม พูดถึงมรดกของท่าน  ให้ฟรีๆ จากผู้ที่ตายแล้ว ใครตาย? พระเยซูคริสต์ตาย  แล้วทิ้งมรดกนี้ให้กับท่าน  ท่านไปอ่านพระคัมภีร์ คือท่านกำลังอ่านพินัยกรรมที่ระบุไว้ว่ามรดกของท่าน คืออะไร?  เราได้เรียนรู้ไปแล้ว  ในซีรี่ย์นี้ 7 อัศจรรย์ ที่ได้รับเรียบร้อยแล้ว บนโลกใบนี้ ยังไม่ได้เรียนรู้ต่อว่าที่ยังไม่ได้รับ มีเพิ่มเติมอีกนะครับ  ขอบคุณพระเจ้าไหม?

            เพราะฉะนั้น เมื่ออ่านพระคัมภีร์  หรือพินัยกรรม  ที่พระเยซูทิ้งไว้ให้กับเรานั้น หรือที่เรียกว่าพันธสัญญาใหม่นั้น  เจอคำว่า “บำเหน็จ” หรือคำว่า “รางวัล” ท่านก็จะสามารถเข้าใจแล้วว่า …

            “รางวัล หมายถึงมรดก  … มรดก หมายถึงรางวัล”

            ก็คือชีวิตนิรันดร์ที่ครบถ้วนบริบูรณ์ สมบูรณ์แบบ 100% นั่นเอง  และผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ทุกคน คือผู้ที่ได้บังเกิดใหม่และได้เป็นทายาท  เพราะฉะนั้น ผู้เชื่อทุกคนจึงได้รับมรดกเป็นรางวัล  เป็นชีวิตนิรันดร์ที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบเรียบร้อยไปแล้วฟรีๆ ด้วยพระคุณของพระเจ้าผ่านพระเยซูคริสต์ เอเมน ขอบคุณพระเจ้าในอัศจรรย์เหล่านี้

            ถ้าท่านรู้ทะลุปรุโปร่งอย่างนี้ ท่านจะสบายใจในความรอด ขอบคุณพระเจ้ามีพี่น้องของเรา ที่ได้ฟังคำบรรยาย  แล้วก็คอมเมนท์ตรงนี้มา ซึ่งเราขอบคุณพระเจ้ามากๆ  เราทั้งหลาย ก็อยากจะได้รับการหนุนใจอย่างนี้  คอมเมนท์จากพี่น้องที่เป็นผู้เชื่อ ได้ฟังคำบรรยายนี้ แล้วบอกว่าฟังคำบรรยายมาเป็นปี ฟังแล้วหนุนใจมาก เพราะทำให้มีความมั่นใจในความรอดมากขึ้น ตั้งเยอะเลย มีชีวิตอยู่อย่างสบายใจขึ้น  นี่คือเป้าหมายของความจริง ถ้อยคำพระเจ้า เมื่อถูกประกาศไป มันต้องเป็นอย่างนี้ คือฟังแล้ว มีความมั่นใจในความรอด ดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ ด้วยความสบายๆ ในความรอด แค่ความทุกข์ยากลำบากในการดำเนินชีวิต  การกิน การอยู่บนโลกใบนี้  ก็เหนื่อยพอแล้ว 

            เพราะฉะนั้น ในวิญญาณที่ได้รับความรอดนั้น  ก็จะได้พัก หายเหนื่อยและเป็นสุข ในวิญญาณ  สิ่งนี้ คือสิ่งที่อยากได้

            ท่านทราบไหมคำว่า “รางวัล” ภาษาอังกฤษจะละเอียดกว่าภาษาไทย  ภาษาอังกฤษใช้คำที่เป็นเอกพจน์ ซึ่งก็แปลว่า “แค่รางวัลเดียว”

            ยกตัวอย่างเช่น วิวรณ์ 22:12 ที่พระเยซูคริสต์ตรัสว่าเราจะกลับมาพร้อมรางวัล ตรงนี้คำว่า “พร้อมกับรางวัล” ก็คือรางวัลเดียวนั่นแหละ ที่พระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน มอบมรดก นั่นคือรางวัลเดียว  คือมรดกที่ผู้เชื่อทุกคนจะได้รับ เหมือนกันหมด เท่าๆ กันหมด

            อีกอันหนึ่ง ก็คืออุปมาตอนที่พระเยซู ดำเนินบนโลกใบนี้ เรื่องเกี่ยวกับเจ้าของสวนองุ่น ที่ให้ค่าจ้างคนงานเท่าๆ กัน ไม่ว่าจะทำงาน 8 ชั่วโมง หรือทำแค่ 1 ชั่วโมง  ก็ได้ค่าแรงเท่าๆ กัน ไม่มีคนต้น  ไม่มีคนปลาย ไม่มีใครดีกว่าใคร?  ไม่มีใครใหญ่กว่ากัน  เปรียบกับรางวัลที่เราได้รับ คือชีวิตนิรันดร์ ในสวรรคสถาน ร่างกายใหม่ที่เป็นเหมือนพระเยซู ไม่มีรางวัลพิเศษ ไม่มีเสื้อคลุมพิเศษ ไม่มีที่นั่งพิเศษ ไม่มีบ้านใหญ่พิเศษ  ไม่มีบริวารพิเศษใดๆ  ไม่มีอะไรพิเศษทั้งสิ้น  มีเพียงรางวัลเดียว  ที่ผู้เชื่อทุกคนได้รับเท่าๆ กันหมด ในสวรรคสถานของพระบิดา เอเมน โรม 8:16-17 ได้บันทึกไว้อย่างนี้ …

        โรม 8:16-17 “16 พระวิญญาณเอง ทรงยืนยันร่วมกับวิญญาณจิตของเราว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า 17 บัดนี้ ถ้าเราเป็นบุตรของพระองค์แล้ว เราก็เป็นทายาท คือเป็นทายาทของพระเจ้า และเป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์ ถ้าเราร่วมทนทุกข์อย่างแท้จริงกับพระองค์ เราก็จะร่วมในพระเกียรติสิริของพระองค์ด้วย”

            คือพระเจ้ายืนยันจากภายในวิญญาณของเราว่าเรามีมรดก มีรางวัลจริงๆ ตรงนี้ มีทั้งในส่วนที่รับเดี๋ยวนี้บนโลกแล้ว และในโลกหน้าด้วย ยืนยันด้วยอะไร? กลัวว่าเราจะไม่มั่นใจ ยืนยันด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเข้ามาอยู่ในตัวของเรา พอเราเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ 1 ในมรดกนั้น ก็คือพระเจ้าเข้ามาสถิตอยู่ด้วย ทั้ง 3 พระภาค พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร พระเยซูคริสต์ พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาสถิตอยู่ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นผู้ยืนยัน ในวิญญาณของเราเลยว่าเราได้รับมรดก ได้รับรางวัลนั้นจริงๆ เดี๋ยวนี้ และหลังจากความตาย ก็ได้อีกด้วย มั่นใจได้ เพราะว่ามีมัดจำอยู่ในใจเรียบร้อยแล้วไง นี่มันหมายถึงอย่างนั้น

            ยกตัวอย่างเช่น พระวิญญาณบริสุทธิ์มัดจำเรา ยืนยันด้วยวิธีใด  มีใครบ้างที่ไม่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด  และสามารถอธิษฐานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรียกสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นว่า “พระบิดา” เรียกตัวเองว่า “ลูก” สนิทๆ ไปเรียก “พ่อจ๋า” แค่มาก เรียกสิ่งศักดิ์เหล่านั้นอาจจะเรียกว่า “พ่อ” ได้บ้าง? แต่เรียกตัวเองว่า  “ลูกช้าง” “ข้าทาส” เราจะรู้เลยว่าเราสามารถเรียกพระเจ้าว่าพ่อ เรียกตัวเองว่าลูก ด้วยความมั่นใจเลย บางคนใส่ราชาศัพท์จน …

            “โอ้! เสด็จพ่อ ข้าพระองค์รักพระองค์เหลือเกิน สุดจะพรรณนา”

            อะไรอย่างนี้ เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในเรา ทำให้เรามีความมั่นใจ  และสิ่งเหล่านี้ คือมั่นใจว่าเราเป็นทายาท  ถ้าเป็นทายาท ก็คือเรามีมรดก แล้วไม่ใช่ทายาทเฉยๆ เป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์

            “เป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์”

            ร่วมกัน หมายถึงพระคริสต์ได้อะไร? เราได้ด้วย มรดกที่พระเยซูคริสต์ทิ้งไว้ให้กับเรา  คือมรดกที่พระองค์ได้รับมาจากพระบิดาอีกทีหนึ่ง  พระองค์ได้รับมรดกจากพระบิดาอะไร?  พระองค์ก็ให้เราทั้งหมด สมมติว่านับเป็นเงิน เห็นง่ายๆ ว่าพระองค์ได้รับจากพระบิดามา 10 ล้าน  พระองค์ก็ให้เรา 10 ล้าน พระองค์ได้รับอะไรมา พระองค์ก็ให้เราทั้งหมดนั้น เพราะเรามีส่วนร่วมรับกับพระองค์ เราเป็นทายาทร่วมกับพระองค์  เรารับมรดกร่วมกับพระองค์ และได้รับเรียบร้อยแล้ว  เพราะพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเรียบร้อยแล้ว  เอเมน ในหนังสือ 1 เปโตร 1:3-4 ได้บันทึกไว้อย่างนี้ …

        1 เปโตร 1:3-4  “3 สรรเสริญพระเจ้า พระบิดาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ด้วยพระเมตตายิ่งใหญ่  พระองค์ทรงให้เราทั้งหลายบังเกิดใหม่ เข้าในความหวังอันยืนยง โดยการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์ 4 และ (ได้เป็นทายาท)  เข้าในมรดก อันไม่มีวันเสื่อมสลาย  เน่าเสีย หรือเลือนหายไป ซึ่งได้ทรงเตรียมไว้ในสวรรค์แล้ว เพื่อพวกท่าน”

            “ทรงให้เราทั้งหลายบังเกิดใหม่” มาเป็นลูก เมื่อเป็นลูก ก็มาเป็นทายาท เมื่อเป็นทายาท ก็มีมรดก ง่ายๆ นิดเดียวนะ  เกิดใหม่ เป็นลูก เป็นลูก แล้วก็เป็นทายาท เมื่อเป็นทายาท ก็เป็นผู้ที่จะรับมรดก คำว่า “จะรับ” เห็นไหมครับ? จะรับมรดก รับตั้งแต่เดี๋ยวนี้  และจะรับต่อไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งครบถ้วนบริบูรณ์  หลังจากความตายแล้วยังไม่พอ  หลังจากโลกใบนี้สิ้นสุดด้วย  เมื่อโลกใบนี้สิ้นสุดลง พระเจ้าจะสร้างสรรพสิ่งใหม่ๆ ให้กับเราทั้งหลาย ผู้ที่เชื่อ ที่ได้เป็นขึ้นจากความตาย พร้อมกับพระเยซูคริสต์แล้ว

            ข้อ 4 และได้เป็นทายาทเข้าในมรดก … มรดกที่ใหญ่ไหม? ใหญ่มหาศาล มีวันหมดไหม? อ่านตรงนี้ มรดก อันไม่มีวันเสื่อมสลาย เน่าเสีย หรือเลือนหายไป  ซึ่งได้ทรงเตรียมไว้ในสวรรค์แล้ว เพื่อท่านทั้งหลาย เตรียมไว้ในสวรรค์ คือเตรียมไว้ในโลกฝ่ายวิญญาณ ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ได้รับเลย  และเตรียมไว้ในสวรรค์ เมื่อเราจากโลกนี้ไป เข้าสู่สวรรค์เต็มรูปแบบอีกครั้งหนึ่ง เป็นมรดกรางวัลแห่งชีวิตนิรันดร์ที่ครบถ้วนบริบูรณ์  ไม่มีวันเสื่อมสลาย เน่าเสีย หรือเลือนหายไปเลย  ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ไม่มีใครมาขโมยเอามรดกนี้ไปได้  แม้กระทั่งตัวท่านเอง วิ่งหนีออกจากมรดกนี้ ยังไปไม่ได้เลย  แม้แต่ตัวท่านเองบอกว่าไม่เอาแล้ว ถูกหลอกด้วยมารซาตานคิด ท้อแท้ในใจ ถึงปัญหาต่างๆ ไม่เอาแล้ว ไม่เอามรดก ไม่เอาพระเจ้าได้ไหม? ไม่ได้นะ ในนี้บอกว่าเป็นมรดกที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย เน่าเสีย หรือเสียหายไป ที่ได้ทรงเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ในสวรรค์ เพื่อพวกท่านทั้งหลาย แม้ท่านเอง เมื่อเข้าไปอยู่ในนั้นแล้ว ก็ไปไหนไม่ได้แล้ว ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องท้อใจว่า …

            “วันนี้ ฉันมีความรู้สึกเบื่อหน่ายพระเจ้าเหลือเกิน ฉันรู้สึกเซ็งต่อพระเจ้าเหลือเกิน ทำไมฉันทำชั่วอย่างนี้ ฉันยังคงทำชั่วต่อไปอยู่”

            แต่ถ้าท่านบังเกิดใหม่แล้ว  ท่านจะหนีไปไหนก็ไม่ได้ ท่านอยู่ตรงนั้นแน่นอน 100% ท่านจะได้สบายใจได้ว่าหลายครั้ง บางทีเรามีความรู้สึกต่อสถานการณ์ต่างๆ  ทำให้เกิดความรู้สึกไม่เชื่อในพระเจ้า ไม่มีสันติสุข ที่จะเชื่อว่ามรดกเหล่านี้ มันเป็นจริง สำหรับชีวิตเรา รู้สึกสงสัยในมรดกต่างๆ สงสัยในพระเจ้า เราก็นึกว่าความสงสัยเหล่านั้น จะทำให้เราหลุดออกจากการเป็นทายาทรับมรดกเหล่านี้ ไม่มีวันหลุดนะครับ ความคิดสงสัยของท่านไม่สามารถทำให้ท่านเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้ เพราะท่านได้รับสิ่งเหล่านี้ในโลกฝ่ายวิญญาณเรียบร้อยไปแล้ว วิญญาณท่านเปลี่ยนเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว วิญญาณท่านเป็นทายาทของพระเจ้า วิญญาณท่านได้อยู่ในสวรรค์กับพระเจ้าแล้ว วิญญาณของท่านเป็นที่สถิตของพระเจ้าแล้ว วิญญาณของท่านได้รับมรดก เป็นรางวัลเรียบร้อยไปแล้ว  เพียงแต่รอคอยวันหนึ่งข้างหน้าที่จะได้มรดกเพิ่มเติมหลังความตายนั่นเอง เอเมน

            เพราะฉะนั้น เมื่อเราเป็นผู้ที่ได้รับมรดกเหล่านี้  แล้วมันเป็นจริงตามนั้นว่ามันไม่มีวันเสื่อมสลาย เน่าเสีย หรือเลือนหายไป เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว เราก็ดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้แบบมีเป้าหมายของเราอย่างชัดเจน คือเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เราก็จดจ่อไปที่มรดกที่รับเรียบร้อยแล้วบนโลกใบนี้กับที่ยังไม่ได้รับ ที่ระบุไว้ในหนังสือพินัยกรรม  เมื่อเราร่ำรวยถึงขนาดนี้แล้ว เราได้รับสิ่งต่างๆ เหล่านี้เรียบร้อยแล้ว บนโลกใบนี้  หลังจากตายจากโลกนี้ ยังมีอีก ซึ่งบันทึกไว้ในพินัยกรรมแล้ว เราก็ควรจดจ่อไปที่พินัยกรรมนี้ อ่านพินัยกรรมนี้ทุกวันเลยว่าพินัยกรรมนี้ เราได้รับอะไรเรียบร้อยแล้ว มันไม่มีวันเสื่อมสลาย

            ผู้ที่ค้ำประกันว่าไม่มีวันเสื่อมสลายนั้น ก็คือพระเจ้า ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ผู้ทรงฤทธานุภาพอำนาจยิ่งใหญ่สูงสุด ผู้ทรงครอบครองอยู่เหนือสรรพสิ่ง ผู้ทรงเป็นพระเจ้าที่ใครๆ ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จักก็เรียกพระเจ้าว่าพระเจ้า โอ้! พระเจ้ายิ่งใหญ่ ผู้นี้เป็นพระเจ้าองค์เดียว ที่เป็นพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์  พระเจ้าแท้จริงเพียงผู้เดียวเท่านั้น ค้ำประกัน ยืนยันกับเรา บอกว่าพินัยกรรม หนังสือมรดกนี้ มันเป็นเรื่องจริง ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาสถิตอยู่กับเรา ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง  และเราจะเอาเป้าหมายในชีวิตเรา ดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ ไปมองอะไรที่ไหนเล่า  มองโลกใบนี้ที่มันอยู่ชั่วคราว แป๊บเดียว เดี๋ยวมันก็สูญสิ้นไปแล้ว อย่าว่าโลกนี้จะสูญสิ้นไปเลย ชีวิตเราเองยังอยู่ไม่นานเลย  บางคนบอกว่า 80 ปี  100 ปี อาจจะไม่ถึงก็ได้ พรุ่งนี้อาจจะเกิดอุบัติเหตุ มะรืนนี้อาจจะเกิดอุทกภัย เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ มันไม่แน่นอนเลย บนโลกใบนี้ 

            แล้วเราจะมีเป้าหมาย มีชีวิตอยู่ มองไปบนโลกใบนี้ เพื่ออะไร? ทำไมเราไม่มองไปที่ทรัพย์ มรดกในโลกวิญญาณ อันไม่มีวันเสื่อมสลาย เน่าเสีย หรือเลือนหายไป  ซึ่งพระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้กับเราเรียบร้อยแล้ว ในโลกฝ่ายวิญญาณ ในสวรรคสถาน ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ และเราได้รับเรียบร้อยไปแล้ว และรออีก ได้รับเพิ่มเติมอีก เป้าหมายของเราจึงจดจ่อไปที่มรดกนี้ บนโลกใบนี้ กับมรดก ที่ยังไม่ได้รับ ที่ระบุไว้ในหนังสือพินัยกรรม รอคอยการเสร็จสิ้นภารกิจในร่างกายนี้

            ทำไมผมบอกภารกิจในร่างกายนี้  เพราะว่าร่างกายของเรา ไม่ใช่เป็นของๆ เราอีกต่อไปแล้ว เอเมน ขอบคุณพระเจ้า ดีใจเหลือเกินร่างกายไม่ได้เป็นของเราแล้ว แต่เป็นของพระเจ้า พระเจ้าซื้อเรามาด้วยราคาแพง เพราะฉะนั้น ภารกิจของเราบนโลกใบนี้ ที่ยังดำเนินต่อไป ใครเป็นคนดำเนิน เจ้าของสิ คือพระเจ้าเป็นผู้ดำเนินชีวิตอยู่ในเรา ซึ่งพระองค์เป็นเจ้าของบนโลกใบนี้นั่นแหละ ขณะที่ดำเนิน คิดอย่างนี้ ชัดเจนเลย รอคอยการเสร็จสิ้นภารกิจ ในร่างกายนี้ ตามน้ำพระทัยพระเจ้า ตามการทรงนำของพระเจ้า รอคอยวันที่จะเสร็จสิ้นการงาน ก็คือจากร่างกายนี้ และจะได้เป็นขึ้นจากความตาย ด้วยร่างกายใหม่ ที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ทันทีเลย 2 อย่าง รอด้วยความอดทน อดทน เพราะอยู่บนโลกใบนี้ ไม่มีใครดี ไม่มีใครมีความสุขเลยสักคนหนึ่ง

            พระคัมภีร์บอกไว้แล้ว พระเยซูบอกไว้แล้วว่าท่านอยู่บนโลกใบนี้ ท่านมีความทุกข์ยากลำบากต่างๆ นานา แต่เราชนะโลกนี้แล้ว  จงชื่นชมยินดีเถิด รอด้วยความอดทน ขณะเดียวกัน ด้วยความตื่นเต้น ชื่นชมยินดี เพราะเรากำลังจะไปรับรางวัลเพิ่มเติม คือร่างกายใหม่ ร่างกายสวรรค์ที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ และโลกใหม่ สรรพสิ่งในโลกใหม่ๆ  ที่พระองค์จะทรงสร้างขึ้น  เมื่อโลกใบเก่านี้ และสรรพสิ่งบนโลกใบเก่านี้ มหาจักรวาลในโลกใบเก่านี้ มันสูญสิ้น มันสิ้นสุดลง  เอเมน

        ฟีลิปปี 3:20-21 “20 แต่เราเป็นพลเมืองสวรรค์ และเราเฝ้ารอคอยพระผู้ช่วยให้รอดจากสวรรค์ คือองค์พระเยซูคริสต์เจ้า 21 พระองค์จะทรงเปลี่ยนกายอันต่ำต้อยของเรา ให้เหมือนพระกายอันทรงพระเกียรติสิริของพระองค์ โดยฤทธานุภาพที่สยบทุกสิ่งไว้ใต้อำนาจของพระองค์”

            เปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ จากในคุกนะ เห็นไหม? อดทน แต่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี เต็มไปด้วยเป้าหมาย เต็มไปด้วยความตั้งใจ เต็มไปด้วยความใจจดใจจ่อไปที่รางวัลที่เพิ่มเติม รางวัลบนโลกใบนี้อาจารย์เปาโลมั่นใจเรียบร้อยแล้ว และมั่นใจไปถึงรางวัลเพิ่มเติม หลังความตายด้วย จึงจดจ่อ เขียนจากในคุก บางฉบับเขียนจากคุกใต้ดินด้วย เป็นความหวังที่เต็มไปด้วยความเชื่อศรัทธา เฝ้ารอคอยวันที่จะได้พบพระเจ้าหน้าต่อหน้า อย่างใจจดใจจ่อ ตาไม่กระพริบเลย ถูกไหม? อ่านแล้ว เป็นอย่างนั้น อยู่ในคุกแล้วยังจดจ่อที่ร่างกายใหม่ วันที่จะจากร่างกายนี้ เมื่อไรหนอที่เขาจะเอาไปตัดหัวสักที เมื่อไรหนอเขาจะลงโทษประหารชีวิตเสียที ตัดคอสักที เพราะเปาโลบอกว่าเมื่อจากร่างากายนี้แล้ว จะไปพบพระเยซูคริสต์หน้าต่อหน้า ทันทีเหมือนกัน

            และอยู่บนโลกใบนี้ ทำไม? เป็นภารกิจที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้แต่ละคน ไม่เหมือนกัน พระเจ้าพระบิดากำลังฝึกฝนเรา ด้วยความรักดั่งแก้วตาดวงใจ จำไว้เลยนะ พระองค์ทรงนำพาชีวิตเรา บนโลกใบนี้ด้วยความรัก ดั่งแก้วตาดวงใจ ให้เราดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ให้สมกับที่เป็นลูกของพระองค์ ที่อยู่ในสวรรคสถาน ในบ้านของพระองค์เรียบร้อยแล้ว โดยมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ คอยเป็นพี่เลี้ยง จนกว่าจะเจริญเติบโตเพียงพอ พร้อมตามน้ำพระทัย ตามแผนการของพระองค์ พร้อมแล้วที่จะออกจากร่างเดิม ร่างกายนี้  เพื่อรับร่างกายใหม่ ร่างกายที่เป็นแบบสวรรค์ สามารถเข้าสวรรค์ได้แล้ว ในร่างกายใหม่นี้ เข้ามิติสวรรค์ โลกฝ่ายวิญญาณ สู่ความรอดนิรันดร์อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ และรับมรดกเพิ่มเติม ร่วมกับพระเยซูคริสต์หลังความตายนั้น

            เพราะฉะนั้น เราอยู่บนโลกใบนี้ แม้ยังกำลังดำเนินชีวิตยอู่บนโลกใบนี้  แต่ในโลกวิญญาณ เราได้อยู่ในสวรรคสถานกับพระเจ้าแล้ว เราแค่ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ขาดแค่ ยังอยู่ในร่างกายเดิม และบนโลกเดิม มันขาดแค่นี้เอง ซึ่งพระเจ้าสัญญาไว้ เขียนในพินัยกรรม ในพระเยซูคริสต์ ลงชื่อพระองค์เลย สัญญาไว้ว่าได้เตรียมทั้งร่างกายใหม่ แบบสวรรค์ที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ให้กับเราแล้ว และให้เราเตรียมพร้อมที่จะสวมร่างกายใหม่ ที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์นี้ ให้เราเตรียมให้พร้อม เราเตรียมหรือยัง? ท่านลองนึกถึงใจตนเองว่าท่านพร้อมไหม? ถ้าวันนี้ หรือในวินาทีนี้ หรือวันพรุ่งนี้ พระเจ้าบอกว่า …

            “โอเคลูก ไปสวมร่างกายใหม่ ที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ จบจากโลกใบนี้แล้ว  เสร็จภารกิจแล้ว”

            ท่านจะดีใจหรือเสียใจ? ดีใจ ท่านอยากจะอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปหรือ?  ไม่มีใครอยากหรอก พูดตรงๆ เป็นไปไม่ได้เลย เมื่อท่านเกิดใหม่ในพระเยซูคริสต์แล้ว ในวิญญาณ ท่านโหยหา ร้องเรียกสวรรค์ตลอดเวลา ร้องเรียกร่างกายใหม่ตลอดเวลา พระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยท่าน ครวญครางไปกับท่าน ท่านไม่อยากจะอยู่แล้ว แต่ที่ท่านยังอยากอยู่ หรือยังไม่อยากตายนั้น เพราะความรู้สึกทางร่างกาย  ความคิดแบบโลกใบนี้  ซึ่งไม่ใช่ตัวท่านหรอก  มันเป็นข้อมูล มันเป็นความคิดแบบเนื้อหนังที่อยู่บนโลกใบนี้  ที่ส่งกระแสเข้ามาตามระบบของโลกใบนี้เท่านั้น  แต่ตัวเป็นๆ ตัวจริงๆ ในโลกวิญญาณของท่าน ไม่มีใครอยากจะอยู่บนโลกใบนี้หรอก เอเมน

            เพราะว่าได้รับร่างกายใหม่ เหมือนพระเยซูคริสต์ มันสุดจะยอดเยี่ยมแล้วนะ และยังแถมรอไปอยู่ในโลกใหม่ สรรพสิ่งใหม่ ที่พระเจ้าทรงสร้างใหม่ๆ ทั้งหมด อีกด้วยต่างหาก เพราะฉะนั้น เราจึงอยู่บนโลกใบนี้  อย่างโลกไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของเรา

            เอาไว้ตอนต่อไป เราจะมาคุยกันถึงเรื่องมรดกรางวัลที่ยังไม่ได้รับ ที่เราคาดหวังไว้ สรุปรวมๆ แล้วอีก 2 อย่าง ที่เราจะได้รับหลังจากโลกนี้ไปแล้ว  ในโลกหน้า หลังความตาย  ก็คือ …

            1. ร่างกายที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ มันเป็นอย่างไรหนา?

            2. โลกใหม่   สรรพสิ่งใหม่  แทนที่โลกเก่าใบนี้ ที่จะสูญสิ้นไป โลกใบนี้ ที่เรามองเห็นต้นไม้ สัตว์ สิ่งของ อะไรต่างๆ เหล่านั้น ในโลกใหม่ มันจะดีกว่านี้อีกมากมายมหาศาล  เราจะเรียนรู้กันทีหลัง

            วันนี้เราจบตอนนี้ด้วยคำว่าเพราะฉะนั้น เราอยู่บนโลกนี้ เป้าหมายของเรา คือในสวรรสถาน เป้าหมายของเรา  คือสิ่งที่มีค่าสูงสุด  ที่เรียกว่าทรัพย์สินของเราอยู่ในสวรรค์   เราสะสมทรัพย์ไว้ในสวรรคสถาน ไม่ใช่โลกใบนี้อีกต่อไป โลกใบนี้ไม่ใช่เป้าหมายของเราอีกต่อไป  โลกใบนี้ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของเราอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นสวรรคสถานต่างหากที่เราเป็นพลเมืองอยู่ เอเมน พระเจ้าอวยพรครับ

**********************

จากใจคณะศิษยาภิบาล

            พระเจ้าห่วงใยท่าน ท่านเหนื่อยกับอุปสรรคปัญหาในชีวิตที่ไม่รู้จักจบจักสิ้นหรือไม่? ยอมให้พระเยซูคริสต์  เข้าไปช่วยแบกภาระสิครับ

            เมื่อเราเชื่อวางใจ ในพระเยซูคริสต์ เราได้รับการชำระบาป ลบล้างความผิดบาปทั้งสิ้น  เราได้บังเกิดใหม่ ได้รับสิทธิให้เป็นบุตรพระเจ้า บัพติศมาเข้าส่วนในการตาย การเป็นขึ้นมาใหม่กับพระคริสต์ พระเจ้าพระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์ เข้ามาสถิตอยู่ภายในเรา

            สิ่งที่ตามมา คือผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้ก่อกำเนิดภายในเรา  เราได้มีธรรมชาติใหม่  คือธรรมชาติเดียวกันกับพระเจ้า

            กาลาเทีย 5:22-25 … “ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก   ความชื่นชมยินดี   สันติสุข  ความอดทน   ความปราณี  ความดี   ความสัตย์ซื่อ   ความสุภาพอ่อนโยน  และการควบคุมตนเอง   สิ่งเหล่านี้ไม่มีบทบัญญัติข้อไหนห้ามเลย (ไม่มีการบังคับให้ทำ  แต่ทำได้เองโดยอัตโนมัติ  เพราะเป็นธรรมชาติใหม่  ของผู้บังเกิดใหม่แล้วในพระคริสต์) ผู้ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์นั้น  ตัวเก่า  ธรรมชาติเก่า  วิสัยบาป และกิเลสตัณหาของวิสัยบาปเดิม ได้ถูกตรึงไว้ที่กางเขนแล้ว  ด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์  และได้รับการชุบให้เป็นขึ้นจากตาย บังเกิดใหม่ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์  เช่นเดียวกัน  เพราะฉะนั้น ในเมื่อเราได้รับการบังเกิดใหม่  มีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ  ก็ให้เราดำเนินตามพระวิญญาณเถิด”

            ผลของพระวิญญาณ  คือธรรมชาติใหม่ของเรา  เราไม่ต้องออกแรงทำ  แค่ยอมจำนน  ยินยอม  พร้อมใจที่จะเป็นไปร่วมกันกับพระเจ้า  ที่ขับเคลื่อนอยู่ภายในก็พอ  ชีวิตเราก็จะเกิดผลไปตามธรรมชาติใหม่ของเรา  ฉายแสง  สำแดงพระเยซูคริสต์ออกมาจากภายใน ให้โลกได้เห็น พระคริสต์สถิตในเรา

            ฟีลิปปี 2:13 … “[ไม่ใช่ด้วยกำลังของท่านเอง] เพราะเป็นพระเจ้าผู้ทรงทำงานอยู่ภายในตัวท่านตลอดเวลา [พระองค์ให้พลัง  และสร้างพลัง  และใส่ความปรารถนาภายในตัวท่าน] ให้ท่านเกิดความต้องการ  อีกทั้งเกิดการกระทำดี  ตามพระประสงค์ของพระองค์  เพื่อความพอใจ  และความปิติยินดีของพระองค์”

            ดังนั้น เมื่อท่านเป็นลูกพระเจ้าแล้ว  ขอให้ท่านดำเนินชีวิตที่เชื่อฟังพ่อ ให้สมกับเป็นบุตรพระเจ้าเถิด  พระเจ้าอวยพรครับ