คำหนุนใจ Pre Sermon วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 2018 เรื่อง “ความชอบธรรม โดยพระคุณ ไม่ใช่การกระทำ” โดย นคร เวชสุภาพร

คำหนุนใจ Pre Sermon วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 2018

เรื่อง “ความชอบธรรม โดยพระคุณ ไม่ใช่การกระทำ”

โดย นคร  เวชสุภาพร

            พระเยซูบอกไว้ในหนังสือมัทธิวบทที่ 11 ข้อ 28 ว่า …

มัทธิว 11:28 “บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา และเราจะทำให้ท่านหายเหนื่อยและเป็นสุข”

 

ผมยกข้อพระคัมภีร์ข้อนี้ มาอ่านให้ฟังเช้านี้ เพราะได้ฟังจากนักประกาศท่านหนึ่งบอกว่ามี คริสเตียนเขียนไปถามอย่างนี้า …

“ชีวิตคริสเตียน  คือชีวิตที่ต้องทำตามข้อบังคับ และกฎระเบียบต่างๆ มากมาย ที่สอนไว้ในพระคัมภีร์ ตั้งแต่ห้ามพูดโกหก  ห้ามมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ห้ามดูหนัง Harry Potter ห้ามเล่นเกมส์  ห้ามกินเหล้า    ห้ามไปเกี่ยวข้องกับความเชื่ออื่นหรือศาสนาอื่น   ….  มีอีกเยอะแยะ ที่ทั้งห้ามทำ และอีกเยอะแยะที่ต้องทำ ซึ่งใครที่ไม่สามารถทำได้ตามกฎข้อบังคับเหล่านี้ พระเยซูก็จะพูดว่าไม่รู้จักท่าน  และท่านจะต้องถูกส่งไปยังบึงไฟนรก

เมื่อเราตอบเรื่องทางโลกวิญญาณหรือทางวัตถุ ถ้าทางวัตถุ มันทำไม? มันเหนื่อยอยู่แล้ว  มีใครไม่เหนื่อยบนโลกใบนี้ ก็เป็นการพิสูจน์แล้ว ถ้อยคำพระเจ้าจริง ถ้าถ้อยคำพระเจ้าเป็นจริงทั้งหมด  การเป็นอยู่บนโลกใบนี้ เหนื่อย แสนยาก แสนทุกข์ มันเป็นเรื่องจริงด้วยเช่นเดียวกัน  ถูกหรือเปล่า? ถ้าตรงนี้เป็นเรื่องจริง ทางวิญญาณพระเยซูบอกว่าใครมาเชื่อพระเยซู ทางวิญญาณเขาจะหายเหนื่อยและเป็นสุข ก็เป็นจริงด้วย เอเมน

เพราะฉะนั้น เวลาถามสวัสดีปีใหม่ ทำตามธรรมชาติ ทางโลกวัตถุ

“สวัสดีปีใหม่ครับ เป็นอย่างไร? เมื่อปีที่แล้วเหนื่อยไหม?”

ต้องตอบว่า … “เหนื่อย” มันจริง

ชีวิตอะไรบนโลกใบนี้ อะไรบ้างที่ไม่เหนื่อย  ปัญหามันยุ่งยาก เอาแค่ทานอาหารอย่างเดียว ก็ยุ่งแล้ว  ปวดหัว ตัวร้อน เป็นหวัด วุ่นวายไปหมด เรื่องโน้นเรื่องนี้ มันยุ่งไปหมดเลย  มันต้องเหนื่อยอยู่แล้วล่ะ เพราะฉะนั้น ปีที่แล้วเป็นอย่างไร? เรียนหนังสือเป็นอย่างไร เหนื่อยไหม? เหนื่อย ดูแลลูกเป็นอย่างไร เหนื่อยไหม? เหนื่อย ทำมาหากินเป็นอย่างไร เหนื่อยไหม? เหนื่อย ตอบไปเถอะ เหนื่อย

บางคนเขาไม่เข้าใจ เขาบอกว่าเป็นคริสเตียนแล้ว จะพยายามสอนคริสเตียนบอกว่า “ไม่เหนื่อย”  … “ดีมาก” … “ยอดเยี่ยม” มันไปฝืนความเป็นจริง พระเจ้าไม่ได้สอนเราให้ฝืนความเป็นจริง พระเยซูบอก อะไรจริง ก็บอกว่าจริง อะไรใช่ ก็บอกว่าใช่ เหนื่อยไหม? เหนื่อยสิ แต่วิญญาณไม่เหนื่อยครับ ตอบเป็นจริงหมดใช่ไหม? ไม่ใช่คริสเตียนเป็นคนที่ขวางโลก

ทำไมวันนี้ผมจึงยกข้อพระคัมภีร์นี้ขึ้นมา ที่พระเยซูบอกมัทธิว 11:28 ว่า …

มัทธิว 11:28 “บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา และเราจะทำให้ท่านหายเหนื่อยและเป็นสุข”

 

มันจริงๆ ทางโลกวิญญาณนะเนี้ย ที่ยกข้อนี้มาให้ฟังเช้านี้ เพราะได้ฟังจากนักประกาศคนหนึ่ง มีคริสเตียนเขียนไปถามอย่างนี้ว่า …

“ชีวิตคริสเตียน  คือชีวิตที่ต้องทำตามข้อบังคับ และกฎระเบียบต่างๆ มากมาย ที่สอนไว้ในพระคัมภีร์ ตั้งแต่ห้ามพูดโกหก  ห้ามมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ห้ามดูหนังผี ห้ามดูหนังไสยศาสตร์ ห้ามดู Harry Potter ห้ามดูทีวี ห้ามเล่นเกมส์  ห้ามกินเหล้า ห้ามไปเกี่ยวข้องกับความเชื่ออื่นหรือศาสนาอื่น มีอีกเยอะแยะ ที่ถูกถามว่าต้องทำ หรือต้องไม่ทำ ซึ่งใครที่ไม่สามารถทำได้ตามกฎข้อบังคับเหล่านี้ พระเยซูก็จะพูดว่าไม่รู้จักท่าน  และท่านจะต้องถูกส่งไปยังบึงไฟนรก”

อย่างนี้ใช่ไหมครับที่เรียกว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยสันติสุขและหายเหนื่อย

อย่างนี้หายเหนื่อยไหม? ท่านลองฟังอย่างนี้ มันจริงไหม? หายเหนื่อยไหมถ้าเป็นอย่างนั้น ชีวิตแบบนี้หรือที่เรียกว่าชีวิตที่หายเหนื่อยและเป็นสุข คริสเตียนคนนี้เขาถามนักประกาศ

ผมเลยอยากจะถามท่านในใจ ขณะนี้ว่าท่านเป็นคริสเตียนหรือยัง? และท่านเคยถามปัญหาข้อนี้ไหม? แบบนี้ไหม? เคยไหม? ในใจท่านคิดแบบนี้ไหม? เพียงแต่ไม่มาถามผม เพราะไม่กล้า แต่ถ้าเจอจริงๆ คงกล้าถาม …

“ไหนอาจารย์บอกเป็นสุข ไม่เห็นเลย อันนั้นก็ทำไม่ได้ อันนี้ก็ทำไม่ได้ ทำไมมันยุ่งไปหมดเลย ไม่เห็นแตกต่างอะไรกับก่อนที่จะมาเชื่อพระเยซูเลยนะ ตอนที่อยู่ในความเชื่ออื่นๆ แต่ก่อนนี้ เขาก็บังคับมาตลอด แต่พอมาหาพระเยซู ก็บังคับ ไม่ใช่บังคับธรรมดา เพิ่มขึ้นอีก เพราะสมัยก่อนวันอาทิตย์ยังไปดูหนังได้ เดี๋ยวนี้วันอาทิตย์ถูกบังคับให้มาโบสถ์อีกต่างหาก หนักขึ้นไปอีก นี่เฉพาะข้อเดียวนะ แต่ก่อนวันอาทิตย์ไม่ไปสถานที่เรามีความเชื่อกัน ก็ไม่เห็นมีใครเขามาว่าอะไร? เดี๋ยวนี้เรามาเป็นคริสเตียน มีความสุขมากเลย พอวันอาทิตย์มีธุระหรือไม่ค่อยอยากจะมา มีคนบอกว่าขาดโบสถ์พระเจ้าไม่ชอบนะ ตายแล้ว ทำอย่างไร?”

อย่างนี้เรียกว่าชีวิตที่หายเหนื่อยและเป็นสุขหรือ? ท่านก็อาจจะคิดอย่างนี้เหมือนกัน

ถามว่าพระคัมภีร์มีคำสอนเรื่องเกี่ยวกับข้อห้ามและกฎต่างๆ ที่ตะกี้นี้บอกมาทั้งหมดนั้น กฎบังคับต่างๆ ถามว่าในข้อพระคัมภีร์ได้สอนเป็นข้อห้ามจริงหรือไม่?  คิดให้ดีๆ ก่อนตอบ ข้อบังคับที่ตะกี้นี้บอก วันอาทิตย์ต้องมา วันสะบาโตต้องมาโบสถ์ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับลัทธิอื่นๆ ห้ามโกหก มีหรือไม่มี นึกในใจ ผมจะตอบให้ท่าน ท่านจะตกใจเลย  มีจริงๆ และไม่ใช่มีธรรมดา จะยกตัวอย่างให้ มีอย่างที่พระเยซูสอนเลย พระเยซูบอกเลยว่าต้องทำอย่างนี้ เอาล่ะสิ

มัทธิว บทที่ 5 ใครๆ ก็รู้ดี เขาเรียกว่าคำสอนบนภูเขา ที่พระเยซูสอนเองว่าถ้าอยากจะเป็นคริสเตียน อยากจะเป็นลูกพระเจ้า จะติดตามพระองค์ ต้องทำนี้ ในข้อ 21-47 ผมเอามารวมๆ กัน ยกตัวอย่าง เพื่อจะได้สั้นๆ ยกตัวอย่าง พระเยซูสอนเองเลย เช่น

–  ห้ามฆ่าคน   พระเยซูสอนคนตอนนั้นว่าห้ามฆ่าคน    ไม่ใช่สอนแค่นั้น  พระเยซูบอกไม่ใช่ห้ามฆ่าคนอย่างเดียวนะ เพราะรู้ในนั้น มีพวกชาวยิวมากมาย ที่เชื่อพระเจ้าแล้วสมัยนั้น เขาไม่ฆ่าคนอยู่แล้ว แต่พระเยซูบอกถ้าจะให้บริสุทธิ์จริงๆ ตามกฎของพระเจ้าจริงๆ คือห้ามฆ่าคนไม่พอ ยังห้ามโกรธพี่น้องอีก

–  อย่าโกรธเคืองพี่น้อง โกรธก็ไม่ได้ โกรธ ก็เท่ากับฆ่าคนแล้ว อย่าพูดดูหมิ่นพี่น้อง  ดูหมิ่นก็ไม่ได้ ก็เท่ากับฆ่าคนแล้ว

–  ห้ามแม้กระทั่งว่าด่าเขาว่าไอ้โง่ เราก็ตกนรกแล้ว

ฟาริสีตกใจ … “ฉันว่าฉันไม่ฆ่าคน ฉันก็ดีแล้ว รักษาดี นี่ว่าเขาก็ไม่ได้เหรอ”

–  จงปรองดองกับศัตรู  รักศัตรูเหมือนเพื่อนบ้าน  ใครตบแก้มขวา  ยื่นแก้มซ้ายให้ตบด้วย เจ็บแสบเข้าไปในทรวง

“ฉันว่าฉันทำตั้งเยอะได้แล้วนะ ฉันก็อภัยให้เขาได้นะ แต่จะให้ฉันยื่นหน้าอีกทีให้เขาตบนั้น มันทารุณจิตใจนะ มันจะทำได้ไหม?”

พระเยซูบอกต้องทำอย่างนี้ ถ้าอยากเป็นลูกของพระเจ้า ต้องบริสุทธิ์เหมือนพระเจ้า ต้องทำอย่างนี้

–  อย่าล่วงประเวณี เพราะพระเยซูรู้ พวกนี้ไม่ล่วงประเวณีอยู่แล้ว เพราะรักษาตามกฎระเบียบพระเจ้าอยู่แล้ว ได้แค่นั้นก็เท่ห์แล้ว พระเยซูบอกแค่นั้นยังไม่พอ ถ้าอยากเป็นลูกพระเจ้า อยากอยู่ในสวรรค์กับพระเจ้า ล่วงประเวณีแค่นั้นไม่พอ เพราะว่าแค่มองหญิงด้วยใจกำหนัดก็เท่ากับล่วงประเวณีไปแล้ว  พวกนั้นสะดุ้งตกใจเลย  เป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ! นี่พระเยซูพูดเอง แค่มอง ก็คิด ก็เท่ากับล่วงประเวณีไปแล้ว

“อย่างนี้ที่ฉันเท่ห์ๆ มา ฉันนึกว่าฉันเท่ห์ รักษากฎระเบียบเหล่านี้ได้ รักษาศีลเหล่านี้ได้ มันก็ไม่ได้เรื่องเลยสิ”

เขาคิดในใจ บางคนก็โกรธพระเยซูนะ เหมือนพูดแทงใจดำ บางคนได้ยินพระเยซูไม่โกรธ แถมทุบอกตีหัวตัวเอง

“พระเยซูช่วยฉันด้วย  ฉันทำไม่ได้จริงๆ ช่วยฉันด้วย อย่างนี้ใครจะทำได้ล่ะ”

คือยอมรับเลยว่าทำไมไม่ได้ อีกพวกหนึ่งโกรธ เห็นไหม พระเยซูสอนเอง

พวกฟาริสีรักษากฎระเบียบ รักษาศีลเขาบอกว่า …

–  ห้ามหย่าร้างภรรยา ยกเว้นมีเหตุผล ค่อยหย่าได้  เขาเขียนกฎของเขาไว้อย่างนั้น  ซึ่งจริงไหม? จริง แต่เขาบอกว่าท่านมีเหตุผลพอ ก็หย่าได้ ยกตัวอย่างเช่น ภรรยาไปมีคนอื่น เราก็ไปแต่งงานกับคนอื่นได้ พระเยซูแค่นั้นยังไม่พอ ถ้าจะดีพร้อมเหมือนพระเจ้า เพอร์เฟค สมบูรณ์ บริสุทธิ์เหมือนพระเจ้า แต่งงานแล้วต้องไม่มีหย่า หย่าไม่ได้เลย  ไม่ว่าจะเป็นอะไร ต้องรับตลอด เพราะว่าพระเยซูบอกว่าพระเจ้าเป็นความรัก อดทนนาน  ยอมหมดทุกอย่าง อภัยให้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้น หย่าก็ไม่ได้

พวกนั้นบอก แล้วจะทำได้อย่างไร? เห็นไหม? พระเยซูสอนหมดว่าสิ่งเหล่านี้ต้องทำ

–  อย่าสาบาน

–  จงให้แก่ผู้ที่ขอ  เขาขอเสื้อ ให้อะไรกับเขาด้วย เขาขอเสื้อตัวหนึ่ง ให้เสื้อไม่พอ เอาเสื้อคลุมไปให้ด้วย  เขาบอกช่วยยกของให้ 1 กิโลฯ เขาบอกยกให้ 10 กิโลฯ เขาบอกช่วยเดินไปตรงนั้นกับเขา 1 กิโลฯ เราเดินไปกับเขา 20 กิโลฯ อะไรประมาณนั้น

นี่คือสิ่งที่เป็นกฎข้อบังคับที่พระเจ้าต้องการจากมนุษย์ นี่เห็นไหม? มนุษย์คิดว่าเขาเองทำได้ พระเยซูเลยบอกเขาว่านี่ทำได้ไหม? อย่างนี้ มันจะเป็นอย่างนี้ มีข้อ มีกฎระเบียบจริงๆ ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่ แล้วพระเยซูก็จบคำสอนเหล่านี้ด้วย แสบไปถึงทรวง มัทธิว 5:48 บอกว่า

มัทธิว 5:48 “เหตุฉะนั้น พวกท่านจงดีพร้อม เหมือนพระบิดา คือพระเจ้าของท่านในสวรรค์ ทรงดีพร้อม”

 

“เหมือน” นะ ท่านต้องดีเหมือนพระเจ้าเลย บริสุทธิ์เหมือนพระเจ้า คำว่า “ดีพร้อม” มาจากภาษาอังกฤษว่า “เพอร์เฟค” แปลว่าสมบูรณ์แบบ ท่านต้องสมบูรณ์แบบ แบบพระเจ้าเลย ท่านถึงจะไปอยู่ในสวรรค์ได้ พระเยซูบอกอย่างนั้น  เห็นไหม? สอนไหม? สอน บังคับไหม? บังคับ คือถ้าท่านต้องการไปสวรรค์ ท่านก็ต้องทำให้เพอร์เฟค ดีพร้อม  เหมือนพระบิดา ผู้อยู่ในสวรรค์ คือต้องไม่มีบาปเลย

เหล่านี้  คือบทบัญญัติ ที่พระเจ้าวางไว้ตั้งนานแล้ว ตั้งแต่สมัยพระคัมภีร์เดิม วางไว้ตั้งแต่ตอนโน้นเลย ตั้งแต่สมัยมนุษย์ตกลงไปในความบาปใหม่ๆ วางมาตลอด ซึ่งเราก็รู้ว่าทำไมได้ไหมมนุษย์? ทำไม่ได้ แล้วในพระคัมภีร์ใหม่ ถามว่าในพระคัมภีร์เมื่อพระเยซูมา พระเยซูมายกเลิกข้อบังคับเหล่านี้หรือ?  จึงทำให้เราหายเหนื่อยและเป็นสุข ยกเลิกไหม? คิดให้ดีๆ พระเยซูมายกเลิกไหม? ฟังต่อไปว่าพระเยซูมายกเลิกไหม?

พระเยซูมายกเลิกหรือ? จึงได้บอกว่ามาหาพระเยซู แล้วหายเหนื่อย ไม่ได้อยู่ใต้กฎข้อบังคับเหล่านี้แล้ว แสดงว่าพระเยซูมายกเลิกหรือ?

ตอบว่า … “เปล่าเลย”

พระองค์ไม่ได้มายกเลิกกฎเหล่านี้ กฎทั้งหมดเหล่านี้ยังคงอยู่ และทุกวันนี้ยังคงอยู่ และยังคงอยู่ตลอดไป พระองค์อธิบายให้เราฟังในพระคัมภีร์ บันทึกไว้อย่างนี้  พระเยซูพูดเองนะ มัทธิว 5:17-20 บอกไว้อย่างนี้ว่า …

มัทธิว 5:17-20 “17 อย่าคิดว่าเรามาเพื่อล้มล้างหนังสือบทบัญญัติหรือหนังสือผู้เผยพระวจนะ  เราไม่ได้มาล้มล้าง แต่มาเพื่อทำให้สำเร็จครบถ้วน  18 เราบอกความจริงแก่ท่านว่าตราบจนฟ้าและดินสูญสิ้นไป แม้อักษรที่เล็กที่สุดสักตัวหนึ่ง หรือขีดๆ หนึ่งก็จะไม่มีทางสูญหาย จากหนังสือบทบัญญัติ จนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะสำเร็จครบถ้วน 19 ผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติเหล่านี้ แม้ข้อเล็กน้อยที่สุด และสอนคนอื่นให้ทำเช่นเดียวกัน ผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นผู้เล็กน้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ส่วนผู้ที่ปฏิบัติและสั่งสอนตามคำบัญชาเหล่านี้ จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์ 20 เพราะเราบอกท่านว่าหากความชอบธรรมของท่าน  ไม่มากกว่าของพวกฟาริสีและเหล่าธรรมาจารย์แล้ว   ท่านจะไม่ได้เข้าอาณาจักรสวรรค์อย่างแน่นอน”

 

ครบถ้วนบริบูรณ์ สำเร็จครบถ้วนคืออะไร?  ก็คือดีพร้อม คือเพอร์เฟคเหมือนพระเจ้า

ในนี้บอกว่าหนังสือบทบัญญัติ จนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะสำเร็จครบถ้วนบริบูรณ์ จะไม่มีสูญหายเลย ก่อนหน้านั้น แม้คำว่าด่าเพื่อนๆ ว่าไอ้โง่ แค่นี้ก็ยังอยู่ เราเคยด่าเพื่อนว่าไอ้โง่ไหม? มีใครเคยด่า ยกมือขึ้น ตกนรกหมด  ตามพระคัมภีร์บอก พระเยซูบอกไม่สูญหายไปไหน? จากหนังสือเลย ผู้ใดฝ่าฝืน แม้กระทั่ง ข้อเล็กน้อยที่สุด เล็กน้อยไหมด่าเพื่อนว่าไอ้ไง่เอ่ย เล็กน้อยไหม?  เล็กน้อย อยู่ในนรกไหม? อยู่ ก็บอกแล้วพระเยซูพูดเอง แล้วยังไปสอนคนอื่นอีกบอกว่าด่าไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ได้ตั้งใจด่าเขาจริงๆ โดนไหม? โดน คราวนี้ยุ่งแล้ว จบตอนนี้ไม่ได้ ทุกคนกลับไปงง นอนไม่หลับ ไปอยู่ในสวรรค์หรืออยู่ในนรก ก็ไม่รู้

แล้วในนี้บอกว่าเพราะเราบอกความจริงว่าหากความชอบธรรมของท่าน ไม่มากกว่าของฟาริสีและเหล่าธรรมาจารย์ ท่านจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้ เพราะเหล่าฟาริสีและธรรมาจารย์ เขาพึ่งในการกระทำของเขา เขาบอกเขาไม่ฆ่าคนแค่นี้ เขารักษาศีล ไม่ฆ่าคน เขาก็ได้ความดีงาม เขานึกว่าเขาไปสวรรค์แล้ว แต่พระเยซูบอกยังไม่พอ ความชอบธรรมที่เราจะไปอยู่ในสวรรค์ในนี้บอกว่าต้องมากกว่าการไม่ฆ่าคนอีก …

“ตายแล้ว ฉันจะเอาแก้มขวาให้เขาตบยังไม่ไหวเลย ฉันจะทำได้หรือ?”

ลองฟังต่อไป พระเยซูสอนอย่างนี้  กฎทั้งหมดยังอยู่ครบถ้วน ถูกไหม? อย่างที่บอก ไม่มีวันสูญสิ้นไปเลย  ตราบจนโลกนี้สูญสิ้น มันถึงจบไป จบเลยบริบูรณ์อยู่ตลอดเวลา

แต่พระเจ้าก็ทรงทราบดีว่ามนุษย์ไม่สามารถทำตามกฎบัญญัติเหล่านี้ได้หรอก พระเยซูก็ทราบ พระเจ้าก็ทราบ จึงแทงใจดำไปเลยว่าทำไม่ได้หรอก พวกท่านทำไม่ได้ พระองค์จึงส่งพระเยซู คือพระบุตรของพระองค์มาเป็นตัวแทนให้มนุษย์ทุกคน ทำแทนมนุษย์ทุกคน ฟังให้ดีๆ นะ บทบัญญัติทั้งหมดยังอยู่ครบถ้วน ใครที่ต้องการไปสวรรค์จะต้องมีชีวิตที่เพอร์เฟค สมบูรณ์แบบ ดีพร้อมเหมือนพระเจ้า คือไม่มีบาปเลยนะ ถ้าทำได้ตามบทบัญญัติที่บอกไว้ทั้งหมด หลายพันข้อที่บันทึกไว้ ก็ได้ชื่อว่าเป็นคนดีพร้อมเหมือนพระเจ้าเลย ใครตบหน้า เอาไปอีกข้างหนึ่ง ตบอีกข้างหนึ่ง เอาไปอีกข้างหนึ่ง ใครขออะไร? ให้ไปหมดเลยทุกอย่าง ไม่เคยคิดสกปรกเลย ไม่เคยคิดดูว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วเกิดการกำหนัดเลย ไม่เคยเลย ไม่เคยคิดเลย เป็นคนตายด้านอะไรอย่างนี้ ไม่เคยโกรธใคร ไม่เคยด่าใคร ไม่เคยหงุดหงิดใคร ไม่เคยเลยนะ คนเหล่านั้น ได้ไปสวรรค์ พระเยซูบอก ถ้ารักษาได้ครบ คำว่าเพอร์เฟค สมบูรณ์ ครบ จุดหนึ่งก็ไม่ได้ ขีดเล็กๆ น้อยๆ ขีดหนึ่งก็ไม่ได้

คราวนี้พระเยซู ในพระคัมภีร์บอกว่าแต่มีอีกทางหนึ่งนะ เขาเรียกกันในพระคัมภีร์ว่าทางใหม่ เคยได้ยินไหม? ทางใหม่ มีอีกทางที่จะไปสวรรค์ ไปอยู่กับพระเจ้าได้ มีอีกทางหนึ่ง ทางใหม่ ซึ่งพระคัมภีร์ใช้คำว่าทางใหม่  หรือพันธสัญญาใหม่ คุ้นไหม? หรือทางนั้น หรือทางพระเยซู คือสิ่งที่พระเยซูได้กระทำให้มนุษย์แล้วที่ไม้กางเขน ได้ทำให้เกิดผลเช่นเดียวกันกับการรักษาบทบัญญัตินั้นให้ได้ครบถ้วน คือทำให้เราเป็นคนดีพร้อม เพอร์เฟค สมบูรณ์แบบ บริสุทธิ์เหมือนพระเจ้า ไม่มีบาปเลย และสามารถไปอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ได้นั่นเอง นี่มีอีกทางหนึ่งมาให้เลือก ไม่บังคับ อยากไปทางไหน?

สรุป ก็คือมนุษย์มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ในการดำเนินชีวิตให้ดีพร้อม บริสุทธิ์เหมือนพระเจ้า ขณะที่อยู่บนโลกใบนี้ ทั้งๆ ที่เป็นคนบาป มีอยู่ 2 ทางพระเยซูให้เลือก …

(1) รักษาบทบัญญัติที่ตะกี้นี้บอกไว้นะ ที่ตะกี้อธิบายให้ฟังนะ ตบแก้มซ้าย เอาแก้มขวาให้เขาตบ มองเห็นความกำหนัด ก็ตกนรก ว่าเพื่อนว่าไอ้โง่ ตกนรกนะ … รักษาบทบัญญัติหลายพันกว่าข้อ อย่างครบถ้วนบริบูรณ์

(2) เชื่อในสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงกระทำให้เราเรียบร้อยแล้วที่ไม้กางเขน    ชำระเราให้บริสุทธิ์ สะอาด ครบถ้วนบริบูรณ์

จะเอาอย่างไหน? อย่างหนึ่งทำด้วยตัวเอง ด้วยกำลังของตัวเอง ทำได้ไหม? ไม่ด่าเพื่อนได้ไหม? ไม่หงุดหงิดไหวไหม? ถ้าคิดว่าไหว ก็ทำไป ถ้าไม่ไหว พระเจ้าบอกมีทางเลือกที่ 2 ให้

และเมื่อใครก็ตามที่เชื่อพระเยซู เป็นคริสเตียนแล้ว ก็แปลว่าเขาได้เลือกทางที่ 2 แล้ว ตอนใครเลือกทางที่ 2 แล้ว ยกมือขึ้น ผมก็เลือกทางที่ 2 เพราะผมรู้ว่าผมทำไม่ไหว ผมให้เขาตบอีกแก้มหนึ่งไม่ไหวจริงๆ เอาแค่ตบแก้มหนึ่ง ผมก็จะมองหน้าแล้วนะ ถ้าตบผมจะสู้แล้วนะ แต่วิญญาณผมให้อภัยแล้วไง แต่เนื้อหนัง มันทนไม่ไหว มันพยายามอยู่ แต่มันได้แค่นี้ สมัยก่อนไม่ด่าตอบ เดี๋ยวนี้ ทนไม่ไหว จริงๆ ก็ด่าตอบ พยายามไม่ด่าตอบ บางทีมันแรงมาก ต้องด่าตอบ หงุดหงิด สมัยก่อนหงุดหงิดไป 1 อาทิตย์ เดี๋ยวนี้ดีขึ้น หงุดหงิดไปแค่ 2-3 วันเอง แต่ก็หงุดหงิด อย่าว่าแต่ด่าเขาว่าไม่โง่เลย ด่ามากกว่านี้อีก ถ้าจะตกนรก ต้องหลุมไหนก็ไม่รู้ ผมมาเชื่อพระเจ้า พระเยซูดีกว่า มันหายเหนื่อยดี ก็คือใครที่เป็นคริสเตียน ก็คือมาเชื่อ เลือกเอาข้อ 2 คือเชื่อในสิ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำให้เราแล้ว และเราก็ได้รับผลจากความเชื่อนั้น คือขณะนี้ ผมและท่านที่ได้รับเชื่อในพระเยซู เลือกทางที่ 2 แล้ว มีชีวิตที่เพอร์เฟค ดีพร้อม สมบูรณ์แบบ เหมือนพระเจ้า และมั่นใจในตัวเองเลยว่าขณะนี้ ผมอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์แล้ว แล้วจะอยู่ในพระเยซูตลอดไปเลย เอเมน

เพราะฉะนั้น โลกนี้ทั้งโลก เมื่อใครรู้อย่างนี้ และใครเลือกทางที่ 2 แล้ว ทุกปีเขาจึงฉลอง และร้องเพลงนี้ว่า …

“ชาวโลกทั้งหลายชื่นใจยินดี   มีพระราชาประสูติ

คือพระเยซู เสด็จลง ให้เราร้องเพลงสรรเสริญ ให้เราร้องเพลงสรรเสริญ

ให้เรา ให้เรา ร้องเพลงสรรเสริญ”

ใช่หรือเปล่า? แล้วถ้าเราเลือกทางที่ 1 เราก็คงร้องว่า …

“ชาวโลกทั้งหลายทุกข์ทรมานกันดีกว่า”

มันทรมาน ที่ถามมันเรื่องจริง อยู่บนโลกนี้มันทรมาน พระเยซูจึงบอกว่าอยู่บนโลกนี้ ท่านจะได้พบกับความทุกข์ยากลำบากต่างๆ นานา แต่จงยินดีเถิด  เพราะว่าเราชนะโลกแล้ว เพราะพระเยซูชนะโลกแล้ว เราเชื่อพระเยซู เราจึงชนะไปด้วย ท่านเลือกเอาแล้วกัน ผมตั้งใจจริงและอธิษฐานให้ท่านมาตลอด และใครก็ตามบนโลกใบนี้ ที่ยังไม่ได้เลือก ให้เลือกทางที่ 2 คือเลือกพระเยซู เอเมน

 

*********************