คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2024
เรื่อง “ฉันเป็นคนใหม่ในพระคริสต์”
โดย นคร เวชสุภาพร
สวัสดีปีใหม่ ปีใหม่นี้เขาทำอะไรกันส่วนใหญ่ ทั้งโลกทำอะไร? คริสต์มาส ทั้งโลกเขาฉลองเทศกาลของขวัญ พูดถึงของขวัญ ก็คือพระเจ้าประทานพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์มาให้กับมวลมนุษยชาติ เพื่อเป็นผู้ช่วยให้มนุษยชาติรอดจากความบาป และความตาย และคำสาปแช่งต่างๆ เป็นของขวัญยิ่งใหญ่เลย มนุษย์ทั้งโลกก็เลยดีใจ สรรเสริญพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้า พอเลยมาอีกอาทิตย์หนึ่ง ก็เป็นวันสิ้นปี ที่เราบอกกันว่า “สวัสดีปีใหม่” เขาทำอะไรกันทั้งโลก นึกให้ดีๆ เขาจุดพลุฉลองปีใหม่ แล้วเขาทำอะไร? เขาเคาท์ดาวน์ เคาท์ดาวน์ คือเขานับถอยหลัง วันปีใหม่วันเดินหน้า แต่มนุษย์ทั้งโลกกำลังนับถอยหลัง ปีใหม่ มีใครมานับ 1, 2, 3, 4, 5, 6 มีแต่เขานับ 10, 9, 8, 7, 6, 5, 4, 3, 2, 1, 0 อันนี้น่าคิดนะ ทั้งโลกเลย เหมือนดังจะรู้ว่าโลกใบนี้มันมีวันสิ้นสุดลงจริงๆ ตามพระคัมภีร์ได้บอกไว้ ปีใหม่เป็นเวลาที่ปฏิทินขึ้นมาใหม่ แต่โลกทั้งโลกกำลังอยู่ในความเสื่อมโทรมลงไปทุกวันๆ เพราะฉะนั้น เขาจึงเคาท์ดาวน์กันไง
โลกนี้ สมมติว่าเริ่มต้นจากสร้างเป็น 10 แล้วมาเป็น 9, 8 แล้ววิ่งไปถึง 0 ก็คือสูญสิ้น หมด พระคัมภีร์บอกไว้อย่างนั้นว่าโลกใบนี้และสรรพสิ่งทั้งหลายที่สร้างขึ้นมาอยู่บนโลกใบนี้นั้น จะต้องถึงเวลาที่ดับสูญไป อย่างแน่นอน ให้มนุษย์ได้ตระหนักสิ่งเหล่านี้ และเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมทรัพย์สมบัติไว้ในโลกฝ่ายวิญญาณ ในสวรรค์ ซึ่งสำคัญกว่ามาก เพราะฉะนั้น วันนี้จึงมี 2 การทักทายเกิดขึ้นบนโลกใบนี้
เราจะทักทายว่า … “สุขสันต์วันปีใหม่”
พูดกับคนข้างๆ ว่า “สุขสันต์วันปีใหม่”
สุขสันต์วันปีใหม่ แต่ร่างกายเก่า เราสนุกสนานวันปีใหม่ แต่ร่างกายเราเป็นร่างกายเดิม เป็นร่างกายเก่า
แล้วอีกอันหนึ่ง ก็คือ … “สุขสันต์นิรันดร์ที่ได้เป็นคนใหม่ คนใหม่ วิญญาณภายในใหม่ ที่กำลังเจริญรุ่งเรืองถึงนิรันดร์”
ก็คือคริสเตียนทั้งหลายที่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว นับ 1 นับเดินหน้า ไม่ใช่นับถอยหลัง นึกออกไหม? คนที่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว ที่เรียกว่าคริสเตียนแล้ว ปีใหม่ต้องนับเดินหน้า ไปสู่ชีวิตนิรันดร์ สวรรคสถานกับพระบิดาของเรา นี่คือชีวิตใหม่ ผมจึงให้ชื่อเรื่องวันนี้ว่า “ฉันเป็นคนใหม่ในพระคริสต์” เพราะฉะนั้น เวลาสวัสดี สุขสันต์วันปีใหม่ ในคนใหม่ด้วย อย่างนี้ถึงจะมีความสุขนิรันดร์อย่างแท้จริง แต่ถ้ายังไม่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ ก็สุขสันต์วันปีใหม่ แต่เป็นคนเดิม คนเก่าที่กำลังทรุดโทรมไปเรื่อยๆ
พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ในหนังสือ 2 โครินธ์ 4:16-18 ถึงเรื่องความเสื่อมโทรมของร่างกายนี้ และความหวังของคนที่เป็นคริสเตียนอยู่ที่ตรงไหน? แตกต่างกับคนที่ยังเป็นคนเดิม คนเก่า แล้วยังไม่ได้เกิดใหม่ ไม่ได้เป็นคนใหม่ในพระคริสต์อย่างไร? ลองอ่านดูนะ 2 โครินธ์ 4:16-18 …
2 โครินธ์ 4:16-18 “16 ฉะนั้น เราไม่ท้อถอย (ผิดหวัง เสียใจ กลัว) แม้ว่ากายภายนอกของเรากำลังทรุดโทรมไป แต่ตัวตนภายใน (ที่มีชีวิตนิรันดร์ของพระคริสต์สถิตอยู่) ของเรานั้น กำลังได้รับการเลี้ยงดู เสริมสร้างขึ้นใหม่ ให้เจริญเติบโตขึ้นทุกวัน 17 เพราะความทุกข์ยากลำบากที่เราได้รับอยู่ในร่างกายภายนอก ที่เห็นอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว และเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย ที่กำลังเสริมสร้าง หล่อหลอม และจัดเตรียมเรา (ให้พร้อมที่จะจากโลกนี้ไป ด้วยความยินดี เพื่อเข้าไปสู่โลกวิญญาณ เพื่อสวมร่างกายใหม่ ร่างกายอมตะ ร่างกายสวรรค์ ที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์) เข้าร่วมในสง่าราศี พระสิริอันยิ่งใหญ่สมบูรณ์นิรันดร์ของพระคริสต์ ที่ไม่มีสิ่งใดสามารถเปรียบได้เลย 18 ดังนั้น เราจึงไม่จับตามองดู สิ่งที่มองเห็นอยู่ (ไม่จดจ่ออยู่กับความทุกข์บนโลก) แต่จับตามองดู สิ่งที่มองไม่เห็น (จดจ่ออยู่กับพระคริสต์ ที่สถิตอยู่ภายใน) เพราะสิ่งที่มองเห็นอยู่นั้น (คือความทุกข์บนโลกนี้) เป็นเพียงชั่วคราว เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ไม่ยั่งยืน (เหมือนเงา) แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้น (คือพระคริสต์ที่สถิตอยู่ภายในผู้เป็นสง่าราศีและสิริของเรา) เป็นถาวรนิรันดร์”
ในข้อที่ 16 บอกว่า “ฉะนั้น เราไม่ท้อถอย ผิดหวัง เสียใจ หรือกลัว แม้ว่ากายภายนอกของเรานี้ กำลังทรุดโทรมไป” นี่พูดถึงมนุษย์ทั่วๆ ไป รวมทั้งเราคริสเตียนด้วย แม้ว่ากายภายนอกที่เราเห็นนี้ ปีใหม่ ทรุดโทรมไปอีก 1 ปี นับถอยหลังไปเรื่อยๆ แต่ที่เราไม่กลัว ไม่เสียใจ ไม่ผิดหวัง ไม่เครียด ไม่วิตกกังวลกับความเสื่อมโทรมของร่างกายที่เราเห็นอยู่นี้ เพราะมันเป็นแค่ร่างกายภายนอก มันไม่ใช่ตัวจริงๆ ของเรา “แต่ตัวตนภายในที่มีชีวิตนิรันดร์ของพระคริสต์สถิตอยู่กับเราภายในนั้น กำลังได้รับการเลี้ยงดู เสริมสร้างขึ้นใหม่” เห็นอะไรบางอย่างหรือยัง?
นี่คือที่ตะกี้บอกว่าถ้าเป็นคริสเตียน เป็นผู้ที่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์แล้ว ต้องทักกันอย่างนี้ว่าสุขสันต์วันปีใหม่ คือสุขสันต์นิรันดร์ได้เป็นคนใหม่แล้ว ยินดีด้วย สวัสดีปีใหม่ และสวัสดีคนใหม่ ข้างในใหม่ วิญญาณภายในใหม่ กำลังเจริญรุ่งเรืองไปสู่สวรรค์นิรันดร์ หลังความตายฝ่ายร่างกาย เดี๋ยวเราจะเรียนรู้ต่อไป
ในนี้บอกว่าวิญญาณภายในกำลังสร้างขึ้นใหม่ ให้เจริญเติบโตขึ้นทุกวัน วันปีใหม่ คริสเตียนจึงนับไม่ถอยหลัง นับข้างหน้า เพราะเรากำลังจะไปอยู่ในสวรรคสถาน อยู่ในโลกใหม่กับพระเจ้า ปีใหม่เรานับ 1-10 … 1, 2, 3 เชื่อพระเจ้าวันไหนก็ตาม เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เมื่อไรก็ตาม นับ 1 แล้วก็นับไปเรื่อยๆ 2, 3, 4 ถึงวันที่เราสิ้นลมเมื่อไร คือถึงเลข 10 ก็ไปอยู่ในสวรรค์ เห็นไหมกลับกันกับคนที่ยังไม่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ใช่ไหม? “สุขสันต์วันปีใหม่” แต่คนเก่า ร่างเก่า ข้างในวิญญาณเป็นคนบาปเหมือนเดิม เพราะฉะนั้น ก็ต้องนับถอยหลัง คือเกิดเมื่อไร? ปีค.ศ.อะไร ก็นับถอยหลัง วันนี้ผ่านไปปีหนึ่งแล้ว แก่ไปอีก 1 ปีแล้ว เดี๋ยวก็จะถึงเวลาพินาศ สิ้นสุดลงของชีวิตนี้ และโลกใบนี้ด้วย ไม่มีความหวังอะไรเลย
ข้อ 17 บอกว่า “เพราะความทุกข์ยากลำบากที่เราได้รับอยู่ภายนอก ที่เห็นอยู่ในขณะนี้นั้นเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว” มันแป๊บเดียว มันชั่วขณะเดียวเท่านั้น และเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย ที่กำลังเสริมสร้าง หล่อหลอมและจัดเตรียมเรา ให้พร้อมที่จะจากโลกนี้ไปด้วยความยินดี เพื่อเข้าไปสู่โลกวิญญาณ เพื่อสวมร่างกายใหม่ ร่างกายอมตะ ร่างกายสวรรค์ที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ ที่พระเจ้าทรงสัญญาเอาไว้ และเรารู้อยู่ภายใน เรารู้ เพราะวิญญาณเราเป็นคนใหม่แล้ว ตั้งแต่อยู่บนโลกใบนี้ เรารู้ว่าเรากำลังเดินทางไปรับร่างกายใหม่ มาสวมแทนร่างกายเดิม ที่จะต้องเสื่อมโทรมไปในที่สุด นี่คือความหวังที่เห็นชัดเจน เพื่อเข้าร่วมในสง่าราศี และพระสิริอันสมบูรณ์นิรันดร์ของพระคริสต์ ที่ไม่มีสิ่งใดสามารถเปรียบได้เลย ไม่มีใครเปรียบได้เลยกับสิ่งที่เรากำลังจะได้รับในอนาคตอันใกล้นี้
ข้อ 18 บอกว่า “ดังนั้น เราจึงไม่จับตามอง สิ่งที่มองเห็นอยู่ ไม่จดจ่ออยู่กับความทุกข์บนโลกใบนี้” ความเสื่อมโทรมบนโลกใบนี้ ความแก่ เจ็บ ป่วย และตายของร่างกายที่เราเห็นอยู่นี้ เพราะเรามีร่างกายใหม่ รอเราอยู่แล้ว เอเมน
“แต่เราจับตามองดูสิ่งที่มองไม่เห็น” สิ่งที่มองไม่เห็น คือร่างกายใหม่ ที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้ ก็คือสวรรคสถานที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้ จับตามองดูสิ่งที่มองไม่เห็น จดจ่ออยู่กับพระเจ้า พระคริสต์ที่สถิตอยู่ภายในร่างกายเรา เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ที่เรากำลังดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ และจดจ่ออยู่กับวิญญาณของเราที่เป็นคนใหม่ ผมจึงใช้คำนี้ว่า “ฉันเป็นคนใหม่ในพระคริสต์” ทำไม ผมจึงเขียนว่า “ฉันเป็นคนใหม่ในพระคริสต์” ทำไมไม่เขียนว่า “ฉันเป็นมนุษย์พันธุ์ใหม่” เพราะอยากให้เห็นชัดๆ ว่าเป็นคน คน ก็คือที่เดินอยู่บนโลกใบนี้ ที่ยังทำผิด ทำบาป ทำถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่ภายในของฉันเป็นลูกของพระเจ้า พระเจ้าสถิตอยู่กับฉัน ฉันเป็นคนใหม่ที่ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
“เพราะสิ่งที่มองเห็นอยู่นั้น” คือความทุกข์ในร่างกาย บนโลกใบนี้ ที่เราเห็นอยู่ เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ไม่ยั่งยืน เหมือนเงา แต่สิ่งที่มองไม่เห็นนั้น คือร่างกายใหม่ ที่ตะกี้นี้บอกไว้ คือพระคริสต์ที่สถิตอยู่ภายในเรา และวิญญาณของเราข้างใน เต็มไปด้วยสง่าราศี และพระสิริของพระเจ้านั้น ในพระคัมภีร์บอกว่าเป็นถาวรนิรันดร์ มันอยู่ตลอดไป เอเมน สง่าราศีแห่งร่างกายใหม่ และชีวิตใหม่ของเรา ในอีกไม่ช้า หลังความตาย มันยิ่งใหญ่มหาศาล เป็นลูกของพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่มหาศาลเลย เทียบอะไรกับโลกใบนี้นับถอยหลังอยู่ ทั้งตัวเราเองก็นับถอยหลัง ร่างกายก็นับถอยหลัง โลกทั้งโลกก็นับถอยหลัง วัตถุสิ่งของบนโลกใบนี้ ก็นับถอยหลัง ทุกอย่างในมหาจักรวาลนี้นับถอยหลังหมดเลย ถอยหลังไปไหน? สู่ความพินาศ
โลกกำลังมุ่งไปสู่ความพินาศ ทั้งหมดเลย รวมทั้งผู้คนบนโลกนี้ สรรพสิ่งทั้งหลายบนโลก มหาจักรวาลทั้งหมดเลย ทั้งดวงดาว ที่เราเห็นและไม่เห็นก็ตาม มันจะล่มสลายหมดเลย เป็นศูนย์ มันจะไปสู่ความพินาศ พระคัมภีร์เตือนเราอย่างนี้ ให้เรารีบออกไปจากโลก อย่าไปคลั่งไคล์ในโลกใบนี้และสิ่งต่างๆ ที่อยู่บนโลกใบนี้ เพราะมันกำลังสูญสิ้น มันกำลังเหมือนแตงโมเน่า ออกมาจากแตงโมเน่า เดี๋ยวสุดท้าย มันก็เละเทะหนอนขึ้น ขณะที่ยังมีเวลาอยู่ ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่รีบตัดสินใจออกจากโลก ที่ไม่มีความหวังนี้เสียเถิด มันอาจจะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นฉับพลัน ทันใด เกินกว่าที่เราคิดก็ได้ เราคิดว่าปีนี้ผ่านไป วันปีใหม่นี้ เราเพิ่งอายุ 20 เรายังอายุน้อยอยู่ ยังมีเวลาอีกเยอะ มันไม่แน่ เพราะโลกใบนี้ มันเสียหาย มันถูกสาปแช่ง มันวิปริต มันไร้ความควบคุม มันมีแต่ความชั่วร้าย ในพระคัมภีร์บอก อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะฉะนั้น อย่าเสี่ยงดีกว่า มาเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ แล้วก็มาเป็นคริสเตียน
คริสเตียน คือคนที่อยู่ในพระคริสต์ คริสเตียน คือคนที่ได้บังเกิดใหม่แล้ว ที่เป็นคนใหม่แล้ว เพราะฉะนั้น คริสเตียนทั้งหลาย ท่านได้เกิดใหม่แล้ว เป็นคนใหม่แล้ว
“ฉันเป็นคนใหม่แล้ว ได้มีชีวิตใหม่ เป็นคนชอบธรรม บริสุทธิ์ ดีพร้อมเหมือนพระคริสต์ เป็นลูกของพระเจ้าไปตลอดนิรันดร์แล้ว ตั้งแต่เดี๋ยวนี้” ตั้งแต่ที่ท่านกำลังนั่งอยู่ตรงนี้ ที่พูดอยู่นี้ ไปจนกระทั่งถึงนิรันดร์ เอเมน ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นอีกแล้ว ไม่ว่าท่านจะรู้สึกอย่างไร? หรือมีความคิดอย่างไร? หรือใครจะพูดอะไรต่างๆ อย่างไร? ถ้อยคำพระเจ้าบอกว่าไม่มีทางเป็นอื่น เป็นอย่างนี้แน่นอน เพราะว่ามันเป็นโลกฝ่ายวิญญาณ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความรู้สึกของท่าน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความคิดของท่าน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคนที่พูดให้กับท่านฟัง แต่มันเกี่ยวกับตัวของพระเจ้าเอง ผู้กระทำผ่านทางพระเยซูคริสต์ คือใครก็ตามที่วางใจในพระบุตร คือพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ เขาจะได้บังเกิดใหม่ มาได้รับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ได้เป็นผู้ชอบธรรม บริสุทธิ์ดีพร้อม เหมือนพระคริสต์ แล้วพระคริสต์ก็เข้าไปสถิตอยู่กับเขา เป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วก็รอรับร่างกายใหม่ในสวรรค์นิรันดร์ จบ
ทำอย่างเดียว คือแค่เชื่อวางใจ เชื่อและเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอดเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างนี้จะเกิดขึ้น ใน 2 โครินธ์ 5:17 ได้บอกอย่างนี้เลยว่าเมื่อเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์แล้ว ก็คือเป็นคริสเตียนแล้ว ออกจากโลกนี้แล้ว มาอยู่ในโลกใหม่ ขณะที่เราดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ แต่ในโลกวิญญาณ เราได้ถูกย้ายมาอยู่ในโลกใหม่ ที่เรียกว่าโลกพระคริสต์ ของพระคริสต์ หรือว่าในพระคริสต์ ย้ายออกจากในโลก มาสู่ในพระคริสต์ เป็นผู้ที่ได้บังเกิดใหม่ 2 โครินธ์ 5:17 ได้บอกไว้อย่างนี้ว่า …
2 โครินธ์ 5:17 “ฉะนั้น ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ (บังเกิดใหม่ ) สิ่งเก่าๆ ทั้งหมดได้ล่วงไป สูญสิ้นไป ได้ตายไปแล้ว จงมองให้เห็นเถิด ทุกสิ่งทั้งหมด เป็นใหม่ทั้งสิ้น”
“ฉะนั้น ผู้ใดที่อยู่ในพระคริสต์” ก็คือผู้ใดที่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ ก็คือคริสเตียนนั่นเอง ฉะนั้น คริสเตียน เขา หรือคุณ หรือท่าน ก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ ภาษาเดิมตรงนี้ ใช้คำเดียวกับการเนรมิตสร้าง ตอนที่พระเจ้าสร้างมนุษย์คู่แรก บรรพบุรุษของเรา ในปฐมกาล ใช้คำเดียวกันเลย เนรมิตสร้าง
ถ้าท่านเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ทันทีทันใดนั้น ในโลกของฝ่ายวิญญาณ ท่าน คือคริสเตียน อยู่ในพระคริสต์ ท่านเป็นผู้ที่ได้ถูกเนรมิตสร้างขึ้นใหม่ เป็นคนใหม่ที่ผมบอก เดี๋ยวจะดูว่าใหม่ขนาดไหน? “สิ่งเก่าๆ ทั้งหมดได้ล่วงไป สูญสิ้นไป ได้ตายไปแล้ว จงมองให้เห็นเถิด ทุกสิ่งทั้งหมด เป็นใหม่ทั้งสิ้น” นี่กำลังพูดถึงตัวเรา คริสเตียน ผู้ที่เชื่อพระเจ้า เชื่อพระเยซูคริสต์ แล้วก็เดินอยู่บนโลกใบนี้ ถูกไหม? นึกภาพนะ คริสเตียน คือคนที่เชื่อพระเจ้า อยู่ในพระคริสต์ อยู่ในโลกวิญญาณ แล้วก็ยังดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ทุกสิ่งทั้งหมด ใหม่เอี่ยมทั้งสิ้น มองดูตัวเองใหม่
สิ่งเก่าๆ ทั้งหมด คืออะไร? มนุษย์ประกอบไปด้วยวิญญาณ จิตใจ และร่างกาย สิ่งเก่าทั้งหมด คือวิญญาณ จิตใจและร่างกาย กลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งหมด สิ่งใหม่ทั้งหมด คือวิญญาณ จิตใจ และร่างกาย ทุกคนสงสัย อ้าว! ร่างกายดูในกระจก ยังเหมือนเดิม คือวิญญาณเกิดใหม่ วิญญาณข้างใน เหมือนพระเยซูคริสต์เลย เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพระเยซูคริสต์ เหมือนพระเยซูคริสต์ จิตใจเกิดใหม่เหมือนพระเยซูคริสต์ ในวิญญาณมีใจ จิตใจก็คล้ายๆ ความคิด เหมือนพระเยซูแล้ว วิญญาณเหมือนพระเยซูแล้ว จิตใจเหมือนพระเยซูแล้ว ร่างกายเดิม ตรงนี้สำคัญมาก ร่างกายยังคงเป็นร่างกายเดิม ที่จะต้องทรุดโทรมไปตามกฎของโลกใบนี้ แต่เป็นร่างกายเดิมที่ได้ชำระให้บริสุทธิ์ใหม่แล้ว ด้วยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ สะอาด บริสุทธิ์ ดีพร้อม ไร้มลทิน ไร้ตำหนิใดๆ ที่พระเจ้าผู้บริสุทธิ์ดีพร้อม พอใจ และรับได้ สามารถเข้ามาอาศัยอยู่ สถิตอยู่ในร่างกายนี้ได้ คือร่างกายนี้กลับคืนดีกับพระเจ้าแล้ว ตั้งแต่วิญญาณ จิตใจ และร่างกายได้ พอชำระเรียบร้อยแล้ว รับได้ คำว่า “พระเจ้าพอใจ” ไม่ใช่เราทำดี แล้วพระเจ้าพอใจ พระเจ้าเป็นผู้ทำเอง ทำให้ร่างกายสะอาด แล้วจนพระองค์เข้ามาอยู่ได้ แล้วร่างกายเราจะสะอาดได้อย่างไร? ก็เพราะว่าวิญญาณใหม่ จิตใจใหม่เหมือนพระเยซูแล้ว ร่างกายได้รับการชำระโดยพระโลหิตพระเยซูคริสต์แล้ว ปกคลุมไปด้วยพระเจ้าทั้งหมด สะอาดหมดจด นี่คือตัวท่านทั้งหลายที่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ นี่คือคริสเตียน
คริสเตียนต้องรู้ว่าเราเป็นใคร? ฉันเป็นคนใหม่แล้ว ไม่ว่าท่านจะคิดอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคนข้างๆ จะชี้ท่าน บอกท่านว่าเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าท่านจะรู้สึกว่าวันนี้ทำไม่ดีเลย หรือรู้สึกว่าไม่สมควรเป็นลูกพระเจ้าเลย หรือรู้สึกวันนี้ไม่มีความเชื่อเลย ท่านก็ยังเป็นอยู่อย่างนี้ มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว เพราะว่ามันเกิดขึ้นในโลกวิญญาณ มันไม่ได้เกี่ยวกับความประพฤติของท่าน การกระทำของท่าน มันเกี่ยวกันกับพระเจ้าเป็นผู้กระทำให้ท่านเป็นอย่างนี้ เนื่องจากท่านวางใจในพระบุตร พระเยซูคริสต์ ที่พระองค์ทรงส่งมา นี่คือข่าวดี ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ ข่าวประเสริฐของพระเจ้าอย่างแท้จริง ง่ายๆ แล้วดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ ทำอะไร? รอรับร่างกายใหม่ ที่เรียกว่าร่างกายสวรรค์ ร่างกายที่เป็นขึ้นจากความตาย เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ ไม่มีผิดเลย ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ที่ได้ทรงสถิตอยู่กับเราแล้วนั้น จะเป็นผู้เนรมิตให้เราทั้งหลาย เข้าไปอยู่ในร่างกายใหม่ ร่างกายที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว แทนร่างกายที่เดินบนโลกใบนี้ สวมร่างกายใหม่ ร่างกายสวรรค์นี้ ทุกคนคงคิดว่าสวมเมื่อไร? สวมเมื่อจากไป แล้วต้องไปรอคอยพระเยซูกลับมาหรือ? เปล่าเลย สวมทันทีเมื่อวิญญาณท่านออกจากร่าง ทันทีที่ท่านหมดลมหายใจ จากโลกนี้ ทันทีทันใดท่านเปลี่ยนมิติสู่มิติฝ่ายวิญาณ พอเปลี่ยนมิติปุ๊บ ท่านจะเห็นใคร? ท่านรู้อยู่แล้วว่าขณะที่ท่านอยู่บนโลกใบนี้ วิญญาณท่านเป็นเหมือนพระเยซู จิตใจท่านเป็นเหมือนพระเยซู พระเจ้า 3 พระภาคสถิตอยู่กับท่าน พอเปลี่ยนมิติเข้าไปสู่โลกวิญญาณ เพียงแต่ท่านเปลี่ยนร่างกายให้เป็นร่างกายสวรรค์
ร่างกายสวรรค์มีความสามารถในการมองดูสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในสวรรค์ได้ ตอนนี้เราดูไม่ได้ เพราะว่าร่างกายเราเป็นร่างกายเรือนดินธรรมดา แต่พอเปลี่ยนเป็นร่างกายสวรรค์ปุ๊บ เรามองเห็นหมดเลย เห็นใครก่อน เห็นพระเยซู เพราะพระเยซูอยู่กับเรา เราจะเห็นพระคริสต์ และในพระคัมภีร์บอกเมื่อพระเยซูคริสต์ปรากฎ
คำว่า “ปรากฏ” ตรงนี้ หมายถึงได้เห็น ไม่ใช่ปรากฏว่าจะมาให้เห็นหรือไม่เห็น ไม่ใช่ หมายถึงว่าเมื่อพระคริสต์ปรากฏ เมื่อเราทั้งหลายเผชิญหน้ากับพระคริสต์ทันทีทันใดนั้น เราได้สวมร่างกายใหม่ พร้อมๆ กัน เราจึงเห็นพระคริสต์หน้าต่อหน้า ตามความเป็นจริง และเห็นตัวเองหน้าต่อหน้าด้วย คือเห็นตัวเองตามความเป็นจริงด้วย เห็นตัวเอง เหมือนดูในกระจกเงา เรามีร่างกายใหม่ที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์อย่างนี้เอง มันเหลือเชื่อนะ มันง่ายอย่างนี้หรือ? ก็มันง่ายอย่างนี้สิ มันง่ายจนกระทั่งพระเยซูบอกมันเป็นทางแคบ สำหรับมนุษย์บนโลกใบนี้ ที่ต้องคิด หาทางไปอยู่ในสวรรค์ พยายามๆ ไปสวรรค์ไปยากมากเลย ต้องทำอันโน้นอันนี้ แต่พระเยซูบอกไม่ต้องทำอะไรเลย วางใจในเราอย่างเดียว แล้วไปสวรรค์เลย เป็นไปได้อย่างไรล่ะ คนเราต้องช่วยเหลือตัวเองต่างๆ เหล่านั้น ตัวเองช่วยได้เพียงอย่างเดียว คือวางใจในพระเยซูคริสต์
ซึ่งขบวนการเหล่านี้ พระเจ้าได้ประกาศตั้งแต่วันแรกที่มนุษย์และโลกใบนี้ล้มลงไปในความบาป ล้มไปในความวิปริต ล้มไปในความสาปแช่ง หลุดออกจากพระสิริของพระเจ้าไปตั้งแต่สมัยอาดัม พระเจ้าวางแผนการเหล่านี้ทั้งหมด ไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อมาช่วยกู้มนุษย์ พระเจ้าประกาศคำสัญญา และสาบานด้วยตัวของพระองค์เองเลยว่าพระองค์จะทำอย่างนี้ ตั้งแต่มนุษย์ล้มลงไปในความบาป โลก และสรรพสิ่งบนโลก ล้มลงไปในความบาปเช่นเดียวกัน คือล้มลงไปในความตาย ความสูญสิ้น ไม่มีพระเจ้าอยู่ ก็คือล้มลงไปสู่ความหายนะ พินาศ ที่ตะกี้นี้บอก ทั้งโลกใบนี้ ทั้งสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ วิ่งไปสู่ความพินาศ ที่พระเจ้าจะไปช่วยกู้มา กู้ทั้งโลกใบนี้ ทั้งสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ และกู้ทั้งมนุษย์กลับคืนมาสู่พระองค์ นั่นคือแผนการของพระองค์ที่วางไว้ ตั้งหลายพันปีก่อน ที่พระองค์จะกระทำให้สำเร็จ แผนการของพระองค์บอกมาตลอดเลย
ในหนังสือของชาวคริสเตียนบอกมาตลอดเลย ที่เราเรียกว่าพระคัมภีร์เดิม คือก่อนที่พระเยซูคริสต์จะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และเป็นขึ้นจากความตาย พระคัมภีร์เดิมจะบอกถึงแผนการของพระเจ้าอย่างนี้ นี่คือคำสัญญากับสาบานที่พระเจ้าให้ไว้ว่าจะช่วยกู้มนุษย์ให้สำเร็จให้ได้อย่างนี้ พูดตั้งแต่ปฐมกาลมาจนถึงมาลาคี และจนกระทั่งถึงพระกิตติคุณ 4 เล่ม ในพระคัมภีร์ใหม่ จนกระทั่งจบพระเยซูบนไม้กางเขน แล้วพระองค์ตรัสว่า “สำเร็จแล้ว” นั่นแหละ เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว เมื่อพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อมวลมนุษย์ และเป็นขึ้นจากความตาย เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว
คำสัญญาและสาบานนั้น คือสิ่งที่ตะกี้เราคุยกันว่าพระเยซูทำสำเร็จแล้ว 2 โครินธ์ 5:17 เราได้ถูกสร้างแล้ว เมื่อเราเชื่อพระเยซูคริสต์ เราได้เป็นคนใหม่
“ฉันได้เป็นคนใหม่ในพระคริสต์แล้ว สำเร็จแล้ว”
มนุษย์ทุกคนสามารถเป็นคนใหม่ในพระคริสต์ได้แล้ว เกิดใหม่ได้แล้ว ตามสัญญาและคำสาบาน ที่พระเจ้าได้ให้ไว้ตั้งนานแล้ว ที่จะกู้มนุษย์ กลับคืนดี กลับมาสู่พระองค์ได้ ยกตัวอย่างอันหนึ่งให้เห็น หนังสือเอเสเคลีย 36:25-27 คือหนึ่งในจำนวนเยอะแยะมากมาย ที่บอกไว้ถึงแผนการของพระองค์ พระองค์จะทำอย่างนี้แหละ แลทำสำเร็จแล้ว ที่พระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน ลองอ่านดู …
เอเสเคียล 36:25-27 “25 เราจะประพรมน้ำชำระลงบนเจ้า แล้วเจ้าจะสะอาด เราจะชำระล้างเจ้า จากมลทินโสโครกทั้งปวง และจากรูปเคารพทั้งปวงของเจ้า 26 จะให้จิตใจใหม่แก่เจ้า และใส่วิญญาณใหม่ในเจ้า เราจะขจัดใจหินออกจากเจ้า และให้เจ้ามีใจเนื้อ 27 เราจะใส่วิญญาณของเรา ไว้ในเจ้า โน้มนำเจ้า ให้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และใส่ใจรักษาบทบัญญัติของเรา”
นี่บันทึกไว้ประมาณ 6-7 ร้อยปี ก่อนที่พระเยซูคริสต์จะมาทำให้สำเร็จที่ไม้กางเขน “เราจะชำระน้ำบนเจ้า แล้วเจ้าจะสะอาด เราจะชำระล้างเจ้าจากมลทินโสโครกทั้งปวง และจากรูปเคารพทั้งปวง” ก็คือจากความบาป “จะให้จิตใจใหม่แก่เจ้า” เห็นไหม ให้ใจใหม่ “และใส่วิญญาณใหม่ในเจ้า” วิญญาณเห็นไหม เหมือนตะกี้นี้ไหม? “เราจะขจัดใจหินออกจากเจ้า และให้เจ้ามีใจเนื้อ” ใจหิน ก็คือการเป็นศัตรู ดื้อ เป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้า โดยไม่รู้ตัว มันเป็นธรรมชาติ เกิดมาเป็นอย่างนั้น เกิดมาเป็นคนบาป เป็นศัตรูกับพระเจ้า คือไม่ชอบ ไม่ทำตามพระเจ้า จะตามใจตัวเอง พูดง่ายๆ ว่า “ฉันใหญ่” อะไรก็ “ฉันๆๆๆ” “ฉันจะช่วยตัวฉันเอง” อะไรแบบนี้ ซึ่งพระเจ้าไม่ได้สร้างมนุษย์มาเป็นแบบนั้น พระองค์สร้างมนุษย์มาให้พึ่งในพระองค์ แต่มนุษย์กลายเป็นศัตรูกับพระเจ้า เข้ากับพระเจ้าไม่ได้ “และให้เจ้ามีใจเนื้อ” ใจเนื้อ หมายถึงใจที่เชื่อฟัง เมื่อมาเป็นคริสเตียนแล้ว ก็จะเป็นใจเนื้อ ก็คือมีจิตใจที่เชื่อฟังพระเจ้า เป็นลูกเล็กๆ ที่เชื่อฟัง ไม่ใช่เราเป็นคนดี แล้วเชื่อฟังพระเจ้า เปล่าเลย พระเจ้าเป็นผู้ที่สร้างเราเป็นผู้ที่เชื่อฟังพระเจ้าเลย เชื่อฟัง เป็นของประทานจากพระเจ้าให้อยู่ในวิญญาณของเรา ใจเนื้อ คือใจที่ไม่ดื้อ ตรงกันข้ามกับใจหิน ใจหิน คือใจที่ดื้อ ไม่ได้ตั้งใจจะดื้อ แต่มันดื้อโดยธรรมชาติ มันเกิดมาดื้อ เกิดมาเป็นศัตรูกับพระเจ้า กับเกิดมาเป็นลูกพระเจ้า มันต่างกัน แต่ทั้ง 2 อย่างเป็นเหมือนกัน ไม่ต้องฝึก มันเป็นเอง
ข้อที่ 27 “เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ในเจ้า” เห็นไหม? ตะกี้นี้เรามีจิตใจใหม่ วิญญาณใหม่ และพระเจ้ามาอยู่กับเรา นี่พูดไว้ทั้งหมดในพระคัมภีร์เดิม จะพูดถึงแผนการของพระเจ้าที่กระทำ “เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ในเจ้า โน้มนำเจ้าให้ทำตามกฎหมายของเรา” เห็นหรือยัง? “โน้มนำเจ้า” ก็คือทำให้เจ้าเชื่อฟังต่อคำสอนของเรา ประพฤติตามที่เราต้องการ ถามว่าใครรับผิดชอบ? โน้มนำเจ้าให้ปฏิบัติตาม ใครเป็นคนโน้มนำ เราเป็นคนโน้มนำตัวเองไหม? ไม่ใช่ เห็นหรือยัง ใครโน้มนำ พระเจ้าโน้มนำเราจากสวรรค์หรือเปล่า? เราต้องอธิษฐานไกลๆ ไหม? พระเจ้าโน้มนำเรา ใส่วิญญาณภายในเรา โน้มนำจากข้างใน วิญญาณของพระเจ้าและวิญญาณของเราเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ข้างในนี้ ตอนที่เราดื้อ เพราะเราหลงไป เราถูกระบบของโลกนี้หลอก ถูกมารที่ใช้ระบบของโลกนี้ ใช้ความไม่รู้ของเราหลอกให้เราทำ แล้วบางครั้งหลอกเราว่าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าให้เราทำ น้ำพระทัยพระเจ้าอยู่ในใจของเรา พระเจ้านำพาเราข้างใน
“และใส่ใจรักษาบทบัญญัติของเรา” ใส่ใจ คือตั้งความคิดจิตใจที่จะเชื่อฟังพระเจ้าตลอดเลย เพราะฉะนั้น พอทำอะไรไม่ถูกต้อง ไปโกรธ ไปเกลียด ไปดุด่าชาวบ้านเขา ไม่มีความรัก จิตใจจะอยู่ไม่สุขเลย เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะทำ เห็นไหม? นี่แหละคือสิ่งที่พระเจ้าสัญญาไว้สาบานว่าจะทำ และทำสำเร็จแล้ว ที่พระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว
เมื่อมนุษย์ผู้ใดเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เมื่อใครเชื่อตามนี้ คือข่าวดี ก็คือมนุษย์ผู้ใดเชื่อว่าข่าวดีนี้เป็นจริง เปิดใจต้อนรับสิทธิของเขา ต้อนรับข่าวดีนี้ เขาก็ได้เกิดใหม่ เป็นคนใหม่ในพระคริสต์ ตอนนี้ท่านจะรู้แล้วว่าคำว่า “คนใหม่” คือทั้งวิญญาณก็ใหม่ ใจก็ใหม่ พระเจ้าเข้ามาสถิตอยู่ด้วย ร่างกายเดิม แต่ได้รับการชำระจนสะอาดหมดจด ใหม่เอี่ยม รีไซเคิล และพระเจ้าไม่ได้ทำแค่ให้พระวิญญาณของพระองค์สถิตอยู่กับเราเท่านั้น แต่พระองค์ทรงให้วิญญาณใหม่กับเรา นึกออกใช่ไหม? วิญญาณใหม่ คือเนรมิต สร้างใหม่เลย ไม่ใช่วิญญาณเดิม แล้วมาแก้ไขให้ใหม่ ไม่ใช่ เพราะว่ามนุษย์ถูกสร้างมา ประกอบไปด้วยร่างกาย จิตใจและวิญญาณ
นี่เป็นหลักการที่พระเจ้าสร้างมนุษย์นะ ตัวตนจริงๆ ของมนุษย์ คือวิญญาณและใจที่อาศัยอยู่ในเรือนดิน คือร่างกาย นี่คือส่วนประกอบของมนุษย์ คนๆ หนึ่ง มนุษย์ที่เกิดมาในโลก ล้วนเป็นวิญญาณที่ตายจากพระเจ้า เป็นบาปอยู่ ดำเนินชีวิตอยู่ในบาป อยู่ใต้อำนาจของความบาปและความตาย เป็นศัตรูต่อต้านพระเจ้า ดื้อต่อพระเจ้า โดยการเป็นธรรมชาติดื้อ แต่เมื่อใครก็ตามที่ต้อนรับพระเยซูคริสต์ พระเจ้าก็เข้ามาย้ายเขา โดยการผ่าตัดวิญญาณของเขา จับวิญญาณของเขาที่เป็นคนบาป ที่ ตายจากพระเจ้าแล้ว เอาวิญญาณเข้ามาบัพติศมา ร่วมกับพระเยซูคริสต์ในการตายของพระองค์ ที่บนไม้กางเขน
ซึ่งเราได้เรียนเรื่องเกี่ยวกับบัพติศมา การเข้าไปมีส่วนร่วม เข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ที่ไม้กางเขน ตายไปพร้อมกับพระองค์เลย ตัวเก่าเราตายไปพร้อมกับพระองค์ที่ไม้กางเขน และเมื่อตายไปพร้อมกับพระองค์ที่ไม้กางเขน วันที่สามพระเยซูคริสต์เป็นขึ้นจากความตาย เราก็อยู่ในพระเยซูคริสต์ เราก็เป็นขึ้นจากความตายด้วย พูดง่ายๆ ว่านำวิญญาณเก่าของเรา เข้าไปอยู่ในพระเยซูคริสต์ แล้วก็เข้าสู่ขบวนการถูกตรึงตายที่ไม้กางเขน และถูกฝังอยู่ในอุโมงค์ร่วมกับพระเยซูคริสต์ และเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่ 3 พร้อมกับพระเยซูคริสต์ เราจึงได้บังเกิดใหม่ เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ มีวิญญาณใหม่ มีใจใหม่เหมือนพระเยซูคริสต์ ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่ง เป็นอวัยวะชิ้นหนึ่ง เป็นพี่น้องร่วมครอบครัวเดียวกันกับพระองค์ในพระเยซูคริสต์ เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ทุกอย่าง อยู่ในครอบครัวเดียวกัน พระเจ้ารักเราเท่าๆ กับรักพระเยซูคริสต์ เหมือนกันเลย
เพราะฉะนั้น ความต้องการภายในจิตใจ แรงจูงใจที่อยู่ในใจของคริสเตียนทั้งหลาย ก็จะเป็นใหม่ทั้งสิ้น เหมือนพระเจ้า พระเยซูคริสต์ วิญญาณและใจใหม่ของเรามีการเปลี่ยนแปลงอย่างอัศจรรย์ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงเหมือนเมื่อตะกี้บอกว่ารีไซเคิล ไม่ใช่ ร่างกายของเราตอนอยู่บนโลกใบนี้ รีไซเคิล แต่วิญญาณและใจมันใหม่เอี่ยมแล้ว ผมจึงใช้ชื่อเรื่องว่า “ฉันเป็นคนใหม่ในพระคริสต์” คนใหม่ ก็คือวิญญาณใหม่แล้ว ใจใหม่แล้ว ร่างกายใหม่แบบรีไซเคิล เดี๋ยวรออีกแป๊บหนึ่ง ใหม่จริงๆ มีอยู่ แต่ตอนนี้ยังรีไซเคิลอยู่
“ฉันมีวิญญาณใหม่ ใจใหม่ ร่างกายใหม่”
ใหม่ รู้นะ ตะกี้นี้อธิบายแล้วนะ ซึ่งทั้งวิญญาณ ทั้งจิตใจ และร่างกายนี้ จากเดิมที่สกปรกอยู่ ตรงข้ามกับพระเจ้า เป็นศัตรูกับพระเจ้า กลายมาเป็นอัศจรรย์ คือกลายมาเป็นเหมือนพระเจ้า เหมือนพระเยซูคริสต์ มีความต้องการ มีความดีงาม มีความบริสุทธิ์ดีพร้อมเหมือนพระเยซู และเมื่อสะอาดบริสุทธิ์ ได้รับการชำระจากพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ จากการไถ่ของพระเยซูแล้ว ไร้ตำหนิแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า จึงสามารถเข้ามาสถิตอยู่กับเราได้ อยู่ในร่างกายของเรา เป็นหนึ่งเดียวกันกับเรา กับวิญญาณของเรา ที่เกิดใหม่นั้นได้ทันที ท่านจะได้รู้ว่าขณะที่ท่านนั่งอยู่นี้ ท่านเดินอยู่บนโลกใบนี้ วิญญาณท่านก็ใหม่ ใจท่านก็ใหม่ ร่างกายก็ใหม่ สะอาดหมดจดแล้ว และพระวิญญาณก็สถิตอยู่กับท่านทันที เดินอยู่ด้วยกัน เมื่อวานนี้ยังทำไม่ดีเลย เมื่อวานนี้ยังคิดไม่ดี เมื่อวานนี้ยังโกรธ ยังดุด่า ยังโลภอยู่เลย แล้วจะอยู่กับเราได้อย่างไร? อยู่ก็แล้วกัน พระคัมภีร์บอกไว้อย่างนั้น ก็ต้องเชื่อตามพระคัมภีร์
คริสเตียนจึงกลายเป็นอภิสุทธิสถานของพระเจ้า และเป็นวิหารของพระเจ้า แม้กระทั่งร่างกายของเราก็ได้รับการชำระด้วยโลหิตของพระเยซูคริสต์ ให้บริสุทธิ์ ที่พระเจ้าสามารถรับได้แล้ว เดี๋ยวนี้ บนโลกนี้เลย ในพระคัมภีร์บันทึกไว้ในหนังสือโรม 12:1-2 พระเจ้าสถิตอยู่กับเราได้ เพราะร่างกายของเรา อวัยวะทั้งหมด ในร่างกายเรา ตา หู จมูก ลิ้น กาย สมองของเราทั้งหมด ได้รับการชำระจนสะอาดหมดจด ด้วยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์แล้ว แยกส่วนถวายแด่พระองค์ พระเจ้ารับได้แล้ว พระเจ้าจึงเข้ามาอยู่กับเราได้ เอเมน
ถ้าผมจะยกตัวอย่างเปรียบเทียบ จะให้เห็นชัดขึ้น ร่างกายเหมือนขวดน้ำ นึกถึงขวดน้ำ ที่ผมยกตัวอย่าง สมัยเด็กๆ เขาจะมีคนขายขวดน้ำเก่า ภาษาจีนเขาจะเรียกว่าจิ๋วก๊วกมาขาย “จิ๋วก๊วก” แปลว่าขวดเหล้าเก่า ใครมีขวดเหล้าเก่ามาขาย เขาก็จะเดินไปตามบ้านชาวบ้านว่าใครมีขวดเก่าๆ มาขาย เขาก็เอาออกมา แล้วมาซื้อห้าสิบสตางค์บ้าง สลึงหนึ่งบ้าง อันใหญ่หน่อย ก็บาทหนึ่งบ้าง อะไรแบบนี้ แล้วเขาซื้อไปทำไม? เขาซื้อเอาไปรีไซเคิล เอามาใช้ใหม่ เห็นภาพแล้วนะ
ร่างกายเหมือนขวดน้ำเก่า ที่เขาทิ้ง หนักเลยคราวนี้ ไม่ได้อยู่บ้านนะ อยู่ในโคลน พระเจ้าซื้อมาด้วยราคาแพง ซื้อมาด้วยชีวิตของพระบุตร คือพระเยซูคริสต์ พระโลหิตของพระเยซู ซื้อมาล้างให้สะอาด พาสเจอร์ไรท์อย่างดี นึกออกใช่ไหม? เอาโคลนออกไป แล้วใส่น้ำดื่มบริสุทธิ์ คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ในขวดเก่าที่ได้รับการชำระ พาสเจอร์ไรท์แล้ว เห็นภาพไหม? แล้วพระองค์ก็ปิดฝา โรงงานก็ปิดฝาแน่นเลย เปิดไม่ได้แล้ว ผนึกตราอย่างสนิท ห้ามเปิดเด็ดขาด ผนึกด้วยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า นี่คือพระคัมภีร์
เราเหมือนขวดน้ำเก่าๆ ไม่ใช่เก่าอย่างเดียว อยู่ในโคลน พระเจ้าจัดการหมดเลย เอาโคลนออกไป ใส่น้ำบริสุทธิ์เข้ามา ขวด มันยังเป็นขวดเดิมอยู่ แต่พาสเจอร์ไรท์ มันยังใช้ได้อยู่ ใช้ไปก่อน เดี๋ยวจะมีเวอร์ชั่นใหม่ อีกไม่นานจะมีสินค้าตัวใหม่ เมื่อจากโลกใบนี้ไปแล้ว สินค้าตัวใหม่มาทันทีเลย น้ำเดิม แต่ขวดใหม่เอี่ยมเลย ขวดเก่าทิ้งไปเลย ฝังดินไปเลย เอาขวดใหม่ไปเลย ขวดใหม่ สร้างขึ้นใหม่เอี่ยมเลย โคโลสี 1:13 บันทึกไว้อย่างนี้ว่า …
โคโลสี 1:13 “เพราะพระองค์ได้ทรงช่วยเราให้พ้นจากอาณาจักรของความมืด และทรงนำเรา ย้ายเราเข้ามาสู่อาณาจักรของพระบุตรที่รักของพระองค์”
ทั้งหมด ขบวนการไถ่ของพระเยซูคริสต์ การทำให้เราเป็นคนใหม่ ที่พระเจ้าได้กระทำให้กับเราแล้วนั้น ก็คือตรงนี้แหละ คือได้ย้ายเราเข้ามาอยู่ในสวรรค์ อยู่ในพระเยซูคริสต์ที่เรียกว่าสวรรค์ หรือที่เรียกว่าในพระคริสต์ ในสวรรค์ก็ได้ ในพระคริสต์ก็ได้ ในโลกฝ่ายวิญญาณก็ได้ เพราะในโลกฝ่ายวิญญาณมีที่เดียวเท่านั้น ก็คือมีของพระเจ้าเท่านั้น พอนึกถึงโลกฝ่ายวิญญาณปุ๊บ อย่าไปนึกถึงโลกฝ่ายวิญญาณว่ามีมาร มีอะไร? โลกฝ่ายวิญญาณเป็นของพระเจ้า พูดง่ายๆ เป็นของพระเจ้า และเป็นของพระคริสต์ เพราะพระเจ้ามอบสิทธิอำนาจทั้งหมดให้กับพระคริสต์แล้ว
เพราะฉะนั้น เราได้ย้ายเข้ามาอยู่ในสวรรค์ หรือที่เรียกว่าในพระคริสต์แล้ว ตั้งแต่วันที่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด บนโลกใบนี้ พอเปิดใจทันทีปั๊บ ขบวนการจิ๋วก๊วกมาขายทันทีเลย ได้รับแล้ว ขบวนการพาสเจอร์ไรท์ ขบวนการเอาโคลนออก ใส่น้ำบริสุทธิ์เข้าไป ทำทันที เป็นขบวนการที่เสร็จทันทีเลย ไม่ต้องรอเวลาว่าเดี๋ยวค่อยๆ ล้างเอาโคลนออกทีละนิด ทีละปี ปีนี้ล้างออกๆ ไม่ใช่ เปลี่ยนทันทีเลย ใส่วิญญาณใหม่ทันที ทุกอย่างทำครบเรียบร้อยหมด อย่างที่บอกตะกี้นี้
เพราะฉะนั้น เมื่อเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ ได้รับการชำระ แยกออกมาจากโลกเลย ถ้าพูดถึงตัวอย่างเมื่อตะกี้ คือแยกออกมาจากโลกนี้ โลกนี้ก็คือบ่อโคลน แยกออกมาจากบ่อโคลน พระเจ้าซื้อหมดนั่นแหละ ในบ่อโคลนนั้น ขวดทั้งหมด ซื้อผ่านทางพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ซื้อหมดแล้ว มนุษย์ทุกคน แต่ขึ้นอยู่กับขวดเหล่านั้นยอมไหม? ยอมให้ผู้ซื้อเอาไปใช้สอยหรือไม่? ถ้าไม่ยอม พระเจ้าก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ คือยอม ยอมก็ได้รับการชำระ แยกออกมาจากโลก ซึ่งตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเราหรือขวดนั้น ก็ไม่ได้เป็นของโลกนี้อีกต่อไป ขวดนั้น ก็ไม่ได้เป็นของบ่อโคลนตมอีกต่อไป แต่เป็นของพระเจ้า เป็นพลเมืองของสวรรค์ เป็นพลเมืองที่อยู่ในพระคริสต์ เป็นขวดใหม่ที่อยู่ในพระคริสต์ เป็นคนใหม่ที่อยู่ในพระคริสต์ นี่กำลังพูดถึงโลกวิญญาณ ต้องย้ำมากๆ เพราะว่ามันไม่เห็น พูดถึงความหวังในอนาคต เมื่อไม่เห็น เชื่อฟังเอา แต่ในโลกนี้ บางทีมันฝืน มันฝืนกับเรา เราอยู่ในพระคริสต์อย่างไรนะ เราเป็นคนใหม่แล้วหรือ! มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
และเราถูกนับว่าเป็นพลเมืองของอาณาจักรสวรรค์ ตั้งแต่ที่เราดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้แล้ว ขณะนี้เราเป็นคนของสวรรค์ เป็นประชากรของสวรรค์และจะอาศัยอยู่ในอาณาจักรสวรรค์นี้ อยู่กับพระเจ้า ตั้งแต่โลกใบนี้ จนถึงโลกหน้า ตลอดนิรันดร์
“ฉันอยู่ในสวรรค์ อยู่ในพระคริสต์ มีชีวิตนิรันดร์ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ไปจนถึงโลกหน้า นิรันดร์”
มันเป็นอย่างนี้จริงๆ ตัวเก่า คนเก่า ตัวบาปของเราได้ตายไปแล้ว สูญสิ้นไปแล้ว ทุกวันนี้ ที่มีชีวิตอยู่ เป็นตัวใหม่ คนใหม่ อยู่ในพระคริสต์ ในสวรรค์ ในพระเจ้า ทุกวันนี้ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย และกำลังเดินทางไปรับร่างกายใหม่ ที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ และครอบครองโลกใหม่ และสรรพสิ่งที่จะทรงสร้างขึ้นใหม่ ทดแทนโลกใบนี้ และสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ ที่จะสูญสิ้นไป ครอบครองร่วมกับพระเยซูคริสต์ตลอดไปชั่วนิรันดร์ ขอบคุณพระเจ้า
เพราะฉะนั้น สำหรับพี่น้องที่ยังไม่ได้เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ เราก็คือพี่น้องร่วมโลกนี้ เผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกัน พี่น้องที่ยังไม่ได้เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ยังสุขสันต์วันปีใหม่ แต่เป็นคนเก่า วิญญาณเก่า ใจเก่าอยู่ พระเจ้าพ่อแห่งฟ้าสวรรค์ของท่านด้วยเช่นเดียวกันกับเรา พระองค์ได้วิงวอนขอร้องท่านให้กลับมาคืนดีกับพระองค์ซะ โดยการวางใจเชื่อในพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด ที่พระองค์ทรงประทานให้กับท่าน เพื่อท่านจะได้บังเกิดใหม่ มาเป็นคนใหม่ในคริสต์ พระองค์ทรงเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ขบวนการทั้งหมด ท่านเพียงแต่ตอบรับว่า …
“เอเมน ฉันจะเอา ฉันจะรับ ฉันจะต้อนรับ ฉันยอมๆ”
ท่านไม่ต้องทำอะไรอีกเลย แม้แต่นิดเดียว ส่วนพี่น้องที่ได้เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์แล้ว ก็คือคริสเตียนทั้งหลาย พี่น้องจริงๆ ที่จะอยู่ด้วยกันในสวรรคสถานนิรันดร์ ในครอบครัวของพระเจ้า ก็ขอสุขสันต์วันปีใหม่ และสุขสันต์นิรันดร์ ที่ท่านได้เป็นคนใหม่ ในวิญญาณใหม่ ที่กำลังเจริญเติบโตรุ่งเรือง ไปจนกระทั่งถึงนิรันดร์ในสวรรคสถาน พระเจ้าอวยพรครับ
**********************
จากใจคณะศิษยาภิบาล
บทบัญญัติ คือกฎหมายทางศีลธรรม ที่พระเจ้าเขียนไว้ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ทุกคน เราจึงรู้ดีรู้ชั่ว
“บทบัญญัติ” หมายถึงกฎหมายทางศีลธรรม กฎแห่งการกระทำดี กระทำชั่ว กฎแห่งการทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ซึ่งพระเจ้าเขียนไว้ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ทุกคนตั้งแต่เกิด และมนุษย์พยายามเขียนออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตร่วมกันบนโลกใบนี้ ให้เต็มไปด้วยความสงบสุขมากที่สุด
“ผู้ชอบธรรม” หมายถึงผู้ที่ปฏิบัติตามกฎแห่งกรรมนี้ได้ อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีผิดพลาดเลย แม้แต่ข้อเดียว
ความจริงที่พระเจ้าเปิดเผยในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล …
กาลาเทีย 3:10-11 … “10 คนทั้งปวงที่พึ่งการทำตามบทบัญญัติ ก็ถูกสาปแช่ง เพราะมีเขียนไว้ว่า “ขอแช่งทุกคน ที่ไม่ปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือบทบัญญัติ” 11 เห็นได้ชัดว่าต่อหน้าพระเจ้า ไม่มีใครถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรมได้ โดยบทบัญญัติ เพราะว่า “คนชอบธรรมจะดำรงชีวิต โดยความเชื่อ”
ยากอบ 2:10 … “เพราะผู้ใดทำตามบทบัญญัติทั้งหมด แต่พลาดไปจุดเดียว ก็มีความผิดเท่ากับละเมิดบทบัญญัติทั้งหมด”
โรม 3:20 … “ฉะนั้น ไม่มีใครได้ชื่อว่าเป็นผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า โดยการรักษาบทบัญญัติ บทบัญญัติเพียงแต่ทำให้เรารู้ตัวว่ามีบาป”
พระเจ้าอวยพรครับ