วารสาร Holy  News   ฉบับที่ 1449

คำบรรยายวันอาทิตย์ที่  24  ธันวาคม  2023 (กลางคืน)

เรื่อง “พระเยซูเป็นพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์”

โดย นคร  เวชสุภาพร

            Merry Christmas ระลึกถึงวันคล้ายวันประสูติของพระเยซูคริสต์ เขาก็บอกว่า “Merry Christmas” ซึ่งแปลว่า “ขอให้ท่านพบกับสันติสุขและความสงบทางใจ จากการเสียสละของพระเยซูคริสต์ ที่ได้ทรงไถ่บาปให้ท่าน” นี่แปลเป็นไทยเลย

            วันคริสต์มาส คือวันที่พระเจ้า พระเยซูคริสต์ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ นี่หัวใจสั้นๆ  ความหมายตรงนี้  วันนี้สิ่งที่ท่านจะได้ฟังไม่ใช่เป็นเรื่องของศาสนา  ไม่ว่าศาสนาอะไรก็ตาม บนโลกใบนี้ ศาสนาเป็นสิ่งที่ดี แต่ในสายพระเนตรพระเจ้า ยังดีไม่พอ  ไม่มีศาสนาใดทำให้มนุษย์ได้บังเกิดใหม่ได้ ไม่มีศาสนาใดทำให้มนุษย์กลายเป็นบริสุทธิ์ สะอาด ศักดิ์สิทธิ์เหมือนพระเจ้าได้  แต่พระเยซูคริสต์ทำได้และพระเยซูคริสต์มาประกาศข่าวดี พระองค์ไม่ได้มา เพื่อประกาศศาสนา พระองค์ไม่ได้มาตั้งศาสนาคริสต์ พระองค์ไม่ได้มาสอนเรื่องศีลธรรม พระองค์ไม่ได้มาสอนเรื่องความประพฤติบนโลกใบนี้ เป็นอย่างไร? แต่พระเยซูคริสต์มาประกาศข่าวดี

            ข่าวดีของพระองค์ คือพระเจ้าทรงรักมนุษย์ยิ่งนัก จึงได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ คือพระเจ้า พระเยซูคริสต์เป็นพระบุตร ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อเปิดประตูสวรรค์ ให้กับมนุษย์ ที่จะได้รับการบังเกิดใหม่ในวิญญาณ กลับมาเป็นลูกของพระเจ้า  ได้เข้าอยู่ในสวรรค์กับพระเจ้านิรันดร์

            นี่คือข่าวดีสั้นๆ ที่พระเยซูคริสต์ได้ประกาศเรื่องนี้มา 2,000 ปีแล้วว่าพระองค์เป็นพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้น จากกฎแห่งกรรม คือความบาป ซึ่งมนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป เราก็รู้กันอยู่แล้ว ไม่มีมนุษย์คนไหนทำดีได้ครบถ้วนบริบูรณ์ สักคนเดียวเลย นี่คือการประกาศของพระเยซูคริสต์

            ในหนังสือยอห์น 3:16-18 พระเยซูเข้ามาอยู่บนโลกใบนี้ เดินอยู่บนโลกใบนี้ 3 ปี แล้วก็ประกาศอย่างนี้แหละ สรุปสั้นๆ อยู่ที่ไม่กี่ข้อนี่แหละว่าพระองค์มาสอนหรือเปล่า?  พระองค์ไม่ได้มาสอนเรื่องการประพฤติอะไรต่างๆ เหล่านี้   ไม่ได้มาสอนเรื่องศาสนา ให้ประพฤติชอบ แต่มาประกาศว่าสถานะของมนุษย์ตอนนี้อยู่ที่ไหน? จะเข้าสวรรค์ได้อย่างไร? จะต้องบังเกิดใหม่ด้วยวิธีใด นี่สำคัญกว่าเยอะ  และพระองค์ประกาศว่ามีวิธีเดียว ก็คือต้องผ่านทางพระองค์เท่านั้น  ถึงจะเข้าสวรรค์ได้  โดยไม่ต้องทำอะไรเลย คือเชื่อและวางใจในพระเยซูคริสต์เท่านั้น ง่ายเกินไป มนุษย์เลยไม่ค่อยจะเข้าใจ  มนุษย์บอกมันง่ายเกินไป จะเข้าสวรรค์ทั้งที มันต้องพยายามทำดีสิ  นี่คือมนุษย์คิด แต่พระเจ้าบอกว่าทำดีอย่างไร มันก็ไม่ไปถึงฝั่งสวรรค์ได้หรอก เพราะว่าทำดีอย่างไร มันก็มีพลาด  พลาดครั้งเดียว ก็ตกนรกแล้ว  เพราะฉะนั้น ให้มาวางใจในพระบุตร  คือพระเยซูคริสต์ เราจะลองอ่านดู ยอห์น 3:16-18 …

        ยอห์น 3:16-18 “16 พระเจ้าทรงรักมนุษย์และโลกยิ่งนัก ถึงกับได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์ เพื่อทุกคนที่วางใจ (พึ่งพา) ในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ (ตายนิรันดร์ อยู่ในความบาป) แต่ได้รับการบังเกิดใหม่ มาเป็นลูกของพระองค์ มีชีวิตนิรันดร์ ที่เป็นของพระองค์ เหมือนพระองค์ 17 เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก ไม่ใช่เพื่อพิพากษาลงโทษมนุษย์และโลก แต่เพื่อช่วยกู้มนุษย์และโลกให้รอด จากการถูกพิพากษาลงโทษนั้น โดยทางการวางใจ พึ่งพาในพระบุตร คือพระเยซูคริสต์ 18 คนที่วางใจ พึ่งพาในพระบุตร คือพระเยซูคริสต์จะไม่ถูกพิพากษาลงโทษให้พินาศ ส่วนคนที่ไม่ได้วางใจ ก็ถูกพิพากษาลงโทษ อยู่ในความพินาศ ในความตาย ในความบาป เหมือนเดิมอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้วางใจ พึ่งพาในพระนาม พระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า”

            นี่คือสภาพของมวลมนุษยชาติบนโลกใบนี้ ที่มนุษย์มองไม่เห็น แต่โลกวิญญาณมันเป็นอย่างนี้ เป็นเรื่องจริงๆ พระเยซูมาประกาศบอกว่าสภาพวิญญาณของมนุษย์เป็นอย่างนี้  อยู่กันอย่างนี้แหละ  และพระเจ้าทรงรักมนุษย์และโลกยิ่งนัก  ถึงกับได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ ลูกในไส้ ก็คือลูกของพระองค์ เป็นพระเจ้าพระบุตร  อยู่กับพระเจ้ามาตั้งแต่ก่อนสร้างอะไรทั้งปวง ก็คือพระเยซูคริสต์ เพื่อว่าพระเยซูคริสต์นี้จะได้มา และมาไถ่มนุษย์ทั้งปวงให้หลุดพ้นจากความบาปนั้น  เพื่อทุกคนที่วางใจ พึ่งพาในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ ตายอยู่ในบาป ก็แสดงว่ามนุษย์เกิดมาก็ตายอยู่ในบาป วิญญาณตายอยู่ในบาป วิญญาณไม่มีพระเจ้า วิญญาณมุ่งสู่ความพินาศนิรันดร์ แต่พระบุตรมาช่วยให้มนุษย์ได้รับการบังเกิดใหม่  มาเป็นลูกของพระองค์ มีชีวิตนิรันดร์ที่เป็นของพระองค์ เหมือนพระองค์เลย  คือสะอาดบริสุทธิ์เหมือนพระเจ้า เท่าเทียมพระเจ้า ดีเท่ากับพระเจ้า จึงสามารถเข้าสวรรค์ได้ เราก็พูดกันอยู่บ่อยๆ ง่ายๆ “จะเข้าสวรรค์ได้อย่างไร ยังทำบาปอยู่เลย”  แต่นี่เราบังเกิดใหม่ใน วิญญาณ สามารถเข้าสู่สวรรค์ได้จริงๆ

            ในข้อ 17 บอกว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก ไม่ใช่เพื่อพิพากษาลงโทษมนุษย์บนโลกใบนี้”

            พระเยซูมาเกิดเป็นมนุษย์ เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ได้มา เพื่อจะมาชี้นิ้วว่าคนนี้ทำบาป ตกนรก เปล่า พระองค์มาชี้นิ้วให้หมดเลย ทั้งโลกเลยว่ามนุษย์ทั้งโลกตกเป็นคนบาป  และพระองค์มา ไม่ใช่มาเพื่อพิพากษา แต่มาเพื่อจะช่วยให้รอดพ้นจากความบาปนั้น ให้มาบังเกิดใหม่  โดยความเชื่อและวางใจในพระองค์ ก็คือมาช่วยกู้มนุษย์และโลกให้รอดจากการถูกพิพากษาลงโทษ  โดยการวางใจ และพึ่งพาเชื่อในพระเยซูคริสต์ที่พระเจ้าได้ทรงส่งมา

            ฟังดูเหมือนง่ายมาก ไม่มีอะไรเลย แต่ทำไมเรื่องจริง เรื่องนี้  จึงเกิดผลมาถึง 2,000 ปีถึงเดี๋ยวนี้แล้ว ถ้าเผื่อเรื่องนี้ ไม่มีเค้าโครงความจริง หรือไม่จริงเลย ไม่มีเกิดผลเลย  มันเป็นเรื่องโกหกที่ใครก็ไม่มีทางเชื่อได้เลย มันโง่เขลาเหลือเกินที่จะมาเชื่อเรื่องพวกนี้ใช่ไหม? แต่ 2,000 ปีมีแต่จะมากขึ้นทุกวันๆ ทั่วโลกมากขึ้นทุกวันๆ ที่ประกาศข่าวดีนี้  ที่เอาบทเพลงของข่าวดีนี้ ไปร้องเพลงต่างๆ ที่เราได้ฟัง ตามศูนย์การค้า ตามในยูทูป ในโซเซียลมีเดียทั้งหมดทุกวันนี้ เยอะขึ้นทุกวันๆ เป็นเรื่องนี้ เรื่องที่ผมกำลังพูดให้ท่านฟังวันนี้  คือเรื่องของข่าวดี พระเจ้าส่งพระเยซูคริสต์มา ผู้ทรงเป็นพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ให้หลุดรอดพ้น จากนรก หลุดรอดพ้น จากความพินาศในวิญญาณ  ซึ่งกำลังเป็นอยู่นั้น รีบเชื่อในพระเจ้า พระเยซูคริสต์ เพื่อได้รับความรอดเถิด  นี่คือข่าวประเสริฐ ข่าวดีในวันคริสต์มาสทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นบทเพลง บทความ หรือเรื่องอะไร? แม้กระทั่งพิธีต่างๆ ที่เขาทำกันทั่วโลก อย่างเช่น มอบของขวัญเอย เทศกาลของขวัญ ก็มาจากแบบอย่างของพระเจ้า ผู้ประทานของขวัญ ให้กับมนุษย์ ในวันคริสต์มาสแรกของโลก เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว คือประทานพระบุตร พระเยซูคริสต์มาเป็นของขวัญให้กับมวลมนุษยชาติ  เพื่อจะได้รอด เข้าสวรรค์ได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาการพยายามทำดีของตนเอง  แต่พึ่งพาพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด ซึ่งเป็นหนทางเดียวเท่านั้น

            ในข้อ 18 ได้บันทึกว่าคนที่วางใจ พึ่งพาในพระบุตร มนุษย์คนใดพึ่งพาในพระบุตร คือพระเยซูคริสต์จะไม่ถูกพิพากษาลงโทษให้พินาศ ก็คืออยู่ในการถูกลงโทษ พิพากษาให้พินาศอยู่ แต่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ ทันที เขาหลุดพ้นจากความพินาศ จากการถูกลงโทษทันทีเลย เขาได้บังเกิดใหม่ในวิญญาณทันทีเลย บนโลกใบนี้ ขณะนี้เลย สามารถพิสูจน์ได้เลย ข่าวประเสริฐจึงแพร่สะพัดมาถึง 2,000 ปีนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ  และในพระคัมภีร์บอกว่าจะมากถึงที่สุด จนสุดท้าย สิ้นโลก พระเยซูกลับมาใหม่ คือมากกว่านี้อีกเยอะ นี่ยังไม่เยอะพอ คนที่พึ่งพาและวางใจในพระบุตร คือพระเยซูคริสต์จะไม่ถูกพิพากษาลงโทษให้พินาศ ส่วนคนที่ไม่ได้วางใจ นึกภาพนะ ส่วนมนุษย์คนที่ได้ยินได้ฟังข่าวประเสริฐ เรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์นี้แล้ว แล้วไม่เชื่อ ไม่วางใจในข่าวดีนี้  ก็ถูกพิพากษาลงโทษ อยู่ในความพินาศ อยู่ในความตาย อยู่ในความบาปเหมือนเดิมอยู่แล้ว ก็แสดงว่าเกิดมา ก็เป็นคนบาป

            พระคัมภีร์บอกว่ามนุษย์ทุกคน เกิดมา ก็เป็นคนบาป  ตาย พินาศในวิญญาณ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร? ไม่มีใครมาช่วย  ก็จะตายอยู่อย่างนั้นตลอดชั่วนิรันดร์  เขาจะถูกพิพากษาลงโทษ ก็อยู่ในความพินาศ อยู่ในความตาย ในความบาป เหมือนเดิมอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้วางใจ พึ่งพาพระนามพระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า เขาจึงไม่มีโอกาสได้บังเกิดใหม่ เมื่อไม่ได้บังเกิดใหม่ เมื่อวิญญาณเขาออกจากร่าง เขาก็ไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีพระเจ้า  เพราะไม่ได้บังเกิดใหม่ สะอาดไม่พอ เขาก็ยังเป็นคนบาป และไปอยู่ในส่วนของคนบาป ไม่มีพระเจ้าอยู่ ซึ่งเราเรียกกันว่านรก  พินาศนั่นเอง   และเป็นความพินาศนิรันดร์ด้วย เพราะเป็นวิญญาณ  ที่อยู่ในความพินาศนั้น

            ดูข้อพระคัมภีร์อีกข้อหนึ่ง  เพื่อจะได้เห็นว่าความจริงของข่าวประเสริฐ มันไม่ได้เกี่ยวกับความประพฤติ ไม่ได้เกี่ยวกับการมาสอนศีลธรรม ไม่ได้เกี่ยวกับความดี ความชั่ว มันเกี่ยวกับเรื่องราวของมนุษย์ว่ามนุษย์เป็นวิญญาณ และวิญญาณเป็นบาปอยู่ และพระเจ้าทรงมาช่วยมนุษย์ และมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อเป็นตัวแทนมนุษย์ มารักษามนุษย์ นำมนุษย์กลับคืนสู่สวรรค์ กลับคืนสู่บ้านนั่นเอง  และทั้งหมดนี้ คือข่าวประเสริฐ ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ ข่าวดีของพระเยซูคริสต์จึงไม่ใช่ศาสนา แต่เป็นฤทธิ์เดช เป็นอำนาจ เป็นพลังงาน  เป็น Power อันยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่า Power อะไรทั้งปวงเลย  ที่ทำการอัศจรรย์ คือทำให้วิญญาณของมนุษย์ที่ตายอยู่นั้น สามารถบังเกิดใหม่ได้ สามารถเกิดใหม่ได้ 2 เปโตร 1:3-4 ได้บันทึกไว้อย่างนี้ว่าด้วยอำนาจที่บอกนี้ เป็นข่าวประเสริฐนี้ ทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้น …

        2 เปโตร 1:3-4 “3 ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ทุกสิ่งที่จำเป็นในการมีชีวิตที่ชอบธรรม และ ดีงามเหมือนพระเจ้า พระองค์ได้ทรงจัดเตรียมให้แก่เราเรียบร้อยแล้ว ผ่านทางการรับรู้เรื่องราวของพระองค์ (ในพระคริสต์) ผู้ทรงได้เรียกเรา ด้วยพระสิริและความดีงามของพระองค์เอง ให้เข้าไปมีส่วนร่วม ในพระเกียรติสิริและความดีงามของพระองค์ (ในพระคริสต์) 4 โดยสิ่งเหล่านี้ พระองค์ได้ประทานพระสัญญาอันยิ่งใหญ่ และล้ำค่าของพระองค์แก่เรา เพื่อว่าโดยทางพระสัญญาเหล่านี้ พวกท่านจึงได้มีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้า (บังเกิดใหม่เป็นลูกพระเจ้า) และพ้นจากความเสื่อมทรามในโลก ซึ่งเกิดจากตัณหาชั่ว (ความบาป)”

            ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า เห็นไหมครับ?  ฤทธิ์อำนาจที่ทำให้เกิดการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่  ไม่ได้เกี่ยวกับการประพฤติ ไม่ได้เกี่ยวกับศาสนา นี่เป็นฤทธิ์อำนาจจริงๆ  เป็นฤทธิ์เดียวกันกับที่พระองค์ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย  สร้างโลกทั้งใบ มหาจักรวาลทั้งหมด ทั้งที่มองเห็น และมองไม่เห็น  ทุกอย่างด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์  พระเจ้าผู้ทรงอำนาจยิ่งใหญ่สูงสุด  ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ทุกสิ่งที่ทำให้เรามนุษย์คนนั้น ที่วางใจในพระเยซูคริสต์ สามารถเกิดใหม่ มีชีวิตที่จะเป็นผู้ชอบธรรม  และดีงาม เหมือนพระเจ้า พระองค์ทรงจัดเตรียมและทำให้สำเร็จ เรียบร้อยแล้ว ผ่านทางพระเยซูคริสต์ เมื่อเรารับรู้เรื่องราวของพระเยซูคริสต์ ผู้ได้ทรงเรียกเรา ด้วยพระสิริ และความดีงามของพระองค์เองให้เข้าไปมีส่วนร่วมในพระลักษณะของพระองค์ ร่วมในพระเกียรติและความดีงามของพระองค์ ในพระคริสต์ พระเยซูคริสต์มา เพื่อเราทั้งหลายจะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในพระลักษณะของพระองค์

            พระลักษณะของพระองค์ คือพระเจ้า พูดอย่างง่ายๆ อย่างตะกี้นี้ ตามหัวข้อเรื่อง ก็คือพระเยซูเป็นพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อว่ามนุษย์คนบาปอย่างเรา จะได้บังเกิดใหม่มาเป็นลูกของพระเจ้า สลับที่กัน พระเจ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อมนุษย์ที่เป็นคนบาป  จะได้กลับมาเป็นลูกของพระเจ้า

            “พระเจ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ ชื่อพระเยซู เมื่อใครเชื่อ มนุษย์ที่เป็นคนบาป  กลายเป็นลูกของพระเจ้า มีสภาวะเหมือนพระเจ้าเลย  เหมือนกับพระองค์เลย” … นี่คือพระคัมภีร์

            ข้อ 4 บอกว่า “พระองค์ได้ทรงประทานพระสัญญาอันยิ่งใหญ่ และล้ำค่าของพระองค์แก่เรา  เพื่อว่าโดยทางพระสัญญาเหล่านี้  พวกท่านจึงได้มีส่วนร่วมในพระลักษณะของพระเจ้า”

            พระลักษณะของพระเจ้ายิ่งใหญ่ขนาดไหน?  บริสุทธิ์อย่างไร?  ดีงามขนาดไหน?  ดีพร้อมอย่างไร?  เป็นผู้ชอบธรรมอย่างไร? เราเข้าไปมีส่วนอยู่ในนั้นด้วย  เราเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในนั้น โดยไม่ต้องทำอะไรเลย  เป็นพันธสัญญาที่พระเจ้าให้เราฟรีๆ ผ่านทางพระบุตร พระเยซูคริสต์ ผู้ที่บังเกิดเป็นมนุษย์ในวันคริสต์มาสนั่นเอง เราจะสามารถเชื่อและวางใจในพระเยซูคริสต์ เพื่อว่าเราจะได้บังเกิดใหม่ ร่วมกับพระเยซูคริสต์ เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ ได้บังเกิดใหม่  และพ้นจากความเสื่อมทรามในโลก  ก็คือพ้นจากความบาป  ที่มันอยู่ในวิญญาณของเรา  เราจะได้พ้นจากการเป็นคนบาป นึกภาพนะ พระเยซูคริสต์มาเพื่อให้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ทำให้คนที่เป็นคนบาป  และเชื่อในพระองค์ รับสิทธิของเขา รับอำนาจจากพระเยซูคริสต์ ทำให้เขาได้บังเกิดใหม่  จากการเป็นคนบาป กลายเป็นคนชอบธรรม จากคนสกปรก ดำมืด กลายเป็นประชากรแห่งความสว่าง เป็นลูกของพระเจ้า

            นี่คือหัวใจของข่าวประเสริฐของข่าวดี หัวใจของวันคริสต์มาส ที่เขาบอกว่าสุขสันต์วันคริสต์มาส ก็คือวันที่สวรรค์ได้เปิดประตู ให้กับบรรดามนุษย์ทุกๆ คน ที่วางใจในพระเยซูคริสต์ เพื่อเขาจะได้ไม่พินาศ  และอยู่ในความพินาศนั้น ชั่วนิรันดร์ แต่เขาจะได้รับการบังเกิดใหม่เดี๋ยวนี้ ทันทีบนโลก พิสูจน์ได้ ด้วยวิญญาณของเขาเอง นี่คือข่าวดี  พระเจ้าอวยพรครับ

***********************************

จากใจคณะศิษยาภิบาล

            ความจริงที่ทำให้เราเป็นไท  ถ้าเราได้บังเกิดใหม่เป็นคริสเตียนแล้ว

            ถ้าเราได้บังเกิดใหม่เป็นคริสเตียนแล้ว ตัวตนที่แท้จริงของเรา สะอาดหมดจด บริสุทธิ์  ปราศจากบาปแล้ว แต่มันยังมีอิทธิพลของบาป ที่เป็นเหมือนกาฝาก  เหมือนไวรัสที่แอบเกาะอาศัยอยู่ในความคิด ในสมอง ในร่างกายเรา มันไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเราเลยนะครับ มัน คือปรสิต!

            โรม 6:12-14 …  “12 เหตุฉะนั้น อย่ายอมมอบร่างกายที่ต้องตาย (ที่อยู่เพียงชั่วคราว) ของท่าน ให้บาปมันครอบครองเป็นเจ้านายเหนือท่าน ซึ่งทำให้ท่านคล้อยตามกิเลสความปรารถนาของมัน และต้องยอมจำนนทำตามตัณหาชั่วของมัน 13 อย่ายอมยกส่วนต่างๆ ในร่างกายของท่าน ให้แก่บาป  เป็นเครื่องมือของความชั่วร้าย แต่จงยอมถวายตัวของท่านเองแด่พระเจ้า ในฐานะที่ได้เป็นขึ้นจากตาย ได้บังเกิดใหม่ เป็นลูกพระเจ้าแล้ว และยอมถวายอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของท่าน แด่พระองค์  ให้เป็นเครื่องมือของความชอบธรรม 14 เพราะบาป มันไม่ได้เป็นเจ้านายครอบครองท่านอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าบัดนี้  ท่านไม่ได้อยู่ใต้บทบัญญัติ  ไม่ได้เป็นทาสบาปอีกต่อไปแล้ว แต่อยู่ใต้พระคุณความโปรดปรานของพระเจ้า”

            ฉะนั้น อย่าให้มันบ่อนทำลายสุขภาพจิต วิญญาณของเรา ต่อต้านมันด้วยถ้อยคำความจริงของพระเจ้า ที่บอกเราว่าเราเป็นใครในพระเยซูคริสต์ เพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดเดิมๆ ในสมองเสียใหม่ แล้วอุปนิสัย ความประพฤติของเราจะค่อยๆ เปลี่ยนไป เหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้นเรื่อยๆ

            พระเจ้าอวยพรครับ