คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม 2018 เรื่อง “เหตุจากวันคริสต์มาส เราจึงได้บังเกิดใหม่” โดย นคร เวชสุภาพร

คำบรรยายวันอาทิตย์ที่  23  ธันวาคม  2018

 เรื่อง “เหตุจากวันคริสต์มาส เราจึงได้บังเกิดใหม่”

โดย นคร  เวชสุภาพร

 

Merry Christmas ครับ … “ขอให้ท่านได้พบสันติสุข และความสงบทางใจ  จากการเสียสละของพระเยซูคริสต์  ที่ได้ทรงไถ่บาปให้ท่าน”

วันนี้เป็นวันที่เราจะมาระลึกถึงวันประสูติของพระเยซู ทรงเป็นพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ ชื่อเยซูคริสต์ ถามว่าทำไมพระเยซู ซึ่งมีสภาพเป็นพระเจ้า ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์? เหตุผล ก็คือเพื่อมาไถ่มนุษย์ ก็ต้องเกิดเป็นมนุษย์ ให้รอดพ้นจากโทษของความบาป ซึ่งคือความตายในวิญญาณ และได้รับการบังเกิดใหม่

พระคัมภีร์บอกว่ามนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป และต้องได้รับโทษของความบาป ถูกตัดขาดจากพระเจ้า ตายในวิญญาณ ไม่รู้จักกับพระเจ้า เป็นศัตรูกับพระเจ้า ไม่สามารถอยู่ร่วมกับพระเจ้าได้ ไม่สามารถเข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ของพระเจ้าได้ นี่คือโทษหรือคำสาปแช่งของบาป ซึ่งมนุษย์ทุกคนตกอยู่ในบาป พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้อย่างนั้น และมีเพียงหนทางเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้มนุษย์รอดพ้นจากโทษนี้ได้ ก็คือมนุษย์ต้องบังเกิดใหม่

บังเกิดใหม่ เป็นคำภาษาโบราณ เขาเขียนพระคัมภีร์มาตั้งหลาย 100 ปีแล้ว ใช้คำว่า “บังเกิด” หนทางเดียวที่จะทำให้มนุษย์รอด ก็คือต้องเกิดใหม่ เหมือนกับใครที่ต้องทำอะไรยากๆ บางคนอยากจะเป็นนักร้อง ร้องก็เพี้ยนๆ หรืออาจจะร้องดีบ้างนิดหน่อย แต่อยากจะเป็นนักร้องดังๆ ที่เขาร้องเพลงเก่งๆ เหมือนโอเปร่า ซึ่งทำอย่างไรก็ไม่ได้ คนรอบข้างก็รู้ เขาเลยบอกว่า …

“อย่างนี้ เธอต้องไปเกิดใหม่ซะ”

บางคนชัดเจนเลยนะ อยากเป็นนักกีฬา รูปร่างไม่ไห้

“ฉันอยากเป็นๆ”

คนรำคาญ เลยพูดไป “โน่น อย่างเธอ ถ้าเป็นได้ ต้องไปเกิดใหม่ซะ”

ยิ่งนิสัย ยิ่งชัดเจน บางคนขี้เกียจจนเป็นนิสัย หรือขี้เกียจจนเป็นสันดาน ผู้คนรอบข้างจึงบอกว่า …

“ถ้าจะไปเปลี่ยนนิสัยเขานะ ให้เขาไปเกิดใหม่เถอะ”

มันเป็นไปไม่ได้ เป็นสำนวนที่ทำให้เรารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ที่จะทำได้แล้ว เราเรียกว่าไปเกิดใหม่ซะ มนุษย์อยากไปสวรรค์ แต่ไปไม่ได้ พระเยซูบอกว่าไปเกิดใหม่ซะ พระเยซูไม่ได้พูดประชด พระองค์พูดจริงๆ ว่าเพื่อมนุษย์จะได้บังเกิดใหม่ ไปสวรรค์ได้นั่นเอง

เช่นเดียวกัน มนุษย์ที่เป็นคนบาป ถูกตัดขาดออกจากพระเจ้า ในวิญญาณตายอยู่ คือเกิดมาไม่รู้จักพระเจ้า เป็นศัตรูกับพระเจ้า อยู่ในความมืด แต่อยากจะเป็นผู้บริสุทธิ์ สะอาด และอยากจะไปอยู่ในสวรรค์หลังความตาย เป็นไปได้ไหม? เป็นไปไม่ได้ ก็ต้องไปเกิดใหม่ซะ แล้วในพระคัมภีร์บอกไปเกิดใหม่ได้จริงๆ ความสำคัญของคริสตมาส คือตรงนี้ มนุษย์สามารถเกิดใหม่ได้แล้ว พระเยซูมาแล้ว

และเพราะตัวการที่ทำให้มนุษย์ต้องกลายเป็นคนบาป ก็คือมนุษย์ด้วยกันเอง คืออาดัมและเอวาต้นพันธุ์ของมนุษย์ทั้งปวง บรรพบุรุษของเรา  ซึ่งตกลงไปในความบาป และนำพาเอาลูกหลานเหลนโหลนของมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ ลงไปในคำสาปแช่งของความบาปนี้ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะมาไถ่มนุษย์ให้รอดพ้นจากความบาปนี้ได้ ก็คือมนุษย์ด้วยกัน พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า จึงจำเป็นต้องมาเกิดในร่าง ในชีวิตที่เป็นมนุษย์เหมือนๆ กับเราทั้งหลาย พระคัมภีร์บอกว่าพระองค์ทรงมาเกิด เพื่อร่วมชาติพันธุ์กับเรา ร่วมเป็นมนุษย์กับเรา เพื่อจะได้เป็นตัวแทนของเรา  ไถ่บาปให้กับมวลมนุษยชาติได้นั่นเอง

นี่คือคำตอบที่ว่าทำไมพระเยซูต้องมาเกิดเป็นมนุษย์? ก็เพื่อไถ่มนุษย์ เผ่าพันธุ์เดียวกันนั่นเอง

“วันคริสตมาส คือวันที่สวรรค์ลงมาตั้งอยู่ พระเจ้าผู้สถิตในสวรรค์ สามารถลงมาสถิตอยู่ในร่างกายของมนุษย์ได้ โดยลงมา เพื่อชำระมนุษย์ให้สะอาด บริสุทธิ์ เหมือนพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้เข้ามาอยู่ในร่างกายของมนุษย์ได้”

เขาอธิษฐานกันมาอย่างนี้ตั้งแต่สมัยโบราณ อธิษฐานขออะไร?  “พระเจ้าผู้สถิตในสวรรค์สถาน ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่ยกย่องสักการะบูชา ขออาณาจักรของพระองค์มาตั้งอยู่ สวรรค์เป็นอย่างไร? ขอให้เป็นอย่างนั้น บนโลกใบนี้”

ขอมาเป็นพันๆ ปีเลย จนกระทั่ง พระเยซูมาบังเกิดในวันคริสตมาส เมื่อ 2,000 ปี นั่นแหละ พระเยซูบอกสวรรค์มาแล้ว ที่ขอกันมาตลอด รอกันมาตลอด ตั้งหลายพันปี บัดนี้สวรรค์มาที่นี่แล้ว สวรรค์อยู่ในใจของเธอ  ใจคือในวิญญาณของเธอ เพราจะให้เธอบังเกิดใหม่ พระเจ้าจะลงไปสถิตอยู่กับเธอ เธอจะเป็นสวรรค์ที่เดินอยู่บนโลกใบนี้ เอเมน

พอท่านไปไหนวันคริสตมาส ท่านจะได้เห็นภาพว่าอะไรเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ บ้านในโลกวิญญาณ พระคัมภีร์จะพูดถึงโลกวิญญาณอย่างเดียวเลย อ่านพระคัมภีร์ เรียนรู้พระคัมภีร์ ต้องมองทะลุไปถึงว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกวิญญาณ

ถามว่าโลกวิญญาณ คืออะไร? คือโลก โลกหนึ่งที่มีอยู่จริงๆ เหมือนกับที่เราเห็นอย่างนี้ เพียงแต่ความสามารถของตาของเรา ถูกทำให้เสียหายไป เนื่องจากคำสาปแช่งของความบาป ทำให้มองไม่เห็นเท่านั้นเอง เหมือนมันมีหมอกบังอยู่ แค่นั้นเอง

ถามว่าภูเขามีอยู่จริงไหม? มีอยู่ มองไปไม่เห็นภูเขา ทำไมไม่เห็น เพราะว่าหมอกหนา มันบัง ช่วงนี้ยิ่งเห็นชัดเลย หมอกมันบังอยู่ แต่ภูเขามีไหม? มี บ้านมีไหม? มี แต่ทำไมมองไม่เห็นบ้าน เพราะว่ามันมืด ดวงอาทิตย์ลับโลกไปแล้ว ดวงจันทร์ยังไม่ขึ้น ผมเลยมองไม่เห็นว่ามีบ้าน แต่จริงๆ มันมีบ้านอยู่ไหม? มีอยู่

ในทำนองเดียวกัน พระคัมภีร์บอกโลกวิญญาณมีจริงๆ เพียงแต่เรามองไม่เห็น เพราะตาเราไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะมองทะลุเข้าไปในโลกวิญญาณได้ แต่มีอยู่จริงๆ เพียงแต่เหมือนกับลายแทงหรือว่าแผนที่ให้บอกว่าอะไรบ้างที่เกิดขึ้นในโลกวิญญาณ

เรามาเรียนรู้ต่อที่บอกว่าวันคริสตมาส คือวันที่สวรรค์ลงมาตั้งอยู่ ในโลกวิญญาณนี้ ลักษณะเป็นอย่างไร? ภาพมันเป็นอย่างไร? ที่ตาเรามองไม่เห็น มันมีอยู่จริงๆ ไม่ว่าท่านจะปฏิเสธเท่าไร? ก็ตาม ถ้ามีอยู่จริง มันก็เป็นจริง ถ้าบ้านมันมีอยู่จริง มันก็เป็นจริง แม้ว่าตาเรามองไม่เห็น เราบอกว่าไม่มีๆ แต่มันก็มี เพราะมันมีอยู่จริงๆ เพียงแต่เรามองไม่เห็น พระคัมภีร์จึงบอกว่านี่คือโลกฝ่ายวิญญาณ ที่บังเกิดขึ้น และเกี่ยวพันกับวันคริสตมาสอย่างนี้แหละ ผมนำมาแค่นิดเดียวเอง เลือกเอาเฉพาะ 22 ข้อที่ต่อเนื่องกัน เรื่องเดียวเลย อ่าน แล้วท่านจะเห็นภาพเลย โลกวิญญาณมันเกิดอะไรขึ้นในวันคริสตมาส หนังสือเอเฟซัส บทที่ 2 ทั้งบทนี้ เริ่มข้อ 1 – 3 ก่อน

เอเฟซัส 2:1-3 “1 ส่วนท่านทั้งหลาย ได้ตายแล้วในวิญญาณ จากการล่วงละเมิด และในบาป ถูกตัดขาดจากความสัมพันธ์กับพระเจ้า จากความบริสุทธิ์ของพระเจ้า 2 ซึ่งท่านเคยดำเนินชีวิตตามวิถีของบาปของโลกนี้ และตามการครอบงำของเจ้าแห่งย่านฟ้าอากาศ (มาร) ซึ่งเป็นวิญญาณ ที่บัดนี้ ทำการอยู่ในบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อ (ไม่ได้ใช้สิทธิ์ในการไถ่บาปของพระเยซู) 3 ครั้งหนึ่งเราเคยมีชีวิตเหมือนกับผู้คนเหล่านั้นที่ไม่เชื่อ (ไม่ได้ใช้สิทธิ์ในการไถ่บาปของพระเยซู) และทำตามตัณหาของวิสัยบาปของเรา สนองความอยากกับความคิดของมัน ตามธรรมชาติบาปของวิญญาณที่ตายของเรา (ซึ่งไม่บริสุทธิ์ ไม่มีพระลักษณะของพระเจ้า) เราจึงควรแก่การถูกลงโทษสาปแช่ง เหมือนคนอื่นๆ ที่ไม่เชื่อ และไม่ได้ใช้สิทธิ์ในการไถ่บาป ที่พระเยซูได้กระทำให้”

 

นี่คือสภาพของโลกวิญญาณ  ก่อนที่มนุษย์จะสามารถได้รับการบังเกิดใหม่ คือก่อนที่มีวันคริสตมาสแรกของโลกใบนี้ เมื่อ 2,000 ปีก่อน ก่อนที่พระเยซูจะถูกจับที่ไม้กางเขน คือก่อนที่พระเยซูคริสต์จะมาเกิดเป็นมนุษย์นั่นเอง  พระเยซูคริสต์เกิดเป็นมนุษย์ พออายุประมาณ 33 ปี พระองค์ทรงถูกตรึงที่ไม้กางเขน และไถ่บาปให้กับมนุษย์ และเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม ก่อนหน้าที่พระเยซูคริสต์จะมาเกิด สภาพเป็นอย่างนี้ สภาพก่อนมนุษย์ได้รับการบังเกิดใหม่ วิญญาณของมนุษย์ทั้งหลาย เป็นวิญญาณที่ตายอยู่

ตายในที่นี้ ก็คือตายต่อพระเจ้า และมีชีวิตอยู่ในบาป เพื่อมาร คือเป็นทาสมาร คอยรับใช้มาร ก็คือไม่รู้จักพระเจ้า เป็นศัตรูกับพระเจ้า เข้ากันไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว พระเจ้าเป็นขาว เราก็เป็นดำ พระเจ้าเป็นความสว่าง เราก็เป็นความมืด ไม่มีอะไรที่เหมือนพระเจ้าเลย แม้แต่นิดเดียว เข้าใกล้พระเจ้าไม่ได้เลย อยู่ในโลกของความมืด ที่มีมารคอยควบคุม เป็นทาสมารตลอด นั่นคือวิญญาณของมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ ก่อนที่พระเยซูคริสต์จะมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ก่อนที่พระเยซูคริสต์จะมาไถ่บาปให้กับมนุษย์ที่ไม้กางเขน เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว สภาพเป็นเช่นนี้

ที่เราอ่าน บอกว่า  “ซึ่งวิญญาณ บัดนี้ทำการงานอยู่ในบรรดาคนที่ไม่เชื่อ” ก็คือมาร ในนี้บอก “ครั้งหนึ่ง เราเคยมีชีวิตเหมือนผู้คนเหล่านั้น ที่ไม่เชื่อ” นี่กำลังพูดถึงคนที่เชื่อว่าสมัยก่อนที่เรายังไม่เชื่อพระเจ้า เรายังไม่ได้ถูกไถ่ เรายังไม่ได้รับสิทธิของเรา  เรากระทำทุกสิ่งทุกอย่าง ทำตามตัณหา คือความอยากของวิสัยบาป

“วิสัยบาป” คือธรรมชาติบาป เนเจอร์ของบาป หรือพูดตามภาษาไทยดั้งเดิม ซึ่งไม่หยาบ แต่คนเอามาทำเป็นหยาบ ก็คือคำว่า “สันดาน” ตามสันดานของเรา เป็นอย่างนั้น เหมือนที่ตะกี้เราพูดกันใช่ไหม? สันดาน แก้ไม่ได้หรอก มีทางเดียว ต้องเกิดใหม่ มันเรื่องจริงๆ วิญญาณเราเป็นสันดานบาป วิสัยบาป เนเจอร์หรือธรรมชาติบาป เพราะฉะนั้น เราไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลย เพราะข้างใน เหมือนที่พระเยซูบอกต้นไม้ดี ก็ให้ผลดี ต้นไม้เลว ก็ให้ผลเลว นี่เราเป็นต้นไม้ไม่ดี รากมันมาจากวิญญาณของเราไม่ดี  สกปรกอยู่ เป็นบาปอยู่ อย่างไร เดี๋ยวก็บาป ยังไง เดี๋ยวก็ทำไม่ดี ไม่มีผลดีเลย ข้อพระคัมภีร์บอกไว้ว่า … “แต่เพราะความรัก ความเมตตาของพระเจ้า ทำให้เราได้รับการบังเกิดใหม่ เป็นชีวิตที่ตายต่อมาร ตายต่อบาป และมีชีวิต อยู่ในพระคริสต์กับพระเจ้า รับใช้พระเจ้า

เห็นไหมว่าตรงข้ามกันเลย  ตะกี้นี้เราตายต่อพระเจ้า และมีชีวิตอยู่ในบาป เพื่อมาร ตอนนี้กลับกัน พอเรามารู้จักพระเจ้า ได้บังเกิดใหม่ เป็นชีวิตที่ตายต่อบาป ตายต่อมาร แต่มีชีวิตอยู่ในพระเจ้า เอเฟซัส 2:4-7 ได้บันทึกไว้อย่างนี้

เอเฟซัส 2:4-7 “4 แต่เนื่องด้วยความรักใหญ่หลวงที่ทรงมีต่อเรา พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตาอันอุดม 5 จึงได้ทรงกระทำให้วิญญาณของเรา กลับมีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ แม้ในขณะที่ วิญญาณเราได้ตายแล้วในบาป … คือท่านทั้งหลายได้รับความรอด (จากการลงโทษจากคำสาปแช่ง) โดยพระคุณ” 6 “และพระองค์ได้ทรงให้วิญญาณของเรา เป็นขึ้นมากับพระคริสต์ … และในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าได้ทรงให้เรานั่งในสวรรค์สถานกับพระคริสต์ 7 เพื่อในยุคต่อๆ ไปพระองค์จะได้ทรงสำแดงความอุดมแห่งพระคุณอันหาใดเปรียบ ซึ่งได้ทรงแสดงด้วยพระกรุณาที่มีต่อเราในพระเยซูคริสต์”

 

นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกวิญญาณ ความรักของพระเจ้า คือความเมตตาของพระเจ้าที่เห็นลูกๆ ของพระองค์ที่เสียศูนย์ เสียชีวิตดีงามที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา ตกลงไปในความบาป ตกลงไปในความตาย อยู่เป็นทาสของมาร ทำอะไรก็ไม่ได้ มีแต่ความชั่วร้ายตลอด เพราะข้างใน หัวใจเขา คือวิญญาณของเขาเป็นความมืด เป็นความบาป เป็นทาสของมาร ทำอะไรไม่ได้เลย พระเจ้าเมตตา รัก วางแผนมาตั้งนาน เพื่อจะช่วยนั่นเอง  ช่วยด้วยวิธีที่เราอ่าน เนื่องด้วยความรักอันใหญ่หลวงของพระเจ้า ที่มีต่อเรา เปี่ยมด้วยพระคุณอันอุดม ได้ทรงกระทำให้วิญญาณของเรากลับมีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ คือทำให้วิญญาณเรา เกิดใหม่นั่นเอง มีทางเดียวเท่านั้น ต้องเปลี่ยนหัวใจใหม่ พระเจ้าเปลี่ยนให้เราจริงๆ โดยผ่านทางพระเยซู ผ่านทางวันคริสตมาสแรกของโลก จึงได้ทรงกระทำให้วิญญาณของเรา กลับมีชีวิตกับพระคริสต์ หลุดพ้นจากคำสาปแช่ง ให้เกิดใหม่ เป็นขึ้นมากับพระคริสต์ และในพระคริสต์ พระเจ้าให้เรานั่งในสวรรค์สถานกับพระคริสต์ ก็คือให้เรามีตำแหน่ง ความบริสุทธิ์ สะอาด เป็นลูกของพระองค์ มีสิทธิ์เท่าๆ กันกับพี่ชายของเรา ก็คือพระเยซู ที่เป็นพระเจ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเจ้าของวันคริสตมาส  ยิ่งรู้ความจริงมากเท่าไร? ยิ่งลึกซึ้งและซาบซึ้งในความรัก ความเมตตา และเข้าใจถึงความหมายของวันคริสตมาสอย่างถ่องแท้ ลึกเข้าไปข้างใน มันซึ้งมากเลย มนุษย์สามารถบังเกิดใหม่ได้  ก็โดยความเชื่อ พระคัมภีร์บอกเชื่อด้วยใจ และพูดด้วยปาก เชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อมาเป็นตัวแทนมนุษย์ ยอมตายที่ไม้กางเขน เพื่อรับโทษของบาป ให้กับมวลมนุษย์ และทรงเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่ 3 ซึ่งคือข่าวประเสริฐนั่นเอง

“ข่าวประเสริฐ” คือข่าวดี มาสำหรับมนุษย์ว่าบัดนี้ มนุษย์ทุกคนสามารถหลุดพ้นจากความบาป ความตายในวิญญาณได้แล้ว ก็คือโดยการเชื่อในพระเยซู เพื่อว่าจะได้บังเกิดใหม่ แต่ก่อนพูดเล่นๆ กัน แต่เดี๋ยวนี้ เกิดได้จริงๆ เขาถึงเรียกว่าข่าวดี

เมื่อใดที่ความเชื่อนี้ หยั่งรากลึกลงไปในวิญญาณของใครก็ตาม คนนั้นก็จะได้รับการบังเกิดใหม่ในวิญญาณของเขา วิญญาณจะได้รับการเปลี่ยนแปลง เป็นเหมือนที่พระเจ้าบอก ได้รับชีวิตใหม่ หัวใจใหม่ วิญญาณใหม่ สถานที่อยู่ใหม่ อาณาจักรใหม่ ซึ่งเรียกว่าอาณาจักรสวรรค์นั่นเอง ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นในโลกวิญญาณ  ท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม  เพราะตามองไม่เห็น พระคัมภีร์กำลังบอกถึงสิ่งที่มีอยู่จริงในโลกวิญญาณ เอเมน

เพราะฉะนั้น ใครที่เชื่อและรู้ว่าสิ่งนี้เป็นจริง ก็ได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ ใครที่ไม่เชื่อ ซึ่งมันมีเป็นจริงอยู่แล้ว ก็เสียประโยชน์ไป และเสียหายอย่างสูงสุดด้วยในชีวิตนี้ รวมถึงชีวิตหน้า ตลอดไปด้วย นี่คือข่าวดี พระเจ้าจะให้หัวใจใหม่ให้กับเรา จะให้วิญญาณใหม่กับเรา  ซึ่งเรียกว่าบังเกิดใหม่ แต่เป็นการยากมากสำหรับมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ ที่จะได้รับความรอดจากบาป ที่เกิดมาเป็นผู้ชอบธรรม โดยการบังเกิดใหม่ บริสุทธิ์ สะอาด เหมือนพระเจ้าได้ โดยไม่ต้องทำอะไรเลย ยิ่งบอกไม่ต้องทำอะไร ยิ่งยากใหญ่ เพราะว่าไม่ต้องทำอะไรไง เพราะมนุษย์ตกอยู่ในความบาป จึงมีความคิดแบบความบาป ซึ่งพระคัมภีร์เรียกว่าเย่อหยิ่ง

“เฮ้อ! เป็นไปได้อย่างไร? ได้มาฟรีๆ อย่างนี้เหรอ”

ยิ่งได้เยอะ ยิ่งมีความรู้สึก “ฉันไม่สมควรจะได้ ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่นอน ถามจริงๆ มีอะไรแอบแฝง วางแผนไว้ในใจหรือเปล่า?  มาให้ฉันตั้งเยอะขนาดนี้”

เราไม่เคยคิดว่า “เป็นไปได้  แล้วมีคนทำให้เราได้อย่างนี้จริงๆ ยิ่งไม่เชื่อใหญ่ เป็นไปไม่ได้หรอก มีแต่เขาโกงกันทั้งนั้นแหละ เขาหลอกลวงทั้งโลก อยู่ดีๆ จะมีคนมาตายเพื่อฉันที่ไม้กางเขน เพื่อให้ฉันได้ชีวิตใหม่ ไม่ต้องทำอะไร? ก็สามารถไปสวรรค์ได้ อย่างนี้เหรอ ไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้หรอก นี่เขาทำดีแทบตาย เขายังไม่ได้ไปสวรรค์เลย”

มนุษย์คิดอย่างนี้เสมอ เขาเรียกกันว่าเข้าสวรรค์ ทางมันแคบ แต่ไม่เข้าสวรรค์ ไปนรก ทางมันกว้าง เพราะเราคิดอย่างนี้  ถ้าไปสวรรค์ต้องยากๆ แต่จริงๆ ไม่ พระเจ้าบอก …

“เธอทำไม่ได้ แค่บอกอย่าทำชั่ว ก็ทำไม่ได้แล้ว ไม่ต้องรักษากฎระเบียบมากมายขนาดไหน?”

มีใครที่เกิดมา ไม่เคยทำชั่วเลย ไม่มี พอบอกว่า “ถ้างั้นให้ฟรีๆ”

ให้ฟรีๆ ก็ไม่เอา ขอทำอะไรบ้างสิ มันจึงเชื่อยาก แต่จริงๆ ในพระคัมภีร์บอกไว้อย่างนั้น พระเจ้าให้ฟรีๆ เลย ง่ายๆ ถามว่าให้ฟรีๆ เพราะอะไร? เพราะไม่มีทางที่เธอจะทำได้ พระเยซูบอก …

“ไม่มีทางที่เธอจะไปสวรรค์ได้  วิญญาณเธอจะสะอาดบริสุทธิ์เหมือนพระเจ้า เป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ไปเกิดใหม่ซะ ฉันมา เพื่อพวกเธอได้เกิดใหม่ได้ไง” นี่เรื่องจริง

พระคัมภีร์ได้ย้ำยืนยันว่าความรอดนี้ เป็นพระคุณพระเจ้า ไม่ใช่ จากการกระทำของเราเอง ถ้าเป็นการกระทำของเราเองแน่นอน ต้องมีบางคนทำได้ บางคนอาจจะทำไม่ได้ แต่นี่ไม่มีทางทำได้เลย สักนิดหนึ่ง ไม่มีใครรักษาความบริสุทธิ์ได้ ให้เหมือนพระเจ้า อาจจะเป็นคนดี … ดีที่สุด ในจำพวกคนทั้งหลาย ที่เป็นคนบาปด้วยกัน แต่สำหรับมาตรฐานของพระเจ้า คือเต็มร้อย เขาเรียกว่าสมบูรณ์ ดีพร้อม 100% บางคนอาจจะทำได้ 10% สอบตก บางคนอาจจะทำได้ 51% ดีใจ พระเจ้าคงรับ พระเจ้าบอก …

“ไม่ เกณฑ์ของเรา คือต้องเต็มร้อย  ต้องได้ 100% ถึงจะผ่าน แล้วมีใครทำได้ ไม่ได้เลย”

“เราทำได้  20 เราเก่งกว่านาย”

“เราทำได้ 50 เราเก่งกว่านาย”

“เราทำได้ 60 เราพยายามตลอดเลย เราเป็นผู้บริสุทธิ์ท่ามกลางมนุษย์แล้วนะ”

พระเจ้ามองมา ตกหมด ตกคือตก ไม่มีการมาสอบตกมาก ตกน้อย ไม่มี ตกที่1 ตกที่ 2 ไม่มี มีแต่ตกหมด ขึ้น ก็ขึ้นหมด ได้ 100 เท่ากัน ไม่มีใครได้มากกว่านี้ บางอย่างดูเหมือนง่าย แต่มันกลับเป็นยาก เพราะในความเป็นจริง มนุษย์ทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย มนุษย์ไม่สามารถรักษาความบริสุทธิ์ของเขาให้ได้เหมือนพระเจ้าเลย แม้แต่นิดเดียว พอบอกไม่ได้ ก็มาพึ่งพระเจ้าอย่างเดียว ไม่ต้องคิด  ก็ทำไม่ได้อีก เพราะชินของเก่า ฉันต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อช่วยพระเจ้าก็ยังดี พระเจ้าบอกไม่จำเป็นเลย ให้เชื่ออย่างเดียว เธอทำไม่ได้อยู่แล้ว  พระเยซูมาทำแทนทั้งหมด เอเฟซัส 2:8-9 จึงบันทึกไว้อย่างนี้

เอเฟซัส 2:8-9 “8 เพราะโดยพระคุณความเมตตา และความโปรดปรานของพระเจ้า ที่ได้นำท่านเข้ามาอยู่ในพระคริสต์ ท่านทั้งหลายจึงได้รับความรอดพ้น จากการถูกตัดสินลงโทษเนื่องจากบาป และได้รับชีวิตนิรันดร์ผ่านทางความเชื่อ 9 ความรอดนี้ ไม่ได้เป็นผลจากการพยายามทำด้วยตัวท่านเอง แต่เป็นพระคุณของพระเจ้าที่ได้ประทานให้ ไม่ใช่ความรอดโดยการประพฤติ หรือความพยายามที่จะรักษาบทบัญญัติของพระเจ้า เพื่อจะไม่มีใครโอ้อวด และแอบอ้างความดี ในความรอดของตนได้”

 

ชัดไหม? โดยพระคุณ ความเมตตาของพระเจ้า ความโปรดปรานของพระเจ้า  ที่ได้นำท่านเข้ามาสู่พระคริสต์ พระเจ้าพาเราเข้าไปสวรรค์ ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนดีในสายตาของมนุษย์ หรือเป็นคนชั่ว ในสายตาของมนุษย์ก็ตาม เขาทั้งหลายเหล่านั้น ต้องพึ่งในพระคุณของพระเจ้า ผ่านทางพระเยซูคริสต์อย่างเดียวเท่านั้น ถ้าเขาจะเข้าสวรรค์ไปหาพระเจ้า และอยู่กับพระเจ้าได้นิรันดร์ จะได้บังเกิดใหม่ได้

ความรอดนี้ ไม่ได้เป็นผลจากการพยายามทำด้วยตัวของท่านเอง แม้แต่นิดเดียว คนละเรื่องเลย ว่ากันตามจริง พระเยซูตายที่ไม้กางเขน และเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่ 3 งานสำเร็จเรียบร้อยแล้ว เรายังไม่เกิดเป็นมนุษย์เลย แต่ทำให้เราไปแล้ว คิดดู แค่นี้ ในนี้บอกว่า …

“เพื่อจะไม่มีใครโอ้อวด แอบอ้างในความดี ในความรอดของตน”

“เห็นไหม? ที่ฉันได้รับความรอด และมาเป็นคริสเตียนได้ เพราะฉันทำดีมาตลอด ฉันรู้ว่าพระเจ้ามองเห็น”

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พระเยซูไม่ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ได้ ให้มนุษย์ทำกันเอง ไม่ใช่ พระเยซูมาเพื่อช่วยมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ ซึ่งเป็นคนชั่วทุกคน เป็นคนเลวทุกคน เป็นคนบาปทุกคน เราคิดเองว่าเราบาปน้อยกว่าคนนี้ คนนี้บาปมากกว่า แต่พระเยซูบอกเท่ากันหมดเลย  เพราะฉะนั้น พระองค์มาเพื่อคนบาปทั้งปวง รวมทั้งฉันด้วย นี่เป็นพระคุณ

บางครั้งเราพยายามหาทางกตัญญูต่อพระเจ้า ที่ช่วยเรารอดจากบาป และรับเราเป็นลูกของพระองค์ แต่ในความกตัญญูของเรานั้น มันไม่เป็นไปตามพระประสงค์ หรือความต้องการของพระเจ้า เพราะพระเจ้าต้องการจากเราเพียงอย่างเดียว คือให้เราไปอยู่ในพระคริสต์ จบ ต้นไม้ดีแล้ว เดี๋ยวมันดีเอง

ความประสงค์ของพระเจ้า น้ำพระทัยของพระเจ้า คือให้เราเชื่อในพระบุตร ที่พระองค์ทรงส่งมาเกิดบนโลกใบนี้ เพื่อช่วยเหลือเรา ผู้ไม่มีแรงจะทำ แต่พระองค์ทำให้เรา คือเชื่อในพระเยซูคริสต์ เจ้าของวันคริสตมาส ให้เรารักษาวันคริสตมาสให้ดีๆ จบ

บางคนบอกว่าน้ำพระทัยของพระเจ้า คืออันโน้น อันนี้ ไม่ให้เราไปไหว้รูปเคารพ ไม่อยากให้เราทำอันนี้ ไม่ใช่เลย เอาต้นเหตุเลย ได้ต้นเหตุ เดี๋ยวข้างล่างก็ได้หมด พระเยซูจะพูดอย่างนี้เสมอ น้ำพระทัยพระเจ้า คือทำตามพระประสงค์ของพระองค์ ที่ได้ส่งเรามา คือเชื่อในเราว่าเราเป็นใคร? พระองค์จะพูดอย่างนี้ เชื่อในเราๆ พระเยซูไม่ได้มาสอนคนทำความดี พระเยซูมาสอนให้เรากลายเป็นคนดีพร้อม ในวิญญาณของเรา  เมื่อเรามาเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว คิดดูนะ เราเป็นลูกของพระเจ้า สิ่งเดียวที่พ่อเราต้องการจากเรา ก็คือให้เราอยู่กับพระองค์ เชื่อฟังพระองค์ว่า …

“เธอมองไม่เห็น แต่ฉันมองเห็น  ฉันจะบอกเธอ ให้เธอเชื่อ พระคริสต์แค่นั้นเอง เธอรอดจากบาปได้เพราะเขา วันคริมาสเกิดขึ้น  เพื่อ 2 สิ่งนี้” ก็คือ …

(1) พระเจ้ามีนามว่าพระเยซูคริสต์ ตายที่ไม้กางเขน

(2) เกิดใหม่ในวันที่ 3

สองอันนี้ แค่นั้นเอง ตายที่ไม้กางเขน รับโทษบาปแทนเรา เป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่ 3 สำคัญกว่า ก็คือบังเกิดใหม่ การเป็นขึ้นมาใหม่ของพระเยซูคริสต์ ทำให้เราทั้งหลาย สามารถบังเกิดใหม่ พร้อมพระองค์ได้ เป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า บริสุทธิ์ สะอาด ศักดิ์สิทธิ์ ปราศจากตำหนิใดๆ เลย ในวิญญาณของเรา เหมือนหรือเท่าๆ กันกับความสะอาด ศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซู

เอเฟซัส 2:10 “เพราะเราทั้งหลายเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอก ที่ประณีตยอดเยี่ยมของพระเจ้าที่สร้างสรรค์ขึ้นในพระเยซูคริสต์ ซึ่งวิญญาณได้บังเกิดใหม่ พร้อมที่จะให้พระเจ้าใช้ เพื่อทำการดีต่างๆ ซึ่งพระเจ้าได้เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตที่ดี เป็นไปตามแผนการของพระองค์”

 

การกระทำของพระเจ้า ผ่านทางพระเยซูคริสต์ ที่ตายด้วยความทุกข์ทรมานบนไม้กางเขน และเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่ 3 ไม่ใช่ เพื่อให้เรา หรือมนุษย์ทุกคน สามารถทำความดี สามารถสั่งสมความดีไว้มากๆ เพื่อจะได้ไปอยู่ในสวรรค์ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เพื่อให้มนุษย์ทุกคน สามารถเป็นคนดีพร้อม บริสุทธิ์ สะอาด ชอบธรรม 100% เท่ากับพระเจ้า เป็นลูกของพระเจ้าเท่ากับพระเยซูคริสต์ โดยการบังเกิดใหม่เท่านั้น ไม่ใช่ โดยการเปลี่ยนศาสนา ไม่มีประโยชน์ โดยการเปลี่ยนนิสัย ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องเปลี่ยนวิญญาณของท่าน เพราะฉะนั้น มนุษย์เปลี่ยนวิญญาณเอง ไม่ได้ จึงต้องพึ่งพระเจ้า พระเจ้าจะเปลี่ยนวิญญาณให้กับท่าน มันหมายความว่าอย่างนี้ นี่คือข่าวประเสริฐ นี้คือข่าวดี ไม่อย่างนั้น เราก็จะวนอยู่กับการแสวงหาที่ไปไม่ถึงฝั่งเหมือนเดิม  มันจะเป็นความชอบธรรมที่บริสุทธิ์ สะอาด เป็นของพระเจ้า ไม่ใช่ความสะอาดบริสุทธิ์ที่มนุษย์ตั้งขึ้นมาเองว่าอย่างนี้สะอาด อย่างนี้บริสุทธิ์ ไม่ใช่ เป็นความชอบธรรม บริสุทธิ์ สะอาด ชนิดที่เป็นของพระเจ้า ที่ประทานให้กับมนุษย์ทั้งหลายที่เชื่อ ใครไม่เชื่อ ก็ไม่ได้

โรม 3:23-24 บันทึกไว้อย่างนี้ “23 เพราะว่ามนุษย์ทุกคนได้ทำบาป และถูกตัดขาดจากพระสิริของพระเจ้า 24 แต่ได้รับการชำระให้สะอาดบริสุทธิ์ เป็นของประทานจากพระคุณของพระเจ้า ผ่านทางการไถ่ ในพระเยซูคริสต์

 

มนุษย์ทุกคนได้เป็นคนบาป และทำบาป และถูกตัดขาด จากพระสิริของพระเจ้า คือไม่รู้จักพระเจ้า ตายในวิญญาณ ตาบอดในวิญญาณ ไม่รู้เรื่องเลย อยู่กับมารตลอด โดยธรรมชาติ โดยสันดาน ต้องถูกลงโทษ แต่ได้รับการชำระให้สะอาด โดยพระคุณของพระเจ้า ผ่านทางการไถ่ คือการตายที่ไม้กางเขน เหมือนกับพระเยซูคริสต์ชำระหนี้ ด้วยชีวิตของพระองค์ และซื้อพวกเรา กลับคืนมา และในวันที่สาม พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาใหม่ ไถ่บาป สะอาดหมดจดแล้ว การเป็นขึ้นมาใหม่ของพระองค์ ก็คือพระเจ้าให้เราเป็นขึ้นพร้อมกับพระองค์ด้วยเช่นเดียวกัน

โรม 4:5 “ส่วนคนที่ไม่ได้อาศัยการประพฤติ แต่วางใจพระเจ้า ผู้ทรงทำให้คนชั่วเป็นผู้ชอบธรรม พระองค์ทรงถือว่าความเชื่อของเขา เป็นความชอบธรรม”

 

ความชอบธรรม แปลว่าสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้ กอดคอกับพระเจ้าได้ เป็นพ่อลูกกัน เข้ากับพระเจ้าได้ คุยกับพระเจ้าได้ เขาเรียกว่านมัสการ … นมัสการ คือการมีปฏิสัมพันธ์ การรู้จัก สนิทสนม นมัสการพระเจ้า แปลว่าติดต่อกัน หรือแปลอีกนัยหนึ่งว่าเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า การไถ่ สามารถทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า โดยที่เป็นพระคุณของพระเจ้า ที่พระเจ้าเป็นผู้กระทำ มนุษย์เราไม่ได้ทำอะไรเลย แม้แต่นิดเดียว ผ่านทางความเชื่อเท่านั้น พระองค์ทรงถือว่าความเชื่อของเขา เป็นความชอบธรรม แค่เชื่อเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้น ผู้ที่เชื่อแล้ว บังเกิดใหม่แล้ว จะมีธรรมชาติ หรือเรียกว่าเนเจอร์ หรือเรียกว่าสันดาน หรือเรียกว่าวิสัย ก็ได้ อันเดียวเท่านั้น เมื่อเขาเกิดใหม่แล้ว คือสันดานบริสุทธิ์ เนเจอร์บริสุทธิ์ ธรรมชาติบริสุทธิ์ วิสัยบริสุทธิ์ เหมือนพระเจ้า อยู่ในวิญญาณของเขา เป็นตัวตนจริงๆ ของมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ มนุษย์ทุกคนเป็นวิญญาณ มีความคิดจิตใจ และอาศัยในร่างกายที่เราเห็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น วิญญาณและความคิดจิตใจของเขาจะอยู่ตลอดไป ถ้าเขาเกิดใหม่ ไปอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์ ตั้งแต่เป็นมนุษย์ เขาก็จะอยู่กับพระเจ้าอย่างนั้น ตลอดไป เพียงแต่ว่าเปลี่ยนร่างกายใหม่เท่านั้นเอง เขาทิ้งร่างกายเก่าไป พระเจ้าเตรียมร่างกายใหม่ให้กับเขา แต่วิญญาณ ยังเป็นวิญญาณเดิม วิญญาณที่ได้บังเกิดใหม่ในพระคริสต์ (หรือไม่?) เท่านั้นเอง นี่คือข่าวดี

ความสะอาดบริสุทธิ์นี้ ในพระคัมภีร์ใช้คำว่า “วิสุทธิชน” แปลว่าคนที่เป็นโฮลี่ ไม่ใช่เป็นสมาชิกที่นี่ โฮลี่ ที่แปลว่าบริสุทธิ์ ที่เราไม่กล้าใช้ คนนั้น ได้ถูกทำให้เป็นผู้บริสุทธิ์ เพียงแค่เชื่อและวางใจในเจ้าของคริสตมาส คือพระเยซูคริสต์ว่าพระองค์เป็นพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ ที่พระเจ้าทรงประทานให้กับมนุษย์ มาช่วยเหลือมนุษย์ และทรงเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม

ยอห์น 3:16 “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์  เพื่อทุกคนที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”

 

ก็คือได้รับการบังเกิดใหม่ และจะอยู่ในการบังเกิดใหม่นั้น นิรันดร์ ไม่กลับมาเป็นคนสกปรก ไม่อยู่ในความบาป อีกต่อไปเลย แม้แต่นิดเดียว

เอเฟซัส 2:11-13 “11 เหตุฉะนั้น ท่านจงระลึกว่าแต่ก่อนท่านเป็นคนต่างชาติ คือไม่ใช่ชาวยิวโดยกำเนิด และบรรดาผู้ที่เรียกตนเองว่า “พวกที่เข้าสุหนัต” (ชาวยิว) เรียกท่านว่า “พวกไม่เข้าสุหนัต” 12 จงระลึกว่าตอนนั้นท่านได้ถูกแยกจากพระคริสต์ ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพระองค์ ไม่ได้เป็นพลเมืองยิว และเป็นคนต่างด้าว อยู่นอกพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้  ไม่มีความหวัง และอยู่ในโลกโดยปราศจากพระเจ้า 13 แต่บัดนี้ ในพระเยซูคริสต์ท่านทั้งหลาย ซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกลพระเจ้า ได้ถูกนำเข้ามาใกล้แล้ว โดยพระโลหิตของพระคริสต์”

 

“เหตุฉะนั้น ท่านจงระลึกว่าแต่ก่อนท่านเป็นคนต่างชาติ” ในนี้กำลังพูดถึงผู้เชื่อที่ไม่ใช่เป็นชาวยิว แต่พระเจ้าเรียกท่านเข้ามา และแผนการของพระเจ้า คือเลือกทั้งยิว ทั้งไม่ใช่ยิว พวกยิวนึกว่าพระเจ้าเป็นของเขาคนเดียว พระเยซูเป็นของเขาประเทศเดียว ชนชาติเดียว ชนชาติอื่น ถือว่าไม่รู้จักพระเจ้าทั้งสิ้น  ถือว่าเป็นคนนอกรีต เป็นพวกต่างชาติ แต่เปาโลมาประกาศว่าพระเยซูเป็นของมนุษย์ทุกคน

ยิวก็ต้องการเหมือนกับที่คนต่างชาติต้องการ แม้ว่าเขาจะรู้จักพระเจ้ามาก่อนก็ตาม แต่เมื่อพระเยซูคริสต์มาเกิดเป็นมนุษย์ มาตายที่ไม้กางเขน และเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม เขาก็จำเป็นต้องเชื่อในข่าวดี เหมือนกันกับคนที่ไม่ใช่ยิว อยู่ดีๆ เขาจะได้รับความรอด เพราะการประพฤติเก่าๆ ตามบัญญัติ ไม่ใช่ เขาต้องเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ มาตายบนไม้กางเขน หลั่งพระโลหิต และทรงเป็นขึ้นมาใหม่ ในวันที่สาม และการเชื่อแค่นี้ เขาก็ได้รับความรอดเท่าๆ กันกับคนที่ไม่ใช่ยิว

เอเฟซัส 2:14-18 “14 เพราะพระองค์เอง ทรงเป็นสันติสุขของเรา ผู้ทรงทำให้เราสองพวก  ยิวและคนต่างชาติ ผูกพันเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นร่างกายเดียว และทรงทำลายสิ่งกีดขวาง คือกำแพงแห่งความเกลียดชังที่กีดกั้นลง 15 โดยทรงล้มเลิกบทบัญญัติทั้งหมดของชาวยิว ซึ่งประกอบด้วยข้อบังคับและกฎระเบียบต่างๆ ด้วยพระกายของพระองค์ จุดประสงค์ของพระองค์  ก็เพื่อยุบสองฝ่าย และสร้างขึ้นใหม่ เป็นหนึ่งเดียวในพระองค์ เช่นนี้แหละ จึงทรงทำให้มีสันติสุข 16 และในกายเดียวนี้ ทั้งสองพวกจึงกลับคืนดีกับพระเจ้า โดยไม้กางเขน ซึ่งพระองค์ทรงใช้ทำลายความเป็นศัตรูกันให้หมดสิ้นไป 17 พระองค์เสด็จมาประกาศสันติสุขแก่ท่านทั้งหลายที่อยู่ไกล และสันติสุขแก่ผู้ที่อยู่ใกล้ 18 เพราะโดยพระองค์ เราทั้งสองพวกสามารถเข้าถึงพระบิดา  โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน”

 

ในอดีต คนยิวเขาเกลียดพวกเรา เขาถือว่าเราเป็นคนนอกรีต ไม่เชื่อพระเจ้า แต่พระเยซูเปิดเผยให้เขา ตอนที่มาเกิดเป็นมนุษย์ ตายที่ไม้กางเขนว่าแผนการของพระเจ้า คือเลือกมนุษย์เท่ากันหมด ไม่ว่าจะเป็นยิวหรือต่างชาติ ทุกคนต้องผ่านทางความรอดเดียว คือผ่านทางพระเยซูคริสต์ ที่ตายที่ไม้กางเขน และแบกรับเอาความบาป และเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สามเท่านั้น พระเจ้าได้ทำผ่านทางพระเยซูคริสต์ คือทำให้ 2 พวกนี้ ทั้งยิวและไม่ใช่ยิวนี้ กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นประเทศเดียวกัน ในโลกวิญญาณ ที่เรียกว่าประเทศพระคริสต์ เรียกว่าในพระคริสต์ ในประเทศนี้ ทุกคนมีค่าเท่ากันหมด หรือคนชนชาติใดก็ตาม เป็นลูกของพระเจ้า ในพระคริสต์ โดยผ่านทางพระเยซูคริสต์ที่ได้ไถ่บาป และเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม ผู้คนในประเทศนี้ ในพระคริสต์ ได้บังเกิดใหม่กันทุกคน เอเมน

เอเฟซัส 2:19-20 “19 ดังนั้น ท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวแปลกถิ่นอีกต่อไป แต่เป็นพลเมืองเดียวกับประชากรของพระเจ้า และเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า 20 ท่านได้รับการสร้างขึ้น  บนฐานรากของเหล่าอัครทูตและผู้เผยพระวจนะ โดยมีพระเยซูคริสต์เอง เป็นศิลามุมเอก”

 

ท่าน คือคนต่างชาติที่ไม่ใช่ยิว บัดนี้ พระเจ้าที่ยิวเขาเคารพนับถือก่อนที่พระเยซูคริสต์จะมา ตอนนี้เป็นพระเจ้าของท่านด้วย  เป็นพ่อของท่านด้วย  และเป็นพ่อเดียวกันนั่นแหละ ท่านไม่ใช่เป็นคนต่างชาติอีกต่อไปแล้ว ท่านได้รับการทรงสร้างขึ้น บนรากฐานของเหล่าอัครทูต

การสร้างขึ้น บนรากฐานจากเหล่าอัครทูต คือผู้ที่ประกาศข่าวดีของพระเยซู วันที่พระเยซูเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่ 3 แล้วก็ลอยเข้าไปอยู่ในสวรรค์แล้ว และให้เหล่าอัครทูตเหล่านี้ ประกาศข่าวประเสริฐ อัครทูตเหล่านี้ ก็ไปประกาศ ให้ผู้คนทั้งที่เป็นยิวและไม่ใช่ยิว ได้ยินข่าวประเสริฐ พอเชื่อ ก็ได้บังเกิดใหม่ ผู้คนที่บังเกิดใหม่เหล่านี้ อยู่บนรากฐานของเหล่าอัครทูตและผู้เผยพระวจนะ คือผู้เผยพระวจนะ ตั้งแต่สมัยโมเสสอาโรน จนถึงยอห์น บัพติศโต คนที่ให้ลงน้ำ ผู้เผยพระวจนะเหล่านี้ ได้พูดถึงพระเยซูมาตลอด เป็นหลายๆ พันปีว่าพระองค์จะมาทำอย่างนี้ พูดเป็นนัยบ้าง พูดเป็นคำเผยพระวจนะ พูดเป็นความฝัน พูดเป็นนิมิต ตลอด หมายถึงอย่างนี้ และโดยมีพระเยซูคริสต์เอง เป็นศิลามุมเอก ก็คือผู้เผยพระวจนะเหล่านี้ พูดมาทั้งหมดเลย รวมทั้งพอพระเยซูคริสต์มาเกิดจริงๆ ปุ๊บ มาตายที่ไม้กางเขน เป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม เข้าไปอยู่ในสวรรค์แล้ว อัครทูตก็พูดเรื่องพระองค์อีก  พระเยซูคริสต์เป็นศิลามุมเอก หมายถึงพระเยซูคริสต์เป็นแกนหลักของเรื่องนี้

เอเฟซัส 2:21-22 “21 ในพระองค์ ทุกส่วนของอาคารทั่วทั้งหมดต่อกันสนิท และประกอบกันขึ้นเป็นวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ ในองค์พระผู้เป็นเจ้า 22 และในพระองค์ ท่านก็เช่นกัน กำลังรับการ ทรงสร้างขึ้นด้วยกัน ให้เป็นที่ประทับของพระเจ้า ในวิญญาณ”

 

เพราะฉะนั้น มนุษย์ทั้งหมดในโลกนี้ ทั้งคนยิวและไม่ใช่ยิว ถูกประกอบกันเป็นวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ที่พระเจ้ากำลังสร้างขึ้นใหญ่โต วิหารนี้ พระเจ้าใช้ชื่อว่าในพระคริสต์ ในโลกวิญญาณ เหมือนกับอาณาจักร เหมือนกับประเทศๆ หนึ่ง ใหญ่ๆ ซึ่งตรงนี้ ภาษาไทยเรียกว่า “สวรรค์” ในพระคริสต์ ก็คือสวรรค์นั่นเอง พระเจ้าจับท่านเข้ามาอยู่ในพระคริสต์ ก็คือจับท่านเข้ามาอยู่ในสวรรค์ ใครจะมาอยู่ในพระคริสต์ได้ เขาต้องบังเกิดใหม่ ใครจะบังเกิดใหม่ได้ เขาต้องเชื่อว่าผู้ที่ทำให้เขาบังเกิดใหม่ได้ คือพระเจ้า ผ่านทางความเชื่อ ที่พระองค์ทรงกระทำในพระเยซู ตอนที่พระเยซูถูกตรึงที่ไม้กางเขน หลั่งพระโลหิตชำระบาปให้กับเรา แล้วพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่ 3 พระเจ้าพระบิดาชุบพระเยซู ให้เป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่ 3 และเราก็เป็นขึ้นมาใหม่กับพระองค์ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะพระองค์เป็นมนุษย์ ตัวแทนของเรา  ขณะที่เราตายที่ไม้กางเขน พร้อมกับพระองค์ นี่คือมนุษย์ทั้งหลาย รวมทั้งเราด้วย

แต่พระเยซูตรัสว่า … “ไม่มีใครจะเอาแกะออกจากคอกของพระองค์ได้ ไม่มีมนุษย์หน้าไหน? หรือฤทธิ์เดชอำนาจใดๆ จะเอาเจ้าออกจากมือของเราไปได้”

ฟิลิปปี 1:6 บอกว่า “ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าพระเจ้าผู้ทรงเริ่มต้นการงานดีในท่านแล้ว จะกระทำต่อไป จนกระทั่งสำเร็จ จนกว่าจะถึงวันของพระเยซูคริสต์ จอมเจ้านายของเรา”

เมื่อท่านเกิดแล้ว เริ่มต้นการงานดีแล้ว ไม่ต้องห่วง แค่นี้เอง จบ ไม่ต้องไปบังคับทำอันโน้น อันนี้ ต้องมาอย่างนั้น อย่างนี้ หนีตะเหลิดเปิดเปิงหมด ทั้งที่ยังไม่ทันไรเลย มา ย้ายจากอันนั้นมาเข้า ย้ายจากอันนี้มาเข้า เหนื่อย มาเข้าอันนี้เหนื่อยกว่าเก่าอีก รับไปฟรีๆ มันของฟรี ประทานพระคุณให้ โดยเราไม่ต้องทำอะไรเลย จริงๆ เชื่ออย่างเดียว รักษาความเชื่อนี้ไว้ แล้วเล่าสู่กันฟัง ประกาศให้เขาฟัง มาเกิดใหม่ดีกว่า เอเมน  ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

*************************