คำหนุนใจ Pre Sermon วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2017 เรื่อง “หนังสือฮักกัย บทที่ 2 นิเวศน์พระเจ้า” โดย นคร เวชสุภาพร

คำหนุนใจ Pre Sermon วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2017

เรื่อง “หนังสือฮักกัย บทที่ 2 นิเวศน์พระเจ้า”

โดย นคร  เวชสุภาพร

            ช่วงนี้เราย่ำกันอยู่เรื่อยๆ ถึงเรื่องเกี่ยวกับโลกวิญญาณ ต้องย่ำกันอยู่เรื่อยๆ อย่างที่ผมพูดอยู่บ่อยๆ ว่าถ้อยคำทั้งหมดในพระคัมภีร์ทั้งเล่ม เป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกวิญญาณทั้งสิ้น  เล็งไปถึงโลกวิญญาณทั้งสิ้น  ตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้าย คำแรก ก็คือคำว่า “พระเจ้าสร้างโลก” นั่นแหละ ตอนนั้น ในปฐมกาล จนถึงหน้าสุดท้ายวิวรณ์ ต้องมองไปที่โลกวิญญาณทั้งสิ้น ล้วนเล็งถึงโลกวิญญาณ

การเล็งถึงโลกวิญญาณหมายถึงอะไร? หมายถึงพระเจ้ากำลังบอกถึงแผนการล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น  พระองค์จะทำอะไรเกิดขึ้น ในโลกวิญญาณจะเกิดอะไรขึ้น ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่าอาพกกะลิฟ ก็คือนิมิต คือเรื่องราวที่บอกถึงโลกวิญญาณ คือการนำเอาเหตุการณ์ต่างๆ ในโลกวัตถุมาเป็นเหมือนตัวแสดงให้เห็นว่ามันเล็งถึงอะไรเกิดขึ้น ค่อยๆ เรียนรู้กันต่อไป

เพราะฉะนั้น เวลาเราอ่านพระคัมภีร์ ไม่ว่าจะเป็นพระคัมภีร์เดิมหรือพระคัมภีร์ใหม่ก็ตาม แล้วโยงมาถึงเรื่องราวทางโลก เรื่องทางกายภาพทางโลก เรื่องทางวัตถุทางโลก แล้วเราก็นึกว่ามันเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ทางโลก  เราก็มีความรู้สึกมันขัดแย้งกัน ข้อนี้ไปแย้งกับข้อนั้น  ข้อนั้นจะไปแย้งกับข้อนี้ ยุ่งไปหมดเลย มันจะไม่เข้าใจ มันจะไม่เป็นเรื่องเดียว จะเป็นแปดสิบ ร้อยพันเรื่อง ยุ่งวุ่นวายไปหมดว่าทำไมมันแย้งกันเต็มไปหมด

ยกตัวอย่างเช่นทำไมพระเจ้าเป็นความรัก แล้วทำไมพระเจ้าโหดร้ายอย่างนี้  มันจะยุ่งไปหมด ทำไมพระเจ้าสั่งให้ฆ่าไปหมดเลย มันไม่เข้าใจ เล็งไปถึงโลกวิญญาณ มันจะอ๋อๆๆๆ ทุกคำตลอดไปเลย  นี่คือเคล็ดลับ

พระคัมภีร์บอกนี้คือตัวอย่าง ถ้าท่านเล็งไปถึงโลกวัตถุ เล็งไปถึงสิ่งที่ตามองเห็น ไม่ใช่พระคัมภีร์ ท่านจะงงไปหมดเลย  ยกตัวอย่างเช่นอะไร อันนี้ชัดเจน พระคัมภีร์บอกว่าอะไร?

“โดยรอยแผลเฆี่ยนของพระเยซู เราได้รับการรักษาให้หาย”

ถูกไหม? แล้วเราก็ไปเชื่อว่าอ๋อ! หมายถึงเราเชื่อพระเยซู เราจะได้รับการรักษาให้หายโรค พระเยซูถูกตรึงที่ไม้กางเขน  ถูกเฆี่ยน รอยแผลเฆี่ยนของพระองค์ ทำให้เราหายโรค จากโรคมะเร็ง โรคหวัด โรคเจ็บคอ โรคอะไรแล้วแต่ สมมติ เราคิดว่ามันเป็นเรื่องวัตถุ เสร็จเลย

“เอ๊ะ ทำไมคนนี้ป่วยตาย เป็นคริสเตียน ทำไมป่วยเป็นมะเร็งตาย”

มันยุ่งวุ่นวายไปหมดเลย แต่ถ้าท่านเล็งไปถึงโลกวิญญาณว่าตรงนี้ พระคัมภีร์เขียนไว้ กำลังบอกเราล่วงหน้าถึงโลกฝ่ายวิญญาณว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างนี้  รอยแผลเฆี่ยนของพระเยซู พระเยซูมารับบาปของเรา เอาบาปของเราออกไป เราหายจากโรคบาปทางวิญญาณแล้ว  จบเลย  วิญญาณเราใสปิ้ง ไปอยู่ในสวรรค์แน่นอน ส่วนร่างกายก็ว่ากันไป ตามที่พระเจ้าจะนำพาเราต่อไป เอเมน อย่างนี้มันเป๊ะเลย มันไม่ยาก

อีกอันหนึ่ง พระคัมภีร์บอก พระเยซูตรัสเองนะ … “จงขอแล้วจะได้ จงเคาะแล้วจะเปิด” พระเยซูตรัสเองเลย  จงขอแล้วจะได้ ปรากฏว่าเราขอมาตั้งนานแล้ว  ทั้งอดอาหาร ก็อดแล้ว อธิษฐานโต้รุ่งก็ทำมาแล้ว แต่ทั้งหมด ก็ยังไม่ได้ตามที่ขอเลย ถูกไหม?  เราก็ฟุ้งซ่านไปหมด พระเยซูกำลังบอกว่าถ้าเราแสวงหาจริงจัง ในทางวิญญาณ เราจะได้พระพรตรงโน้น  เอเมน เห็นแล้วมันจะโอ้โห วิญญาณทั้งสิ้น

ยกตัวอย่างอีกอันหนึ่ง พระคัมภีร์บอกว่าจงให้ออกไป แล้วเจ้าจะได้กลับมา 100 เท่า 1000 ทวี บางคนเอาไปใช้ 100 เท่า ให้ไป 100 เพราะฉะนั้น คูณ 100 เท่า ก็เป็นเท่าไร? 100000 หรือ? โอ้โห ไม่มีหุ้นไหนดีกว่านี้แล้ว มาลงทุนกับพระเจ้าดีกว่า เขาประกาศกันอย่างนี้  มาลงทุนกับพระเจ้า 1 ได้ 100 ถ้าความเชื่อน้อยที่สุด ได้ 30 เท่า แค่นี้ก็รวยแล้ว  ปรากฏว่าเราลงไปจริงๆ เลย  ความเชื่อมั่นคงเลยว่าถ้อยคำนี้เป็นจริง ปรากฏว่าแล้วได้ไหม?  ถ้าได้ผมไม่เห็น ผมไม่เห็นท่านนั่งรถเมล์มา  แต่นี่หลายคนก็ยังนั่งรถเมล์มาอยู่นะ  ให้ไปตั้งนานแล้ว ควรจะซื้อรถไปได้แล้ว จริงไหม? แต่ตรงนั้นมันหมายถึงท่านให้ไปด้วยความเชื่อศรัทธาในนี้  ด้วยวิญญาณของท่าน ไม่ต้องการจะได้รับสิ่งกลับคืนเลย  เป็นความรักแท้จริงในการให้ออกไปเลย ไม่ต้องการหวังสิ่งกลับคืน ท่านจะได้รับพระพรเป็นหมื่นๆ ทวี ทางวิญญาณ

ถ้าพระเจ้าจะให้ฉันอยู่อย่างขัดๆ สนๆ อยู่บนโลกใบนี้  ใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อะไรประมาณนั้น ก็ว่ากันไปตามที่พระเจ้านำพา เอเมน แต่ไม่ขาด ก็แล้วกัน พระเจ้าสัญญาว่าไม่ขาด แต่ไม่ใช่โวยวายจะเอา 100 เท่า ป่านนี้ คริสเตียนรวยที่สุดแล้ว  ไม่จนอย่างนี้หรอก (จนทางกายภาพ) หมายถึงจนทางร่างกายวัตถุ การเงิน แต่ทางวิญญาณรวยมหารวยเลย คนที่เป็นคริสเตียน

นี่คือ 1 ในเหตุผลว่าทำไมผมถึงพยายามย่ำเรื่องโลกวิญญาณให้ท่าน มันเป็นเคล็ดลับอันหนึ่งที่ทำให้ท่านเป็นอิสระจากการถูกหลอกทั้งปวง ถ้ามาบอกท่านว่าระวัง  เดี๋ยวถูกหลอกเรื่องนี้  ระวังถูกหลอกเรื่องนี้ ต้องพูดไปอีก 8 หมื่นล้านครั้ง เพราะมันจะมีหลอกล่อมาหลายๆ เรื่อง  เยอะแยะไปหมด ตามไม่ทัน แต่ถ้าบอกเคล็ดลับท่านรู้ปุ๊บ ท่านอ๋อวันนี้  ต่อไปนี้ท่านจะไม่ถูกหลอกแล้ว เพราะท่านจะแปลไปทางโลกวิญญาณ ซึ่งเป็นไปตามถ้อยคำพระเจ้าจริงๆ เสียทีหนึ่ง  จะได้ไม่ถูกหลอก เลยต้องพูดวนไปวนมา  ถึงโลกวิญญาณว่าโลกวิญญาณมีจริง เรื่องทั้งหมด ในพระคัมภีร์ เป็นเรื่องโลกวิญญาณจริงๆ นะ ทั้งสิ้นเลย  ทั้งหมดเลย  ไม่ว่าท่านจะเข้าใจตอนนี้ หรือไม่เข้าใจ พระเจ้าเปิดเผยให้ท่านอย่างไรก็ตาม แต่มันเรื่องเกี่ยวกับโลกวิญญาณทั้งสิ้น

เพราะผมรู้ว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก และทุกครั้งที่ท่านอ่านพระคัมภีร์ ท่านก็จะสามารถมองทะลุไปทางโลกฝ่ายวิญญาณว่าที่กำลังอ่าน มันเกี่ยวข้องอะไรกับทางโลกฝ่ายวิญญาณ เกี่ยวข้องอะไรกับพระเยซูคริสต์จะมาเกิดเป็นมนุษย์ ตายที่ไม้กางเขน  มาไถ่บาปให้กับมนุษย์ทั้งปวง เกี่ยวข้องอะไรกับแผนการใหญ่ที่เรียกว่าข่าวดีของพระเจ้า ท่านจะมองทะลุหมดเลย  เกี่ยวข้องหมดเลย

ผมจะยกตัวอย่างให้ท่านดูอีกข้อหนึ่ง เอาพระคัมภีร์ขึ้นมาเลย สมมติว่าท่านอ่านข้อพระคัมภีร์นี้  แล้วดูสิถ้าท่านคิดไปในทางโลก แปลไปในทางวัตถุ ซึ่งไม่ตรงกับถ้อยคำพระเจ้า ซึ่งแปลไปทางโลกวิญญาณ มันจะเกิดอะไรขึ้น ยกตัวอย่างนะครับ ฮักกัย 2:7-9 ท่านอ่านพระคัมภีร์ตามผมนะ ตรงนี้พระเจ้านะ  ตอนนี้เป็นเรื่องราวตอนสมัยอิสราเอล พระเจ้าปลดปล่อย ให้อพยพออกมาจากบาบิโลน จะมาสร้างเยรูซาเล็ม รื้อฟื้นเยรูซาเล็มใหม่

ฮักกัย 2:7-9 “7 เราจะเขย่ามวลประชาชาติ และสิ่งที่ประชาชาติทั้งหลายพึงปรารถนาจะหลั่งไหลมา และเราจะทำให้นิเวศนี้ เปี่ยมด้วยสง่าราศี’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนั้น 8 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศว่า ‘เงินและทองเป็นของเรา 9 สง่าราศีของนิเวศปัจจุบันจะรุ่งโรจน์กว่าสง่าราศีของนิเวศเดิม’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนั้น ‘และเราจะให้สันติสุขแก่สถานที่นี้’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น”

 

ถ้าท่านอ่านเฉยๆ แล้วท่านไม่ได้เล็งไปที่โลกฝ่ายวิญญาณ ท่านจะมีความรู้สึกอย่างไร?  ถ้าเราอ่านข้อพระคัมภีร์นี้ แล้วก็ตีความแบบโลกวัตถุทั่วๆ ไป ตามตามองเห็น  ซึ่งไม่ตรงตามพระคัมภีร์ จะได้ความหมายอย่างไรครับ? นิเวศของพระเจ้าจะต้องเปี่ยมด้วยสง่าราศี  พระเจ้าจะทำให้สง่าราศีของนิเวศน์ปัจจุบัน รุ่งโรจน์กว่าสง่าราศีของนิเวศน์เดิม

เพราะฉะนั้น ถ้าคุยกันแบบโลกวัตถุ นิเวศน์ของพระเจ้า ก็คือคริสตจักรของพระเจ้า ถูกไหม?  คริสตจักรของพระเจ้าจะเปี่ยมด้วยสง่าราศี  ก็มีความหมายว่าคริสตจักรของพระเจ้าจะต้องใหญ่โต สวยงาม โอ่อ่าตระการ ดูภูมิฐาน สมพระเกียรติพระเจ้า ถูกไหม?  ถ้าท่านแปลว่าอย่างนี้ โอ้โห คริสตจักรต้องสวยงามสิ ต้องสมเกียรติพระเจ้า พระเจ้ายิ่งใหญ่

สง่าราศีของนิเวศน์ปัจจุบันจะรุ่งโรจน์กว่าสง่าราศีของนิเวศน์เดิม  พระเจ้าตรัสอย่างนั้น  เพราะฉะนั้น ถ้าพระเจ้าจะให้เราสร้างคริสตจักรใหม่ ก็แปลว่าคริสตจักรใหม่จะต้องดีกว่าคริสตจักรเดิมอย่างแน่นอน เพราะพระเจ้าตรัสไว้อย่างนั้น นี่ไปแล้วๆ เห็นหรือยัง? เห็นอะไรไหม?  ถูกไหม? แล้วท่านเชื่ออย่างนั้นไหม?  พอดีเลย โฮลี่กำลังจะมีคริสตจักรใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้  มันจะหมดสัญญาที่นี่แล้ว  เรากำลังอธิษฐานขอการทรงนำจากพระเจ้าว่าจะให้เราดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งถ้าเราตีความตามถ้อยคำพระเจ้าที่เราอ่านในฮักกัย เมื่อสักครู่นี้  เราก็ต้องมองไปหาที่ที่ทำไม? ใหญ่กว่านี้ สวยกว่านี้ ดีกว่านี้ โปเจคเตอร์ดีกว่านี้  เก้าอี้ที่นั่งดีกว่านี้  เอเมนไหม? ไม่เอเมน มันไม่ต่างกันกับพระเจ้าเอเมนได้อย่างไร?  เพราะท่านชินกับของเก่ามา ชินกับความรู้เก่าๆ  ชินกับสิ่งที่ท่านคิดว่ามันควรจะเป็น ท่านคิดเองว่าควรจะเป็น แต่พระเจ้าบอกว่าไม่ได้สัญญาไว้อย่างนี้สักหน่อย

ท่านคิดดูสิว่าถ้อยคำพระเจ้า เราเอามาจากไหน? ที่ผมบอกตะกี้นี้ เอามาตั้งแต่สมัยที่พระเจ้าตรัสผ่าน บอกล่วงหน้าถึงโลกฝ่ายวิญญาณ ผ่านทางเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในสมัยอิสราเอลอพยพออกจากบาบิโลน มาสู่เยรูซาเล็ม แล้วก็ได้รื้อฟื้นสร้างเยรูซาเล็มใหม่  จากนั้นมา เยรูซาเล็มก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่  มาสุดท้ายจนจบ  อีกประมาณสักหลายร้อยปีต่อมา  สร้างจบตอนไหน?  จบตอนกษัตริย์เฮโรด ตอนที่พระเยซูเกิดนั้น  สร้างสวยงามเลย สวยงามจริงๆ  หล่อเป็นทอง เอาทองใส่เรียบร้อยเลย  คนเขานึกว่าแสดงว่าพระคัมภีร์บอกจริง แล้วจริงไหม? ปรากฏว่าสวยงามมากใช่ไหม? พระเยซูเดินผ่าน พระเยซูบอกแม้หินสักก้อน ก็จะไม่เหลือ ในอนาคตอีกไม่ช้า ปรากฏตอนนี้พระเยซูตายไปแล้ว และเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม ไปอยู่ในสวรรค์แล้ว  กรุงโรมส่งทหารมา จัดการกับอิสราเอลเรียบวุธ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิหารหลังนี้ถูกเผา ถูกเอาทอง ลอกเอาทองไป แม้แต่หินก้อนหนึ่ง ก็ไม่ให้เหลือตามที่พระเยซูบอกล่วงหน้าไว้แล้ว ไหนล่ะ สง่าราศีกว่าเดิมไง

แล้วจากวันนี้ต่อมา จนถึงทุกวันนี้  ก็ยังเป็นซากปรักหักพังอยู่ถึงทุกวันนี้เลย  ไหนสง่าราศีดีกว่าเดิม ไหนล่ะ ท่านก็จะแย้งกันแล้ว แล้วท่านก็จะเก็บไว้ในใจ ช่างมันๆ มันจะไม่เกิด มันก็ไม่เกิด แล้วแต่น้ำพระทัย ไม่ใช่น้ำพระทัย แต่เพราะท่านแปลผิด  เห็นหรือยัง? เห็นภาพหรือยัง? เพราะฉะนั้น ในโลกฝ่ายวิญญาณ มันเป็นอีกคนละเรื่องกัน  ท่านจะมองเห็นภาพแล้ว

เพราะฉะนั้น นี่คือตัวอย่างการอ่านพระคัมภีร์และตีความแบบผิดๆ  ซึ่งในความหมายที่แท้จริงของพระคัมภีร์ตรงนี้ เรามาดูกันนะ เราต้องอ่านและทำความเข้าใจในเนื้อหา บริบท และเล็งไปถึงโลกวิญญาณว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในโลกวิญญาณ โลกวิญญาณอะไรที่เกิด พระเจ้ากำลังทำอะไร?  ซึ่งเราเรียกว่านิมิต เรากำลังเข้าไปหาการสำแดงความรู้ทางโลกวิญญาณว่าเปิดตาวิญญาณให้ลูกที ลูกจะได้เข้าใจตรงนี้ว่าพระองค์กำลังทำอะไรในโลกวิญญาณ

แล้วดูนะว่าความหมายในโลกวิญญาณเป็นอย่างไร? เราลองมาอ่านถ้อยคำเมื่อตะกี้นี้  แล้วก็เติมก่อนหน้านี้อีกสักนิดหนึ่ง  เพื่อท่านจะได้เห็นภาพชัดเจน ซึ่งก่อนหน้านี้ พระองค์ตรัสไว้ว่าอย่างไร? ในฮักกัย 2:4-9 ได้บันทึกไว้อย่างนี้ …

ฮักกัย 2:4-9 “4 แต่บัดนี้ จงเข้มแข็งเถิด เศรุบบาเบลเอ๋ย’ องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ‘จงเข้มแข็งเถิด มหาปุโรหิตโยชูวาบุตรเยโฮซาดักเอ๋ย จงเข้มแข็งเถิด ประชาชนทั้งปวงในดินแดนนี้’ องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น ‘และจงทำงานไปเถิด เพราะเราอยู่กับเจ้า’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น 5 ‘ตามที่เราได้ทำพันธสัญญาไว้กับเจ้า เมื่อเจ้าออกมาจากอียิปต์ และจิตวิญญาณของเรายังคงอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า อย่ากลัวเลย6 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘อีกสักหน่อยหนึ่ง เราจะเขย่าฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ทะเล และผืนแผ่นดินอีกครั้ง 7 เราจะเขย่ามวลประชาชาติ และสิ่งที่ประชาชาติทั้งหลายพึงปรารถนาจะหลั่งไหลมา และเราจะทำให้นิเวศนี้ เปี่ยมด้วยสง่าราศี’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนั้น 8 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศว่า ‘เงินและทองเป็นของเรา 9 สง่าราศีของนิเวศปัจจุบันจะรุ่งโรจน์กว่าสง่าราศีของนิเวศเดิม’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนั้น ‘และเราจะให้สันติสุขแก่สถานที่นี้’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น”

 

มันหมายถึงสิ่งที่พระเจ้าจะทำตอนที่พระเยซูตายที่ไม้กางเขน  และเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่ 3 และสร้างอาณาจักรหนึ่งขึ้นมา  ที่เราเรียกว่าโลกวิญญาณ อาณาจักรแห่งแสงสว่างลงมาบนโลกใบนี้ ที่เรียกว่าสวรรค์ พระองค์กำลังพูดถึงนี้ นี่คือคริสตจักร นี่คือพระนิเวศน์ของพระเจ้า

สมัยก่อนนี้ ก่อนที่พระเยซูจะเกิด พระนิเวศน์เดิม คืออะไร? คือพระเจ้ามาอยู่บนโลกใบนี้ ต้องอยู่กับมนุษย์ อยู่กับอาดัม อยู่กับมนุษย์ อยู่ท่ามกลางมนุษย์ แต่พอพระเยซูมา พระนิเวศน์ที่พระเยซูสร้างขึ้นในโลกวิญญาณนั้น พระเจ้ามาอยู่กับมนุษย์หรือเปล่า? มาอยู่กับเราหรือเปล่า? ใครบอกยกมือขึ้น? มาอยู่ในเราแล้ว  ดีกว่าเก่าตั้งเยอะ แต่ก่อนนี้อยู่ข้างๆ  อยู่ท่ามกลาง แต่ตอนนี้อยู่ในวิญญาณของเราแล้ว สง่าราศีตรงนี้ใหญ่กว่าเก่าตั้งเยอะ นี่เขาเรียกว่าการสำแดงความรู้ การเปิดตาฝ่ายวิญญาณ เข้าใจในโลกวิญญาณเห็นไหม?  ผิดไปเลยไหม? ผิดกับตะกี้เราแปลผิดปุ๊บ  ไปโลดเลย

เห็นไหม? พอท่านเข้าใจโลกวิญญาณ สมัยก่อนเดินกับอาดัม เดินกับมนุษย์ เดินกับโมเสส เดินกับโมเสส เดินกับอิสราเอล แต่ตอนนี้ เดินในผู้เชื่อในพระเยซู อยู่ในพระคริสต์ เป็นหนึ่งเดียวกันเลย  ไม่ใช่อยู่ข้างๆ ร่วมกันเป็นหนึ่ง เอเมน

นี่คือประโยชน์ของการเรียนรู้โลกวิญญาณ พูดถึงโลกวิญญาณ พูดถึงถ้อยคำพระเจ้า ต้องเป็นหนึ่งเดียวกันตลอด ทิ้งไว้ก่อน อย่าไปแปลมัน อย่าพยายามมันทางโลก  ไม่รู้ช่างมัน  อย่าไปยุ่งกับมัน ถ้าจะแปลนึกถึงโลกวิญญาณและในโลกวิญญาณมีเรื่องเดียวที่เป็นพล่อยสำคัญที่สุด คือพระเยซูมาตายที่ไม้กางเขน หลั่งพระโลหิต เพื่อชำระบาปให้กับมนุษย์ สร้างคริสตจักรขึ้นมาใหม่ เอาอาณาจักรสวรรค์ เอาอาณาจักรแห่งแสงสว่างลงมาบนโลกใบนี้

นี่คือเมนของเรื่องเท่านั้น จบแล้ว ใครๆ ก็เรียนได้ และที่ยังไม่รู้ ก็อธิษฐานขอพระเจ้าเปิดตาฝ่ายวิญญาณให้เราได้รับวิญญาณแห่งสติปัญญา วิญญาณแห่งการสำแดงความรู้ เปิดตาวิญญาณเรา ให้เราเข้าใจโลกวิญญาณว่ามันเกิดอะไรขึ้น  มันเกี่ยวข้องอะไรกับโลกวิญญาณบ้าง? เอเมน

 

********************