คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2017 เรื่อง “จงนิ่งเสีย และรู้ว่าพระองค์คือพระเจ้า” ตอน 11 “สิ้นยุคบาบิโลน ตามแผนการพระเจ้า” โดย นคร เวชสุภาพร

คำบรรยายวันอาทิตย์ที่  29  มกราคม  2017

 เรื่อง “จงนิ่งเสีย และรู้ว่าพระองค์คือพระเจ้า”

ตอน 11 “สิ้นยุคบาบิโลน ตามแผนการพระเจ้า”

โดย นคร  เวชสุภาพร

            วันนี้มีชื่อตอนว่า “สิ้นยุคบาบิโลน ตามแผนการพระเจ้า” ครั้งที่แล้วเราเรียนรู้พระคัมภีร์ตามหนังสือดาเนียล บทที่ 5 เป็นช่วงเวลาประมาณ 30 ปีหลังจากการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ผู้ยิ่งใหญ่ และอยู่ในรัชสมัยของกษัตริย์เนโบนีดัส ซึ่งสนใจแต่การค้าและขนบธรรมเนียมประเพณี แต่ไม่ชอบเรื่องการปกครอง ก็เลยแต่งตั้งให้ลูกชาย ขึ้นมาปกครองดูแลแทน ลูกชายชื่อกษัตริย์เบลชัสซาร์ ตามเนื้อเรื่องในดาเนียล บทที่ 5  ที่เราได้เรียนรู้กันบอกไว้อย่างนี้ว่ากษัตริย์เบลชัสซาร์ได้กระทำสิ่งชั่วร้าย ในสายพระเนตรพระเจ้า คือสั่งให้นำเอาภาชนะศักดิ์สิทธิ์ ที่ยึดมาจากวิหาร ในกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อสมัยเนบูคัดเนสซาร์มาใช้ในงานรื่นเริงในวัง ดื่มเหล้ากับเหล่าขุนนางเมากัน แค่นั้นยังไม่พอ ยังพากันสรรเสริญเทพเจ้ารูปปั้น รูปเคารพต่างๆ อีกมากมาย ด้วยความเย่อหยิ่ง จองหอง และต้องการที่จะลบหลู่พระนามพระเจ้า จนกระทั่งพระเจ้าให้นิ้วมือปรากฏขึ้น แล้วเขียนข้อความบางอย่าง บนผนัง เป็นอักษรปริศนา เหตุการณ์นี้ ทำให้กษัตริย์เบลชัสซาร์กลัวมาก สั่งให้เรียกโหราจารย์และนักปราชญ์ นักอาคมทั้งหลายมาอ่านและแปลความหมายข้อความบนผนัง ซึ่งก็ไม่มีใครทำได้

เราก็รู้อยู่แล้วว่าพระเจ้าจะสร้างฮีโร่อีกครั้งหนึ่งแล้ว จนกระทั่งพระราชินี คือผู้เป็นแม่ของกษัตริย์เบลชัสซาร์ ก็นึกถึงดาเนียลขึ้นมา เพราะว่าอยู่ในรุ่นเดียวกัน ตอนนั้นดาเนียลอายุประมาณ 80 เศษๆ กษัตริย์เบลชัสซาร์ก็เลยให้คนไปตามดาเนียลมาเข้าเฝ้า แล้วก็บอกว่าถ้าดาเนียลอ่านข้อความและแปลสิ่งนี้ได้ จะให้รางวัล คือแต่งตั้งให้เป็นลำดับที่ 3 คือจากพ่อ พระราชบิดา ตัวเขาเอง แล้วก็จะให้รองจากเขาเลย

คราวที่แล้วเราได้อ่านดาเนียล บทที่ 5 จนจบแล้ว เราได้ทราบข้อความปริศนา ซึ่งเป็นเรื่องล้ำลึก เรื่องลี้ลับ ที่ต้องได้รับการเปิดตาฝ่ายวิญญาณ ให้รับรู้จากพระเจ้าเท่านั้น จึงสามารถทำได้

เราลองย้อนเวลากลับไปที่พระราชวังเบลชัสซาร์ในคืนวันนั้น กำลังเลี้ยงฉลองกัน เอาภาชนะทองคำ อันบริสุทธิ์ ซึ่งปล้นมาจากวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม เก็บไว้ในที่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน ที่เป็นวิหารของรูปเคารพที่เขานับถืออยู่ กำลังเลี้ยงใหญ่อยู่ มีขุนนาง แขกมาสักพันคน แล้วปรากฏว่ามีนิ้วมือ เขียนข้อความปริศนาบนผนัง จริงๆ มันเป็นลักษณะของตัวอักษรที่เรียงกันต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ท่านเป็นดาเนียล ท่านจะทำอย่างไร? ท่านคิดว่าท่านแก้ได้ไหม? บนผนังเขียนไว้อย่างนี้

            น ว ช น น ย อ ณ

เรามาลองช่วยกันดู แบ่งคำ ตัดอักษรสองตัวเป็นหนึ่งคำ

น ว / เป็นหนึ่งคำ

ช น / เป็นหนึ่งคำ

น ย / เป็นหนึ่งคำ

อ ณ / เป็นหนึ่งคำ

มันก็มี 4 คำ ท่านจะแบ่งแต่ละตัวเป็นหนึ่งคำ ก็ได้ เช่น น / ว / ช / น / น / ย / อ / ณ  ทั้งหมดเป็น 8 คำ แล้วแต่ท่านจะขีดตรงไหน? คือแบ่งเป็นคำ สมมติว่าแบ่งเป็นคู่ๆ

“น ว” เป็น น้ำหวาน, นับวัน, นี่หว่า, นักวาด, ในวัง

ท่านก็คิดไปเรื่อย นี่ขนาดแบ่งคำก็ยากแล้ว ถ้าจัดกลุ่ม ท่านต้องคิดให้ออกด้วยว่ากลุ่มนั้น มันเป็นคำอะไรได้บ้าง?

ผมลองแบ่งเป็นอย่างนี้ 2 ตัวเป็นหนึ่งคำ แล้ว 3 ตัว เป็นหนึ่งคำ

น ว / ช น น / ย อ ณ

“ช น น” เป็น  ชนนี, ชนะแน่, ใช้แน่นอน, ชั่วแน่นอน

มันไม่ใช่สติปัญญาของมนุษย์ที่จะทำตรงนี้ได้ มันยากมากๆ เลย

ความรักจากพระเจ้าที่ให้ในวันนั้น เกี่ยวข้องกับวันนี้เลย ก็คือให้ดาเนียลเว้นคำ ดาเนียลแบ่งเป็น 3 ตัว “ช น น” คือ ชั่งน้ำหนัก

เสร็จแล้ว 3 ตัวสุดท้าย คือ ย อ ณ  แยกอาณาจักร

พระเจ้าบอกดาเนียลแล้วว่าเป็นอะไร? …

คำที่ 1 น ว … นับเวลา หมายถึงกษัตริย์เบลชัสซาร์ ถูกพระเจ้านับเวลา ในการครอบครองอาณาจักรบาบิโลนหมดแล้ว สิ้นสุด คือการนับเวลา

คำที่ 2 ช น น … ชั่งน้ำหนัก  คือพระเจ้าได้เอากษัตริย์เบลชัสซาร์ เหมือนขึ้นศาล ชั่งน้ำหนัก ปรากฏว่าไม่ได้มาตรฐานของพระเจ้า สอบตก

คำที่ 3 ย อ ณ … แยกอาณาจักร ก็คือเมื่อสอบตก ก็ถูกริบเอาสิทธิอำนาจ และอาณาจักร และตำแหน่งกษัตริย์ออกมาจากเบลชัสซาร์

ก็คือจบ นี่คือสิ่งที่ดาเนียลได้ทำในวันนั้น ซึ่งเมื่อเป็นภาษาพระคัมภีร์ เป็นภาษาฮีบรู หรือภาษาอะไรต่างๆ ในสมัยก่อน อ่านว่า …

เมเน เมเน แปลว่านับเวลา ความหมายคือพระเจ้าได้ทรงนับเวลาของรัชกาลของกษัตริย์เบลชัสซาร์ และนำมาถึงจุดจบแล้ว

เทเคล แปลว่าชั่งน้ำหนัก คือเบลชัสซาร์ถูกชั่งน้ำหนักบนตาชั่ง และเบากว่าที่กำหนด  เบากว่ามาตรฐานพระเจ้า

เปเรส แปลว่าแบ่งแยก ความหมายคือราชอาณาจักรของเบลชัสซาร์จะถูกแบ่งแยก และยกให้ชาวมีเดีย

หลังจากที่ดาเนียลแปลความหมาย ข้อความบนผนังเรียบร้อยแล้ว พระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างนี้ว่าในคืนวันนั้นเอง กษัตริย์เบลชัสซาร์แห่งบาบิโลน ก็ถูกปลงพระชนม์ และดาริอัสแห่งมีเดีย ทรงยึดอาณาจักรบาบิโลนได้  ช่วงเวลาในราวปี 539 ก่อนคริสตศักราช มาถึงตรงนี้ เรียกได้ว่าเป็นการสิ้นยุคบาบิโลน ที่เคยเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองมาก โดยเฉพาะช่วงที่อยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ เรียกว่าเป็นยุคทองของบาบิโลนในสมัยนั้น และมีการสร้างสวนขนาดใหญ่มากบอกไว้ว่าหนึ่งใน 7 มหัศจรรย์โลก มาถึงทุกวันนี้เลย สวนลอยฟ้าแห่งบาบิโลน หรือภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Hanging Gardens of Babylon เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก

ยังจำเหตุการณ์ที่ดาเนียลทำนายฝันให้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ไหมก่อนหน้านี้ ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ฝันเห็นรูปปั้น แล้วดาเนียลก็ทำนายฝันรูปปั้นนั้นว่า …

“ศีรษะ” ทำด้วยทองคำ เล็งถึงอาณาจักรบาบิโลน ที่กำลังรุ่งเรือง

นี่ตอนที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เพิ่งเริ่มครองราชย์ใหม่ๆ บาบิโลนเพิ่งจะเรืองอำนาจใหม่ๆ ไม่กี่ปี พระเจ้าให้คำพยากรณ์ คำบอกล่วงหน้า คำเผยพระวจนะผ่านทางดาเนียลว่ามันเป็นอย่างนี้

“หน้าอกและแขน” ทำด้วยเงิน คืออาณาจักรมีเดียเปอร์เซียที่มาโค่นบาบิโลน

“ท้องและต้นขา” ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ เล็งถึงยุคกรีก

“ขา” ทำด้วยเหล็ก คือยุคอาณาจักรโรมัน

“เท้า” ทำด้วยเหล็กปนดินเหนียว ก็คือการแผ่กระจายอำนาจของกลุ่มโรมันที่เข้าไปสู่ประเทศเล็กๆ ต่างๆ ในยุโรป จนถึงปัจจุบัน

เมื่ออาณาจักรบาบิโลนล่ม ก็มาสู่อาณาจักรมีเดียเปอร์เซีย อันที่ 2 เริ่มต้นแล้ว พระเจ้าบอกไว้อย่างนั้น เป็นอย่างนั้น พออันที่ 2 เริ่มต้นปุ๊บ เดี๋ยวมีเดียเปอร์เซีย ก็จะถูกอาณาจักรกรีกโค่นทำลาย อาณาจักรกรีกก็จะถูกโรมันโค่นทำลาย แล้วหลังจากอาณาจักรโรมันเรืองอำนาจแล้ว จะมีหินก้อนหนึ่ง ไม่ได้มาจากมนุษย์ แต่มาจากพระเจ้า หินก้อนนี้ก็จะมากระแทกถูกเท้าของรูปปั้นนี้ จนแตกกระจายหมด ไม่เหลืออะไรเลย  และหินก้อนนี้ ก็จะค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นภูเขามหึมา คลุมโลกใบนี้หมด และหินก้อนนี้ คืออาณาจักรพระคริสต์

ให้ท่านเห็นว่านิมิตที่พระเจ้าบอกล่วงหน้า ทุกอย่างถูกกำหนดและมีบันทึกไว้ล่วงหน้าอย่างนี้ ก่อนเหตุการณ์จริงๆ จะเกิดขึ้น แม้กระทั่งเวลา ปียังตรง แบบเป๊ะๆ ทั้งหมดเลย

ในเยเรมีย์ อันนี้เป็นอันหนึ่งที่บอกล่วงหน้าแล้วว่าเนบูคัดเนสซาร์เป็นใคร? เยเรมีย์ 27:4-6 สิ่งนี้พูดไว้ ก่อนที่เนบูคัดเนสซาร์จะเป็นกษัตริย์ด้วย พูดก่อนแล้ว

เยเรมีย์ 27:4-6 “4 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า 5 “เราได้สร้างโลก มนุษย์ และสัตว์ต่างๆ ในโลกนี้ โดยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ และมือที่เงื้ออยู่ และเรายกสิ่งเหล่านี้  แก่ใครก็ได้ที่เราพอใจ 6 บัดนี้ เราจะมอบแผ่นดินทั้งปวงของพวกเจ้า ให้แก่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน ผู้รับใช้ของเรา แม้แต่สัตว์ป่า เราก็จะทำให้ยอมสยบต่อเขา”

 

นี่คือคำพูดของพระเจ้า พูดกับชาวยิว ชาวอิสราเอล ชาวยูดาห์ พูดว่า …

“บัดนี้เราจะมอบแผ่นดินทั้งปวงของพวกเจ้า ให้แก่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน ผู้รับใช้ ของเรา (หรือผู้ที่เราจะใช้เขา) แม้แต่สัตว์ป่า เราก็จะทำให้ยอมสยบต่อเขา”

ตอนที่พูด ประมาณหลายสิบปีก่อนที่เนบูคัดเนสซาร์จะขึ้นมาเป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่ ตรงตามนี้เป๊ะเลย  เขาบอกว่าเขาสามารถควบคุมจิตใจของสิงโต สมัยก่อนพวกเสือ สิงโต ในแถบนั้น เขาถือว่าเป็นสัตว์ที่มีอำนาจ มีพลัง แต่เนบูคัดเนสซาร์สามารถควบคุมสิงโตได้ นี่เรื่องจริง แล้วชอบเรื่องเกี่ยวกับสิงห์สาราสัตว์

นี่คือสิ่งที่บันทึกไว้ก่อนเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง หลายสิบปี ให้เห็นว่าที่ชาวยิวถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่บาบิโลนนั้น เป็นเพราะพระเจ้าได้กำหนดไว้แล้วล่วงหน้า ไม่ใช่เนบูคัดเนสซาร์เก่ง พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ในคำเผยพระวจนะว่าพระเจ้าจะให้อิสราเอลตกอยู่ภายใต้การครอบครองของบาบิโลนเป็นเวลา 70 ปี และจากนั้นอาณาจักรบาบิโลนจะถูกลงโทษบ้าง ถูกโค่นลง ก็คือสมัยกษัตริย์เบลชัสซาร์ที่เราเรียนกันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เยเรมีย์ 25:12  ได้บันทึกไว้อย่างนี้

เยเรมีย์ 25:2 “องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “แต่เมื่อครบเจ็ดสิบปีแล้ว เราจะลงโทษกษัตริย์บาบิโลนและชนชาติของเขา ซึ่งก็คือแผ่นดินของชาวบาบิโลน เพราะความผิดของพวกเขา เราจะทำให้ดินแดนของเขาถูกทิ้งร้างตลอดไป”

 

มีเหตุและมีผล กษัตริย์บาบิโลนผู้นี้ ก็คือเบลชัสซาร์ พอครบ 70 ปีตามที่กำหนดไว้เป๊ะ บาบิโลนก็ถูกโค่นล้มลงจริงๆ วันที่ครบ 70 ปี ก็คือวันที่กษัตริย์เบลชัสซาร์ได้ให้ดาเนียลมาอ่านข้อความบนผนังนั้น บาบิโลนก็ถูกโค่นหมด ในคืนวันนั้น

นี่คือสิ่งที่เราเน้นกันมาตลอด ในการบรรยาย เรื่องของดาเนียลว่าจงนิ่งเสียและรู้ว่าพระองค์ คือพระเจ้า คำว่า “จงนิ่งเสีย” ก็คือให้เรารับรู้ว่าพระเจ้าทรงควบคุมอยู่เหนือทุกสิ่งสารพัด ทั้งบนฟ้าสวรรค์และบนแผ่นดินโลก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นแผนการของพระเจ้าทั้งสิ้น พระองค์เป็นผู้กำกับโลกใบนี้ ถ้าเราเปรียบโลกใบนี้เป็นโรงละครโรงใหญ่ พระเจ้าก็ทรงเป็นผู้กำกับ

ชาวยิวต้องมาเป็นเชลยที่บาบิโลน ก็เป็นแผนการของพระเจ้า เนบูคัดเนสซาร์ได้เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ เรืองอำนาจ ก็เป็นแผนการของพระเจ้า อาณาจักรบาบิโลนต้องถูกโค่นลง ก็เป็นแผนการของพระเจ้า  ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และรวมทั้งอาณาจักรต่างๆ หลังจากบาบิโลน มาเป็นมีเดียเปอร์เซีย เป็นกรีก เป็นโรม และเป็นอะไรต่างๆ ต่อมา ก็อยู่ในแผนการของพระเจ้า อาณาจักรของพระเยซูคริสต์ก็อยู่ในแผนการของพระเจ้า เรียบร้อยไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะเกิดขึ้น ไม่ใช่เรียบร้อยตอนที่พระเยซูมาเกิดบนโลกใบนี้ เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว บอกไว้ล่วงหน้าว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้ วันหนึ่งข้างหน้า พระเยซูจะมาเกิดเป็นมนุษย์ แล้วพระองค์จะมาเริ่มต้นอาณาจักรสวรรค์ ที่มีชื่อว่าอาณาจักรพระคริสต์ แล้วรวบรวมผู้คนของพระองค์ทั้งหมด ตั้งแต่ 2,000 ปีแล้ว จะรวบรวมต่อไป และจะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด จะครอบครองอยู่เหนือโลกนี้ทั้งหมด และครอบครองอยู่เหนือมหาจักรวาลทั้งหมดเลย และไม่มีอาณาจักรไหนเหลืออยู่แล้ว นอกจากอาณาจักรของพระคริสต์เท่านั้นในอนาคต เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้ก็เป็นแผนการของพระเจ้าด้วย และมันก็ต้องเป๊ะๆ เหมือนกันด้วย

ที่สัญญากับเราไว้ว่าสวรรค์เป็นของเรานิรันดร์ เราก็นอนยิ้ม นั่งยิ้มเลย ขณะที่เรานอนหลับกลางคืน ก็ฝันว่าอย่างไร?

มีสวรรค์อันงดงามเลิศนักหนา      ถ้าเราเชื่อจึงจะเห็นได้แก่ตา

พระบิดาประทับคอยทุกเวลา         และเดี๋ยวนี้ ยังเตรียมที่ไว้ก่อนท่า

ในเวลา ไม่ช้านาน                            จะได้ไปถึงที่พักอันสำราญ

ในเวลา ไม่ช้านาน                            ฉันจะได้ไปถึงที่พักอันสำราญ

ที่พักนั้น คือ Kingdom of Chrits. หรือประเทศที่มีชื่อว่าอาณาจักรของพระคริสต์ แล้วเราเป็นประชากร เรามีบัตรประชาชน เขาเรียกว่า ID Card บอกว่าเราเป็นใครในอาณาจักรพระคริสต์ ท่านมีหรือยัง? มีแล้ว เอเมน

เพราะฉะนั้น จงนิ่งเสียและรู้ว่าพระองค์คือพระเจ้า คือให้เรารับรู้ตรงนี้ว่าพระเจ้าทรงควบคุมอยู่จริงๆ พระคัมภีร์ย้ำเสมอว่าพระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม พระองค์ทรงทำงานทุกสิ่งตามแผนงานของพระองค์ เพื่อพระสิริ พระเกียรติของพระองค์ และเพื่อสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นกับใครก็ตามที่พระองค์ทรงสร้างเขาขึ้นมา นำพาเขาขึ้นมา สรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง พระองค์ทรงทำให้ดีหมด แม้กระทั่งต้นไม้ ก้อนหิน และมากกว่านั้นสักเท่าไรที่พระองค์ต้องการให้มนุษย์บนโลกใบนี้ได้ดี เพราะมนุษย์บนโลกใบนี้  คือลูกของพระองค์ที่พระองค์ทรงสร้างมา จากวิญญาณของพระองค์เอง มีสิ่งมีชีวิตสิ่งเดียวที่มีวิญญาณของพระเจ้าอยู่ในนั้น ก็คือมนุษย์

ดาเนียลกับเพื่อน รวมทั้งชาวยิวก็ถูกต้อนไปเป็นเชลยที่บาบิโลน ทุกครั้งที่เขาเผชิญปัญหา อุปสรรค ท้อแท้ เขาจะเข้าไปหาพระเจ้าเสมอ นี่เป็นตัวอย่างดีอันหนึ่งที่เราสบายกว่าเขาตั้งเยอะ เราเป็นคริสเตียนทุกวันนี้ ปัญหาน้อยกว่าเยอะเลย เพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับเราตลอดเวลา และจากเรื่องราวของทั้งจากกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์และเบลชัสซาร์แห่งบาบิโลน ก็ได้สอนเราในเรื่องใจที่ถ่อมลง รับรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า และไม่เย่อหยิ่ง ยโส โอหัง สดุดี 31:23 บันทึกไว้อย่างนี้

สดุดี 31:23 “ประชากรทั้งสิ้นของพระเจ้าเอ๋ย จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปกป้องรักษาผู้ที่ซื่อสัตย์ แต่ผู้ที่เย่อหยิ่งอวดดี พระองค์ทรงลงโทษอย่างเต็มที่”

 

พระเจ้าชอบคนมีใจถ่อม  ซื่อสัตย์  แต่ผู้ที่เย่อหยิ่ง อวดดี พระองค์ทรงลงโทษอย่างเต็มที่ เพราะรักเขานะ

จะเห็นได้ว่าเนบูคัดเนสซาร์เป็นตัวอย่างของผู้ที่ได้รับการอวยพรอย่างมาก และประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ไม่สามารถจัดการกับความสำเร็จของตัวเอง ให้ถูกต้อง ถูกวิธีได้ ไม่สามารถควบคุมความภาคภูมิใจของตัวเอง ให้มันอยู่ในระดับที่พอดีได้ เมื่อความภาคภูมิใจมันเยอะเกินไป มันก็ล้นออกมา จนกลายเป็นความเย่อหยิ่ง ยกตนข่มท่าน คนที่อวดตัว ก็จะไปข่มเหงผู้อื่น ดูถูกผู้อื่น ดูแคลนผู้อื่น พระคัมภีร์จึงบอกว่าเมื่อความเย่อหยิ่งเข้ามา ความพินาศก็จะตามมาทันที สุภาษิต 11:2 บันทึกไว้อย่างนี้

สุภาษิต 11:2 “เมื่อความเย่อหยิ่งมา ความอัปยศก็ตามมา ส่วนปัญญา มากับความถ่อมสุภาพ”

 

สุภาษิต 16:18 “ความยโสโอหัง จะทำให้พินาศ และใจหยิ่งผยอง จะทำให้ล้มคว่ำ”

 

ไม่ใช่ล้มธรรมดา ล้มคว่ำเลย จะเห็นว่าคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าในยุคไหน? สมัยไหน? ก็ตาม ปกติแล้วพระเจ้าอวยพรให้ ประทานความสำเร็จพิเศษให้ ประทานความสามารถให้ แรกๆ ขอบคุณพระเจ้า

“ลูกขอบคุณพระเจ้า ทุกสิ่งที่ลูกมีอยู่เป็นของพระองค์ ล้วนเป็นของพระองค์ทั้งสิ้น ขอถวายเกียรติแด่พระองค์ผู้เดียว”

นี่คือตอนแรกๆ พอได้ไปเรื่อยๆ ชักชิน ชักใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นานๆ เข้า ความสำเร็จ มันเยอะ ความคิดมันก็เริ่มเปลี่ยนนิดๆ ที่เคยบอกทุกอย่างมาจากพระเจ้า ตอนนี้ก็เริ่มคิดว่าเราก็ไม่น้อยหน้าเขา เราก็เก่งเหมือนกัน เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นว่าเราเก่ง พอเราแน่ คนอื่นก็เริ่มแย่ เริ่มเปรียบ เริ่มทนไม่ไหว เริ่มข่มท่านนั่นเอง นี่แหละความเย่อหยิ่งมักเกิดขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเราทำอะไรดีกว่าคนอื่น เหนือกว่าคนอื่น จากที่เชื่อฟังคำแนะนำ คำสอนของผู้อื่น ก็ไม่ฟังใครแล้ว สอนไม่ได้ เตือนไม่ได้ แนะนำก็ไม่ได้ มันโดนหมดเลยนะ คิดให้ดีๆ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ บางทีบางคนไม่ได้สำเร็จอะไรมาก สำเร็จเรื่องอายุเท่านั้นเอง พอตัวเราเองอายุมาก เด็กๆ มาเตือน

“ฉันเป็นใคร? ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนแกนะ”

นั่นก็คือความเย่อหยิ่งชนิดหนึ่ง มันไม่ได้เป็นความสำเร็จอะไร? นึกว่าเป็นความสำเร็จ เรามีอายุมาถึงปูนนี้ได้ 70-80 ได้ เราก็นึกว่าเราแน่กว่าเขา ไม่ฟังเขา เด็กๆ เขาอาจจะมีแนวคิดแบบเจเนชั่น Z  เราไม่ฟังเขา

“ฉันจะเอาอย่างนี้ สมัยก่อนเป็นอย่างนี้”

“นั่นมันสมัยพ่อ นี่มันสมัยฉันแล้ว”

ระวังจะโดนอย่างนั้นนะ ต้องไปเหมือนสมัยก่อน บางเรื่องโอเค แต่บางเรื่องเราต้องฟังเขา บางเรื่องต้องเปลี่ยนแปลงไป บางเรื่องต้องรักษาไว้ มันต้องฟังบ้าง ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่จะโดนมากกว่า ผู้ใหญ่จะเป็นอย่างนี้มากกว่า เด็กๆ คงไม่อย่างนี้หรอก

ดังนั้น ความเย่อหยิ่ง ผยอง มักเกิดขึ้น เมื่อรู้สึกว่าเราเหนือกว่าผู้อื่น ความเย่อหยิ่งเป็นศัตรูที่ร้ายกาจ ที่สามารถทำลายชีวิตของเรา หรือใครก็ตาม อย่างเงียบๆ ทีละนิดทีละหน่อย เคยได้ยินไหม ที่เขาพูดว่า …

“ความสำเร็จ ฆ่าคนได้”

ถามว่าความสำเร็จที่ฆ่าคนได้ เพราะอะไร? เพราะถูกฆ่าด้วยความเย่อหยิ่ง ความเย่อหยิ่งฆ่าคนที่สำเร็จใหญ่โตได้ มันมีโอกาสกว่าคนอื่น คนนั้นก็มายอ คนนี้ก็มายอ เมื่อความภูมิใจมีเยอะ โอกาสที่จะเย่อหยิ่งก็เยอะ พอความเย่อหยิ่งเยอะมากขึ้น เดี๋ยวความพินาศ ก็ตามมามากขึ้น นี่มันเห็นเป็นเหตุเป็นผลเลย 1 เปโตร 5:5-6 บันทึกไว้อย่างนี้ …

1 เปโตร 5:5-6 “5 ให้ท่านทุกคนถ่อมใจต่อกันและกัน เพราะว่า “พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ6 เพราะฉะนั้น พวกท่านจงถ่อมใจลง ภายใต้พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงยกท่านขึ้น เมื่อถึงเวลาอันควร”

 

นี่คือเคล็ดลับจริงๆ อยู่กับพระเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ เคล็ดลับที่คนนึกไม่ถึง ทำอย่างไรเราถึงจะเจริญรุ่งเรืองได้ ทำอย่างไรเราจึงเป็นที่รักของพระเจ้าได้ ทำอย่างไรเราถึงจะอยู่รอดปลอดภัย และทางเรียบ ไม่ขรุขระมากนัก พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ ใครๆ ก็อยากได้พระคุณจากพระเจ้า พระคุณมากยิ่งกว่าพระพรอีกนะ เพราะพระคุณ คือเราทำผิด ก็ยังให้ พระพร ถ้าเราทำผิด ก็ไม่ได้ พระพรเหมือนกับว่ามันเป็นกฎระเบียบ ถ้าท่านไม่ฝ่าไฟแดง ท่านก็จะได้รับพระพร ถ้าท่านฝ่าไฟแดง ท่านก็จะได้รับคำสาปแช่ง แล้วถามว่าตำรวจเป็นศัตรูกับท่านหรือ? เปล่า รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเป็นศัตรูกับท่านหรือ? เปล่า กฎระเบียบเขามีไว้อย่างนี้ว่าถ้าท่านฝ่าไฟแดง ก็คือผิด ต้องโดนลงโทษได้รับคำสาปแช่ง แต่ถ้าท่านไม่ฝ่า ท่านได้พร บางครั้งคนที่ได้พรอยู่ ก็ไม่ได้นึกว่าตัวเองได้พรอยู่ จนกว่าเมื่อไรถูกสาปแช่ง จึงรู้ว่าสมัยก่อนมันคือพร ตอนที่ขับรถอยู่สบายๆ ไม่มีใครมาจับ ไม่เคยนึกถึงว่าเราได้พระพร ฝ่าไฟแดงครั้งหนึ่ง ถึงรู้ว่าการไม่ฝ่า คือพรอันยิ่งใหญ่

พระเจ้าต่อสู้กับคนที่เย่อหยิ่งจองหอง ก็คือคนนั้นไม่ได้พระพร ก็คือกฎระเบียบของพระเจ้าต่อสู้นั่นเอง เพราะฉะนั้น ต้องฝึก ที่จะถ่อมใจ ระลึกอยู่เสมอว่าความสามารถของเราทุกอย่าง ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ สำคัญหรือไม่สำคัญ มาจากพระเจ้า อธิษฐานขอบคุณพระเจ้า ถึงความสามารถที่พระองค์ทรงประทานให้เราเสมอ มีใครภูมิใจในการทำอาหารอร่อยไหม? มันอดไม่ได้ มีคนชมบ่อยๆ เราทำอร่อย  นั่นก็คือความหยิ่งยโสอันหนึ่ง มันจะมาเรื่อยๆ อย่านึกว่าเราไม่ได้ดังอะไร? เราไม่มีใครรู้จัก มันสามารถออกมาได้ ทุกสถานะของผู้คน ถวายเกียรติแด่พระเจ้าทุกครั้งที่ประสบความสำเร็จอะไรก็ตาม ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ขอบคุณพระเจ้าเสมอ

“ทำกับข้าวอร่อยจริง”

“ขอบคุณพระเจ้า”

ไม่ต้องไปบอกอย่างนี้ “ไม่ต้องชมๆ”

ช่างเขา เขาจะชม ก็ขอบคุณพระเจ้า คือรับ แล้วก็มอบให้พระเจ้า ถ้าท่านไปรับเยอะๆ แล้วรับด้วยตัวเอง ท่านต้องรับผิดชอบ ถ้าท่านไม่รับชอบ ท่านก็ไม่ต้องรับผิด ถ้าท่านรับชอบด้วย ท่านก็ต้องรับผิดด้วย เขาจึงเรียกว่ารับผิดชอบ ไม่อร่อย ก็แล้วแต่พระเจ้า

“พระเจ้าให้มาแค่นี้”

ก็ไม่ได้โกรธอะไร?  ถ้าทำอาหารอร่อย ก็ขอบคุณพระเจ้า  ไม่อร่อย เขาว่าเรา ไม่ต้องโกรธ ก็ขอบคุณพระเจ้า แต่ต้องไปฝึกให้มันดีขึ้น

เพราะฉะนั้นเราต้องขอบคุณพระเจ้าก่อนเสมอ มอบให้พระเจ้าก่อนเลย ถูกโวยมา ก็ขอบคุณพระเจ้า ถูกชม ก็ขอบคุณพระเจ้า 1 พงศาวดาร 29:11-12 เป็นการสรุปเรื่องที่เราได้เรียนมาตลอด 11 ตอน ในเรื่องเกี่ยวกับหนังสือดาเนียล

1 พงศาวดาร 29:11-12 “11 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความยิ่งใหญ่ ฤทธานุภาพ เกียรติสิริ บารมี และเดชานุภาพ เป็นของพระองค์ ทุกสิ่งในฟ้าสวรรค์และในพิภพโลก เป็นของพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ราชอาณาจักรเป็นของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูน ในฐานะประมุขเหนือสิ่งสารพัด 12 ความมั่งคั่งและเกียรติมาจากพระองค์ พระองค์ทรงครอบครองเหนือสรรพสิ่ง พลังอำนาจอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ที่จะเชิดชูและประทานกำลังแก่ทุกคน”

 

สรุป ก็คือจงนิ่งเสีย และรู้ว่าพระองค์คือพระเจ้า  ก็คือรับรู้ว่าพระองค์เป็นพระผู้ทรงครอบครองควบคุมสรรพสิ่ง ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายด้วยพระองค์เอง ผู้ทรงพระเกียรติสิริแต่เพียงผู้เดียว นอกจากพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกแล้ว และเมื่อรับรู้ขนาดนั้นไม่พอ ต้องรับรู้ต่อจากนั้นด้วย และพระองค์ทรงมอบสิทธิอำนาจทั้งหมด ตำแหน่งต่างๆ เหล่านั้น ให้กับพระเยซูคริสต์ ตั้งแต่วันอีสเตอร์แรกของโลก 2,000 ปีมาแล้ว สิทธิ์อำนาจทั้งหมดที่เรากำลังพูดอยู่นี้ ที่บันทึกอยู่ในพระคัมภีร์ตลอดเวลาว่าพระองค์เป็นใคร? พระเจ้ายิ่งใหญ่ขนาดไหน? บัดนี้ มามอบให้กับพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระองค์ ที่พระองค์ประทานให้กับมนุษยชาติบนโลกใบนี้เรียบร้อยไปแล้ว เพราะฉะนั้น ผู้ที่ควบคุมอยู่เดี๋ยวนี้ ปัจจุบันนี้ ก็คือพระเยซูคริสต์ และอาณาจักรของพระเยซูคริสต์นี้ พระคัมภีร์ พระเจ้าได้บอกล่วงหน้าแล้ว เหมือนเรื่องอื่นๆ ที่บอกล่วงหน้า แล้วเราไปเช็คกันดู แล้วมันก็เกิดขึ้นตามนั้นทุกอย่าง สำหรับอาณาจักรของพระคริสต์  หรือพระบุตรของพระองค์นั้น ได้บันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว เผยพระวจนะไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะดำรงอยู่ตลอดกาล จะปกคลุมอยู่เหนือโลกใบนี้มากขึ้นๆ แผ่ขยายไปจนกระทั่งเต็มโลก ตามคำสั่งของพระเจ้า จนบริบูรณ์ คลุมไปหมดเลย เหลืออาณาจักรเดียวในอนาคต ถ้าพูดตามภาษาชาวบ้าน เหลือประเทศเดียวในอนาคต เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่กว่าประเทศอื่นๆ เพราะว่าระบบ เทคโนโลยีจะสูงสุดเลย  เพราะว่าเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบเทคโนโลยีแบบวิญญาณ เราจะมีร่างกายใหม่ ที่ไม่ใช่เป็นอย่างนี้  มันเป็นการเปลี่ยนระบบทางวิญญาณ

ทุกวันนี้ ท่านรู้ไหมว่าระบบมันเปลี่ยนมา 2,000 ปีอย่างไร? 4,000 ปีอย่างไร? นี่มันเปลี่ยนอยู่นะ ชีวิตพวกเรา ร่างกายพวกเรา การมอง การเห็น มันเปลี่ยนไปตลอด แม้ว่าท่านดูเหมือนมนุษย์ในสมัย 2,000 ปีก่อน  แต่มันไม่ใช่ มันเปลี่ยนไปตั้งเยอะแล้ว ทั้งระบบเทคโนโลยีก็เปลี่ยนไป การรับประทานอาหาร ก็เปลี่ยนไป การเดินทางก็เปลี่ยนไป การใช้เครื่องบิน การใช้จรวดก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปหมดเลย มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และสุดท้าย มันจะเหลืออยู่ประเทศเดียว ที่มีเทคโนโลยีสูงสุดเลย ร่างกายเราจะมียิ่งกว่าคอมพิวเตอร์อีก เรียกว่ากายทิพย์ อาจารย์เปาโลใช้คำนี้  เป็นร่างกายทางฝ่ายวิญญาณ อาจารย์เปาโลบอกว่าร่างกายฝ่ายเนื้อหนังอย่างนี้ ที่เห็นๆ มีใช่ไหม? ร่างกายฝ่ายวิญญาณ ก็มีด้วย และเราจะได้รับร่างกายนั้น เมื่อวันนั้นมาถึง เมื่อเราเชื่อวางใจในพระเจ้า รับรู้ว่าพระเยซูคริสต์ปกครองและควบคุมอยู่เหนืออาณาจักรทั้งมวล เอเมน

และสิ่งทั้งมวลต่างๆ ทั้งหมดนั้น เกิดขึ้นจริง เป๊ะๆ แล้ว สิ่งที่กำลังพูดนี้ เรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรพระคริสต์ ก็ต้องเป๊ะๆ ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น อย่าหยิ่งยโสโอหัง ทะนงตน แต่จงถ่อมใจ และแสวงความจริงจากองค์พระเยซูคริสต์เถิด และพึ่งในพระองค์  ไม่ว่าคนที่เชื่อแล้ว เป็น คริสเตียนแล้ว หรือคนที่ยังไม่เชื่อก็ตาม ถ่อมใจและเชื่อในพระองค์ พึ่งในพระองค์เถิด พระคัมภีร์ได้สอนไว้ว่าใครที่ถ่อม และแสวงหาพระองค์ คนนั้นก็จะได้พร ก็คือคนนั้น ก็จะได้สิ่งที่ดีๆ เข้ามาในชีวิต ใครที่ทะนงเย่อหยิ่ง อวดดี ก็จะได้รับการลงโทษ มันเป็นกฎ มันเป็นระเบียบ

เพราะฉะนั้น ให้เราพึ่งพาในพระเจ้า และผลตามมา ก็คือเมื่อพึ่งพาในพระเจ้า เราก็จะรักมนุษย์ เราจะไม่ยกตนข่มท่าน เราก็จะได้พบกับพระพรในชีวิตเยอะแยะมากมาย สิ่งดีๆ ก็จะเกิดขึ้นในชีวิตของเรา ตรงกันข้าม คือเมื่อพึ่งในตัวเอง เราก็จะข่มเหงมนุษย์ แล้วก็จะโอหัง อวดดี แล้วก็จะไม่ได้รับพระพร คือสิ่งดีๆ ในชีวิตเลย

          สรุปแล้ว เป็นตรรกะ เป็นสูตรอย่างนี้ว่า …

                                      …  พึ่งพระเจ้า รักมนุษย์ ถ่อมใจ ได้รับพระพร  …

                   หรือจะ        …  พึ่งตัวเอง ข่มมนุษย์ โอหัง อวดดี ไม่ได้พระพร  …

 

ขอให้ท่านเลือกอย่างแรก ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

***************************