คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2025
เรื่อง “หนังสือ 2 ยอห์น”
ตอน 4 “รางวัลที่จะได้รับ ขณะที่ยังดำเนินชีวิตอยู่บนโลกนี้”
โดย นคร เวชสุภาพร
วันนี้มาต่อ “หนังสือ 2 ยอห์น” ตอน 4 “รางวัลที่จะได้รับ ขณะที่ยังดำเนินชีวิตอยู่บนโลกนี้” ต่อจากครั้งที่แล้ว ตอน 3 ก็คือ “รางวัลที่ได้รับจากการดำเนินชีวิต ตามความจริงของข่าวดี” ซึ่งมาจาก 2 ยอห์น 1:8 ที่บันทึกไว้อย่างนี้ วันนี้จะต่อให้มันจบ …
2 ยอห์น 1:8 “จงระวังตัว (เอาใจใส่) เพื่อจะไม่สูญเสีย (โยนทิ้งหรือทำลาย) สิ่งทั้งปวง ที่เรากับท่านได้ทำงานตรากตรำมาด้วยกัน แต่ให้ท่านดำรงอยู่จนถึงที่สุด เพื่อจะได้รับบำเหน็จ (รางวัล ผลตอบแทน) สมบูรณ์ครบถ้วน”
“ให้ท่านดำเนินชีวิตอยู่ในความจริงนี้ จนถึงที่สุด เพื่อจะได้รับบำเหน็จรางวัลตอบแทน สมบูรณ์ครบถ้วน” เราได้เรียนรู้ความจริงในข้อนี้ มาถึงตอนนี้แล้ว วันนี้จะเอาให้อย่างละเอียดเลย ที่ต้องละเอียดมากกว่าธรรมดาด้วย เพราะว่าคำแรกของข้อพระคัมภีร์นี้ 2 ยอห์น 1:18 บอกไว้อย่างนี้ เราจึงต้องละเอียดยิ๊บเลย เท่าที่ทำได้ เท่าที่พระวิญญาณจะนำพาเราไป ขึ้นต้นด้วยคำว่า …
“จงระวังตัว เอาใจใส่ เพื่อจะไม่สูญเสีย” แค่นี้พอแล้ว จงระวังตัว เอาใจใส่ แสดงว่าเป็นเรื่องสำคัญ ยอห์นถึงเขียนคำนี้อย่างนี้ จงระวังตัว เอาใจใส่ เพื่อจะไม่สูญเสียสิ่งทั้งปวง ที่เรากับท่านได้ทำงานตรากตรำมาด้วยกัน ที่เราได้เรียนรู้ไปแล้ว ตรากตรำทำอะไร? เรียนรู้ความจริง รักษาความเชื่อ เชื่อในพระเยซูคริสต์ ตั้งแต่วันแรกที่เป็นคริสเตียน พอเป็นคริสเตียนปั๊บ เกิดสงครามขึ้นทันทีเลย โลกแห่งความมืดบนโลกใบนี้ เป็นศัตรูต่อต้านเรา เพราะเราเป็นความจริงแล้ว เราเริ่มต้น เป็นความจริง นั่นแหละ คือตรากตรำดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ เพราะเราไม่ได้เป็นของโลก เราเป็นความสว่าง เราเป็นคริสเตียน เราเป็นลูกของพระเจ้า แต่โลกใบนี้ เป็นความมืด เป็นของมาร
พระคัมภีร์บอกมารเป็นเจ้าของโลกนี้ ไม่ใช่พระเจ้านะ อย่าเข้าใจผิด เป็นเจ้าของโลกนี้ ก็คือเป็นเจ้านายของโลกนี้ เป็นเจ้าของความมืด ความบาปและความตาย ซึ่งมนุษย์ตกอยู่ใต้อำนาจของมัน ตรงนี้แหละ แต่เราหลุดพ้นออกมาแล้ว ถึงแม้หลุดพ้นออกมา เราก็ยังดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ก็ยังอยู่ในอิทธิพลของความมืดอยู่ ก็เกิดสงครามขึ้น ระหว่างความสว่างและความมืด นั่นแหละ ความตรากตรำในโลกฝ่ายวิญญาณ
เพราะฉะนั้น ให้เราระวังตัว เอาใจใส่ความจริงของถ้อยคำพระเจ้านั่นเอง เพราะในนี้บอกว่าสิ่งที่เราตรากตรำ รักษาไว้ ตั้งแต่แรก สิ่งทั้งปวง คืออะไร? คือสิ่งทั้งหลายที่อาจารย์ยอห์นสอน มาตลอด ตั้งแต่ 1 ยอห์น จนมาถึงนี่ 2 ยอห์นแล้ว พูดถึงเกี่ยวกับความเท็จกับความจริง แสงสว่างกับความมืด คริสเตียนกับไม่ใช่คริสเตียนเป็นอย่างไร? นั่นแหละ คือสิ่งทั้งปวงที่เราได้เรียนรู้กันมา อย่าให้มารมาขโมยไป
จงระวังเอาใจใส่ คือระวังแค่อย่าให้มันขโมยเอาความจริงนี้ไป เวลามันขโมยความจริงนี้ไป อะไรมาแทนที่ ความเท็จ มันมีแค่นี้เอง ในหนังสือยอห์น ยอห์นจะพูดถึงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นพิเศษ เป็นเรื่องย้ำยืนยันอยู่ตลอดเวลา
เพราะฉะนั้น จงระวัง รักษาความจริงนี้ไว้ให้ถึงที่สุดนั่นเอง ความจริงนี้อยู่ที่ไหน? ได้เรียนรู้แล้ว ยอห์นบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าความจริงนี้อยู่ในคุณ อยู่ในท่าน ผู้เชื่อ ความจริงนี้ ก็คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นความจริง และเป็นแสงสว่าง
ระวัง อย่าให้มารมาขโมยความจริงนี้ ที่อยู่ในตัวท่าน เพราะว่าพระคัมภีร์บอกแล้ว พระเยซูบอกแล้ว มารมาหาเรา เพื่อขโมย ฆ่า และทำลาย แต่พระเยซูบอก พระเยซูอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมาร พระเยซูเป็นแสงสว่าง เป็นความจริง มาเพื่อมนุษย์ทุกคนจะได้รับความรอด พระองค์มา เพื่อให้เขาได้มีชีวิต และมีชีวิตอย่างสมบูรณ์ ครบถ้วน บริบูรณ์
สองอัน แตกต่างกันอย่างไร? “เพื่อว่าท่านจะได้มีชีวิตอยู่อย่างสมบูรณ์ ครบถ้วน” ก็คือมีชีวิตอยู่อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน ตั้งแต่เดี๋ยวนี้เป็นต้นไป ตั้งแต่ท่านได้รู้จักกับเรา ตั้งแต่ท่านเปิดใจต้อนรับเราเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เราเข้าไปสถิตอยู่กับท่าน ความจริงสถิตอยู่กับท่านแล้ว ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หรือเป็นต้นไป ก็แล้วแต่ ชีวิตท่าน เป็นชีวิตนิรันดร์ และได้รับครบถ้วนบริบูรณ์ คือได้รับพระพรจากชีวิตนิรันดร์นี้ ที่เราเข้าไปสถิตอยู่กับท่านนี้ ตั้งแต่วินาทีที่ท่านเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ คือตั้งแต่ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ จนไปถึงนิรันดร์หลังความตาย หมายถึงอย่างนั้น คือตั้งแต่บนโลกนี้ ไปจนถึงชีวิตในโลกหน้า ที่เรียกว่าครบถ้วนบริบูรณ์ พระเยซูมา เพื่อใครก็ตามที่เชื่อและวางใจในพระองค์ จะได้รับชีวิตครบถ้วนบริบูรณ์ ตั้งแต่ดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้เลย จนไปถึงโลกหน้า หลังความตาย
ซึ่งตามบริบทของถ้อยคำที่เรากำลังเรียนรู้อยู่นี้ ใน 2 ยอห์น 1:8 บริบทนี้ เน้นถึงเรื่องรางวัลที่จะได้รับ ขณะที่ยังดำเนินชีวิตอยู่บนโลกนี้ เน้นตรงนี้ อย่าให้สูญเสียรางวัล บำเหน็จ พระพร จากการมาเป็นคริสเตียน ตั้งแต่ขณะที่ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เน้นตรงนี้ว่าอย่าให้มันขโมยไป ขโมยอะไรไป? ขโมยรางวัล พระพร จากการดำเนินชีวิตตามความเป็นจริง ตามถ้อยคำพระเจ้า ขณะที่ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ รางวัลนี้คืออะไร? พูดสั้นๆ คือความสงบสุข สันติสุขที่พระเยซูคริสต์ได้บอกว่าถ้ามาหาพระองค์ พระองค์จะประทานสันติสุข สันติสุขที่พระองค์ประทานให้นั้น ไม่เหมือนกับโลกให้ จงให้ท่านสบายใจเถิด และไม่ต้องวิตกกังวล อย่ากลัวเลย นี่คือรางวัล พระพรในการดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้
พระพร รางวัล บำเหน็จ ในการดำเนินชีวิตคริสเตียนตามความจริง แห่งพระคำของพระองค์นั้น ได้รับตั้งแต่บนโลกใบนี้เลย คริสเตียนทุกคนได้รับแน่นอน แต่รับไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าคริสเตียนคนนั้น ถูกขโมยความจริงไปมากน้อยเพียงใด หรือพูดง่ายๆ ว่ารักษาความจริงอยู่ในใจได้มากเท่าไร ต่างกัน ถ้าความจริงมีอยู่มาก ก็มีสันติสุข ความสงบสุข ได้รับพระพรนี้มาก ถ้าเผื่อถูกขโมยไปเยอะ ก็ได้รับพระพรน้อย นี่คือสิ่งที่อาจารย์ยอห์นเตือน และบอกพวกเราว่าระวัง มารมันจะขโมยสิ่งเหล่านี้ ไปจากเรา
ส่วนรางวัลในโลกหน้า เรารู้กันอยู่แล้ว ก็คือชีวิตนิรันดร์หลังความตาย ก็คือร่างกายใหม่ ที่เราจะสวม หลังจากตาย หลังจากออกจากร่างนี้ ทิ้งร่างเรือนดินนี้ ออกปุ๊บ เราก็จะพบกับพระเยซูคริสต์ พร้อมกับได้รับร่างกายใหม่ที่เป็นเหมือนพระองค์ และได้ครอบครองโลกใหม่ และสรรพสิ่งในโลกใหม่ ที่พระองค์ทรงสร้างทั้งหมดเลย ร่วมกับพระเยซูคริสต์ อันนี้ คริสเตียนทุกคนได้รับเท่าๆ กันทั้งหมด ไม่มีใครได้ดีกว่ากันเลย ไปอยู่ในสวรรค์ได้เท่ากันหมดเลย เพราะทุกคน ก็ได้รับความรอด ได้รับชีวิตนิรันดร์ ได้เข้าไปอยู่ในสวรรค์ ได้เข้าครอบครองกับพระเยซูคริสต์ ทั้งหมดนี้ โดยพระคุณ โดยพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และเป็นขึ้นมาจากความตาย ในวันที่สาม และเราเชื่อ เพราะฉะนั้น มนุษย์ทุกคนได้รับ เพราะความเชื่อ จึงไม่มีใครสามารถที่จะอวดอ้างว่า …
“ฉันทำดีกว่าคนอื่นเขา ฉันควรที่จะได้รับในสวรรค์มากกว่าคนอื่นเขา ฉันควรไปสวรรค์และได้รับตำแหน่งมากกว่าคนอื่นเขา ฉันไปสวรรค์ ควรจะได้รับพระพร หรือทรัพย์สมบัติในสวรรค์มากกว่าคนอื่นเขา ฉันไปสวรรค์ ควรจะได้รับแมนชั่นหรือสถานที่อยู่ หรือบ้าน อาศัยอยู่ในสวรรค์นั้นมากกว่าคนอื่นเขา หรือว่าฉันไปอยู่ในสวรรค์แล้ว ฉันควรจะเป็นประชาชนในสวรรค์ชั้นหนึ่ง ก็คือเป็นเจ้านาย เป็นผู้ครอบครองมากกว่าคนที่อยู่บนโลกนี้ แล้วทำงานให้พระเจ้าน้อยกว่าฉัน”
ไม่มี ไม่สามารถที่จะอวดอ้างได้ เพราะว่าทุกคนได้รับความรอดเหมือนกัน ก็คือไม่ได้ทำอะไรเลย แม้แต่นิดหนึ่ง พึ่งในการกระทำของพระเยซูคริสต์เท่านั้น
เรามาดูบำเหน็จ หรือพระพร ที่จะได้รับในการดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ ซึ่งเรารู้แล้วว่าหมายถึงรางวัลที่แท้จริง ก็คือสันติสุขในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ก็คือการได้รู้จักกับพระคริสต์ และมีชีวิตอยู่ในพระคริสต์ นี่คือพระพรที่จะได้รับในการดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เริ่มต้นได้รับตั้งแต่ตอนนี้ บัดนี้ บนโลกใบนี้เลย เมื่อเปิดใจรับเชื่อปุ๊บ อันนี้เข้าไปทันที เริ่มต้นเลย ก็คือความยินดี สันติสุข ความสงบสุข ความสบายใจ ที่มาจากการได้รู้ว่าชีวิตของเราอยู่ในพระคริสต์ เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าแล้ว พระเจ้าพอใจเรามากเลย รักเรามากเลยในพระเยซูคริสต์ และได้รู้ว่าเราเป็นผู้ชอบธรรม บริสุทธิ์ และดีพร้อมเหมือนพระคริสต์แล้ว สมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดสันติสุข ความสงบสุข และเราได้รู้ว่าเราได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันทางวิญญาณกับพระเจ้า พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตรพระเยซูคริสต์ พระเจ้าพระวิญญาณ
สิ่งเหล่านี้ เป็นความจริงทั้งหมด พอได้รับรู้แล้ว เกิดอะไรขึ้น เกิดสันติสุข ความสงบสุข ความปิติยินดีเกิดขึ้นทันที ในการดำเนินชีวิตในโลกใบนี้ การได้รับรู้ว่าเราอยู่ในสวรรค์แล้วในขณะนี้ กำลังดำเนินชีวิตอยู่ในสวรรค์แล้ว ขณะนี้ ไม่ต้องรอให้ตายไป จะไปอยู่ในสวรรค์ แต่วิญญาณของเรา ได้รับรู้แล้วว่าเราอยู่ในสวรรค์แล้ว ขณะนี้ และจะอยู่ในสวรรค์นี้ตลอดไปนิรันดร์ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็นอื่นเลย ไม่ว่าเราจะทำอะไร หรือใครจะทำอะไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถมาเอาเราออกไปจากสถานะนี้ได้อีกแล้ว ไม่มีใครสามารถมาเอาเราออกจากความรักของพระเจ้าตรงนี้ได้อีกแล้ว ในพระคริสต์ เราเป็นอยู่อย่างนี้ ในสวรรค์เราจะอยู่กับพระองค์ และอยู่อย่างนี้ตลอดไปเป็นนิตย์ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เอเมน ขอบคุณพระเจ้า นี่คือรางวัล
รักษาความจริงเหล่านี้ไว้ เป็นรางวัล รางวัล ก็คือแฮปปี้ มันดีกว่าคนที่ไม่รู้เรื่องว่าอนาคตเราจะเป็นอย่างไร? ตายแล้วเราจะไปไหน? มันคนละเรื่องเลย บำเหน็จ หรือพระพร หรือรางวัลนี้ ได้รับเลย และจะได้รับมากที่สุด ก็ต่อเมื่อดำเนินชีวิตในความจริงของถ้อยคำพระเจ้า ขณะที่ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้นั่นเอง ซึ่งรางวัลการดำเนินชีวิตในความจริงของถ้อยคำพระเจ้า หลายคนก็เข้าใจผิด ถูกขโมยไป พระคัมภีร์บอกว่าเราจะได้รางวัล พระพรในการดำเนินชีวิต ตามถ้อยคำพระเจ้าที่เป็นความจริง
คราวนี้มันก็มีพระคำที่เป็นความเท็จด้วย อย่างที่อาจารย์ยอห์นบอกว่าให้เราระมัดระวัง เอาใจใส่ว่าอะไรเป็นความจริง อะไรเป็นความเท็จ ความเท็จ คือที่อยู่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงของถ้อยคำพระเจ้าที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ และเราจะรู้ได้อย่างไร? พระวิญญาณจะค่อยๆ สอนเรา บอกเราทีละเล็กทีละน้อย เราจะเข้าใจและเห็นชัดขึ้น
เพราะฉะนั้น เป็นรางวัลที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ การมีส่วนร่วมในชีวิตนิรันดร์กับพระเจ้าในพระคริสต์ นี่คือความจริงของรางวัลนี้ ความสงบสุข สิ่งที่จะได้รับหลังความตายนิรันดร์และรับรู้ นี่คือรางวัล บำเหน็จ พระพร พระพรนี้ บนโลกใบนี้ ถ้าถูกโกหก มารมันจะบอกว่ามันเกี่ยวกันกับสุขภาพแข็งแรง ทรัพย์สินเงินทองบนโลกใบนี้ ความสำเร็จบนโลกใบนี้ ใช่หรือไม่? ซึ่งมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่ผู้เชื่ออย่างเดียว มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ต้องการ มารมันก็รู้ว่ามนุษย์ต้องการตรงนี้แหละ มันก็เอาตรงนี้มาเป็นอาวุธของมัน ในการล่อลวงคริสเตียน
จำได้ไหมความจริง ก็คือเมื่อเรามาเป็นคริสเตียน รางวัลของเราที่ได้รับบนโลกใบนี้เลย ก็คือสันติสุข ความสงบสุข การได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า การได้รู้ว่าเราเป็นคนชอบธรรมบริสุทธิ์ ดีพร้อม การได้รู้ว่าตายไปแล้ว เราได้รับร่างกายใหม่ ได้อยู่ในสวรรค์นิรันดร์กาล ได้รู้ว่าปัจจุบันเราก็ได้อยู่ในสวรรค์แล้ว อย่างนี้ใช่ไหม?
แต่มันมาบอกว่า … “ไม่ใช่หรอก อยู่บนโลกใบนี้ รางวัลตรงนี้ มันหมายถึงเจ้าจะได้รับผลสำเร็จ บนโลกใบนี้ เจ้าจะได้รับความแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย ที่คนบนโลกใบนี้เขาอยากได้กัน พระเจ้าสัญญาว่าเจ้าจะได้รับความเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง รวย แน่นอน”
นี่คือความโกหก และใครเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็เท่ากับถูกขโมยความจริงไป สันติสุขหายไป ความสงบสุขหายไป ความสุขก็เลยหายไป สันติสุข ก็เลยกลายเป็นความวิตกกังวล ความสุขที่มีความพึงพอใจในสิ่งที่มีอยู่ ก็กลายเป็นความทุกข์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การถูกขโมยแบบเนียน คือมารหลอกล่อ หลอกลวงให้เราเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ นึกออกไหม? มันหลอกลวง ล่อลวง มนุษย์บนโลกใบนี้ ให้อยากได้ในสิ่งที่เป็นของโลกใบนี้ คือทรัพย์สิน เงินทอง ความแข็งแรง
แล้วมนุษย์ก็ทำอะไรทุกอย่าง เพื่ออยากจะได้ 2 สิ่งนี้ อยากจะได้ความสำเร็จบนโลกใบนี้ แม้ว่าจะทำชั่วอะไรต่างๆ ก็จะเอา อย่างนี้เรียกว่าหลอกเฉยๆ แต่พอมาเป็นคริสเตียนแล้ว มันหลอกหนักกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันหลอกให้คริสเตียนมีความเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจเลยว่าถ้อยคำนี้ เป็นถ้อยคำแห่งความจริง คือมันบิดถ้อยคำแห่งความจริงของพระเจ้าออกมา กลายเป็นว่าพระเจ้าบอกว่าเมื่อเรามาเป็นคริสเตียนแล้ว เราจะได้พระพร รางวัล คือเราจะประสบผลสำเร็จในชีวิตบนโลกใบนี้ เหมือนกับโลกใบนี้ที่เขาต้องการ พระเจ้าจะให้เราแข็งแรงอย่างอัศจรรย์เลย พระเจ้าจะให้เรามีเงินใช้อย่างพอเพียง ต้องเป็นคนร่ำรวย นี่แหละ คือสิ่งที่พระองค์ประสงค์ และพระองค์ต้องการ และเมื่อ คริสเตียนหลงเชื่อไป อย่างบริสุทธิ์ใจเลยว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น มันก็ยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่ เพราะความมืด ความเท็จ ปลอมตัวเป็นความสว่าง ปลอมตัวเป็นความจริง นี่หนักหนาสาหัสสากัน
เมื่อถูกหลอกแบบนี้ มันก็เกิดเป็นผลร้าย เป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงกับคนที่ถูกหลอกนั้น เชื่อไปอย่างนี้แล้ว บริสุทธิ์ใจ เชื่อว่ามันมาจากพระเจ้า เชื่อเต็มที่เลย มันก็เกิดความเสียหาย ใหญ่โตกับคนที่ถูกหลอกให้เชื่อแบบนี้ และเสียหายกับคนอื่นรอบข้าง นี่แหละ คือวิธีของมารที่ทำ
ยกตัวอย่าง อย่างหนักๆ อย่างรุนแรงที่บิดถ้อยคำพระเจ้า เสร็จแล้วทำให้ผู้เชื่อ คือคริสเตียนหลงเชื่อไปว่ามาจากพระเจ้า ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ ยกตัวอย่างเช่น แรงที่สุด ที่เราเห็นกันบนโลกใบนี้ ก็คือสงครามศาสนา ไม่ใช่ทางพระเจ้าเลย แต่อ้างถ้อยคำพระเจ้าว่าอย่างนี้ เราต้องประกาศข่าวดี เราต้องรักษาเกียรติพระเจ้า ไม่ให้ใครมาลบหลู่ แล้วเราก็เริ่มทำตามที่เราคิดว่ามันเป็นความจริง นึกว่าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า เราก็เบียดเบียน ข่มเหงผู้เชื่ออื่นๆ เห็นหรือยัง? คริสเตียนข่มเหงผู้เชื่ออื่นๆ ยกตัวอย่างให้ฟัง
ในสมัยโรม ตอนเริ่มต้น ก็มีการข่มเหงคนที่ไม่เชื่อ บังคับให้เขามาเป็นคริสเตียน ตั้งคริสเตียนเป็นศาสนาประจำชาติกรุงโรม เพราะฉะนั้น ทุกคนที่มีเชื้อชาติโรม หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นข้าราชการอยู่ในโรม ต้องมาเข้าพิธีเป็นคริสเตียน มันก็เลยมีคริสเตียนแบบถูกบังคับ แต่ในใจไม่ได้เป็น ซึ่งมันไม่ใช่ นึกว่าน้ำพระทัยพระเจ้า เป็นอย่างนั้น ทำด้วยความเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ต้องทำตามอย่างสุดใจ และอย่างสุดชีวิต ถวายชีวิตเลย เพราะว่าเป็นพระเจ้า คล้ายๆ กับสมัยที่พวกชาวยิวต่อต้านพระเยซูคริสต์ ก็คิดว่าพระเยซูคริสต์เป็นผู้ที่มาทำการหมิ่นประมาทพระเจ้าของเขา เขาเชื่ออย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้น เขาถวายชีวิตของเขาเอง เขาจะฆ่าพระเยซูให้ได้ กำจัดให้ได้ เพราะว่าลบหลู่เกียรติของพระเจ้า พระเจ้าให้จัดการ นี่มันหมายถึงอย่างนั้น
มันจึงเกิดสงครามถวายชีวิตกัน เกิดการระเบิดพลีชีพ หรือสงครามศาสนา ยอมตาย สงครามครูเสด คือสงครามที่ต่างความเชื่อกัน แล้วใช่น้ำพระทัยพระเจ้าหรือเปล่าอย่างนั้น แล้วทำไมเขาทุ่มเทชีวิต ถึงทำขนาดนั้น ก็เพราะเขาเชื่ออย่างเต็มใจ บริสุทธิ์ใจเลยว่านี่มาจากพระเจ้า
เราลองกลับมาดูวิธีการของมาร ในชีวิตคริสเตียนปัจจุบันว่าถูกหลอกอย่างนี้ไหม? ใช่ไหมที่เราบอก ทุกวันนี้เรามองสังคม เราเองก็มีประสบการณ์ ใครที่สังเกตก็จะเห็นชัด ใครที่ไม่สังเกต ก็อาจจะเห็นไม่ชัดเท่าไร? หรือใครที่เป็นคริสเตียนมานานๆ และรู้จักกับคริสเตียนมากๆ หลายๆ คน ก็อาจจะเห็นพฤติกรรม หรือความเชื่อของคนอื่นๆ จะเห็นชัดมากว่าเป็นอย่างไร? เรามาดู มีบางคนเขาเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นจริง คือพระเจ้าต้องการให้เราแข็งแรง ไม่ป่วยเลย มีหลายคริสตจักร เราเองก็เคยเชื่อแบบนั้น ถ้าเราป่วย แสดงว่าเราผิด เพราะพระเจ้าไม่ต้องการให้เราป่วย พระเจ้ารักเรามาก พระเจ้ารักษาเราแข็งแรงได้ ถ้าเราป่วย แสดงว่าความเชื่อเราน้อยไป เราต้องเพิ่มพูนความเชื่อ หรือไม่ เราก็ต้องไปหาผู้ที่มีความเชื่อสูงๆ มาอธิษฐาน วางมือให้เรา แล้วเราจะได้หายโรค
เราก็จะแสวงหาการหายโรคอยู่นั่นแหละ ตลอดเวลา แสวงหา อยากจะหายโรค พระเจ้ารักษาลูกได้ เมื่อเขาบอกว่าความเชื่อไม่พอ ทำอย่างไร? ก็สร้างความเชื่อ เขาก็สอนต่อ “เขา” เอาเป็นว่ามาจากมารก็แล้วกัน คือความเท็จ ก็จะบอกว่าเพราะท่านความเชื่อไม่พอ แล้วเขาก็บอกต่อว่าท่านต้องอธิษฐานมากกว่านี้ ความเชื่อจะได้เพิ่ม อธิษฐานไป ก็ยังไม่หาย ต้องอธิษฐานและอดอาหารด้วย ยกตัวอย่างข้อพระคัมภีร์ขึ้นมาด้วย พระคัมภีร์เดิม เขาอดอาหารอธิษฐาน เกิดอัศจรรย์ขึ้น อดอาหารอธิษฐานเสร็จ ก็ยังไม่หาย เขาก็บอกต่อไป เขา ก็คือมาร สรุปไปให้มารดีที่สุด เพราะมาจากมันนั่นแหละ จะผ่านคนไหนไม่รู้ แต่ก็มาจากมาร
มารก็บอกต่อว่าอดอาหารอธิษฐานไม่พอ ไปตรวจดูสิว่าทำบาปอะไรมา เช็คให้ละเอียดเลย ทำบาปเล็กๆ น้อยๆ คิดให้ดีๆ แล้วก็สารภาพไปให้หมด ล้างชำระไปให้หมดเลย คิดๆ ก็ยังไม่หาย ก็ยังไม่ได้ ต่อมา ก็โกหกต่อไปเรื่อยๆ หรือว่าบรรพบุรุษ พ่อแม่ หรือปู่ย่าเคยไปเล่นไสยศาสตร์ที่ไหนไหม? เล่นกับผีอะไรหรือเปล่า? ผีมันเลยตามมา แล้วก็ยังมีอะไรอีกเยอะแยะ เอาแค่นี้ก็พอจะเห็นภาพแล้วนะ เกิดอะไรขึ้น เกิดความเสียหายแก่เจ้าตัว แทนที่จะสบายขึ้น หรือหายจากที่พระเจ้ารักษาผ่านทางยา ผ่านทางแพทย์ ผ่านทางหมอ ผ่านทางการปรับปรุงชีวิต การกิน การอยู่หรืออะไรแล้วแต่ ก็สูญเสียตรงนี้ไป ไม่พอ แล้วสูญเสียอะไรที่เห็นชัดๆ อันนี้เห็นหลายรายแล้วนะ ก็คือสูญเสียโอกาสที่จะไปให้หมอรักษาด้วยสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า ทางหมอ ทางยา ทางวิธีการของแพทย์ ก็เลยไม่ได้ไปใช้ เมื่อไม่ไปใช้ มันก็แย่ลง ตามธรรมชาติของการเสื่อมของร่างกายบนโลกใบนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่โลกใบนี้ เต็มไปด้วยคำสาปแช่ง เต็มไปด้วยความเจ็บป่วย
พระคัมภีร์ได้บันทึกอย่างนั้นเลย ร่างกายเป็นร่างกายที่อ่อนแอ ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความเจ็บป่วย และกลับไปสู่ความตาย ใน 2 โครินธ์ 4:17-18 ได้บอกไว้ว่าร่างกายภายนอก มันกำลังดำเนินชีวิตไปสู่ความเสื่อมโทรม ความตาย เป็นเรื่องธรรมดา แต่เราไปฝืนมันว่ามีชีวิตอยู่ พระเจ้าทำการอัศจรรย์ ถูกหลอก เพราะฉะนั้น เราก็เลยไม่ไปทำอะไรกับมัน เมื่อไม่ทำอะไรกับมัน ก็ยิ่งเสียหายใหญ่เลย เพราะว่าการแพทย์กำลังจะช่วยปรับปรุงหรือแก้ไขในสิ่งที่เสื่อมเสียไปได้บ้าง ก็ไม่ได้ทำ
ผลเสีย ก็คือแทนที่จะหายจากอาการความดันโลหิต ซึ่งเกิดจากอะไรก็ไม่รู้ หมอบอกสามารถที่จะช่วยได้ โดยยาควบคุมความดัน หรือวิธีการของหมอ นี่ไม่ เชื่อในพระเจ้า เชื่อในคำโกหก คำเท็จของมาร ไม่ไปหาหมอ หรือไปหาหมอแล้ว แต่ไม่ยอมกินยาตามที่หมอบอก ไม่ตรวจตามที่บอกว่าให้ระวัง ความดันสูง ไม่ตรวจ เชื่อในพระเจ้า เชื่อไม่พอ ไม่ทำตามแพทย์ไม่พอ ทำตามความเท็จ ไม่กินยา ไม่ระวังตัว กินอาหารไม่เลือกอยู่เหมือนเดิม แต่อธิษฐานมากๆ เครียด เกิดอะไรขึ้น เส้นโลหิตในสมองแตก เป็นอัมพาต เดือดร้อนตัวเอง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องนอนอยู่บนเตียง แล้วก็เดือดร้อนถึงคนใกล้ชิด ที่ต้องมาดูแลเขาอีก เห็นหรือยัง?
เพราะเหตุมันมาจากอันนี้ ความเท็จที่มาแทนความจริง โดยบริสุทธิ์ใจของเขาเลย เขาทุกข์ทรมานมากว่าทำไมเขาแย่อย่างนี้ พระเจ้าช่วยคนอื่น ทำไมไม่ช่วยเขา อย่างนี้ ตายไปด้วยความเศร้าโศก แล้วไปอยู่ในสวรรค์ไหม? ไปอยู่ในสวรรค์ เพราะในสวรรค์ได้เท่ากันอยู่แล้ว ได้รับความรอด ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น ไปอยู่สวรรค์ แต่ขณะที่เดินทางไปอยู่ในสวรรค์ ชีวิตบนโลกใบนี้ ได้รับความรอดเหมือนด้วยไฟ เป็นความทุกข์ยากลำบาก เห็นชัดเลย เอาไปเปรียบเทียบได้เลยกับโลกอื่นๆ มีจริงๆ เล่าประสบการณ์จริงๆ เลย แม้แต่ตัวเอง หรือพวกเราเองที่นี่ ตั้งแต่คริสตจักรเปิดมา ที่เราเคยเข้าไปในความเชื่อแบบนี้บ้าง เรายังเห็นเลย เรายังมีประสบการณ์เลย ขอบคุณพระเจ้าที่เราหลุดออกมาทัน ขอบคุณพระเจ้า ถ้าไม่ทัน มันก็จะเป็นอย่างนี้ เสียหายไปเยอะแยะมากมาย นี่เราก็เสียหายไปบ้าง แต่มันก็ไม่เยอะ ก็ขอบคุณพระเจ้า ยังพอไปได้ เลยมาบอกเราว่ามันมีความจริงที่เรามีประสบการณ์ผ่านมาจริงๆ เห็นจริงๆ ขอบคุณพระเจ้า
บางคนเป็นเบาหวาน เบาหวานรักษาได้ ดูแลได้ ไปหาหมอ คนเขาเป็นเบาหวานกันเยอะแยะ นี่เชื่อในความเท็จ ถ้าเป็นเบาหวานต้องไปหาหมอตลอดชีวิต แล้วเป็นไง ไปหาหมอตลอดชีวิต แล้วมันดีกว่ามาพิการตลอดชีวิตไหมล่ะ ไม่พูด มารมันส่งมาแค่นี้ …
“พระเจ้าเธอยิ่งใหญ่ พระเจ้าเธอยอดเยี่ยม มาจากคนนั่นแหละ เป็นคนพูด พูดแล้ว เขาเชื่อด้วย เพราะคนพูดก็มีความรู้สึกบริสุทธิ์ใจว่ามันเป็นจริง เพราะตัวเองได้รับประสบการณ์มา แต่ประสบการณ์ มันไม่ใช่ความจริงเสมอไป ประสบการณ์ มันคือประสบการณ์ ถ้อยคำพระเจ้า คือถ้อยคำพระเจ้า มันเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เราไม่สามารถสอนประสบการณ์ให้กับท่านได้ แต่เราต้องสอนความจริงในถ้อยคำพระเจ้าว่าบันทึกไว้ว่าอย่างไร? ไม่ใช่ประสบการณ์ว่า …
“ผมผ่านอย่างนี้มา”
ถ้าเชื่อประสบการณ์ ไม่ต้องมาเชื่อพระเจ้าหรอก อย่างนี้เยอะแยะไปข้างนอก ประสบการณ์เต็มไปหมด แต่ความจริงของพระเจ้าว่าอย่างไร? ประสบการณ์ สามารถเป็นความเท็จได้ 100% เลย เพราะว่ามารใช้ประสบการณ์เต็มไปหมด บนโลกใบนี้ แต่ความจริงของพระเจ้ายืนยันไว้อย่างไร? ก็ต้องเป็นอย่างนั้น นี่คือเห็นชัดเจน มันก็เดือดร้อน ถามว่าเดือดร้อนมาจากใคร? มาจากมารนั่นแหละ แล้วมาจากอะไร? มาจากความเท็จที่ดาษดื่นไปหมดเลย แล้วใครถูกความเท็จนี้หลอก ต้องเป็นคนที่ไม่ใช่คริสเตียนแน่นอนอยู่แล้ว แต่คริสเตียน ถูกล่อลวง ก็หนักกว่า เพราะบริสุทธิ์ใจกว่า และโดยเฉพาะอย่างนี้ คริสเตียนที่เป็นผู้นำ ที่เป็นผู้สอนคนอื่นเขา ที่เป็นผู้ประกาศบอกคนอื่นเขา ยิ่งหนักใหญ่เลย ยิ่งไปทำให้คนอื่นเขา คิดเอาเองก็แล้วกัน เดือดร้อนขนาดไหน? ไม่ใช่ตัวเองเดือดร้อนอย่างเดียว แต่คนอื่น เขาเดือดร้อนด้วย นี่คือสิ่งที่เป็นความจริง ที่อาจารย์ยอห์นบอกให้ระมัดระวังสิ่งเหล่านี้
ตะกี้นี้เรื่องสุขภาพ เรื่องการเงินก็เหมือนกัน มันมีอยู่ 2 อย่างเน้นๆ ชัดๆ ส่วนอื่นก็มีบ้าง แต่มันไม่ชัดเจนเหมือนกับการเงินกับสุขภาพ ที่มารใช้เป็นอาวุธ ในการล่อลวง หลอกลวงให้มนุษย์หลงไปเชื่อมัน มนุษย์ต้องการสำเร็จทางโลกนี้ ก็คือแข็งแรง ร่ำรวย อันนี้ขอก่อนเลย อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ชื่อเสียงยังว่ากันทีหลัง
ตะกี้เรื่องสุขภาพ ทีนี้เรื่องการเงิน ก็เหมือนกัน นี่ก็เห็นชัดๆ มาเชื่อพระเจ้าแล้ว มันต้องรวยขึ้น คุ้นหูไหม? พระเจ้าเรายิ่งใหญ่ พระเจ้าไม่ให้เราจนหรอก คุ้นๆ ไหม? พระเจ้าบอกท่านจะไม่ขาดแคลนสิ่งใดเลย คุ้นๆ ไหม? พระเจ้าบอกท่านให้ออกไป ท่านจะได้รับกลับเข้ามายัดสั่นแน่นพูนล้น คุ้นๆ ไหม? มารก็ใช้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ จากถ้อยคำพระเจ้ามาบิดตรงโน้น บิดตรงนี้ พระเยซูคริสต์ไม่ได้ยากจนเหมือนที่เขาบอกหรอก พระเยซูคริสต์ร่ำรวยจะตาย ตอนนี้เป็นจอมราชา อยู่ที่เบื้องขวาของพระเจ้า ในสวรรคสถาน แล้วท่านทำตัวกระจอกอย่างนี้ได้อย่างไร? ท่านต้องรวย เพราะท่านเป็นลูกพระเจ้า เสียชื่อพระเจ้าหมดเลย ท่านขาดแคลนอย่างนี้ อย่างนั้นหรือ?
แต่ในพระคัมภีร์บอกเต็มไปหมดเลยว่าให้ช่วยเหลือพี่น้องคริสเตียน ที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มที่กำลังอดๆ อยากๆ ชาวมาสิโดเนีย ที่เป็นผู้ที่ขาดแคลนอย่างมากมาย แต่ก็ยังมีใจกว้างขวางในการบริจาค ช่วยเหลือผู้อื่น ในขณะที่ตัวเอง ก็ยังขาดแคลน ช่วยเหลือเท่าที่มี อะไรอย่างนี้
เปาโลบอกข้าพเจ้าพอใจทุกสถานะ ไม่ว่าจะมีอย่างเหลือล้น หรือขัดสน ขาดแคลน ข้าพเจ้าขัดสนขาดแคลนอย่างมากมายเลย แล้วเราก็ถูกหลอกว่ามาเชื่อพระเจ้า แล้วต้องร่ำรวย และเกิดอะไรขึ้น
นี่เป็นจริงเลย พี่น้องคนหนึ่งก็คิด ก็เชื่ออย่างนี้แหละ ก็อธิษฐานๆ มั่นใจว่าพระเจ้าต้องให้เราร่ำรวยแน่ๆ ทำทุกอย่างที่เขาสอนมา เขา หมายถึงมารนะ มารสอนมา สอนให้ออกไปเยอะๆ เพื่อจะได้กลับมา สอนให้อธิษฐานมากๆ สั่งการมากๆ เพื่อจะได้กลับมา และสอนให้ใช้ความเชื่อ ในการทำธุรกิจ เขาไปเรียนรู้เรื่องการทำธุรกิจ การทำมาหากินแบบระบบตามเหตุและผลการค้าขาย แต่นี่ไม่เอา ใช้ความเชื่อเข้ามานำหน้า แล้วเอาวิชาการไว้ข้างหลัง ทำตามวิชาการ แต่ทับไปด้วยการอธิษฐานว่ามันต้องรวยแน่ๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น มันไม่ได้เป็นไปตามนั้น แต่การลงทุน เขาเชื่อมั่นว่ามันเป็นอย่างนั้น เชื่อมั่นว่ามาจากพระเจ้า หนักกว่านั้นอีก เมื่อเชื่อ อธิษฐานไป นี่มาจากพระเจ้าแน่เลย ต้องรวยแน่ๆ เที่ยวนี้ เพราะว่าเราทำตามที่ถูกโกหกมาหมดเลย ทำตามนี้ แน่นอนเลย เพราะฉะนั้น ลงทุนไปเยอะๆ เลย ก็ไปลงทุนเยอะๆ จนเกินตัว แล้วในที่สุด ก็หมดตัว แล้วก็เป็นหนี้เป็นสินชาวบ้าน เขาเยอะแยะ แล้วก็ร้องห่มร้องไห้ พระเจ้าช่วยได้ๆ ก็ยังไม่หยุดอีก ก็ยังฝืน แทนที่จะรู้ตัว กลับฝืน
ฝืนคืออะไร? ไปกู้หนี้ยืมสินเขามา เพื่อจะสู้ต่อ แทนที่จะหยุด มีใครห้าม ก็ไม่เชื่อฟัง เพราะว่าเขาเชื่อในพระเจ้าที่เขาถูกหลอกมาว่าให้ทำอย่างนี้ถูกแล้ว แล้วได้ที่ปรึกษาที่เป็นมาจากมารอีก ที่ปรึกษาบอกทำถูกแล้ว ลองไปเช็คดูสิ เหมือนเดิมว่าเราไปยุ่งเกี่ยวกับไสยศาสตร์อะไรมาหรือเปล่า? ยุ่งเกี่ยวกับผีไหม? เลิกความสัมพันธ์กับผีอย่างครบถ้วนบริบูรณ์หรือยัง? ตัดขาดความสัมพันธ์กับผีในอดีตที่เราเคยไปยุ่งมา ก่อนเชื่อพระเจ้า หรือปู่ย่าตายายพ่อแม่ไปทำอะไรที่เกี่ยวกับผีไหม? ไปเช็คดูให้ดีๆ สิ
แทนที่จะมาแก้ไขเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินแบบมีสติ แบบที่เขาทำกัน ไปคิดทางไสยศาสตร์ คิดอะไรต่างๆ เหล่านั้น เอาพระเจ้ามาอ้าง นี่ถูกโกหกหมด ก็ยิ่งถลำลงไปลึกๆ ในที่สุด หมดเลย ไม่เหลืออะไรเลย แถมเป็นหนี้เป็นสินอีกเยอะแยะ เดือดร้อนตัวเองอีกแล้ว และนอกจากตัวเองเดือดร้อน ใครเดือดร้อนอีก ก็ผู้คนรอบข้าง ก็คือครอบครัว ญาติพี่น้อง และคนที่เขาไปขอร้องให้ช่วย ก็คือเสียหายไปด้วยกัน อย่างนี้เป็นต้น
มาจากการถูกขโมยเอาความจริงนี้ไป อาจารย์ยอห์นจึงบอกว่าให้ใส่ใจตรงนี้ ยกตัวอย่าง แค่ 2 เรื่องเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วมีเยอะแยะมากมายไปหมดเลย ปัญหา ชีวิตบนโลกใบนี้ ที่มารสามารถเอามาใช้ ในการหลอกลวง ขโมยเอาความจริง จากคริสเตียนผู้เชื่อ น่าจะ หรือสมควรที่จะได้รับรางวัล บำเหน็จ พระพร ตั้งแต่เริ่มต้นเชื่อ ในขณะดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้แล้ว นั่นคือความสงบ สันติสุขนั่นเอง ก็ยังมีบางคนในแวดวงถูกหลอก การถูกมารขโมยเอาความจริงนี้ไป ก็มีบางคนที่ไม่บริสุทธิ์ใจก็มี ตะกี้เราพูดถึงคนที่บริสุทธิ์ใจนะ บริสุทธิ์ใจจริงๆ เลยว่านี่มาจากพระเจ้า แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดอย่างดีด้วยซ้ำไป คิดว่ามาจากพระเจ้า คิดไปว่าเมื่อสำเร็จแล้ว ก็จะสร้างโบสถ์ เมื่อสำเร็จแล้วเขาจะไปถวาย เมื่อสำเร็จแล้ว จะมาทำงานประกาศข่าวประเสริฐให้พระเจ้ายิ่งใหญ่เลย
นี่เขาเรียกบริสุทธิ์ใจ บางชนิด คือคนไม่บริสุทธิ์ใจก็มี คือเป็นคริสเตียน แต่ตั้งใจหลอกลวง เพราะถูกหลอก ถูกจูงใจด้วยตัณหาอันนี้ก็มี แต่ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในต่างประเทศเยอะ ก็คือเป็นคริสเตียนแล้ว แต่ต้องการแข่งขันกับโบสถ์ กับชุมชนที่เชื่อด้วยกัน ก็คือโบสถ์นั่นแหละว่าเขาเจริญรุ่งเรือง เราก็ต้องเจริญรุ่งเรืองไปกับเขาด้วย เขาสร้างคริสตจักรตึกใหญ่โต เราต้องตึกใหญ่โตกับเขาด้วย มันก็หลงไป ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันเกินเลยแหละ การที่จะโน้มน้าวให้สมาชิกมาถวายเยอะๆ มาสร้างโบสถ์ มันทำเกินกว่าความเป็นจริงแล้ว แต่เขาถูกล่อลวงด้วยตัณหา เขาอยากจะทำให้เหมือน หรือแข่งกันกับคริสตจักรคู่แข่ง มีจริงๆ นะ ในต่างประเทศ แล้วตั้งใจจะหลอกเลย ก็มี แต่อย่างนี้มีโอกาสที่จะหลุดพ้นได้ เพราะว่าเขาถูกหลอกด้วยตัณหา
หรือบางคนถูกล่อลวงด้วยตัณหา อย่างเช่น ทำโบสถ์ ทำๆ ไป โบสถ์ขัดสน คนถวายน้อย อยู่ไม่ได้แล้ว ตัวเองจะทำอย่างไร? เกิดความขัดสน ก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดการทดลองจากมารได้ว่าขัดสน แล้วจะทำอย่างไร? เพราะการมีโบสถ์ มีค่าใช้จ่ายต่างๆ สิ้นเดือนแล้ว ไม่มีเงินค่าไฟฟ้า สิ้นเดือนแล้ว ศิษยาภิบาลบางคนก็ต้องดำเนินชีวิตด้วยการ พึ่งพาเงินถวาย นี่เป็นเรื่องธรรมดา นี่เป็นเรื่องถูกต้องตามหลักพระคัมภีร์ว่าศิษยาภิบาลหรือคนที่รับใช้ อยู่ได้ด้วยเงินถวายที่คนเขาถวายมา เป็นเรื่องตามพระคัมภีร์บอกไว้ แต่ปรากฏว่าถูกมารทดลอง บางครั้งมันขัดสนจริงๆ เกิดความไม่มั่นใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป เกิดถูกความล่อลวง ทำให้เกิดการประพฤติต่างๆ ที่ถูกล่อลวงให้กระทำ อย่างเช่น ก็เริ่มไปทำกิจการอื่น ซึ่งเป็นศิษยาภิบาลแล้ว แต่ว่าไม่มีความชำนาญในการทำอย่างอื่น ก็เริ่มยืมเงินสมาชิก หรือเริ่มเล่นแร่แปลธาตุในคริสตจักร เพราะว่าในคริสตจักรสมาชิกให้เกียรติกับศิษยาภิบาล เชื่อฟังศิษยาภิบาล เพราะฉะนั้น ศิษยาภิบาลทำอะไรก็ได้รับเกียรติ โอกาสที่จะเชื่อฟัง ช่วยเหลือ หรือทำตามก็มีมาก ก็ถูกล่อลวงด้วยวิธีนี้ ก็มี ก็เกิดปัญหาขึ้นในที่สุด ยกปัญหาให้ฟัง
ถามว่าถ้าเกิดปัญหาอย่างนั้น แล้วจะทำอย่างไร? มันก็ยาก ก็ยืนหยัดในความเชื่อ ในถ้อยคำพระเจ้าว่าผู้ที่เลี้ยงเรา คือพระเจ้า พระเจ้าอยู่กับเรา ถ้าไม่มี ก็เลิก ปิดโบสถ์เลยสิ ก็ปิดไปสิ ถ้อยคำพระเจ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วเราจะไปยืนกรานในความเท็จได้อย่างไร? นี่ยกตัวอย่างให้ฟัง
หรือหนักกว่านั้น พวกที่ไม่เชื่อเลย คือไม่ได้เป็นคริสเตียนเลย ก็มี ถูกหลอก พวกมิจฉาชีพเลย ไม่เชื่อเลย ต่างประเทศมีเยอะ บางแห่งหนัก ถึงขนาดเขาเอามาทำเป็นหนังเลย แต่หนังทำมาจากเรื่องจริง คือไม่ได้มาเชื่อพระเจ้าหรอก แต่เห็นผู้เชื่อเขาทำกัน เหมือนกับที่เล่าให้ฟังเมื่อสักครู่นี้ว่ามีบางแห่ง เขาก็เชื่อในสิ่งเหล่านั้น แต่เขาบริสุทธิ์ใจ ก็เหมือนพวกเราโฮลี่ ในอดีต ก็บริสุทธิ์ใจนั่นแหละ ก็สอนไปอย่างนั้น ก็เชื่อไปอย่างนั้น แต่คราวนี้เขาเอาวิธีการนี้ สอนแบบให้มีอัศจรรย์เกิดขึ้น ให้เชื่อในการอัศจรรย์ เชื่อว่าพระเจ้าทำอัศจรรย์ แข็งแรง ร่ำรวยได้ เขาเชื่อแบบนั้น
อันนี้ไม่ได้เชื่อเลย ไม่ได้เป็นคริสเตียนเลย ไปลอกเลียนมา แล้วก็โปรโมททำเป็นโบสถ์ขึ้นมา ทำเป็นทีมขึ้นมา แล้วตระเวนไปตามโบสถ์ แล้วทำการอัศจรรย์ แล้วก็วางแผนเหมือนละคร มีคนอยู่ข้างหลังเวที มีวิทยุคอยบอก ศิษยาภิบาลก็ออกมาถึง …
“มีใครใส่เสื้อสีเขียว เจ็บป่วยด้วยโรคนี้”
คนนั้นใส่เสื้อสีเขียว ร้องไห้ … “ฉันเองๆ”
“ออกมาที่นี่ พระเจ้าจะรักษาท่าน”
ปรากฏว่ามีคนอยู่ข้างหน้า คอยจดสัมภาษณ์คนเข้ามา แล้วก็ส่งบอกเข้าไปหูฟังของนักเทศน์ว่าวันนี้มีใครบ้าง? อันนี้ยกตัวอย่าง สมมตินะ
“พระเจ้าบอกว่าผู้ชายคนหนึ่ง อายุ 36 ชื่อจอร์ด วันนี้ท่านเจ็บป่วยด้วยโรคนี้”
“โอ้โห! ตรงจริงๆ เลย”
คนชื่อจอร์ดจริงๆ ตกใจ รู้ถึงขนาดนี้ อันนี้เล่าให้ฟังแค่นี้ ไปหาหนังดูก็แล้วกัน แต่มันมาจากเรื่องจริง อย่างนี้เป็นต้น
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นบริสุทธิ์ใจ หรือไม่บริสุทธิ์ใจ จะเป็นมิจฉาชีพหรือเปล่า? เชื่อพระเจ้าหรือไม่? ไม่สำคัญเลย ออกมาเหมือนกันหมด สำหรับคนที่ระมัดระวังเอาใจใส่เรื่องความจริงนี้ เราสังเกตเหมือนกันเลย ก็คือเอาใจใส่ ถือว่าถ้อยคำพระเจ้าจริงๆ บันทึกไว้ว่าอย่างไร? ไม่ว่าจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่เป็นมิจฉาชีพ เราไม่ต้องสนใจเลย จะเป็นคริสเตียนแท้หรือไม่เป็นคริสเตียนแท้ ไม่ต้องสนใจ สนใจอย่างเดียว คือว่าสิ่งที่พูดนั้น พระคำหรือคำเท็จ พระคำหรือคำพูดของมาร พระคำหรือการบิดเบือน นี่คือหลักการ พระเจ้าอวยพรครับ
************************
จากใจคณะศิษยาภิบาล
ข่าวดี! ท่านจะได้รับอะไรบ้าง? ฟรี! เมื่อท่านต้อนรับพระเยซูคริสต์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอด
เมื่อท่านเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์และเชื่อในพระองค์ ท่านจะได้รับการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งในชีวิตของท่าน คือท่านจะได้บังเกิดใหม่ และกลายเป็นสิ่งสร้างใหม่ มีชีวิตใหม่ในพระคริสต์
2 โครินธ์ 5:17 … “ฉะนั้น ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ (บังเกิดใหม่) สิ่งเก่าๆ ทั้งหมดได้ล่วงไป สูญสิ้นไป ได้ตายไปแล้ว จงมองให้เห็นเถิด ทุกสิ่งทั้งหมด เป็นใหม่ทั้งสิ้น”
พระเจ้าทรงทำการผ่าตัดท่านทางวิญญาณ โดยการนำวิญญาณเก่าที่เป็นบาปที่ตายแล้วออกไป และให้วิญญาณใหม่ที่บริสุทธิ์ ชอบธรรม และดีพร้อมเหมือนพระเยซูแทน
เอเสเคียล 36:26-27 … “พระเจ้าตรัสว่า “เราจะให้จิตใจใหม่แก่เจ้า และใส่วิญญาณใหม่ในเจ้า เราจะขจัดใจหินออกจากเจ้า และให้เจ้ามีใจเนื้อ เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ในเจ้า โน้มนำเจ้า ให้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และใส่ใจรักษาบทบัญญัติของเรา”
นอกจากนี้ ท่านยังได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเราอย่างถาวร
เอเฟซัส 1:13-14 … “และท่านทั้งหลายก็ได้ร่วมดำรงอาศัยอยู่ในพระคริสต์เช่นกัน เมื่อท่านได้ฟังพระวจนะแห่งความจริง คือข่าวประเสริฐแห่งความรอดของท่าน เมื่อท่านเชื่อ ก็ทรงประทับตราท่านไว้ในพระองค์ ด้วยดวงตรา คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงสัญญาไว้ ผู้เป็นมัดจำค้ำประกันว่าเราจะได้รับกรรมสิทธิ์ของเรา จนกว่าคนของพระเจ้า จะได้รับการไถ่ อันเป็นการสรรเสริญพระเกียรติสิริของพระองค์”
และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ทรงสถิตอยู่ภายในท่าน จะทรงเป็นผู้ที่นำทางท่าน และช่วยให้ท่านเติบโตในชีวิตคริสเตียน ท่านจะได้รับการรวมเป็นหนึ่งเดียวทางวิญญาณกับพระคริสต์ในวิญญาณ
1 โครินธ์ 6:17 … “ผู้เชื่อที่ได้เข้าส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ (บัพติศมาในพระคริสต์) ก็ได้เป็นหนึ่งเดียวกันกับวิญญาณของพระองค์”
และท่านจะได้รับการยืนยัน จากภายในของท่านเองว่า ท่านได้เป็นลูกของพระเจ้าแล้วจริงๆ
โรม 8:16 … “พระวิญญาณเองทรงยืนยันร่วมกับวิญญาณจิตของเราว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า”
การเปลี่ยนแปลงโดยการบังเกิดใหม่นี้ ทำให้ท่านมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนม เข้าส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน สามัคคีธรรมทางวิญญาณกับพระเจ้าทั้งสามพระภาค และมั่นใจ เชื่อวางใจในความรักและการยอมรับของพระองค์ ที่นับท่านว่าเป็นลูกของพระองค์ตลอดไป
ท่านจะได้รับการอภัยบาปทั้งหมด ทั้งบาปในอดีต ปัจจุบันจนถึงอนาคตนิรันดร์ และมีชีวิตใหม่ในพระคริสต์
โคโลสี 1:13-14 … “13 เพราะพระองค์ได้ทรงช่วยเรา ให้พ้นจากอาณาจักรของความมืด และทรงนำเรา ย้ายเรา เข้ามาสู่อาณาจักรของพระบุตร (พระเยชูคริสต์) ที่รักของพระองค์ 14 ในพระบุตร (พระคริสต์) เราได้รับการไถ่บาป (ชำระให้สะอาดบริสุทธิ์) และได้รับการอภัยโทษบาปทั้งสิ้นที่เราทำ (เราได้รับการไถ่หมดเวรหมดกรรม เพราะได้อยู่ในพระคริสต์ ไม่ใช่เพราะการประพฤติดี)”
พระเจ้าอวยพรครับ