วารสาร Holy News ฉบับที่ 1361

คำบรรยายวันอาทิตย์ที่  17  เมษายน  2022

เรื่อง “ฉลองวันเกิดใหม่ในพระคริสต์  และความรอดนิรันดร์ จากการถูกพิพากษาหลังความตาย”

โดย นคร  เวชสุภาพร

 

สุขสันต์วันอีสเตอร์ วันอีสเตอร์ ก็คือวันบังเกิดใหม่ของพระเยซูคริสต์ที่เรารู้จักกันดี วันนี้เรามาร่วมกันเฉลิมฉลองวันประกาศชัยชนะ ครั้งยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุด แห่งประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ

เช้าวันนี้ ถ้าย้อนกลับไป 2,000 ปีที่แล้ว  เป็นวันอาทิตย์หลังวันศุกร์ประเสริฐ เมื่อ 2,000 กว่าปีที่แล้ว พระเยซูซึ่งถูกตรึงที่ไม้กางเขน เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว และถูกนำไปฝังไว้ที่อุโมงค์ เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว และเช้าวันนี้ เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว พระเยซูได้เป็นขึ้นจากความตาย ออกจากหลุมฝังศพ เป็นขึ้นจากความตาย ก็คือพระเยซูได้บังเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ตายไปแล้ว ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญมากของวันอีสเตอร์

และทำไมเราต้องฉลองวันเกิดใหม่ของพระเยซู เพราะว่าการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริสต์ ได้ทำให้เรามนุษย์ทั้งหลายทั้งปวง ได้รับการบังเกิดใหม่ด้วย อันนี้สำคัญ มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของเรา เราจึงจำเป็นต้องมาเรียนรู้ ไม่ใช่ฉลองเฉยๆ ต้องเรียนรู้ว่ามันเกี่ยวอะไรกับเรา พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย ทำให้เราได้บังเกิดใหม่ เป็นขึ้นจากความตายด้วย

“พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย ฉันก็เป็นขึ้นจากความตายด้วย มนุษย์ทุกคนก็เป็นขึ้นจากความตายด้วยเช่นเดียวกัน”

เพราะฉะนั้น วันนี้ ที่เรามาเฉลิมฉลองการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู ฉลองการบังเกิดใหม่ของพระเยซู ก็เท่ากับว่าเรามาฉลองวันเกิดใหม่ของเราด้วย  “เรา” ในที่นี้ หมายถึงมนุษยชาติทุกคน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรา คือมนุษยชาติที่ได้รู้เรื่องข่าวดีนี้แล้วว่าเราสามารถบังเกิดใหม่ได้เหมือนพระเยซู และใช้สิทธิ์ ต้อนรับสิทธิ์ของเรา ก็คือผู้เชื่อทั้งหลาย เพราะฉะนั้น เรามาฉลองวันเกิดใหม่ของตัวฉันเองด้วย ถูกไหมครับ? เพราะฉะนั้น เมื่อเรามาฉลองวันเกิด เราก็ต้องร้องเพลงวันเกิด

“เป็นขึ้นแล้ว  เป็นขึ้นแล้ว   พระเยซูทรงเป็นขึ้นแล้ว

เป็นขึ้นแล้ว  เป็นขึ้นแล้ว   ฉันก็เป็นขึ้นพร้อมพระองค์”

ดีใจไหม? ให้ร้องเพลงนี้ ด้วยความดีใจ  แล้วฉลองวันเกิด ก็ต้องร้องเพลงอะไรอีก เมื่อกี้ร้องเพลงฉลองวันเกิดเกี่ยวกับข่าวดีของพระเจ้า คราวนี้ฉลองวันเกิดแบบทั่วๆ ไป แบบสากล เดี๋ยวนี้เขาร้องอะไรกัน?  “Happy birthday to you”

“Happy birthday Jesus        Happy birthday to me

Happy birthday  Happy birthday  Happy birthday Jesus”

เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ เวลานึกถึงพระเยซูบังเกิดใหม่ นึกถึงตัวเราเองก็ตาม จงให้ความจริงนี้กระจ่างในจิตใจของเรา  ที่เราพูดด้วยความเชื่อ ที่เราร้องเพลงด้วยความชื่นชมยินดีเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกวิญญาณของมนุษย์ทั้งหลาย และวิญญาณของเรา ซึ่งเป็นโลกที่จะอยู่ตลอดไป โลกวัตถุที่เราจับต้องมองเห็นได้ มันอยู่เพียงชั่วคราว เดี๋ยวมันก็สูญสิ้นไปแล้ว แต่วิญญาณนี้ต้องอยู่นิรันดร์ เราได้บังเกิดใหม่ร่วมกับพระเยซูคริสต์ เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว เพราะฉะนั้น นึกถึง Happy Birthday ของตัวเองฉลอง Happy Birthday ของตัวเองเมื่อไร? คิดถึงวิญญาณของเราเบิร์ดเดย์เมื่อไร? ของพระเยซูเบิร์ดเดย์เมื่อไร? เมื่อวันเทศกาลอีสเตอร์

วันนี้เราจะมาเรียนรู้กันว่าทำไมมนุษย์ต้องเกิดใหม่ในวิญญาณ ขบวนการการเกิดใหม่ในวิญญาณเป็นอย่างไร? และได้รับอะไรจากการบังเกิดใหม่ บังเกิดใหม่แล้ว เป็นอย่างไรบ้าง? วันนี้เราจะมาเรียนรู้จากถ้อยคำพระเจ้า ในพระคัมภีร์ หัวข้อการบรรยายในวันนี้ จึงมีชื่อเรื่องว่า “ฉลองวันเกิดใหม่ในพระคริสต์ และความรอดนิรันดร์ จากการถูกพิพากษาหลังความตาย”

ทำไมมนุษย์ต้องเกิดใหม่?  ท่านลองคิดดู อย่าลืมนะ เรากำลังพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับโลกวิญญาณ ซึ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของมนุษย์ทุกคน

ทำไมมนุษย์ต้องเกิดใหม่? ก็เพราะมวลมนุษย์ทั้งหลาย ล้วนกำเนิดเกิดมาเป็นคนบาป ในพระคัมภีร์บอกไว้ อยู่ในความพินาศ อยู่ในความเสียหาย อยู่ในอาณาจักรของความมืด ล้วนกำเนิดเกิดมาเป็นอย่างนั้นเลย ไม่ใช่ทำบาป แล้วมาเป็นคนบาป แต่เพราะเกิดมาเป็น

“กำเนิดเกิดมาเป็น”

กำเนิดเกิดมาเป็นคนบาป ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการประพฤติบาป แล้วเป็น มันเป็นก่อนแล้ว แล้วถึงมีอาการไปประพฤติ มันเป็นอย่างนั้น

จากเชื้อสายที่กำเนิดเกิดมาเป็น ก็คือจากบรรพบุรุษของเรา ไล่ไปเลย ปู่ย่าตาทวด แล้วก็ซุปเปอร์ทวด ไล่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งบรรพบุรุษคู่แรก ก็คืออาดัมและเอวา ได้ทำบาป ได้เอาเชื้อบาปเข้ามา และลูกหลานเหลนโหลน ก็คือมนุษย์ทั้งหลาย ก็เกิดมาเป็นคนบาป โดยไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วทำไม? จึงจำเป็นต้องมาเกิดใหม่ จึงจำเป็นต้องย้าย จากบรรพบุรุษเดิม มาสู่บรรพบุรุษใหม่ ย้ายมากำเนิดใหม่ มาเป็นผู้ไม่บาป เรียกว่าผู้ชอบธรรม ย้ายมาอยู่ มาเป็นผู้ชอบธรรม มาเป็นคนบริสุทธิ์ ไม่บาปแล้ว ในบรรพบุรุษใหม่ คือในพระเยซูคริสต์

นี่คือคำตอบของคำถามที่ถามว่าทำไมมนุษย์ต้องเกิดใหม่? ถ้าไม่เกิดใหม่ ก็ต้องอยู่ที่เดิม เกิดมา ก็อยู่ที่เดิมอยู่แล้ว เป็นคนบาป เราก็รู้อยู่แล้ว ต้องรับใช้ความบาปเหล่านั้น ก็คือต้องทำบาป เพราะมันเกิดมาเป็นอย่างนั้น อาการของโรคมันกำเริบ เกิดมาก็ต้องทำบาป และผลของความบาป ก็คือความตาย ฝ่ายวิญญาณ ก็คืออยู่ในความพินาศ หลังจากออกจากร่างนี้ ตายจากโลกนี้ไปปุ๊บ ก็เข้าสู่การพิพากษา พิพากษาว่าเป็นคนดีหรือคนบาป ท่านจะเห็นชัดนะ เป็นคนชอบธรรมหรือเป็นคนบาป เมื่อเกิดเป็นคนบาป ก็เป็นคนบาป ไม่มีทางแก้ได้ เพราะการกระทำ มันไม่เกี่ยวกัน ท่านเห็นภาพไหม?

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีการแก้ไข คนๆ นั้นเกิดมา อยู่ในอาดัม เป็นคนบาป ก็ต้องจบชีวิตลง หลังความตายอยู่นิรันดร์ ก็อยู่ในความบาป ก็ต้องได้รับโทษของความบาป คือความตาย ถูกพิพากษาให้พินาศ ในบึงไฟนั่นเอง เพราะฉะนั้น มนุษย์จึงจำเป็นต้องย้าย และพระเจ้าก็ทรงทราบสิ่งเหล่านี้ จึงประทานผู้หนึ่งมาช่วยเหลือมนุษย์ให้สามารถย้ายได้ ผู้ซึ่งมาเริ่มต้น บรรพบุรุษใหม่ของมนุษย์ มาเริ่มต้นพันธุ์ใหม่ของมนุษย์ เรียกว่าพันธุ์ที่ดีงาม  พันธุ์ที่ชอบธรรม โดยให้พระบุตรของพระองค์มาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อเป็นต้นพันธุ์ของพันธุ์ใหม่ พระองค์มีนามว่าพระเยซู พระผู้ช่วยให้รอด และเมื่อถูกแต่งตั้งให้มาช่วยเหลือมนุษย์ทั้งหลายให้รอดพ้น จากความบาป ที่กำเนิดมาเป็นนั้น เมื่อถูกแต่งตั้ง การแต่งตั้ง จึงเรียกพระเยซู ผู้ช่วยให้รอดว่าพระคริสต์ พระมาซีฮาห์

“พระมาซีฮาห์” เป็นภาษาฮีบรู “พระคริสต์” เป็นภาษากรีก แปลว่าผู้ที่ได้รับการเจิมตั้ง เลือกสรรเอาไว้ มาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจากความเป็นคนบาป เพื่อมาตั้งต้นตระกูลใหม่ ตระกูลคนชอบธรรม เป็นผู้ชอบธรรม เป็นผู้บริสุทธิ์ สามารถอยู่กับพระเจ้าได้ หลังความตาย ไม่ต้องรับการพิพากษาให้พินาศนิรันดร์ ในบึงไฟนรก รอดพ้นจากความพินาศนั่นเอง เราจึงมาฉลองวันนี้ ที่พระองค์ทรงกระทำสำเร็จแล้ว เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว ฉลองวันที่พระเยซูคริสต์ได้ช่วยเหลือมนุษย์ทั้งหลายบนโลกใบนี้ ให้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว ก็คือย้ายมนุษย์ ช่วยเหลือมนุษย์ หลุดพ้นออกจากอำนาจมืดของโลกวิญญาณ คืออยู่ในความบาป อยู่ในโทษนิรันดร์นั้น ให้หลุดพ้นจากโทษได้

วันนี้เราจะมาสรุปให้เห็นชัดๆ ว่าขบวนการการบังเกิดใหม่ในพระคริสต์ ซึ่งเป็นต้นพันธุ์ใหม่ที่พระเจ้าทรงประทานให้กับมนุษย์ทั้งหลาย เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระเจ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ ขบวนการมันเกิดขึ้นอย่างไร? แบบรัดกุม ชัดๆ สั้นๆ

พระคัมภีร์บอกว่าพระเยซูเป็นตัวแทนของมนุษยชาติ เป็นต้นพันธุ์ใหม่ของมนุษยชาติ และสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ที่พระเยซูกระทำ เมื่อเป็นตัวแทน ก็เป็นการกระทำแทนมนุษยชาติ นึกภาพออกนะ เป็นตัวแทน ถ้านึกภาพไม่ออก  ผมจะยกตัวอย่าง เหมือนกับแม่ทัพ ตัวแทนของกองทัพและประชาชน เป็นผู้นำ สิ่งที่แม่ทัพทำ สิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่ทัพ ก็เท่ากับเกิดขึ้นกับกองทัพทั้งหมดและประชาชนทั้งหมดด้วยใช่หรือไม่? ถ้าแม่ทัพชนะ กองทัพก็ชนะ  ประชาชนก็ชนะ ถ้าแม่ทัพถูกสังหาร หรือประกาศยอมแพ้ ก็เท่ากับว่าทั้งกองทัพ ทั้งประชาชนทั้งหลาย ต้องพ่ายแพ้ไปด้วย ไม่ต้องทำอะไร อยู่บ้าน ไม่ได้ไปรบกับเขา ถูกไหม? นี่เราเห็นชัด

สรุป ก็คือสิ่งที่พระเยซูกระทำ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระเยซู ซึ่งเป็นต้นพันธุ์ เป็นตัวแทนของเรามนุษยชาติทั้งปวง ก็เท่ากับว่าพวกเราทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลายบนโลกใบนี้ มีส่วนเข้าร่วมอยู่ด้วย ในการกระทำนั้นๆ ใช่หรือไม่? นี่คือสิ่งที่พระคัมภีร์บอกไว้ เรากำลังคุยถึงเรื่องโลกวิญญาณ ซึ่งสำคัญมากที่สุด ตาเราอาจจะมองไม่เห็น หูเราไม่ได้ยิน แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ในโลกวิญญาณ

แล้วสิ่งที่พระเยซูกระทำ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระเยซู ที่บอกว่าเราทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลาย ทั้งปวง มีส่วนเข้าไปร่วมอยู่ด้วยนั้น มีอะไรบ้าง? แม่ทัพเราไปทำอะไรบ้าง? คราวนี้เราจะมาตรวจดู แม่ทัพเรา เป็นตัวแทนของเรา ทำอะไรบ้างที่เป็นประโยชน์ หรือเป็นโทษต่อตัวเรา มนุษย์ทั้งหลายบนโลกใบนี้บ้าง? อดีต เรารู้แล้ว พระคัมภีร์บอกแล้วว่าบรรพบุรุษของเรา คืออาดัมและเอวา บรรพบุรุษเดิมของเรา ที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ ทำไม่ดีไว้ เราร่วมรับไปด้วย โดยไม่รู้เรื่องเลย เกิดมา ก็เป็นคนบาปแล้ว เกิดมาเป็นคนชั่วแล้ว ยังไม่ได้ทำอะไรเลย เกิดมาก็เป็นคนบาปแล้ว ยังไม่ทันเกิดมา ก็เป็นคนบาปแล้ว เพราะเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็เป็นคนบาปแล้ว ในพระคัมภีร์บอกไว้อย่างนั้น เพราะบรรพบุรุษเราทำไว้ แต่ตอนนี้ตัวแทนผู้ใหม่ ผู้ที่พระเจ้าส่งมา คือพระเยซูคริสต์ได้ทำอะไรไว้ เพื่อจะมาแก้ไขสิ่งเหล่านี้ ที่ทำให้เราสามารถ ที่จะได้รับอะไร? ชัยชนะอย่างไรบ้าง? เรามาดูกันนะ

มีอะไรบ้างที่พระเยซูได้กระทำ และเกิดขึ้นกับพระเยซู ตอนที่พระองค์ดำเนินชีวิตเป็นมนุษย์เหมือนเราเลย บนโลกใบนี้ ทำไมต้องเหมือนเรา เพราะว่าจะได้เป็นตัวแทนของเราได้ ตัวแทนของมนุษย์ ก็ต้องเป็นมนุษย์สิ เป็นตัวแทนของมนุษย์จะเป็นพระเจ้าได้อย่างไร?  ตัวแทนของมนุษย์ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์

เพราะฉะนั้น พระองค์จึงมาเกิดในรางหญ้า ในร่างกายของผู้ที่เป็นมนุษย์อย่างเรา มีเลือด มีเนื้อ เหมือนกับเรา เดินเหมือนกับเรา และต้องเกิดในหญิงพรหมจารี จากครรภ์ของมารดา การเกิดจากครรภ์ของมารดา เป็นตัวกำหนดมาตรฐานว่านี่คือมนุษย์

มนุษย์จะต้องเกิดจากครรภ์ของหญิงเท่านั้น นี่คือกฎของวิญญาณและกฎของวัตถุ สิ่งที่จับต้องมองเห็นได้ มนุษย์ต้องเกิดอย่างนี้ พระเยซูก็เลยมาเกิดเป็นมนุษย์ ถามว่าทำไมถึงต้องเป็นมนุษย์ ก็เพราะเกิดในหญิง การเกิดในหญิงพรหมจารีนั้น เป็นการตัดตอนของบรรพบุรุษเดิม คือเซลแรกไม่ได้มาจากอาดัมและเอวา แต่เซลแรกมาจากพระวิญญาณของพระเจ้า จึงเกิดในหญิงพรหมจารี แต่พอเข้าไปในครรภ์ ก็เกิดขบวนการการบังเกิดของมนุษย์ทั้งหลายทั้งปวง เพียงแต่เซลแรกมาจากพระเจ้านั่นเอง พระองค์จึงเป็นมนุษย์ และเป็นพระเจ้าในขณะเดียวกัน ก็คือมาเกิดเป็นมนุษย์ที่สะอาดบริสุทธิ์ ไม่ใช่มนุษย์คนบาป แต่ยังคงเป็นมนุษย์ เพราะว่ามาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อจะได้เป็นตัวแทนของมนุษยชาติ

“มนุษยชาติ” คือใครก็ตาม ที่เกิดจากครรภ์ของหญิง เป็นมนุษย์ทั้งหลาย พระเยซูจึงได้บอกไว้ตอนที่เดินอยู่บนโลกใบนี้ว่าท่านทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย ถ้าท่านจะไปสวรรค์ พ้นจากการถูกพิพากษา หลังความตายนั้น ท่านจะต้องเกิดใหม่  “เกิดใหม่” ก็คือเกิดอีกครั้งหนึ่ง แปลว่าท่านเกิดจากครรภ์ของหญิงแล้วใช่ไหม?  ท่านต้องเกิดอีกครั้งหนึ่ง ในโลกวิญญาณ เรากำลังจะเรียนรู้นะว่าพระเยซูมาทำอะไรบ้าง? ที่จะสามารถทำให้พวกเราทั้งหลายได้เกิดใหม่

ย้อนกลับไปในอดีต ตอนที่พระองค์ทรงกระทำสิ่งเหล่านี้สำเร็จ ที่ไม้กางเขน ก็คือเทศกาลวัน อีสเตอร์ วันศุกร์ประเสริฐ

(1) พระองค์หลั่งพระโลหิต ชำระหนี้บาป มนุษย์เป็นคนบาป ต้องชดใช้บาป และเวรกรรมของตัวเอง เพราะเกิดมาเป็นคนบาป เมื่อไรเวรกรรมมันจะหมดสักที มันอยู่ในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดมาเป็นคนบาป เพราะรู้จากจิตใต้สำนึกว่าตัวเองเป็นคนบาป และจะถามตัวเองเสมอว่าเมื่อไรมันจะหมดสักที เมื่อไรจะชดใช้หมด จบสักที ในนี้บอกว่าพระเยซูตัวแทนของเรา ที่เราได้มีส่วนร่วมในสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ทรงกระทำ ได้หลั่งพระโลหิต ชำระหนี้บาป เท่ากับเราได้ชำระหนี้บาปด้วย ใช่หรือไม่? ถูกใช่ไหม?

พระเยซูหลั่งพระโลหิต ชำระหนี้บาป ก็เท่ากับว่าเรา ได้รับการชำระหนี้บาปเรียบร้อยแล้ว โดยพระโลหิตของพระเยซู เราใช้พระเยซูคริสต์เหมือนเป็นแพะรับบาปแทนเรา เอาเลือดไปให้กับพระเจ้า และก็บอกว่าเราสะอาดหมดจดแล้ว เราได้รับการชำระ เราต้องใช้พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นเครื่องชำระเราจนสะอาดหมดจดแล้ว จากความบาปของเรา ที่ได้บังเกิดมา เป็นคนบาป หมดบาปแล้วนะ

(2)  พระองค์ทรงหลั่งพระโลหิต    บนไม้กางเขน      ก่อนจะยอมสิ้นพระชนม์ อันดับที่ 2 คือพระองค์ยอมสิ้นพระชนม์ ที่เขียนว่ายอมสิ้นพระชนม์ เป็นเพราะว่าพระองค์เป็นพระเจ้า ไม่มีใครทำอะไรให้พระองค์ตายได้ ที่พวกเราตาย เพราะเราเป็นคนบาป แต่พระเยซูเป็นมนุษย์ที่ไม่ได้บาป จึงไม่สามารถที่จะตายได้  ไม่มีใครสามารถทำให้พระองค์ตายได้ และพระองค์ก็ไม่ตาย นอกจากพระองค์จะยอมตาย

“พระองค์ยอมตาย”

ถามว่ายอมตาย เพื่ออะไร? ยอมตาย เพื่อเรา  เรานะต้องตาย แต่พระองค์ยอมตาย พระองค์ยอมสิ้นพระชนม์ ก็เพื่อว่าเราทั้งหลาย มนุษย์ทั้งหลายที่เกิดมาเป็นคนบาป ตัวที่เป็นคนบาป มันแก้ไขไม่ได้แล้ว มันต้องตาย เพราะว่ามันเกิดมาเป็น  เพราะฉะนั้น มันต้องตาย พระเยซูจึงเป็นตัวแทนให้กับเรา ยอมตาย เพื่อเราทั้งหลายจะได้เข้าส่วนร่วมในการตายด้วย

(3) พระองค์ทำอะไรอีก? เห็นภาพแล้วน๊า หลั่งพระโลหิต จบสิ้น  เราได้รับการชำระบาปเรียบร้อย เสร็จปุ๊บ ตัวเก่าเราต้องตาย เพราะฉะนั้น พระองค์ยอมตาย เท่ากับเราตายไปแล้ว ที่ไม้กางเขน พร้อมพระเยซู ตัวเก่าเรา วิญญาณเก่าเราที่เป็นคนบาป สกปรกตั้งแต่อาดัมนั้น ตายไปแล้ว

อันดับที่ 3 พระองค์ถูกฝังไว้ในอุโมงค์ เราก็เท่ากับถูกฝังในอุโมงค์เหมือนกัน  เช่นเดียวกันกับพระเยซูเลย เพราะเราเข้าไปมีส่วนร่วมในตัวแทนด้วย เห็นภาพนะ

ถูกฝังไว้ในอุโมงค์ เพื่อเป็นการพิสูจน์ ยืนยันว่าตายจริงๆ ไม่ใช่สลบ  ตายจริงๆ เพื่อให้มหาจักรวาล ในโลกฝ่ายวิญญาณ ทูตสวรรค์ทั้งหมด และสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างทั้งหมด ได้เห็นกับตาว่าพระเยซูตายจริงๆ ยอมตายจริงๆ และเราทั้งหลาย ผู้เป็นคนบาป ได้ตายแล้วจริงๆ

(4) อันดับที่ 4 พอตายแล้วทำไม? พระองค์เป็นขึ้นจากความตาย บังเกิดใหม่ เป็นบุตรของพระเจ้า ทั้งร่างกาย วิญญาณและจิตใจ ท่านจะเห็นภาพนะ

อันดับที่ 4 คือพระองค์ทรงเป็นขึ้นจากความตาย แล้วใครมีส่วนอยู่ในนั้นด้วย มนุษย์ทั้งหลายทั้งปวงที่ตะกี้นี้ตายไปแล้ว ในความบาป เป็นคนบาป ก็ได้เป็นขึ้นจากความตาย Happy Birthday ไปด้วย บังเกิดใหม่ มาเป็นบุตรของพระเจ้า ทั้งร่างกาย วิญญาณและจิตใจเลย ทั้งหมดเลย นี่ ทำให้กับมนุษย์ทั้งหลายทั้งปวง เป็นตัวแทนของมนุษย์ทั้งปวง เพียงแต่ว่าต้องประกาศให้มนุษย์ได้รู้  เพื่อเขาจะได้มาใช้สิทธิของเขาไง ไม่อย่างนั้น เขาได้รับก็จริง สิทธิเป็นของเขาก็จริง แต่เขาไม่รู้ เขาไม่ได้รับสิทธิ เขาไม่ได้ใช้สิทธิของเขา มันก็เสียหายไปเปล่าๆ เห็นภาพชัดเจนนะ

เพราะฉะนั้น เมื่อเชื่อในพระเยซูคริสต์ เข้าเป็นหนึ่ง ให้พระเยซูคริสต์เป็นตัวแทนของเรา เราได้ตายจากวิญญาณเก่าที่อยู่ในความบาป ได้บังเกิดใหม่ทั้งวิญญาณ ทั้งจิตใจและร่างกาย เพียงแต่ร่างกายใหม่นี้ รอรับเมื่อวันที่ออกจากร่างเก่านี้แล้ว ส่วนวิญญาณและใจใหม่นั้น ได้รับเลยทันที

(5) อันดับที่ 5 พระองค์ทำอะไรอีก? นอกจากเกิดใหม่แล้ว อันดับที่ 5 พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า …

“พระเจ้าประทานพระสิริ สง่าราศี สิทธิอำนาจทั้งหมดในสวรรค์ก็ดี ในโลกก็ดี ให้กับพระเยซู และให้พระเยซูนั่งอยู่ที่บนบัลลังก์ เบื้องขวาของพระเจ้าผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ครอบครองสรรพสิ่งทั้งหลาย”

ทั้งหมดนี้ มอบให้กับพระเยซู พระเยซูเป็นแม่ทัพของเรา เป็นตัวแทนของเรา เพราะฉะนั้น เราได้รับด้วยไหม? ได้รับด้วย อย่างที่ตะกี้นี้บอกว่าถ้าแม่ทัพเราได้รับชัยชนะ เราก็ชนะด้วย นี่แม่ทัพเราชนะ ทำอย่างนี้ให้เรา เราก็ได้ด้วย จะเอาไหม? เท่านั้นเอง การได้ยินได้ฟังข่าวเรื่องพระเยซู ก็มีจบลงตรงนี้ว่าท่านได้รับสิ่งต่างๆ เหล่านี้แล้ว ท่านจะเอาไหม? จะเอาหรือไม่เอา มีแค่นี้เอง

เพราะฉะนั้น มนุษย์ทุกคน ไม่ต้องทำอะไรเลย จะเห็นไหมครับ มนุษย์ทุกคน  ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่รับรู้สิทธิของตน และเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์มาเป็นตัวแทนของเรา เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา  คือยอมรับว่านี่เป็นความจริง และเป็นตัวแทนของเรา และเราจะได้รับสิทธิเหล่านี้ทั้งหมด นี่แหละคือการเปิดใจต้อนรับข่าวดี ต้อนรับสิทธินี้ และสิทธินี้มีให้ไว้ตลอดเวลา เพราะว่ามันทำเพื่อมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ ซึ่งยังไม่เกิดมา ก็มี เกิดมาแล้วก็มี แล้วจะมีเกิดมาอีกกี่ยุค? กี่สมัยก็ไม่รู้? ประกาศให้กับทุกคน โดยที่พระเยซูยกตัวอย่างว่าพระองค์ประกาศในโลกวิญญาณตลอดเวลา ทุกวันนี้กำลังเคาะประตู มนุษย์ทุกคน ให้เปิดใจรับสิทธิของเขาไปในสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ที่พระองค์ทรงกระทำให้แล้วที่ไม้กางเขนนั้น และให้เป็นขึ้นจากความตายเหล่านี้ โดยการเปิดใจรับไป เคาะไปเรื่อยเลยครับ คนไหนเปิดใจแล้ว พระเจ้า พระเยซูคริสต์ก็เข้าไปสถิตอยู่กับเขา ก็ไม่ต้องเคาะแล้ว ก็คุยไป เรียนรู้กันไป ในเรื่องโลกวิญญาณ พาไปถึงสวรรค์นิรันดร์กาล

แต่คนที่ยังไม่เปิดใจ พระเยซูทำอย่างไร? “ดีแล้ว ไม่เปิดใจก็ดีแล้ว ช่างเธอ” ไม่ใช่ ก็ยังเคาะอยู่นั่นแหละ เคาะๆ พระคัมภีร์บอกไว้อย่างนั้น เราเคาะอยู่ที่ประตูใจของท่าน ให้ท่านเปิดใจต้อนรับ เคาะทำอะไร? เคาะให้ท่านได้ฟัง ได้ยินข่าวประเสริฐนี้ ข่าวดีนี้ ข่าวดีที่สุด สำหรับมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งปวงบนโลกใบนี้ ที่พระองค์ได้ทรงกระทำให้แล้ว เมื่อผู้ใดเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์แล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ก็จะเข้าไปในชีวิตของคนๆ นั้น “ทันที” เปิดใจเมื่อไร ก็ได้รับทันที เพราะทุกอย่างมันพร้อมหมดแล้ว ทำให้เสร็จเรียบร้อยมา 2,000 ปีแล้ว

จริงๆ คำว่า “2,000 ปี” มันเป็นเวลาของมนุษย์ที่มีอยู่บนโลกใบนี้ ที่เรานับได้ มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ นับเป็นวันๆ แต่ในโลกวิญญาณ มิติทางวิญญาณ มันไม่มีวัน ไม่มีเดือน “มิติในวิญญาณ” คือเป็นอยู่วันนี้ วานนี้ และสืบๆ ไปเป็นนิตย์ เป็นอยู่ในอดีต เป็นเช่นไร? ปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น และเป็นเช่นนี้ตลอดไป หมายถึงไม่มีเวลา พระเยซูเป็นพระเจ้า ตั้งแต่วานนี้ วันนี้และสืบๆ ไปเป็นนิตย์ แปลว่าพระองค์เป็นพระเจ้าตลอดกาล เป็นพระเจ้าตั้งแต่เมื่อไร? ไม่มีเวลา  เพราะฉะนั้น ตอนนี้เป็นพระเจ้ามากี่ปีแล้ว ไม่มีเวลา นี่คือโลกวิญญาณ

จะถามว่าพระเยซูหลั่งพระโลหิตแล้วหรือยัง? เมื่อไร? เดี๋ยวนี้ ตายเมื่อไร? ตายเดี๋ยวนี้ ถูกตรึงกางเขนเมื่อไร? เดี๋ยวนี้ ถูกฝังไว้ในอุโมงค์เมื่อไร? เดี๋ยวนี้ เป็นขึ้นจากความตายเมื่อไร? เดี๋ยวนี้ นั่งในสวรรค์สถานเมื่อไร? เดี๋ยวนี้ และมนุษย์ทั้งปวงได้สิทธินี้เมื่อไร? เดี๋ยวนี้

มนุษย์ทั้งปวงในโลกใบนี้ ได้สิทธินี้เมื่อไร? เดี๋ยวนี้ เพียงแต่เขารู้ไหม? พอเขารู้ เขาฉวยเอา และได้ทันทีเมื่อไร? ก็คือเมื่อเขาเปิดใจ พอเขาเปิดใจปุ๊บ ได้รับเมื่อไร? เดี๋ยวนี้ทันที ผมจึงพยายามบอกคำว่า “ทันที” ในโลกวิญญาณ มันไม่มีเวลา เราจะมานั่งคิด เอาไปเปรียบเทียบวันนี้กี่ปีมาแล้วๆ ในเรื่องโลกวิญญาณไม่มีคำว่าเวลา เวลาได้ถูกกำหนดขึ้นบนโลกใบนี้ วัตถุสิ่งของบนโลกใบนี้เท่านั้น พระเจ้าเป็นผู้สร้างเท่านั้นเอง ในโลกวิญญาณ ไม่มีวันเวลา

ถามว่า “ทันที เมื่อไร?”  เมื่อเราเปิดใจต้อนรับข่าวประเสริฐ ต้อนรับสิทธิของเราบนโลกใบนี้ปุ๊บ เกิดขึ้นทันทีในโลกวิญญาณ ในโลกวัตถุ ก็คือเปิดใจต้อนรับ ในโลกวิญญาณ เปิดใจต้อนรับปั๊บ เกิดขึ้นทันที เกิดอะไรขึ้น? เกิดสิทธิตะกี้ที่บอกทั้งหมด มันเกิดขึ้นที่ในโลกวิญญาณ เรารู้ได้อย่างไร?

“ข้ารู้ เพราะอยู่ในใจ”

มันจะรู้ในใจเอง แต่สิ่งหนึ่งที่สำรวจได้ รู้ในใจ เพราะคนๆ นั้นเขาจะเลิกแสวงหาการกระทำอะไรก็ตาม ที่เกี่ยวกับโลกวิญญาณว่าเขาจะได้ไปสวรรค์ หลังความตาย เขาจะเลิกทำเลย นี่เรื่องจริง

ขบวนการการเริ่มต้น ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามากระทำการงานในวิญญาณของเรา เมื่อตอนที่เราเปิดใจต้อนรับสิทธิของเราในพระเยซูคริสต์นี้ เริ่มต้นขบวนการ การบังเกิดใหม่ทันที คำว่า “ทันที” หมายถึงขบวนการในการบังเกิดใหม่ที่สำคัญมาก Happy birthday to me มันเกิดขึ้น ณ วินาทีนั้น เปรี้ยงเดียว แต่พอพูดภาษามนุษย์ มันก็ต้องพูด 1 ก่อน 2, 3 แต่ทั้งหมด มัน คือเกิดขึ้นเปรี้ยงเดียว ทันทีเลย เพราะมันเข้าไปในโลกวิญญาณแล้ว มันไม่มีอะไรก่อนอะไรหลัง

ขบวนการการบังเกิดใหม่ ในการใช้สิทธิของตนเอง ในการเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ ก็เกิดขึ้นทันที เกิดขึ้นโดยพระเยซูเคาะประตู พอท่านต้อนรับความจริงนี้ ท่านเปิดใจ เอาแล้ว ฉันจะรับพระเยซูให้เป็นผู้ช่วย พอเปิดใจปุ๊บ พระเยซูส่งพระวิญญาณของพระเจ้าที่เรียกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่เรียกว่าพระวิญญาณของพระคริสต์ วิญญาณของพระองค์เข้าไปทันที เข้าไปในชีวิตของท่าน เข้าไปในร่างกายของท่าน เข้าไปนั่งอยู่ในใจของท่าน เป็นพระเจ้าประจำตัวของท่านจะอยู่กับท่านตลอดไป และโดยฤทธิ์เดชอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ตรงนี้ พระองค์เข้าไปในภาษากรีก สมัยโบราณ ที่เขาบันทึกเอาไว้ พระคัมภีร์แปลมาจากภาษากรีก คือในพระคัมภีร์เขียนไว้ว่าพระวิญญาณเข้าไปทันที เปิดใจปุ๊บ พระวิญญาณเข้าไปบัพติศมา

“บัพติศมา” ฟังดูแล้วเหมือนศาสนาเลยนะ พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้าไปบัพติศมา ให้ท่านได้ทั้ง 5 สิ่ง 5 อย่างที่พระเยซูกระทำให้ทั้งหมดตะกี้นี้ ที่เป็นตัวแทน ยอมรับว่าพระองค์เป็นตัวแทนจริงๆ เข้าไป ก็ได้รับ 5 อย่างที่ตัวแทนของเราทำไว้แล้ว ก็คือพระเยซูนั่นเอง ได้รับเมื่อไร?  เปรี้ยงเดียวได้รับทันที 5 อย่าง โดยการที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาบัพติศมา

บัพติศมา แปลว่าพระวิญญาณเข้ามาให้ท่านเข้าส่วนร่วม บัพติศมา แปลว่าการเป็นหนึ่งเดียวกัน การเข้าส่วนร่วม เห็นภาพหรือยัง ตะกี้จึงบอกว่าเป็นแม่ทัพ เปิดใจ ก็เข้าส่วนร่วมในการเป็นแม่ทัพด้วย ในการได้รับสิทธิต่างๆ ตามที่แม่ทัพทำ เข้าไปมีส่วนร่วมในการกระทำของพระเยซู พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามากระทำสิ่งนี้ ในหนังสือโรม 6:3-6 ได้บันทึกไว้อย่างนี้ว่า …

โรม 6:3 “ท่านไม่รู้หรือว่าเราทั้งปวงที่เชื่อ (พระเยซู) ก็ได้ถูกนำเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกัน กับพระเยซูคริสต์ และได้เข้าส่วนร่วมในความตายของพระองค์ (ที่ไม้กางเขน)”

 

ในโรมบทที่ 6 บอกว่า “ท่านไม่รู้หรือ?” พูดกับใคร? พูดกับผู้ที่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ แล้วยังไม่ค่อยรู้เรื่อง ท่านไม่รู้หรือว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกวิญญาณ เราทั้งปวงที่เชื่อ ที่เปิดใจต้อนรับพระเยซูมาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นตัวแทนของเราแล้ว ได้ถูกนำเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ ตรงนี้ในภาษาเดิม ก็คือเข้าบัพติศมากับพระเยซูคริสต์ ก็คือการเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกัน ให้พระเยซูเป็นตัวแทน เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ และได้เข้าส่วนร่วมในการตายของพระองค์ที่ไม้กางเขน

เห็นไหมครับ เหมือนตะกี้นี้ที่ผมพูด พระเยซูตายที่ไม้กางเขน  เพื่อว่าเราทั้งหลาย มนุษย์ทั้งปวงจะได้สามารถตายร่วมกับพระองค์ได้  เห็นหรือยัง? ถ้าไม่ตาย ก็เกิดใหม่ไม่ได้ ตัวเก่าของเราที่เป็นคนบาป กำเนิดเกิดมาเป็นบาป จากบรรพบุรุษของเรา อาดัม มันต้องตาย ถ้าไม่ตาย เราจะเกิดใหม่ไม่ได้  เราเป็นหนึ่งแล้ว พระเยซูตาย เราตายด้วย …

โรม 6:4 “ฉะนั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการได้เข้าส่วนร่วมในความตาย เพื่อว่าเราเอง ก็จะได้มีชีวิตใหม่ (บังเกิดใหม่) เช่นเดียวกับที่ทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตาย (บังเกิดใหม่) โดยฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณ และพระเกียรติสิริของพระบิดา”

 

“ฉะนั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการเข้าส่วนร่วมในการตาย” เห็นไหมครับ? ก็เพราะว่าเราเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ เมื่อพระองค์ถูกฝังไว้ เราก็ถูกฝังไว้ด้วย เพราะเราอยู่ในพระองค์แล้ว เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ เรามีส่วนอยู่ในพระองค์ พระองค์ถูกฝังไว้ในอุโมงค์ เราก็ถูกฝังไว้ในอุโมงค์แล้ว ถูกฝังไว้ในอุโมงค์ เพื่อว่าเราเองก็จะได้มีชีวิตใหม่ บังเกิดใหม่เช่นเดียวกันกับที่พระเจ้าได้ทรงชุบพระเยซูคริสต์ให้เป็นขึ้นจากความตาย บังเกิดใหม่ โดยฤทธิ์เดชอำนาจแห่งพระวิญญาณ และพระเกียรติสิริของพระบิดา

พูดง่ายๆ ตรงนี้ ก็คือการถูกฝังไว้ในอุโมงค์เป็นการที่ตะกี้นี้บอกว่าสำแดงว่าตายจริงๆ ไม่มีอะไรแล้ว พระเยซูถึงแม้เป็นพระเจ้าก็ยอมตาย แล้วก็ตายจริงๆ ถูกฝังไว้ในอุโมงค์ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้วนะตอนนั้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น สามารถชุบคนตายให้เป็นขึ้นจากความตาย อย่างลาซารัสก็ได้  แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะตายจริงๆ ถูกฝังไว้ในอุโมงค์ เป็นตัวแทนของเรา

วันที่ 3 ในนี้บอกว่าโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า พระเจ้าได้ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ลงมาชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย  ผู้ที่ชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย คือพระบิดา พระเจ้าผู้สถิตในสวรรค์ มองดูถึงแผนการของพระองค์ ที่จะช่วยเหลือมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งปวงผ่านทางพระเยซูคริสต์ เห็นชัดๆ เลย พระเยซูตายที่ไม้กางเขน ดูในมหาจักรวาล ดูทั้งในโลกวิญญาณ โลกวัตถุ มองดูสิ มองดูตายจริงนะ นี่ตายจริงๆ เลย  ไม่มีใครเถียงพระองค์ได้ พระเยซูไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย พระเจ้าชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย ด้วยฤทธิ์เดชอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ และเมื่อพระเยซูถูกชุบให้เป็นขึ้นจากความตาย และได้ประทานพระเกียรติสิริแด่พระองค์ ก็คือให้พระองค์กลับมามีสง่าราศี เป็นพระเจ้าเหมือนแต่ก่อนนี้ ตรงนี้มันหมายถึงอย่างนั้น

ที่เน้นให้ท่านเห็นตรงนี้ เพื่อท่านจะได้เริ่มสังเกตดูว่าชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย ไม่ใช่แค่นั้น พระเยซูเป็นมนุษย์ เป็นขึ้นจากความตาย แล้วยังประทานพระสิริ คือสถานะ สง่าราศี  แด่พระเจ้า ซึ่งเคยเป็นของพระองค์มาก่อน  ก่อนจะเกิดมาเป็นมนุษย์ ให้ประทานกลับคืน ให้กับพระเยซู เป็นขึ้นจากความตาย กลับมามีสถานะเป็นพระเจ้าเหมือนเดิม

ถามว่า “ใครมีส่วนร่วมในตรงนี้ด้วย?” มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ อัศจรรย์ขนาดไหน? เรียกว่าเป็น Amazing Grace เป็นพระคุณอันประหลาดมากเลย เป็นไปได้หรือ? มนุษย์เป็นใครหนอ ที่พระเจ้าทรงรักเขายิ่งนัก มากถึงขนาดนี้ มนุษย์เป็นคนบาปแล้วนะ แค่อภัยในความบาปผิดของเรา แล้วก็ยกโทษให้เรา เราไม่ต้องพินาศหลังความตาย แค่นั้นก็เยอะพอแล้ว นี่ให้เราบังเกิดใหม่ ได้เข้าส่วนร่วมในการเป็นขึ้นจากความตายร่วมกับพระเยซูคริสต์ และได้เข้าส่วนร่วมในชีวิตที่เป็นสง่าราศี เหมือนพระเจ้า เหมือนพระเยซูคริสต์เลยทีเดียว ใน 1 ยอห์น 4:17 บอกไว้อย่างนี้ว่าในขณะที่เราดำเนินอยู่บนโลกใบนี้นั้น จิตวิญญาณและจิตใจของเราสะอาด บริสุทธิ์ เป็นเหมือนพระเยซูแล้ว ขณะที่เรารับเชื่อ เรารับสิทธิของเราในขณะนี้ เราเดินบนโลกใบนี้ เราเป็นเหมือนพระองค์

คำว่า “เหมือน” ก็เป็นเหมือนจริงๆ นะ อย่าพยายามแก้คำนี้ ให้น้อยกว่า ยกพระเยซูขึ้นสูง แล้วเราต่ำ  ไม่ใช่การถ่อมใจที่แท้จริง ความหมายของการถ่อมใจที่แท้จริง  หมายถึงพูดในสิ่งที่พระเยซูหรือพระเจ้าทรงพูดกับเราว่ามันจริง มันเอเมน นั่นแหละคือการถ่อมใจ

การถ่อมใจ คือการยอมรับว่ามันเป็นจริง การถ่อมใจ คือเชื่อฟังถ้อยคำพระเจ้าเหมือนดั่งทาส ถ้อยคำพระเจ้าบอกว่าอย่างไร? ก็บอกไว้อย่างนั้น ถ้อยคำพระเจ้าบอกว่าเราอยู่ในพระเยซูคริสต์ ในอุโมงค์ ตายพร้อมกับพระองค์ เมื่อพระองค์เป็นขึ้นมา เราก็ถอยออกมา เราไม่เป็นด้วย หรือไม่ พระองค์เป็นขึ้นมา เราเป็นขึ้นด้วย  แต่พระองค์ได้รับพระเกียรติสิริกลับคืน สู่สง่าราศี วิญญาณเป็นแบบพระเจ้าเหมือนเดิมแล้ว เราบอกว่าเราเกิดใหม่ เราไม่เอา เราขอด้อยกว่าได้ไหม?

พระเยซูบอก “น้อง ไม่ใช่อย่างนั้น เราเท่ากันเลย  เราอยู่ในครอบครัวเดียวกัน เราได้รับเหมือนกัน”

ถ้าจะเคารพ สรรเสริญพระเจ้า ควรจะเป็นแบบนี้ว่า “ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพระองค์เหมือนเกิน ในสิ่งที่เกิดขึ้น”

โรม 6:5 “ถ้าเราได้มีส่วนร่วม  เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ ในการตาย แน่นอน เราจะมีส่วนร่วม เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ ในการเป็นขึ้นจากตาย (บังเกิดใหม่)”

 

อันนี้ยิ่งชัดเลย เหมือนอธิบายไปแล้วเมื่อตะกี้นี้ ถ้าเรามีส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ในการตาย หรือภาษาเดิมบอกว่าถ้าเรามีส่วนร่วมในการบัพติศมาเข้ากับพระองค์ พระเยซูคริสต์ในการตาย แน่นอนเราจะมีส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ ในการเป็นขึ้นจากความตายและบังเกิดใหม่ด้วย ไม่ใช่หรือ?

บัพติศมา แปลว่ามีส่วนร่วมอยู่ในนั้น พูดง่ายๆ ก็คืออดีตที่เราเป็นคนบาป เพราะเราบัพติศมาอยู่ในอาดัม  บัพติศมา ก็แปลว่าเราอยู่ในร่วมกันกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก่อนที่เราจะเชื่อพระเยซูคริสต์ มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ เกิดมา ก็บัพติศมาอยู่ในอาดัม ก็ให้เปลี่ยนมาบัพติศมาอยู่ในพระเยซูคริสต์ มันก็เท่านี้เองข่าวประเสริฐ จบ ไม่มีอะไรเลย

แล้วใครจะทำให้เราบัพติศมาเข้าในอาดัมได้ เราทำเองได้ไหม? ทำไม่ได้ เราบัพติศมาตัวเองไม่ได้  เกิดมา ก็บัพติศมาในอาดัมแล้ว เพราะฉะนั้น เมื่อจะย้ายมาบัพติศมาในพระเยซูคริสต์ เราทำบัพติศมาเองไม่ได้เหมือนเดิม ก็ให้พระวิญญาณของพระองค์ช่วย  ก็คือเปิดใจขอความช่วยเหลือ

“พระเจ้าช่วยด้วย อยากจะบัพติศมาแล้ว อยากจะย้ายจากบัพติศมาที่อยู่ในอาดัม อยู่ในสถานที่เดิม เป็นคนบาป อยากจะย้ายมาอยู่ในที่บริสุทธิ์ ที่สะอาดในพระเยซูคริสต์แล้ว ช่วยที”

จบ ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้วจริงๆ  แล้วก็ได้รับสิ่งต่างๆ ที่พระเยซูทำให้ทั้งหมดนั้น บริสุทธิ์สะอาด และมีชีวิตที่บังเกิดใหม่ เหมือนพระเยซู เหมือนพระเจ้าเลย เป็นลูกพระเจ้า ก็เป็นเหมือนพระเจ้า   … แล้วก็มาสรุปในข้อที่ 6 ว่า …

โรม 6:6 “เพราะเรารู้ว่าตัวเก่าของเรา (ที่อยู่ในบาป ในอาดัม) ถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว  เพื่อตัวบาปเก่านั้น จะถูกขจัดไป เพื่อเราจะไม่เป็นทาสบาปอีกต่อไป”

 

“เพราะเรารู้ว่าตัวเก่าของเรา ที่อยู่ในบาป อยู่ในอาดัม ที่บัพติศมาในอาดัมนั้น มันได้จบสิ้นไปแล้ว ถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว ที่ไม้กางเขน มันจบไปแล้ว เพื่อตัวบาปเก่านั้น จะได้ถูกขจัดออกไป เพื่อเราจะไม่เป็นทาสบาปอีกต่อไป”

ไปหรือยังตัวเก่า? ไปหมดแล้ว เพื่อเราจะได้ไม่ต้องอยู่ใต้อำนาจของบาป ใต้อำนาจของความพินาศนั้นต่อไป เพราะว่าเราได้ย้ายมาเป็นส่วนหนึ่งกับพระเยซูคริสต์ ผู้มีชัยชนะ เหนือความบาป เหนือความตายแล้ว

ในเอเฟซัส 2:5-6 ได้บันทึกไว้อย่างชัดเจนว่าขณะที่เราบังเกิดใหม่  ทันที เมื่อเราเปิดใจต้อนรับสิทธิของเราแล้ว อะไรเกิดขึ้นในวิญญาณ …

เอเฟซัส 2:5-6 “5 จึงได้ทรงกระทำให้วิญญาณของเรากลับมีชีวิต อยู่กับพระคริสต์ แม้ในขณะที่วิญญาณเราได้ตายแล้วในบาป  คือท่านทั้งหลายได้รับความรอด (จากการลงโทษจากคำสาปแช่ง) โดยพระคุณ 6 และพระองค์ได้ทรงให้วิญญาณของเราเป็นขึ้นมา (บังเกิดใหม่) กับพระคริสต์ และในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าได้ทรงให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระคริสต์”

 

“จึงได้ทรงกระทำให้วิญญาณของเรากลับมีชีวิต อยู่กับพระคริสต์” ก็คือให้เราเกิดใหม่ร่วมกับพระคริสต์ อยู่กับพระคริสต์ อยู่กันได้อย่างไร? เพราะวิญญาณชนิดเดียวกัน วิญญาณบริสุทธิ์สะอาด เรียกว่านิรันดร์ “นิรันดร์” ตัวนี้ ไม่ได้หมายถึงว่าอยู่ไปตลอดกาล  เพราะต่อให้ท่านไม่ได้เชื่อ ท่านบัพติศมาอยู่ในอาดัม อยู่ในวิญญาณเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยความบาป ท่านก็อยู่นิรันดร์อยู่แล้ว เพียงแต่พินาศนิรันดร์

แต่คำว่า “นิรันดร์” ตัวนี้มันหมายถึงลักษณะชีวิตที่เป็นวิญญาณที่เหมือนพระเจ้า เรียกว่าวิญญาณนิรันดร์

“แม้ในขณะที่วิญญาณเราได้ตายแล้วในบาป คือท่านทั้งหลายได้รับความรอด จากการลงโทษจากคำสาปแช่ง โดยพระคุณ และพระองค์ได้ทรงให้วิญญาณของเราเป็นขึ้นมา บังเกิดใหม่ กับพระคริสต์ และในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าได้ทรงให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระคริสต์”

ยืนยันไหม? ตะกี้นี้ที่ผมพูดว่ามันเกิดขึ้นทันที ตอนนี้ท่านเปิดใจต้อนรับแล้วหรือยัง? ต้อนรับแล้ว ถามว่าต้อนรับแล้ว ท่านเป็นเหมือนใคร? ท่านบังเกิดใหม่แล้วหรือยัง? บังเกิดใหม่แล้ว เมื่อไรไม่รู้? อย่างผมเกิดใหม่แล้วประมาณ 30 กว่าปี นั่งอยู่ที่ไหน? นี่ภาษามนุษย์ มีวันเวลา นั่งอยู่ที่เบื้องขวาของพระเจ้าในสวรรค์สถาน  นั่งกับใคร? นั่งกับพระเยซู แล้วนั่งกับใครอีก? กับใครก็ตามที่เขาเชื่อและต้อนรับสิทธิ์นี้ เพราะสิทธิ์นี้ พระเยซูทำให้มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ ผมก็นั่งอยู่ที่นั่น พร้อมกับอัครทูตเปโตร  อัครทูตเปาโล นั่งพร้อมกับยอห์น นั่งพร้อมกับท่านทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ แค่ท่านเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดเท่านั้น 1 เปโตร 1:3-4 ได้ยืนยันตรงนี้อีก …

1 เปโตร 1:3-4 “3 “สรรเสริญพระเจ้า พระบิดาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ด้วยพระเมตตายิ่งใหญ่  พระองค์ทรงให้เราทั้งหลายบังเกิดใหม่ เข้าในความหวังอันยืนยง โดยการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์” 4 “และ (ได้เป็นทายาท) เข้าในมรดก อันไม่มีวันเสื่อมสลาย เน่าเสีย หรือเลือนหายไป ซึ่งได้ทรงเตรียมไว้ในสวรรค์แล้ว เพื่อพวกท่าน”

 

“สรรเสริญพระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ด้วยพระเมตตาใหญ่ยิ่ง พระองค์ทรงให้เราทั้งหลายบังเกิดใหม่ ได้เกิดใหม่ เข้าในความหวังอันยืนยง โดยการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์”

เพราะการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริสต์ ก็คือเราได้เป็นขึ้นจากความตายร่วมกับพระองค์ด้วย เอเมน

“ในความหวังอันยืนยง” มิได้หมายถึงว่าในอนาคต ความหวังอันยืนยง คือสิ่งที่เราได้รับแล้ว มันเป็นอยู่นิรันดร์ และได้เป็นทายาท นี่เพิ่มเติมให้ว่ามิได้บังเกิดใหม่ เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์เท่านั้น พระเยซูคริสต์เป็นพระบุตร เราก็เป็นบุตร ไม่กล้าพูดคำว่า “พระ” เขินปาก คำว่าพระ เรายกย่อง พระเยซูคริสต์ได้บังเกิดใหม่ เป็นบุตรของพระเจ้า เราทั้งหลายก็เป็นบุตรของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ได้บังเกิดใหม่ เป็นบุตรของพระเจ้า  ได้รับสิทธิอำนาจ ได้รับพระสิริ สง่าราศี ครอบครองอยู่เหนือสวรรค์ก็ดีและโลกก็ดี พระองค์ทรงประทานให้ ตรงนี้เรียกว่ามรดก  และพระองค์ทรงได้รับสิ่งต่างๆ เหล่านั้น  เราก็มีส่วนร่วมในมรดกนี้ด้วย ใช่ไหม? ถูกไหม? เรามีมรดก แล้วเรารับหรือยัง? รับแล้ว มีสิทธิได้มรดก มรดกรอเราอยู่แล้ว เราเซ็นชื่อรับเท่านั้นเอง

และการรับมรดก เหตุเนื่องจากว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ในโลกวิญญาณเรียบร้อยแล้ว ทันที แต่เรายังค้างอยู่ที่กำลังดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ยังอยู่ในร่างกายเดิมนี้อยู่ ร่างกายภายนอก ซึ่งรอมันสิ้นสุดลง ก็คือวันตาย พอตายไปปุ๊บ เราก็เข้าสู่มิติวิญญาณ ไปรับสิ่งทั้งหมด ที่พระเยซูบอกไว้ในโลกวิญญาณ ที่พระคัมภีร์บอกไว้ในโลกวิญญาณ ก็คือสง่าราศี การครอบครองร่วมกับพระเยซูในสวรรคสถาน ตรงนี้เรียกว่าเป็นทายาท เราได้รับมรดกแล้วก็จริง เราเป็นทายาทที่ยังเด็กอยู่  ยังไม่ได้ครอบครอง แต่เรามีสิทธิ์เรียบร้อยแล้วในพระเยซูคริสต์

“และได้เป็นทายาท เข้าในมรดก อันไม่มีวันเสื่อมสลาย” มรดกพวกนี้ อยู่ตลอด ถาวรนิรันดร์ เพราะพระเจ้าเป็นผู้ประทานให้ พระเยซูเป็นผู้ประทานให้ แบ่งให้กับเรา ให้เรามีส่วนร่วมอยู่ในนั้น ก็คือสภาวะพระเจ้าที่ปกปักษ์คุ้มครองดูแลโลกใบนี้ทั้งใบ ครอบครองโลกใบนี้ทั้งใบ ทั้งโลกวิญญาณ และโลกสวรรคสถานที่พระเจ้าได้ประทานให้กับพระเยซู และพระองค์ประทานให้กับเราด้วย

ในมรดกอันไม่มีวันเสื่อมสลาย เน่าเสีย หรือเลือนหายไป มันตลอดกาลเลย หลังความตายในโลกวิญญาณ  เราครอบครองอยู่ในสวรรค์ ไม่ใช่อยู่ในสวรรค์เฉยๆ แต่ครอบครองอยู่ในสวรรค์ มีสิทธิอำนาจเป็นบุตรของพระเจ้าร่วมกับพระเยซูคริสต์ตลอดไป ซึ่งได้ทรงเตรียมไว้ในสวรรค์ ให้ท่านเรียบร้อยแล้ว เพื่อพวกท่านทั้งหลาย  ในโลกวิญญาณนั่นเอง

เพราะฉะนั้น วันนี้ จึงเป็นวันที่ อย่างที่บอกเมื่อตะกี้นี้ว่าเราควรจะร้องเพลงบทนี้ ด้วยการแปลงเนื้อข้างล่างเป็น

“เป็นขึ้นแล้ว  เป็นขึ้นแล้ว   พระเยซูทรงเป็นขึ้นแล้ว

เป็นขึ้นแล้ว  เป็นขึ้นแล้ว   ฉันก็เป็นขึ้นพร้อมพระองค์”

มนุษย์ทุกคนใช้ตรงนี้ได้ มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ร้องเพลงนี้ได้ทันที เป็นของเขาแล้ว เพียงแต่เขาเปิดใจต้อนรับสิทธิของเขาในพระเยซูคริสต์เท่านั้น เขาก็จะสามารถร้องเพลง

“Happy birthday Jesus        Happy birthday to me

Happy birthday Jesus          Happy birthday to me

Happy birthday my dear Jesus  Happy birthday to me”

ท่านยืดอกเมื่อไร? พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระเยซู มองจากสวรรค์มา ยิ้มแฉ่งเลย ดีใจมาก ที่เราได้ภูมิใจว่าพระองค์ทรงรักเรา ถึงขนาดนี้  พระเจ้าอวยพรครับ

 

***********************

จากใจคณะศิษยาภิบาล

ความชอบธรรม  คือการเป็นคนดีพร้อมสมบูรณ์ สามารถยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้าผู้บริสุทธิ์  ได้อย่างสง่าผ่าเผย ผู้พิพากษาของมหาจักรวาล คือพระเจ้า ผู้ซึ่งมนุษย์ทุกคนต้องไปยืนอยู่ต่อหน้า วันหนึ่งในอนาคต หลังจากตายจากโลกใบนี้แล้ว และพระเจ้าผู้นี้มีพระนามว่า “พระเจ้าผู้บริสุทธิ์ สะอาด ศักดิ์สิทธิ์”

 

เพราะฉะนั้น ใครที่จะยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้าได้ ต้องเป็นคนที่ดีพร้อม เราได้เรียนรู้แล้วว่าเราผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ดีพร้อมในสายตาของมนุษย์ แต่ดีพร้อมในสายพระเนตรของพระเจ้า ซึ่งสำคัญกว่าสายตาของมนุษย์เยอะ เพราะพระองค์เป็นผู้พิพากษาของมหาจักรวาล และทุกคนต้องไปยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ ไม่ใช่ยืนอยู่ต่อหน้ามนุษย์ และความชอบธรรมนี้ ที่เราสามารถยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้า เป็นคนดีพร้อมได้ เป็นของประทานฟรีๆ เป็นของขวัญจากพระเจ้า โดยพระคุณ ผ่านทางความเชื่อของเรา ในพระผู้ช่วยให้รอด ที่มีชื่อว่าพระเยซูคริสต์นั่นเอง ซึ่งเป็นทางเดียวเท่านั้น ที่มนุษย์จะสามารถกลายเป็นผู้ชอบธรรม เป็นคนดีพร้อมในสายพระเนตรพระเจ้าได้

 

2 โครินธ์ 5:21 “พระเจ้าได้ทำให้พระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งไม่เคยเป็นคนบาป ไม่เคยทำบาปเลย แต่ต้องกลายมาเป็นคนบาป เพื่อเห็นแก่เราทั้งหลาย ผู้ซึ่งเป็นคนบาปและทำบาปมากมาย เพื่อเราทั้งหลาย ผู้เป็นคนบาปนั้น จะได้กลายมาเป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้าผ่านทางพระองค์”

 

พระเยซูคริสต์ผู้ไม่รู้จักบาป ผู้ไม่ได้เป็นคนบาป แต่พระเจ้าทรงกระทำให้พระเยซูคริสต์ กลายเป็นคนบาป เพื่อว่าเราทั้งหลาย มนุษย์ทุกคน บนโลกใบนี้ ซึ่งเป็นคนบาป ทำบาปมากมาย แต่พระเจ้าได้ทรงทำให้เราทั้งหลายที่เป็นคนบาปนั้น กลับกลายเป็นคนดีพร้อม ผ่านทางการเชื่อในพระเยซูคริสต์นั่นเอง พระคัมภีร์บอกไว้อย่างนั้น พระเยซูผู้ซึ่งไม่ได้ทำบาปเลย แต่ต้องกลายเป็นคนบาป แลกกัน เราทั้งหลายผู้ไม่เคยทำดีเลยสักนิดหนึ่ง แต่กลายเป็นคนดีพร้อม พระเยซูผู้เดียวดีพร้อม แต่ต้องกลายมาเป็นคนบาป อีกหลายคนมากมาย มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ ไม่มีใครดีพร้อมเลยสักคนหนึ่ง กลายเป็นคนดีพร้อมได้ โดยการกระทำของพระเจ้า พระเมตตา เรียกกันว่าพระคุณ ประทานให้ฟรีๆ ฉะนั้น เราเป็นคนดี เป็นคนชอบธรรม ดีพร้อม โดยการกระทำของพระเจ้า ให้เราบังเกิดใหม่

“เราเป็นคนดีพร้อม เป็นคนชอบธรรม เพราะเราได้กำเนิด เกิดมาเป็นผู้ดีพร้อม วิญญาณซึ่งเป็นตัวตนแท้จริงของเราภายใน สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากบาปใดใดซึ่งเรียกกันว่าลูกของพระเจ้า”