คำหนุนใจ Pre Sermon วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม 2017
เรื่อง “Palm Sunday”
โดย นคร เวชสุภาพร
สวัสดีครับ ช่วงนี้ ก็เป็นช่วงเวลาแห่งเริงฤดูร้อน Summer Holiday นึกถึงอะไร? นึกถึงทะเล ต้องนึกถึงเตือนกันบ่อยๆ ทุกฤดูร้อน เทศกาลของพวกเรา ตื่นเต้นที่สุด ก็คือการระลึกถึงอีสเตอร์ ประมาณปลายๆ มีนาคมถึงประมาณค่อนไปทางปลายๆ นิดๆ เดือนเมษายน วันใดวันหนึ่ง ช่วงนี้ เป็นช่วงที่เราเตรียมความพร้อม สำหรับการเข้าสู่เทศกาลอีสเตอร์ เตรียมตัวที่จะมาระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ในวันศุกร์ประเสริฐ ปีนี้ วันที่ตรงกับวันศุกร์ประเสริฐ ก็คือวันศุกร์ที่ 14 เมษายน 2017 และรวมกันเฉลิมฉลองแน่นอนวันที่ 3 พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาใหม่ จึงทำให้เรามีวันนี้แหละ วันที่เราได้นั่งที่นี่ เป็นลูกของพระเจ้า วันที่พระเยซูทรงเป็นขึ้นจากความตาย ก็คืออีก 3 วันต่อมา ปีนี้ ตรงกับวันที่ 16 เมษายน 2017
วันศุกร์ ถ้าไม่ได้ไปไหน รถติดแค่ไหน ก็อยากให้เรามานมัสการพระเยซู มาระลึกถึงสิ่งดีงาม และมาฝังรากลึกแห่งความเชื่อศรัทธา ในการไถ่บาปของพระเยซูคริสต์ที่ไม้กางเขน เรื่องนี้ประกาศและเข้าใจยากมาก แต่เมื่อได้รับการเปิดตาฝ่ายวิญญาณจากพระเจ้า มันสามารถเข้าใจได้ แต่ถ้าไม่ได้รับการเปิดตา มันพูดอย่างไร? อธิบายอย่างไร? ต่อให้เป็นตรรกะ มีเหตุผลมากมายเพียงใด แต่ก็ฟังแล้ว เหลือเชื่อ คือเชื่อไม่ไหว เชื่อไม่ได้นั่นเอง เราก็คือคนนั่นแหละในอดีตใช่ไหม? แต่พอพระเจ้าเปิดตา ทำไมเราเชื่อง่ายๆ อย่างนั้น เชื่อง่ายๆ ถึงขนาดบอก ไม่มีอไรหรอก ยังเชื่อเลย มันเป็นไปได้นะ ขอบคุณพระเจ้า
ในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะแถบยุโรป ช่วงนี้ หมายถึงช่วงก่อนเทศกาลอีสเตอร์ 1 สัปดาห์ เขาก็จะมีการเตรียมตัวฉลองกันมากๆ ค่อนยุโรปเลยนะ หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันอีสเตอร์ เขาเรียกสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ หรือสัปดาห์แห่งการทนทุกข์ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า “Holy Week” หรือ “Passion Week” โดยสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ หรือสัปดาห์แห่งการทนทุกข์ จะเริ่มนับจากวันอาทิตย์ก่อนหน้าวันอีสเตอร์ ก็คือหนึ่งอาทิตย์ อาทิตย์ชนอาทิตย์นั่นเอง ซึ่งปีนี้อย่างที่บอกว่าถ้าเผื่อวันอีสเตอร์ตรงกับวันที่ 16 เพราะฉะนั้น วันที่เขาเริ่มต้นเทศกาลทนทุกข์นี้ ก็คือวันอาทิตย์ที่ 9 เมษายนนั่นเอง เขาก็ฉลองกัน ระลึกถึงเทศกาลนี้ เรียกว่าเทศกาล Palm Sunday อาทิตย์ทางตาล (ต้นตาล)
คืออย่างนี้ พระคัมภีร์เขามีบันทึกเหตุการณ์วันอาทิตย์ก่อนหน้าวันอีสเตอร์ว่าอาทิตย์หนึ่งก่อนหน้าพระเยซูจะเป็นขึ้นจากความตาย อาทิตย์หนึ่ง ประมาณ 5 วันก่อนที่พระเยซูจะถูกตรึงที่ไม้กางเขน วันอาทิตย์นั้น พระเยซูได้เสด็จเข้าเมืองเยรูซาเล็ม อย่างผู้พิชิต บันทึกอย่างนี้ในพระคัมภีร์ โดยประทับบนหลังลา เข้ามา และในวันนั้น มีผู้คนจำนวนมากแห่กันมาต้อนรับพระองค์ บางคนก็นำเอาใบปาล์ม หรือทางตาล ก็คือใบไม้ มาโบย บนเส้นทางที่พระเยซูเสด็จผ่านทางเข้าเมืองกรุงเยรูซาเล็ม จึงเรียกวันนี้ว่าวันทางตาล หรือ Palm Sunday บางคนมีผ้าอะไรต่างๆ ก็เอาผ้ามาปู ไม่มีผ้า ก็ไปตัดใบตาล ใบปาล์มมาปู เหมือนกับราชาเสด็จ คือตั้งแต่สมัยโบราณ ใบปาล์มหรือทางตาล มันจะถูกนำมาใช้ตกแต่งในการฉลองชัยชนะ และนำมาโบกสะบัด ต้อนรับผู้ชนะ ผู้พิชิตของชาวยิว ชาวอิสราเอล เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ว่ายิ่งใหญ่มาก ชนะ อะไรเป็นต้น อย่างกษัตริย์ดาวิดได้รับชัยชนะมา เขาก็เป็นอย่างนี้
โดยชาวยิวในสมัยนั้น ได้รับรู้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะมา ตั้งแต่บรรพบุรุษ บอกกันต่อๆ มา ชาวอิสราเอล ชาวยิว ตั้งแต่โบราณมา ตั้งแต่เล็กๆ เขาก็จะพูดกันต่อๆ เขาไม่มีหนังสือมาให้อ่านอย่างนี้ เขาจะพูดกันต่อๆ ตั้งแต่ลูก หลาน เหลน โหลด พูดกันไปเรื่อยๆ ว่าจะมีพระเจ้าเตรียมพระเมสิยาห์ หรือพระผู้ช่วยให้รอด แปลเป็นไทย จะมาบังเกิดเป็นมนุษย์ คือมีพระเจ้าส่งบุคคลหนึ่ง เป็นพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ เรียกว่าพระเมสิยาห์ เป็นเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิดจะมาเกิด และจะเสด็จมายังกรุงเยรูซาเล็ม โดยบันทึกไว้ว่านั่งบนลา
เพราะฉะนั้น วันที่พระเยซูเสด็จเข้าเมือง โดยประทับหลังลาเข้ามา ชาวเมืองก็เลยแห่กันมาต้อนรับ เพราะเชื่อว่าพระองค์ คือเมสิยาห์ของเขา รอมาตั้งนานแล้ว ตั้งหลายพันปีแล้ว นานแล้วครับ คราวนี้แหละ เราชาวยิวสบายกันแล้ว ไม่ต้องเป็นทาสใคร พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่าในวันอาทิตย์นั้น ที่พระเยซูประทับบนลา เสด็จเข้าเมืองเยรูซาเล็มนั้น พวกชาวยิวมาต้อนรับ หลับตานึกตามนะ เฮโล ต้อนรับยิ่งกว่ากษัตริย์เสด็จเข้ามา ปูผ้าที่พื้น โห่ร้องสรรเสริญ บันทึกไว้อย่างนี้ว่า …
“โฮซันนา แด่บุตรดาวิด”
ท่านคิดดูนะ คนเยอะแยะมากมาย เฮกันมา แล้วพูดว่า …
“โฮซันนา แด่บุตรดาวิด สรรเสริญพระองค์ ผู้เสด็จมาในนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า โฮซันนาในที่สูงสุด”
โฮซันนา ก็คือสรรเสริญพระเจ้า
“นี่แหละ คือคนนั้นแหละที่พระเจ้าส่งมาช่วยเราแล้ว”
มาแล้วคราวนี้อิสราเอลไม่ต้องเป็นทาสใครอีกแล้ว เพราะว่าพวกชาวยิวเขาคิดว่าพระเยซู คือเมสิยาห์ที่เขารอคอยกันแน่นอน เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นไปตามคำบอกล่วงหน้า คำเผยพระวจนะ เป็นพันๆ ปีมาแล้ว ตรงเป๊ะทุกอย่างเลย ตรงแบบเป๊ะๆ เลย หมดเลย ส่วนหนึ่งของชาวยิวที่โห่ร้อง สรรเสริญพระเยซู ก็คือบรรดาสาวกที่ติดตามพระองค์มา ตั้ง 3 ปี ตั้งแต่พระองค์เริ่มกระทำการงาน บนโลกใบนี้ เรื่องประกาศข่าวประเสริฐ เริ่มประกาศสวรรค์ ทำอัศจรรย์ คนเหล่านี้บางคนก็ได้รับอัศจรรย์ บางคนก็ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย บางคนก็เดินได้ บางคนจากตาบอดแล้วมองเห็น เดินมา ทำมากับตัว ได้รับมากับตัว บางคนก็เห็นมากับตา กับคนอื่นก็เดินตามมา ตามพระเยซูมา ก็เป็นส่วนหนึ่งในการเป็นพยานให้คนอื่น รู้ว่าใช่แน่นอน คนนี้แน่นอน ตลอดระยะ 3 ปีที่พระองค์ทรงทำการอัศจรรย์ ใหญ่ๆ มากๆ ที่ผู้คนเห็นกับตา
แล้วยังทำไมอีก วันนี้ขี่ลามาอีก ชัวร์แน่ ชัดแน่ คนนี้แน่ๆ เป๊ะๆ ตามที่บันทึกเอาไว้ หมดเรียบร้อยแล้ว ตลอด ที่บรรพบุรุษพูดกับเรามาเป็นหลายๆ พันปี ส่งต่อกันมาตลอด แน่นอนเลย แล้วเป็นไง เกิดอะไรขึ้น แล้วพอวันอาทิตย์ ปูผ้า ต้อนรับ ตะโกนร้องสรรเสริญ โฮซันนา แด่ผู้สูงสุด คือพระเยซู พอเลยมา 5 วัน วันศุกร์ … ศุกร์ประเสริฐเกิดอะไรขึ้น? ชาวยิวกลุ่มเดียวกัน ที่วันอาทิตย์ยังตะโกนฮาเลลูยา สรรเสริญพระเจ้า บอกว่าอย่างไร? เอาเขาไปตรึงที่ไม้กางเขนเลย ตรึงไปเลย พวกเดียวกันนี่แหละ บันทึกไว้อย่างนี้ พวกเดียวกัน ทำไม? เขาเกิดความผิดหวัง ไปว่าเขาก็ไม่ได้ เขาผิดหวัง
ถามว่าเขาผิดหวังอะไร? ก็เพราะในความคิดของชาวยิว ในขณะนั้น ที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระเมสิยาห์ของเขา เขาเชื่อว่าพระองค์จะมาปลดปล่อยพวกเขาให้รับความรอด จากการถูกข่มเหง รังแก กดขี่ของคน ก็คือคนโรมันในสมัยนั้น จักรวรรดิโรมัน สมัยนั้น และก่อนหน้านั้น อาณาจักรอะไรต่างๆ ที่เราไปเป็นทาสเขามาก่อน มาซีฮาห์มาช่วยให้เขาไม่เป็นทาสอีกแล้ว คิดว่าพระเยซูจะมาพิชิตอาณาจักรหรือจักรวรรดิโรมัน และอาณาจักรอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นมาหลังนั้นอีก ให้เสร็จเลย ต่อไปนี้ ยิวใหญ่ที่สุด พูดง่ายๆ คือมีความหวังแค่ว่าจะได้รับอิสรภาพ ไม่ต้องอยู่ภายใต้การปกครองของโรมัน หรืออาณาจักรใดๆ อีกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นบาบิโลน เปอร์เซีย กรีก หรือเป็นใครก็ตาม ไม่อยากเป็นแล้วตอนนี้ พระเยซูมาแล้ว มาซีฮาห์ถูกส่งมาแล้ว ทำการอัศจรรย์มากมาย เห็นกับตา คนนี้แน่นอน เห็นไหม? เขาหวังเต็มที่ แต่ภาพที่เขาเห็น คืออะไร? ภาพที่เขาเห็นก่อนเขาจะบอก “เอาไปตรึงๆ” เขาเห็นอะไรรู้ไหมครับ? เขาเห็นว่าพระเยซู ที่เคยทำอัศจรรย์ให้เขาเห็นกับตา ตอนนี้ กลายสภาพเป็นอะไร? เป็นนักโทษ ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้เลย ถูกทุบตี เฆี่ยนตี ถ่มน้ำลาย ยังไม่ทำอะไรเขาเลย แสดงว่าพระองค์ไม่ใช่ของแท้ ถ้าของแท้ต้องสู้แล้ว ถ้าของแท้ ทำได้ต้องทำแล้ว ถ้าอัศจรรย์จริง เป็นลูกพระเจ้าจริง ป่านนี้ เสร็จพระองค์ไปแล้ว พวกนี้ไม่สามารถสู้พระองค์ได้หรอก แต่นี้ ไม่จริง ไม่ใช่ หมดหวัง หมดความเชื่อ จบ
แล้วไปว่าเขาไม่ได้ เราอยู่ตรงนั้น เราอาจจะหมดหวังเหมือนกัน เราก็คิดว่าจะมาทำอัศจรรย์ให้ ที่ไหนได้ ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้เลย หนีออกจากที่ถูกจับยังไม่ได้เลย ถูกเขาเฆี่ยนตี เลือดสาด เห็นกับตา หมดแรง แบกไม้กางเขนไปที่โกละโกธา ก็ยังแบกไม่ไหวเลย นี่หรือพระเจ้า ถ้าเป็นพระเจ้าจริงไม่เป็นอย่างนั้น แล้วไปถูกเขาตรึงที่ไม้กางเขน นึกว่าจะอัศจรรย์ว่าถูกตรึง แล้วจะลงมาจากไม้กางเขน มีคนตะโกนท้า
“ลงมาสิ ถ้าเป็นลูกพระเจ้า”
ไม่เห็นลงมาเลย ไม่ใช่แน่นอน หมดศรัทธา หมดความหวัง ก็เพราะเวลานั้น ในช่วงนั้น อย่างที่ผมบอก ยิวมองแค่วัตถุสิ่งของว่าเขาจะได้อะไรบ้างวัตถุสิ่งของ เขาอยากได้อะไร? เขาก็ได้ตามนั้น เขาเห็นคนตาบอด อยากจะเห็น มองเห็น พิสูจน์ว่าคนนี้เป็นพระเจ้า ตามองเห็นจริงๆ ได้ในสิ่งที่เขาได้ เขาเห็นคนตาย ถ้าเผื่อชุบคนตายให้เป็นขึ้นมาใหม่ ต้องเป็นพระเจ้าแน่ เป็นขึ้นมาใหม่จริงๆ เลย ลาซารัสเดินอยู่ตรงนี้ เดินออกมาได้ ใช่แน่ๆ เป็นพระเจ้าแน่ๆ เขาอยากได้อย่างนั้น อยากได้อัศจรรย์ที่เห็นๆ แต่พอมาถึงเรื่องความรอด เขาก็อยากได้ความรอดที่เห็นๆ คือไม่ต้องการเป็นทาสให้กับใครที่ตามองเห็น มนุษย์ผู้ใด? อาณาจักรใดอีกแล้ว เขาลืม พระเยซูมา เพื่อไถ่บาปเขา พระคัมภีร์บอกไถ่บาปเขา ให้เป็นอิสรภาพจากมารซาตาน ไถ่ทางวิญญาณ เขาจะได้กลับมาเป็นลูกพระเจ้าอีกที จะได้มารับบาปแทนเขา ไม่ใช่มารับโทษ แบบโลกนี้แทนเขา ไม่ได้รับมาโรคภัยไข้เจ็บบนโลกใบนี้แทนเขา
คำว่า “พระเยซูถูกตรึงที่ไม้กางเขน” ถูกเฆี่ยนตี ถูกทุบตีนั้น ให้เราหายดี หมายถึงหายดี หายจากบาป และกลับไปหาพระเจ้า เป็นลูกของพระเจ้าได้ ส่วนโลกใบนี้ พระเยซูบอก แล้วแต่พระเจ้า อธิษฐานว่า …
“ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยพระองค์ แล้วแต่พระองค์เถิด”
แต่สำหรับโลกวิญญาณ พระองค์ชนะแล้ว เราชนะแล้ว ถ้าเราเชื่อพระองค์ว่าพระองค์เป็นพระมาซีฮาห์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เราได้รับความรอดนิรันดร์ เราเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว ใครก็เอาเราออกไปไม่ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในโลกใบนี้ วันหนึ่งเราจากโรคนี้ไป เราเป็นลูกของพระเจ้า เราจะอยู่กับพระเจ้านิรันดร์กาล ในสวรรค์ ส่วนโลกนี้ พระเจ้าควบคุมดูแลอยู่ ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ วันหนึ่งเขาจะสิ้นสุดเอง เอเมน เขาไม่ได้คิดอย่างนี้ แต่อย่างที่บอก มันยังไม่ถึงเวลา เมื่อยังไม่ถึงเวลา ก็ยังไม่คิด ก็ดีแล้วที่เขาไม่คิด ถ้าเขาคิด ก็คงไม่มีเครื่องมือให้มารซาตานใช้ ที่จะจับพระเยซูไปตรึงที่ไม้กางเขน แล้วถ้าพระเยซูไม่ได้ถูกตรึงที่ไม้กางเขน เราก็ไม่ได้รับความรอด
สรุปแล้ว รวมไปรวมมา พระเจ้าควบคุม ทุกสถานการณ์อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และกระทำทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่ในน้ำพระทัยของพระองค์ เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ เป็นไปตามน้ำพระทัยพระองค์ และเป็นสิ่งที่ดี สำหรับคนทั้งหลายเหล่านั้นที่รักพระองค์ ซึ่งรวมทั้งเราด้วย เอเมน
*************************