คำหนุนใจ Pre Sermon วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2017 เรื่อง “ความรัก ยิ่งให้ ยิ่งได้” โดย นคร เวชสุภาพร

คำหนุนใจ Pre Sermon วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2017

เรื่อง “ความรัก ยิ่งให้ ยิ่งได้”

โดย นคร  เวชสุภาพร

 

อีก 2 วัน วันอังคารนี้ก็จะเป็นวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก ถ้าถามว่าความรักคืออะไร? ก็ต้องตอบว่าความรักคือการเสียสละ ความรักคือการให้ … ความรัก คือการเสียสละ ความรัก คือการให้ นี่คือพวกเราทั้งหลายที่ได้เรียนรู้ความรักของพระเจ้า และกฎแห่งความรัก หรือกฎแห่งการให้ ตามพระคัมภีร์ สรุปแล้วบอกว่ายิ่งให้ ยิ่งได้ ยิ่งอยากให้คนอื่นมีความสุข เรายิ่งได้ความสุข ยิ่งอยากให้คนอื่นมีทุกข์ เราก็ยิ่งมีทุกข์ ยิ่งเกลียดคนอื่น เราก็ยิ่งมีทุกข์ ยิ่งรักคนอื่น เราก็ยิ่งสุข เพราะฉะนั้น ยิ่งให้ ยิ่งได้ ยิ่งอยากได้ ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย จำไว้ให้ดีๆ ยิ่งอยากได้ ยิ่งไม่ได้ แต่ยิ่งอยากให้ ยิ่งได้ นี่คือหลักการของพระเจ้า

นี่คือกฎธรรมชาติ ถ้าบอกว่าหลักการของพระเจ้า บางคนก็จะบอกว่า …

“ฉันไม่ได้เป็นคริสเตียน ฉันไม่เชื่อพระเจ้า”

แต่อยากจะบอกว่านี่คือกฎธรรมชาติ และทุกคนอยู่ภายใต้กฎนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามมนุษย์บนโลกใบนี้ เหมือนดวงอาทิตย์ ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา ดวงอาทิตย์ฉายแสงสาดไปบนโลกใบนี้ ก็ไปโดนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนขี้เกียจ ขยัน ก็โดนแสงอาทิตย์เหมือนกัน ถูกไหม? ไม่ว่าจะเป็นคนแข็งแรง หรือเจ็บป่วย เดินไปใต้ดวงอาทิตย์ ก็ได้รับแสงอาทิตย์เช่นเดียวกันหมด เหมือนฝนตก ไปที่ไหน? มันก็เปียกหมด ไม่ใช่ว่าฝนตกมา คนทำดีไม่เปียก เปียกไหม? เปียก ท่านทำดี ทำไมต้องเปียกด้วย  ก็เพราะมันเป็นกฎ ถ้าคุณทำดี คุณต้องถือร่มด้วย มันจะได้ไม่เปียก มันเป็นกฎใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นเอะอะอะไรก็จะบอกว่าไม่ยุติธรรมๆ ก็มันเป็นกฎ เราต้องเรียนรู้จากกฎ เราจะได้รับสิ่งที่ดีๆ จากกฎ

ใครทำตามกฎเหล่านี้ ก็จะได้รับสิ่งเหล่านี้ ถ้าใครทำตามที่พระเจ้าบอกไว้ เขาก็จะได้รับตามที่พระเจ้าบอกไว้ ถ้าเขายิ่งให้ เขาก็ยิ่งได้รับเลย ถ้าเขายิ่งเห็นแก่ตัว เขาก็ยิ่งสูญเสีย ยิ่งเห็นแก่ตัว ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย ยิ่งไม่ได้ ยิ่งเห็นแก่ตัว ยิ่งไม่ได้ใหญ่ ยิ่งเสียหายเยอะ ยิ่งให้ยิ่งได้ นี่คือกฎธรรมชาติ กฎของพระเจ้า ทุกคนอยู่ภายใต้กฎนี้ หมดเลย ฟังนิทานเรื่องนี้ดู รู้ว่าทุกคนอยากฟัง …

… พ่อค้าคนหนึ่ง เขาขนสินค้าจำนวนมาก จะไปขายต่างเมือง โดยเอาลาและม้าไปอย่างละหนึ่งตัว (สมัยก่อนเวลาจะไปไหน ก็จะเอาม้ากับลาไป) และด้วยความที่พ่อค้าเขาอยากจะถนอมม้าไว้ เอาไว้ใช้ยามจำเป็นเท่านั้น ม้าเอาไว้สำหรับขี่เร็วได้ เขาก็เลยจัดสินค้าทั้งหมด เอาไปไว้บนหลังลา แล้วให้ม้าเดินตัวเปล่าไป ไม่ต้องแบกอะไรเลย ก็ให้ลาแบกเพียงผู้เดียว ม้าก็บอกว่าอย่างนี้ก็สบายจัง ไม่ต้องทำอะไรเลย เดินผิวปาก สบายใจ

แต่สำหรับลา เมื่อถูกให้แบกของหนัก พอมันเดินไปได้ครึ่งทางเท่านั้น มันก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า

หมดแรง ลาก็เลยหันมาหาเพื่อน คือม้า แล้วก็บอกม้าว่า …

“ม้าข้าเริ่มรู้สึกหมดแรงแล้ว ถ้ายังขืนแบกของบนหลังต่อไปนะ อีกนิดเดียว ฉันตายแน่ ไม่ไหวแล้ว เพื่อนม้าพอจะแบ่งเบาภาระข้าสักนิดได้ไหมเนี้ย เอาแบ่งไปสักหน่อย เอาสักนิดหนึ่งก็ยังดี ถ้าต่อไปนะ ข้าตายแน่ๆ ช่วยหน่อยนะเพื่อนรัก ไหนบอกรักข้าไง”

ฝ่ายเจ้าม้าผู้หยิ่งทะนง พอได้ยินลา ร้องขอความช่วยเหลือ ก็หันไปพูดอย่างเพื่อนที่ไร้น้ำใจ

“ฮิ ฮิ ฮิ ได้หมด ถ้าสดชื่น แต่ตอนนี้ข้าไม่สดชื่นเลย ถ้าทำอย่างนั้นไป ข้าไม่สดชื่นเลย เพราะฉะนั้น ไม่ได้ เจ้าก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าข้าไม่มีหน้าที่แบกของหนักๆ การแบกของหนักๆ เป็นหน้าที่ของข้า ข้าเป็นม้านะ เจ้าเป็นลา ข้ามีหน้าที่เพียงแค่ให้เจ้านายขี่เท่านั้นเอง ข้าคงไม่สามารถช่วยเจ้าได้หรอก  ฮิ ฮิ ฮิ ตัวใครตัวมันนะ” ม้ามันก็เดินหัวเราะฮิฮิ ไปเรื่อยๆ

ได้ยินดังนั้น เจ้าลาผู้น่าสงสารก้มหน้าก้มตาแบกของทั้งหมด แล้วก็อดทนเดินต่อไป ไม่รู้จะทำอย่างไร? แต่ว่าเพียงเดินต่อไปไม่กี่ก้าว มันก็ล้มลง และขาดใจตายไปเลย พ่อค้าเห็นดังนั้น ก็เลยขนสินค้าทั้งหมด จากหลังลา เอาไปไว้ที่หลังม้า แค่นั้นยังไม่พอ ยังเอาศพลาที่ตายให้ม้าแบกไปด้วย เพราะศพลาก็มีราคา จะได้ไปขายในเมืองด้วย ถูกหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น ม้าได้รับ 2 ต่อ ต้องแบกของทั้งหมดนั้น ร่วมทั้งศพของเพื่อนด้วย หนัก เห็นไหมครับ?

เพราะม้าไร้น้ำใจ ไม่ช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระ ความทุกข์ยากลำบากของเพื่อนลา ผลสุดท้าย มันก็แบกหนักขึ้นไปอีกกว่าเพื่อนด้วยซ้ำไป ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าลาอีก อาจจะไม่ตายนะ แต่คางเหลืองไปจนตาย ม้าจะทุกข์ทรมานไปจนตาย เพราะมันต้องทำงานหนัก ถ้ามันตาย ก็ดี แต่ถ้ามันไม่ตาย มันก็ทุกข์ทรมานหนักกว่าลาอีกเยอะมาก จนกว่ามันจะสิ้นชีวิตไป เพราะมันต้องทำงานแทนลาทั้งหมด

ถ้าเจ้าม้าตัวนั้น มันรู้จักเห็นใจผู้อื่น รู้จักแบ่งเบาภาระคนที่อยู่ใกล้ๆ ตั้งแต่แรก ม้ามันก็คงไม่รู้ตัว มันกำลังทำไม? มันนึกว่ามันไปช่วยลาเช่นไหม? แต่จริงๆ มันช่วยใคร? มันช่วยตัวเองอยู่ เห็นไหม? ถ้าม้าบอกว่า …

“โอเค แบ่งมา”

มันก็นึกว่ามันกำลังช่วยลา ลาจะขอบคุณมัน มันไม่รู้ตัวหรอก ที่ทำไป มันช่วยตัวเองในอนาคต มันไม่รู้ตัว นี่แหละ อุทาหรณ์ บางครั้งเราเห็นว่าเราช่วยคนออกไป เรานึกว่าเราช่วยเขา อย่าคิดอย่างนั้น ท่านกำลังช่วยตัวเอง เวลาเขาขอบคุณท่าน ท่านบอกว่า …

“ไม่ต้องหรอก ผมควรขอบคุณคุณมากกว่า คุณกำลังช่วยผม”

ถูกไหม? มันกลับกัน คิดให้มันกลับกันซะ เขากำลังช่วยเรา เขาเปิดโอกาสให้เรามีโอกาสได้ช่วยเขา เพื่อว่าเราจะได้รับทีหลัง เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  แต่แดดส่องมา มันร้อนแน่ ฝนตกมา มันเปียกแน่ กฎพระเจ้าว่าไว้อย่างนั้น

เพราะฉะนั้น ถ้าเราช่วยเขา เรากำลังช่วยตัวเองนั่นเอง พระคัมภีร์บอกไว้อย่างนั้น นี่คือสัจจะธรรม  นี่คือตัวอย่างให้เห็นภาพว่าการช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระผู้อื่น ปลอบประโลมใจผู้อื่น ตัวเราเองก็จะได้รับ ให้สิ่งดีๆ กับผู้อื่น เราก็จะได้รับสิ่งดีๆ กลับมา โดยที่เราจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เราจะไม่รู้เรื่องเลย มันได้รับแน่นอน มันเด้งกลับมาแน่นอน จะเป็นกี่เด้งเราไม่รู้ แต่เรารู้ว่ามันได้กลับมาแน่นอน

ในพระคัมภีร์จึงได้บันทึกไว้อย่างนี้ ในหนังสือ 1 ยอห์น 3:17-18 ได้บันทึกถึงความรัก ในฐานะเพื่อนร่วมโลกกันอย่างนี้ เพื่อนร่วมโลก คือพี่น้องกันนั่นแหละ เห็นหน้าเป็นมนุษย์ คือเหมือนพี่น้องกัน

1 ยอห์น 3:17-18 “17 ถ้าผู้ใดมีทรัพย์สิ่งของ และเห็นพี่น้องของตนขัดสน แต่ยังไม่สงสารเขา ความรักของพระเจ้าจะอยู่ในผู้นั้นได้อย่างไร? 18 ลูกที่รัก อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่ให้เรารักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง”

 

เพื่อประโยชน์ของพระเจ้าใช่หรือเปล่า? ไม่ใช่ เพื่อประโยชน์ของอีกคนหนึ่ง? ก็ไม่เชิง เพื่อประโยชน์ของท่านเอง สอน เพื่อให้ได้ดีนะ ไม่ใช่มาบังคับ เพื่อให้มาเบียดเบียน ไม่ใช่ กำลังจะบอกว่านี่คือทางที่จะทำให้เจริญ ได้พระพรจากพระเจ้า จะได้เจริญรุ่งเรือง นี่คือหนทางที่ดี เพราะฉะนั้น ทำอย่างนี้นะ ให้เขาไป ถ้ามีความรักของพ่ออยู่ ให้เขาไป แล้วจะได้รับ

ให้ทรัพย์สินในนี้ ไม่ได้หมายถึงเงินทองอย่างเดียว ทุกอย่าง อย่างเมื่อตะกี้ ลาก็ไม่ได้ต้องการเงิน … เงินก็ช่วยเขาไม่ได้ เขาต้องการเอาสินค้าที่เขาแบกอยู่แบ่งเบาไปบ้างเท่านั้นเอง อาหารก็ช่วยเขาไม่ได้นะ อาหารเขาก็ไม่เอา เขาต้องการแบ่งเบาภาระ ปลอบโยนใจเขา แล้วเอามาสัก 2 ถุง ยังพอไหว พอแบกได้มากขึ้น เอาเพิ่มเป็น 3 ได้ไหม? เขาต้องการอย่างนั้นมากกว่า เห็นไหม? ทรัพย์ไม่ได้หมายถึงเงินอย่างเดียว ไม่ได้หมายถึงอาหารอย่างเดียว หมายถึงอะไรที่ดีๆ ที่แบ่งเบาภาระเขาได้ ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น ในสถานการณ์เช่นใด สิ่งที่เขาจำเป็นอยู่ เราแบ่งเบาภาระเขา เราเองจะได้รับในอนาคต  ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

***************************