คำหนุนใจ Pre Sermon วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2017
เรื่อง “ใครคือพี่น้องที่แท้จริงของเรา?”
โดย นคร เวชสุภาพร
สวัสดีครับ วันนี้เป็นอาทิตย์แรกของเดือนแห่งความรัก พระคัมภีร์สอนเราว่าอย่างไร? กาลาเทีย 5:14-15 ได้บันทึกอย่างนี้ พระเจ้าสอนเราอย่างไร? พระเยซูสอนเราอย่างไร? ข้อพระคัมภีร์กาลาเทีย 5:14-15 บอกเราอย่างนี้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเทศกาลนี้ เดือนนี้ทั้งเดือนจะได้เตือนเรา ปีหนึ่งก็ได้ระลึกถึงเรื่องนี้สักทีหนึ่ง เตือนสติ
กาลาเทีย 5:14-15 “14 บทบัญญัติทั้งหมดสรุปรวมเป็นข้อเดียวว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” 15 หากท่านยังคอยแต่กัดกินกันเอง ระวังให้ดีจะย่อยยับไปตามๆ กัน”
ถ้าวิวาทกัน แก่งแย่งกัน กินเนื้อกัน ไม่ใช่แย่งกันกินเนื้อวัว ไม่ใช่นะ หมายถึงกินเนื้อกันเอง เราจะตายไปด้วยกัน นี่คือสัจจธรรมบนโลกใบนี้ แต่ถ้าแบ่งเบาภาระกัน แบ่งให้กัน เอื้ออาทรกัน ท่านก็จะไปดีด้วยกันทั้งหมด แล้วลองคิดดูนะว่าโลกจะน่าอยู่ขนาดไหน? ถ้าทำตามพระเยซูบอก แล้วลองสังเกตดูโลกใบนี้ เป็นอย่างนั้นไหมตอนนี้ ทุกวันนี้ แบ่งเบากันไหม? แบ่งกันไหม? เอื้ออาทรกันไหม? หรือกำลังแย่กัน กัดกินเนื้อกัน ใครล้มเหยียบ ใครป่วย ไปแทะเนื้อเขาเลย หรือเผลอๆ เดินอยู่ มาแทะเนื้อเราเล่น อะไรอย่างนี้ เราก็จะกลับไปแทะเนื้อเขาบ้าง?
ลองคิดดู โลกใบนี้เป็นอย่างนี้ไหม? ถ้าเป็นอย่างนี้ อย่างที่พระเยซูบอก เราก็อยู่กันสบายเลยนะ แต่ถ้าทุกคนมีความคิดอย่างลักษณะนี้ คือกำลังจะเล่าเรื่องให้ท่านฟังเรื่องหนึ่ง ท่านลองนึกถึงภาพว่าโลกใบนี้ ตอนนี้อยู่อย่างนี้ แล้วท่านคิดดูสิว่าจะอยู่กันอย่างไร? จะเกิดผลดีต่อสังคมไหม? สังคมมันจะเป็นอย่างที่พระเยซูอยากให้เป็นไหม? นี่ก็ใกล้ตัวเราเหมือนกันเรื่องนี้ ลองคิดดูว่าเป็นแบบนี้หรือเปล่า?
… ลูกค้ากับแม่ค้า ต่างก็ทำไม? เห็นแก่ตัว เจอหน้ากัน ลูกค้า คือคนซื้อ กับคนขาย แม่ค้า ต่างคนต่างวางแผนมา ทั้งสองฝ่าย
สำหรับคนซื้อก็ต้องอย่างไร? … “ฉันจะซื้อให้ถูกที่สุด”
แม่ค้าก็จะคิดอย่างไร? … “ฉันจะขายให้แพงที่สุด”
ไม่รู้ล่ะ ลูกค้า ในกลุ่มของลูกค้าเองก็จะคุยกันว่า … “เวลาเราไปซื้อของนะ แม่ค้าชอบทำแบบนี้ ขายผลไม้ ก็เอาผลไม้ดีๆ วางไว้ตรงหน้าๆ จัดให้เราดูสวยๆ พอเราซื้อ ก็หยิบเน่าๆ มาให้เรา” ลูกค้าก็คุยกันอย่างนี้ ต่อว่าแม่ค้า
พวกแม่ค้าด้วยกัน ก็จะคุยว่า … “ถ้าตานี้มาเมื่อไรนะ หรือแม่คนนี้มาเมื่อไรนะ อย่าลดราคาเด็ดขาด มันต่อทุกร้านเลย ต่อจนร้านสุดท้าย เดินต่อไปๆ บาทหนึ่งก็จะเอา อย่าไปขาย อย่าไปยอม”
นี่เรื่องจริงนะครับ ไปดูร้านค้าที่คล้ายๆ กัน คนนี้มาปุ๊บ เขาจะพูดกันต่อๆ เลย เขาจะปรึกษากันไว้ก่อนด้วยซ้ำ อย่างเราไปทัวร์ เขาจะปรึกษากันเลยว่าห้ามขายต่ำกว่าราคานี้ เพราะเขาจะต่อจากร้านแรกจนไปถึงร้านสุดท้าย เพราะฉะนั้น ร้านแรกและร้านสุดท้าย ราคาเหมือนกัน อะไรประมาณนี้ คือต่างคนต่างป้องกันผลประโยชน์ของตัวเอง ต่างฝ่าย ต่างตั้งใจว่าจะเอามากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีความสุขเลย เพราะว่าอยากได้ทั้งคู่
จนกระทั่งในใจไม่ได้คิดอะไร นอกจากว่าผลประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่ที่สุด แล้วก็ทำให้เสียผลประโยชน์ไป โดยไม่รู้ตัว เสียหายอย่างไร? ลองฟังเรื่องนี้นะครับ ท่านลองคิดดูนะ เรื่องจริงนะ ผมสังเกตดู แล้วผมก็เอามาให้ฟังดู นี่เรื่องจริง หลายคน ก็โดน
… แม่ค้าตั้งราคามังคุดไว้ กิโลกรัมละ 30 บาท นึกในใจตลอดว่า …
“ไม่ให้ใครต่อเด็ดขาด ฉันไม่ยอมลดเด็ดขาด ฉันจะต้องเอากำไรให้สูงที่สุด”
โลละ 30 บาท
คนซื้อก็คิดตลอดเหมือนกัน … “ฉันจะต้องต่อราคาให้ถูกที่สุด”
เกิดมาเพื่อต่อโดยเฉพาะ เพราะต่อแล้วมีความสุข แม้กระทั่งต่อให้สักบาทหนึ่ง ก็มีความสุข นี่คือลูกค้าส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้ทั้งหมด มีใครไหมไปซื้อของอย่างเดียวกัน ร้านเดียวกัน แล้วมีมาบอก
“ฉันดีใจจังเลย ฉันซื้อแพงกว่าเธออีก”
มีไหม? ส่วนใหญ่จะบอกว่าอย่างไร? ดีใจ “เธอซื้อร้านนั้น ฉันซื้อเหมือนกัน ทุกอย่างเหมือนกันเลย”
แล้วลงสุดท้ายว่า “ฉันซื้อถูกกว่าเธออีก” ใช่หรือไม่ใช่?
เราอยากจะเยาะเย้ยเขา เพราะว่าเราได้ซื้อถูก … ถูกไหม? ถูกกว่าบาทหนึ่ง ก็ถูกกว่า ดีใจ เอามาอวดกันว่า “ฉันซื้อถูกกว่าเธอ”
ฝ่ายแม่ค้า ก็คิดในใจ … “ไม่ลดเด็ดขาดๆ”
ฝ่ายคนซื้อ ก็คิด … “ไม่ยอมเด็ดขาด อย่างไรก็ต้องลดๆ”
คือมีความสุขอยู่กับบนความทุกข์ของคนอื่น พูดง่ายๆ แล้วในที่สุด ทั้งคู่ก็ไปจะเอ๋กันบนเวที
คนซื้อไปถึงปุ๊บ … “แม่ค้า โลเท่าไร?”
แม่ค้าก็ตอบว่า … “โลละ 30 บาท”
คนซื้อก็คิดในใจ ต้องต่อ เพราะฉะนั้น พอตอบมา 30 ปุ๊บ ในสมองเกิดอะไรขึ้น สงครามเกิดขึ้นแล้ว สงครามในสมองเกิดขึ้น
“ฉันจะซื้อเยอะนะ ซื้อหลายกิโลเลย ลดหน่อยสิ”
“ไม่ได้เด็ดขาด” คุ้นๆ ไหม? “30 บาทขาดตัว อย่างไรก็ไม่ได้”
“ก็จะซื้อเป็นสิบๆ โลนะ”
“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด อย่างไรก็ 30”
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันจะซื้อสัก 20 กิโล”
แม่ค้าตั้งใจ หูพึ่งเลย ปกติขาย 2-3 โล นี่จะขอซื้อ 20 โล
“ฉันจะขอซื้อ 20 โล เอาอย่างนี้แล้วกัน เมื่อกี้บอกโลเท่าไรนะ 30 บาท ฉันจะซื้อ เอาอย่างนี้เหมาไปแล้วกัน 3 โล 100 แล้วกัน”
แม่ค้าตกใจ แล้วก็ตอบ “ไม่ได้ ยังไงฉันก็ไม่ให้ ลดไม่ได้เด็ดขาด อย่างไร ก็โลละ 30 เด็ดขาด ขาดตัว ลดไม่ได้ขาด”
ในใจคิดอย่างนั้นตลอดเวลา ป้องกันผลประโยชน์ตัวเองเต็มที่ เข้าใจไหม? ทะเลาะกันแทบตาย ถามว่าเหตุการณ์นี้ มีโอกาสเป็นไปได้จริงๆ เป็นไปได้ไหม? เป็นไปได้
นี่เป็นอุทาหรณ์อันหนึ่ง บางทีเราฟัง เราหัวเราะ แต่จริงๆ แล้ว เรานั่นแหละ พูดกับใคร? พูดกับตัวเองนั่นแหละ
“ฉันนั่นแหละ เป็นอย่างนั้น”
มันลึกซึ้ง ที่เรากำลังหัวเราะอยู่ มันลึกซึ้งมาก แปลกไหม? โลละ 30 บาท ถ้า 3 โลร้อย มันโลละ 33 บาทกว่าด้วย แล้วทำไมไม่ขายล่ะ ลองคิดในใจ เพราะว่าต่างฝ่าย ต่างคิดอยากได้ไง เลยลืมผลประโยชน์ที่ดีๆ ไปไง เห็นแก่ตัวไง
จำที่ผลให้คติกับท่านได้ไหม? “ถ้าอยากได้ มันจะเสีย” ถ้าไม่อยากได้ คือให้ออกไป มันจะได้ นี่คือหลักของพระเจ้า อีกฝ่ายก็ต่อใหญ่ แทนที่จะซื้อโลละ 30 สบายๆ แล้ว ไปต่อเขา 3 โลร้อย
เพราะอะไรรู้ไหม? ทำไมถึงต่ออย่างนั้น เพราะในใจมันคิดแต่จะหาผลประโยชน์ และคิดจะต่ออย่างเดียวๆ มันก็คุ้นหูมาตลอด ที่เคยซื้อ 3 โลร้อยมันถูกไง ความรู้สึกไง เวลาเราไปซื้อที่ไหน ก็บอก 3 โล หรือ 3 ชิ้นร้อย มันถูกไง ใจก็คิดว่าอันนี้ถูก ทั้งๆ ที่โง่ เสียผลประโยชน์ไปแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีก
“3 โลร้อยแล้วกัน”
ลืมหารไป เพราะในใจมันคิดแต่จะเอาถูก “ฉันจะเอาเปรียบกับเขา” นี่แหละคือสิ่งที่ถูก ได้ราคาถูกแล้ว 3 โลร้อย
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา เราฟังดูแล้วเหมือนตลกๆ แต่มันไม่ตลก ถ้าเกิดในชีวิตของเรา เพราะความเห็นแก่ตัว เพราะไม่ได้ดำเนินชีวิตด้วยความรักแท้ แบบที่พระเยซูสอนเรา คือการให้ แบ่งเบาภาระ ให้ แล้วเราจะได้
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นต้นแบบ และเป็นแหล่งกำเนิดของความรักแท้ ที่วิเศษที่สุด พระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างนั้น คือพระองค์ทรงยอมเสียสละชีวิตของพระองค์เอง เพื่อมวลมนุษยชาติ พระองค์ทรงรักมวลมนุษยชาติอย่างมาก ยอมตาย เพื่อเขาที่ไม้กางเขน ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนบาป ซึ่งรวมทั้งเราทั้งหลายด้วย ที่นั่งอยู่ที่นี่ ให้เราดูแบบอย่างของความรักของพระเยซูคริสต์นี้ และแบบอย่างการเสียสละในความรักแท้นี้ ให้เราหมั่นฝึกฝนในการดำเนินตามรอยเท้า รอยพระบาทของพระองค์ เท่าที่กำลังเราจะสามารถทำได้ คือฝึกฝนนั่นเอง ล้มไป ก็ลุกขึ้นมาใหม่ แล้วก็หัดใหม่ ฝึกไปเรื่อยๆพระคัมภีร์บันทึกเรื่องนี้ไว้อย่างไร? ในหนังสือ 1 ยอห์น 3:16 บันทึกไว้อย่างนี้ ชัดเจนมาก
1 ยอห์น 3:16 “เช่นนี้ เราจึงรู้ว่าความรักคืออะไร? คือที่พระเยซูคริสต์ทรงสละพระชนม์ชีพของพระองค์ เพื่อเรา และเราควรสละชีวิตของเรา เพื่อพี่น้อง”
ไม่ใช่ “เช่นนี้ เราจึงรู้ว่าความรัก คือมังคุด เราจึงควรจะต่อให้สุด” อย่างนั่นเหรอ ไม่ใช่
ความรัก คือพระเยซูเสียสละ ท่านลองคิดดูนะ ถ้าเกิดโลกใบนี้ เป็นอย่างนี้ เกิดความสุข มีความสุขมากขนาดไหน? เกิดไปซื้อของ แล้วกลับใหม่ซะ จะมีความสุขมากขนาดไหน? สมมติท่านดำเนินชีวิตแบบนี้ แบบที่พระเยซูกำลังสอน
พระเยซูสอนบอกว่าและเราควรสละชีวิตของเรา เพื่อพี่น้องได้อย่างไร?
คุณรู้ไหม? “พี่น้อง” คืออะไร? ไม่ใช่คริสเตียนเท่านั้นนะ พี่น้องหมายถึงคนที่ไม่เชื่อด้วยนะ พระเยซูสอน พี่น้องหมายถึงคนที่อยู่ใกล้เรา … ใครที่อยู่ใกล้เรา? ใครก็ตาม ที่เราเดินไป แล้วเขาอยู่ใกล้เรา คนนั้นแหละ พี่น้องเรา ถ้าท่านเดินออกไปข้างนอก เจอยามข้างนอก ยามข้างนอกเป็นพี่น้องเรา พี่น้องของท่าน ถ้าท่านออกไปเจอจราจร จราจรเป็นพี่น้อง ถ้าท่านออกไปเจอคนที่มาแย่งชิงกระเป๋าท่านไป เอามือถือท่านไปเลย เขาเป็น … ไม่กล้าตอบ เขาก็คือพี่น้อง แต่ตอนนี้มาขโมยของเราไป ก็จบ ก็ใส่พี่น้องไปสิ ไม่กล้าใส่เหรอ เห็นไหม?
นี่มันหนีไม่พ้น นี่คือพี่น้องของเรา ท่านลองคิดดูสิ สังคมเปลี่ยน เรื่องตะกี้นี้ ง่ายๆ ลองยกตัวอย่างใหม่ เราอดทนตามที่พระเยซูบอก อดทนตามนี้ ไปซื้อมังคุดเขาตั้งไว้ 30 บาท
“แม่ค้าเอาไปโลละ 35 เลยแล้วกัน ขับรถมาตั้งไกล ระยะนี้น้ำมันก็แพง อะไรก็แพง ช่วยนะ ซื้อ 2-3 โล โลหนึ่ง 30 เอ๊าให้อีกห้าบาท” แม่ค้าก็ยิ้ม
แม่ค้าก็บอกว่า “มาซื้อกันประจำ ไม่เป็นไรหรอก เอาอย่างนี้ โลละ 28 ก็พอแล้ว เอาไปเถอะ”
ต่างฝ่าย ต่างให้กันใหญ่เลย มีความสุขทั้งคู่ ได้ทั้งคู่ สิ่งนี้มันจะกำเนิดสิ่งที่เห็นๆ เลยนะ เอาแบบตรรกะ เอาแบบมีเหตุและผลแบบมนุษย์ง่ายๆ ก็คือพอมีสติปัญญา มีสันติสุขอย่างนี้ มันเกิดอะไร แม่ค้าก็ปิ๊ง ในสมองมีสติปัญญา โล่ง สมาธิก็ดี ลูกค้าก็ปิ๊ง โล่ง เดินไปไหนก็สมาธิดี คิดงานก็ออก เราไปทำอันนี้ขาย ได้กำไรเยอะแยะ แม่ค้าเราไปขายทุเรียนช่วงนี้ ได้กำไร? ลูกค้าก็เยอะขึ้น เพราะเอื้ออาทรให้เขา ลูกค้าก็ไปบอกคนนั้นคนนี้
“ร้านนี้ขายดี ขายนี้ผลไม้ดี”
ลูกค้าก็สมองใส คิดอะไรก็ดี แค่นี้ก็เกิดแล้ว ไม่ต้องคิดเรื่องอื่นแล้ว ไม่ใช่ กว่าจะได้มา 2 บาท ต่อเขามา 2 บาทแล้ว หน้านิ่ว คิ้วขมวด ลืมคิดถึงงานดีๆ ที่แผนการดีๆ ที่ตัวเองทำอะไรอยู่ สมมติตัวเองขายข้าวแกงอยู่ ลืมคิดว่ามีอะไรดีๆ ที่พระเจ้าจะนำเขา ให้เขาขายต่อไป ซึ่งถ้าเขาสมองดีๆ ใสๆ บริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งที่รก สกปรกอยู่ในสมองเขา เห็นหรือยัง? นี่เห็นภาพชัดเจนเลย
เพราะฉะนั้น ถ้าเราทำตามถ้อยคำพระเจ้า มันเกิดประโยชน์เสมอ อย่าลืมนะครับ คนที่ใกล้ตัวเรา ไม่ใช่คนที่โบสถ์เท่านั้น คนที่ใกล้ตัวเรา ไม่ใช่คนที่เป็นคริสเตียนเท่านั้น คนที่ใกล้ตัวเรา คือคนที่อยู่ข้างๆ เรา ในขณะที่เราเดินอยู่ข้างนอก คนที่ใกล้ตัวเราที่สุด ไม่ใช่ญาติพี่น้องเราที่บ้านนะ เพราะตอนนั้น เขาอยู่ไกลเรา แต่คือใคร? ใครก็ตามที่อยู่ใกล้เรา มองไป แล้วใช่คน คนไหนก็ตามที่เป็นมนุษย์ ที่อยู่ใกล้ตัวเรา นั่นแหละ คือพี่น้อง ที่พระเยซูบอกว่าเราต้องเห็นแก่เขา
ฝึกฝน มันไม่ง่าย แต่ว่ามันก็ไม่ยากที่จะฝึกฝนไป อย่างที่บอก ฝึกฝนไป เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น การซื้อของ ไม่ใช่ต่อไปนี้ ซื้อมังคุดไม่ต่อ อย่าอื่นต่อหมด ไม่ใช่นะ ทุกอย่างเลย ไม่ใช่เกี่ยวกับการซื้อของอย่างเดียว อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับชีวิตของเรา ที่เกี่ยวกับการต้องเสียผลประโยชน์ หรือจะได้ผลประโยชน์ นึกในใจว่าหัดเสียบ้าง? ยอม เพื่อเขา คิดถึงเขาก่อน ก่อนคิดถึงตัวเราเอง ก่อนทำอะไรก็ตาม คิดถึงเขาก่อนว่าเขาจะเสียอะไรไหม? เขาจะเป็นอย่างไร? คิดอย่างนี้ ตัวเองกับได้ แต่จะคิดเอาตัวเองก่อน เป็นหลัก เป็นใหญ่ เป็นมาตรฐาน กลับเสียผลประโยชน์มากมาย
นี่คือสัจจธรรม ที่เป็นเคล็ดลับที่พระเจ้าสอนเรา พระเจ้าไม่เคยสอนเรา ให้เป็นคนเสียเปรียบเลยนะ เราเข้าใจผิด พระเจ้าสอนให้เราเป็นคนที่รักแท้ ให้ เสียสละ ไม่เคยเสียเปรียบเลยนะ ถ้อยคำพระเจ้าในพระคัมภีร์ 1 โครินธ์ บทที่ 13 “ความรัก ไม่เคยล้มเหลวเลย” ไม่เคยทำให้ใครล้มเหลว ไม่เคยเห็นมีใครสักคนเสียสละ แล้วให้จนกระทั่งจน ไม่มีอะไรจะกิน ตายไปเลย เคยเห็นไหม? ไม่มีนะ เคยแต่ให้ไปแล้ว จะได้ ได้เรื่อยๆ ยิ่งให้ ยิ่งได้ ได้ในสันติสุข ความสงบสุขกลับเข้ามาด้วย
เพราะฉะนั้น ขอพระเจ้าเมตตาให้เรามีความรักอย่างนี้ อย่างที่พระเยซูได้มอบให้กับเรา และส่งมอบความรักแท้ของพระเยซูที่มอบให้กับเรานี้ ให้กับผู้คนรอบข้างเรา ฝึกฝน แล้วก็ย้ำตัวเองอยู่ทุกๆ ปี ปีหนึ่งก็อย่างน้อยมีเดือนหนึ่งที่เขาว่ากันว่าเป็นเดือนแห่งความรัก ไม่ว่ามันจะจริงเท็จอย่างไร ก็อย่างน้อย มีเดือนหนึ่งที่เราจะมานั่งนิ่งๆ ดูตัวเอง ดูตลอด 28 หรือ 29 วันนี้ กุมภาพันธ์ว่าเราเป็นไปตามนี้หรือเปล่า? เรายังอยู่ในประโยชน์ของความรัก ในการดำเนินชีวิตแบบพระเจ้าสอนเราหรือไม่? หรือเราหลุดออกไปแล้ว เราทำได้แค่ไหน? ปีนี้ ทำได้มากกว่าปีที่แล้วไหม? อดทนได้มากขึ้น เสียสละได้มากขึ้นไหม? หรือเห็นแก่ตัวมากขึ้น ปีหนึ่งได้วิเคราะห์ทีหนึ่ง เหมือนเราวิเคราะห์วันคริสตมาสครั้งหนึ่ง ในความรอด ที่พระเยซูคริสต์สละพระชนม์ชีพของพระองค์มาเกิดเป็นมนุษย์อย่างนี้เป็นต้น หรือวันอีสเตอร์ที่เรามาระลึกถึงการตายของพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน เป็นต้น เดือนกุมภาพันธ์เป็นการระลึกถึงอะไรบ้าง? เศษเล็ก เศษน้อยในชีวิตของเรา ที่สามารถฝึกฝนตรงนี้ได้ ให้เราฝึกฝน ข้อสำคัญที่สุด ง่ายที่สุด คือเราสามารถอธิษฐานขอกำลังจากพระเจ้า และสติปัญญาจากพระเจ้า ให้เราสามารถทำได้ ตรงนี้ ได้เปรียบกว่าใครเพื่อนตรงนี้เลย อยากทำ ทำไม่ได้ พระเจ้าให้กำลัง เอเมน และพระเจ้าให้แน่นอนเลย เพราะว่าเป็นน้ำพระทัยของพระองค์ พระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างนั้น ขออะไรก็ตามที่เป็นไปตามน้ำพระทัยพระเจ้า ได้แน่ๆ เอเมน
*****************************