คำหนุนใจจาก Ps.เทพิน ชาติผดุง
เรื่อง “ทำไมไม่รู้จัก” ตอน 1
วันที่ 2 มิถุนายน 2020
สวัสดีค่ะพี่น้องที่เชื่อในพระเยซูทุกท่าน เรามีถ้อยคำมาหนุนใจ มาไขความกระจ่างให้กับผู้เชื่อ วันนี้ดิฉันจะมาที่หนังสือมัทธิว 7:21 ที่แม้ดิฉันเอง ก็เคยสงสัย และหลายๆ คนก็สงสัยว่าความหมายที่แท้จริง คืออะไร?
มัทธิว 7:21-23 “21 มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า” จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ 22 เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์กล่าวพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้กระทำการมหัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์ มิใช่หรือ” 23 เมื่อนั้นเราจะได้กล่าวแก่เขาว่า “เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา”
ดุมากเลยนะ เป็นข้อสังเกตว่าพระเยซูมีความไม่พอใจอย่างมากกับคนที่มาเอ่ยอ้าง พี่น้องก็ต้องคิดถึงเบื้องหลังที่เราได้คุยกันมาว่าในแผ่นดินของพระเจ้า หรือในคริสตจักร ที่พระเยซูอยู่ในตัวผู้เชื่อทุกคน พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเยซูเป็นผู้ขับเคลื่อนเรา เป็นผู้นำทางเรา สอนเรา พาเราไปในวิถีทางที่พระเจ้าชอบพระทัย …
“แต่ว่าจะมีคนจำนวนมากร้องแก่พระเยซูว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้เผยพระวจนะ ทำการอัศจรรย์ แสดงฤทธิ์เดชมากมายในนามของพระองค์”
พระเยซูบอก “เราไม่รู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้ทำความชั่ว”
ไม่ใช่เป็นคนธรรมดา แต่หมายถึง … “เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา”
หมายความว่าอย่างไร? ดิฉันได้เคยเล่าเรื่องของยูดาสกับกลุ่มสาวก 12 คน พระเยซูก็ให้อยู่ไปด้วยกัน ข้าวเสียกับข้าวดี วัชพืชกับข้าวดีก็อยู่ด้วยกันไป จนสุดท้ายออกผลมาเองว่าชัดเจน อันไหนเป็นข้าวดี อันไหนเป็นข้าวเน่า อันไหนเป็นเครื่องมือของมาร หรือว่าอานาเนียกับสัปฟีรา ก็บอกชัดว่าแรงบันดาลใจของเขาในการที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในคริสตจักรของพระเจ้า เป็นแรงบันดาลใจที่น่าจะไม่ถูกต้อง เพื่อผลประโยชน์ ถึงได้ตกใจ ตายไปเลย
อันนี้ก็เหมือนกัน วันนั้นพระเยซูเจอกับผู้คนที่เข้ามาหาพระองค์ และพระองค์ตัดสินว่าคนที่มาอ้างว่าทำอัศจรรย์ ขับผี แสดงฤทธิ์เดชต่างๆ มากมายนั้น พระเยซูบอกไม่รู้จัก แสดงว่าข้างในของเขามันไม่ใช่ เพราะเราทุกคนที่เชื่อในพระเยซู พระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาอยู่ในใจของเรา เราเป็นร่างกาย เป็นพระวิหารของพระเจ้า พระเยซูอยู่ด้วยตลอด จนสิ้นยุค จะไม่ละทิ้งเลย ถ้อยคำยืนยันอย่างนั้น
แล้วทำไมตรงนี้บอกว่า “เราไม่รู้จักพวกเจ้าเลย เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้า” ตรงนี้คือเป็นเวลาแห่งการแยกนั่นเอง
ในข้อที่ 15 ที่พระเยซูก่อนหน้าที่พูดคำว่า “ไม่รู้จักเจ้า” พระเยซูคุยเรื่องให้ระวังผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ
มัทธิว 7:15- “15 “ท่านทั้งหลายจงระวังผู้เผยพระวจนะเท็จ ที่มาหาท่านนุ่งห่มดุจแกะ แต่ภายในเขาร้ายกาจดุจหมาป่า 16 ท่านจะรู้จักเขาได้ด้วยผลของเขา ผลองุ่นนั้นเก็บได้จากต้นไม้มีหนามหรือ หรือว่าผลมะเดื่อนั้น เก็บได้จากพืชหนาม 17 ต้นไม้ดีย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว 18 ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้ 19 ต้นไม้ซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องถูกฟันลงและทิ้งเสียในไฟ 20 เหตุฉะนั้น ท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของเขา”
นี่คือกิจการที่พระเจ้าเปิดเผย ดังนั้น เราคงจะเข้าใจกันนะว่าพวกผู้คนที่เผยพระวจนะในนามพระเยซู ขับผีออกในนามพระเยซู แสดงฤทธิ์เดชมากมายในนามพระเยซู แต่ถ้าเป็นการแสร้ง เพราะก่อนหน้าที่จะเอ่ยตรงนี้ บอกว่า …
“ให้ระวังพวกผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ เขามาหาท่าน นุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในร้ายกาจเหมือนหมาป่า”
ข้างในเขาเป็นหมาป่า เขาไม่ใช่ลูกแกะ เราทุกคนที่เชื่อพระเยซู เราเป็นลูกแกะของพระเจ้า แต่มารก็เหมือนหมาป่าในรูปของลูกแกะ โดยเอาหนังแกะมาสวมเอาไว้ แล้วก็แสร้งทำตัวเป็นผู้รับใช้พระเจ้า ถึงขนาดเผยพระวจนะ ทำฤทธิ์เดช อัศจรรย์ต่างๆ ในนามของพระเยซู แต่พระเยซูบอกว่ามันไม่ใช่แค่นั้น ไม่ใช่ปากของเราเท่านั้นที่จะเชื่อและทำตาม น้ำพระทัยพระเจ้าได้ แต่ทั้งหมดมาจากใจ ถ้าเจตนาของเรา ใจของเรา ขึ้นตรงต่อพระเจ้า รักพระองค์ ขอบคุณ กตัญญูรู้คุณในสิ่งที่พระเยซูทำเพื่อเรา ตายเพื่อเรา ชุบเราให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว อยู่กับพระองค์ มีชีวิตที่ต้องการปรนนิบัติ มีความสุขในการปฏิบัติตามน้ำพระทัยพระเจ้า ไม่ได้ฝืนใจ มีความสุข เดินในทางพระเจ้า ไปโบสถ์ เพราะมีความสุข ไม่ใช่ไป เพราะถูกบังคับให้ไป ไม่ใช่ไม่ไปโบสถ์ แล้วจะตกนรก ตกนรกหรือไม่ อยู่ที่การเชื่อพระเยซู ไม่ใช่ไปโบสถ์หรือเปล่า? แต่การไปโบสถ์ ก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะเหมือนถ่านหลายๆ ก้อน ก็ควรจะมากองๆ สุมกัน ไฟก็จะลุกโชน ทำประโยชน์ได้มากขึ้น
ก็คิดว่าพี่น้องคงจะพอเข้าใจแล้วว่าพวกที่เรียก ออกพระนามพระเยซู ทำอัศจรรย์ รักษาโรค วางมือ แสดงฤทธิ์เดชมากมายนั้น ถ้าเป็นแค่การกระทำเปลือกนอก เขาไม่ใช่ของพระเจ้าแน่นอน พระเยซูปฏิเสธเขา เขาเป็นต้นไม้ ซึ่งไม่เกิดผลดี ต้องถูกฟันลง และทิ้งเสียในเตาไฟ
ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในผู้เชื่อทุกคน และเราไม่ต้องทำเอง ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือความรัก ความดีงาม ความอดกลั้นใจต่างๆ เหล่านี้ เหมือนกับต้นมะม่วง มีลูกมะม่วงออกมา เราไม่ต้องไปพยายามวุ่นวายอะไรมากมาย มันออกมาตามธรรมชาติ เราไม่ต้องไปเอาน้ำตาลฉีด เพื่อให้มะม่วงหวาน ถ้าต้นมะม่วงที่เราปลูกนั้น เขาจะมีผลหวาน เขาก็หวานของเขา ตามธรรมชาติ ตอนดิบ ก็อาจจะเปรี้ยวหน่อย พอเริ่มสุก ก็หวานอร่อย ก็เหมือนชีวิตเรา เชื่อพระเจ้าใหม่ๆ ก็อาจจะยังไม่ค่อยปรับตัวได้เก่ง ยังชินกับความทรงจำเดิมๆ ความประพฤติเก่าๆ ที่พาไปสู่ความตาย ก็มีพลาดพลั้ง แต่ธรรมชาติเรา ไม่มีแล้วแบบนั้น ไม่มีธรรมชาติที่จะพาไปสู่ความตาย ไม่มีแล้ว เราเปลี่ยนธรรมชาติใหม่แล้ว มาเป็นธรรมชาติของพระเจ้า อยู่ในตัวเรา ก็จะพัฒนาขึ้นมาเป็นความดีงาม ความรัก ความเมตตา รู้จักบังคับตน ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ทั้งหมด ก็จะออกมา โดยที่เราไม่ต้องมานั่งคิดว่า …
“ฉันมีผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือมีความรัก”
หรือท่อง เราเชื่อว่าเรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า พระวิญญาณที่อยู่ในตัวเรา ก็จะออกผลมาเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะไม่ใช่เรามีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว แต่พระเยซูต่างหากที่มีชีวิตอยู่ในพวกเรา ขอพระเจ้าเมตตา
***********************