คำบรรยายคืนวันศุกร์ประเสริฐ เวลา 19.00 น.
วันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2020
เรื่อง “การระลึกถึงพระเยซูคริสต์”
โดย นคร เวชสุภาพร
สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้ว วันนี้เราเจอกันหลายครั้งเลยนะครับ ตั้งแต่เมื่อเช้านี้ 9 โมงเช้า เที่ยง และบ่าย 3 โมง และตอนนี้ 1 ทุ่ม เรามาร่วมกันเฉลิมฉลองวันประกาศชัยชนะของมวลมนุษยชาติทั้งปวงโดยแม่ทัพของเรา น่าจะเป็นพ่อทัพก็ได้ หัวหน้าของเรา คือพระเยซูคริสต์ เป็นหัวหน้ามนุษย์จริงๆ เพราะว่าพระองค์ทรงเกิดมาเป็นมนุษย์
พระคัมภีร์บอกว่าพระองค์ทรงเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อจะได้มีส่วนร่วม เข้ามาอยู่ในเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ เพื่อจะได้เป็นตัวแทนของมนุษย์ ในการที่จะไถ่มนุษย์ หรือชดใช้บาป ให้กับพี่น้อง คือมนุษยั้งปวงนั่นเอง และพระองค์ทรงทำสำเร็จแล้วที่ไม้กางเขน เมื่อบ่าย 3 โมงที่ผ่านมา อัศจรรย์ใหญ่มากๆ สิ่งที่พระเจ้าได้วางแผนไว้ ตั้งแต่หลายพันปีก่อนโน้น ที่มนุษย์ตกลงไปในความบาป ตกลงไปในคำสาปแช่ง เป็นทาสของมาร พระเจ้าได้สัญญาไว้แล้วว่าจะช่วยเหลือมนุษย์ กลับคืนสู่พระองค์ และได้วางแผนการไว้ตลอด และในที่สุดวันนี้ พระองค์ได้ทรงกระทำสำเร็จแล้ว โดยพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ทรงประทานให้กับมนุษย์ทั้งปวง พระเยซูคริสต์ก็ยอมเสียสละ จากสภาพของพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ และตายที่ไม้กางเขน เมื่อบ่าย 3 โมง หลั่งพระโลหิตของพระองค์ เพื่อชำระบาป ให้กับมนุษย์ทั้งปวง
อย่างที่ผมบอกไว้ตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วว่าเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และมีผลเกิดขึ้นอย่างใหญ่หลวงมหาศาล ในโลกวิญญาณของประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติทั้งปวง เพราะฉะนั้น ไม่ว่ามนุษย์จะรู้หรือไม่รู้ หรือจะเคยได้ยินหรือไม่เคยได้ยิน จะเชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องนี้ เมื่อได้ยินแล้วก็ตาม ความจริง ก็เป็นความจริงวันยังค่ำ ถ้ามันเป็นความจริง และเรื่องนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง เพราะตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาถึงวันนี้ 2,000 กว่าปีแล้ว คนมากมายมหาศาล หลั่งไหลเข้ามาสู่อาณาจักรของพระเจ้า เข้ามาอยู่ในสวรรค์ของพระองค์ เข้ามาได้รับอิสรภาพจากความบาป เข้ามาให้พระเยซูชำระบาป นับไม่ถ้วนจริงๆ
นี่เป็นเรื่องพิสูจน์ได้ อย่างที่ผมบอกว่ามันไม่ยากเลย มันง่ายมาก เมื่อตอนบ่าย 3 โมง ผมได้ยกตัวอย่างเรื่องของโจร ที่เป็นฆาตกรอุกฉกรรจ์ ได้รับโทษประหารชีวิต ถูกตรึงที่ไม้กางเขนพร้อมพระเยซู ได้สารภาพบาป และยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เขาก็ได้ไปสวรรค์ทันที เขาได้รับการยกโทษจากบาป โดยไม่ต้องทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้น ถ้าโจรคนนั้น วินาทีสุดท้าย เขายังได้รับความรอด จากความเชื่อ ในพระเยซูคริสต์ มากกว่านั้นสักเท่าไร? ท่านทั้งหลายที่ฟังอยู่ขณะนี้ ผมอยากจะบอกท่านเลยว่ามันไม่ยากเลย ไม่ได้เป็นเรื่องที่เราต้องทำอะไร เหมือนเพลงที่เราร้องเมื่อสักครู่นี้ เพลง “พระคุณพระเจ้า” ก็คือพระคุณอันประหลาด พระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า “พระคุณ” แปลว่าพระเจ้าให้เปล่าๆ ฟรีๆ ถึงแม้ว่าเราไม่สมควรได้รับก็ตาม เหมือนอย่างโจรที่ไม้กางเขน เป็นฆาตกร ไม่สมควรได้รับ แต่พระเจ้าให้เปล่าๆ ฟรีๆ เช่นเดียวกัน เราทั้งหลายในยุคนี้ เมื่อได้ฟังข่าวประเสริฐ ข่าวดี ที่พระเยซูคริสต์ได้ไถ่บาปแล้ว ก็น่าจะเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด
ในพระคัมภีร์ พระเจ้าได้บันทึกอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่พระเยซูทำที่ไม้กางเขน เมื่อตอนบ่าย คือพันธสัญญาที่พระเจ้าสัญญากับมนุษย์ทั้งปวงแล้ว ผมอยากให้ท่านลองดูในหนังสือฮีบรู 10:9-10 บันทึกไว้อย่างนี้
ฮีบรู 10:9-10 “9 จากนั้นจึงตรัสว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ ข้าพระองค์มาแล้ว เพื่อทำตามพระประสงค์ของพระองค์” พระองค์ทรงยกเลิกระบบแรก เพื่อตั้งระบบที่สอง 10 และโดยพระประสงค์นี้เราทั้งหลายจึงได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ โดยการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์เป็นเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวเป็นพอ”
คำว่า “ยกเลิกระบบแรก” ก็หมายถึงระบบที่มนุษย์อยู่ใต้ความบาป ต้องชดใช้บาปเวรกรรมด้วยตัวเอง เหมือนที่บรรพบุรุษของเรา และพวกเราเคยได้ยินบ่อยๆ ว่าเกิดเป็นคน ก็ต้องชดใช้บาปเวรกรรม เป็นเรื่องธรรมดา แล้วชดใช้กันถึงเมื่อไร? ไม่มีใครรู้ ชดใช้ไม่รู้กี่สิบชาติ กี่หมื่นชาติ ต้องสะสมความดี อยู่เรื่อยๆ คือต้องช่วยเหลือตัวเองในการที่จะพ้นจากบาปเวรกรรม ทุกคนรู้นะ ไม่รู้ใครบอกมา แต่จริงๆ แล้วมันอยู่ในใจลึกๆ ของมนุษย์ทุกคน ว่ามนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป และต้องการที่จะหลุดจากความบาปนั้น ถ้าไม่รู้ถึงระบบใหม่ของพระเยซูคริสต์ ไปตายที่ไม้กางเขน ก็จะพยายามด้วยตัวเอง วิธีการพยายามด้วยตัวเอง ก็คือพยายามทำสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด อยู่ในศีลธรรมที่ดีงาม พยายามที่สุด แล้วท่านคิดดูสิ พยายามเท่าไร มันก็ไม่ได้ถึง 100% ถูกไหมครับ? เราก็รู้อยู่ เราเลยคิดว่ามันต้องสะสมความดีงามไปเรื่อยๆ แล้วสะสมไปถึงเมื่อไร? ไม่มีคำตอบ นี่คือความว้าเหว่ ความกลัวในใจของมนุษย์ทุกคน
เมื่อสมัยตอนผมเด็กๆ ประมาณสัก 7-8 ขวบ ผมจะเล่าให้ฟัง คือตอนเด็กๆ ผมเป็นคนอ่อนแอมาก เป็นคนเจ็บป่วยอยู่บ่อยๆ ไปเรียนหนังสือ โรงเรียนอยู่ไม่ไกลมาก สมัยก่อนยังเดินไปได้ พอผมเจ็บป่วย ผมเบื่อชีวิตมาก แล้วมันมีความรู้สึกข้างใน ขนาด 7-8 ขวบนะ ยังมีความรู้สึกว่าเราเกิดมาใช้กรรมเหรอ เลยต้องเจ็บป่วย ต้องใช้เวรกรรม เมื่อไรมันจะหมดสักที เด็กคนอื่นเขายังเล่นได้ เราทำไมมันป่วยอย่างนี้ แล้วทำอย่างไร? ตอนเช้าไปโรงเรียน แม่ก็ให้ตังค์ไปบาทหนึ่ง บางทีเป็นเศษสตางค์ สามสลึงบ้าง บาทหนึ่งบ้าง พอเดินไปครึ่งทาง มันไม่รู้เป็นอะไร มันมีความรู้สึกในใจว่ามันอยากสะเดาะเคราะห์ตัวเอง อยากจะหลุดออกจากเคราะห์กรรม เวรกรรมตรงนี้ ก็ควักลงไปในกระเป๋า มีเศษสลึงอยู่ 3 สลึง ก็เอาสลึงมากำไว้ แล้วก็เหวี่ยงไปข้างทาง รู้สึกว่านี่สะเดาะเคราะห์ไปทีหนึ่ง เมื่อไรมันจะหมดเวรหมดกรรม จริงๆ น่าจะเหวี่ยงหมดก็ดี แต่เสียดาย เดี๋ยวตอนเที่ยงไม่มีข้าวจะกิน ไม่มีขนมจะกิน
ยังจำได้ความรู้สึกในใจ มันไม่มีใครช่วยเราได้เหรอ ไปถามใคร เขาก็บอกว่ามันเป็นกรรมเก่า ทำเมื่อไรไม่รู้ แต่ต้องชดใช้กัน ไม่รู้จักจบจักสิ้นเลย บางท่านก็บอกต้องไปทำทัณฑ์บน หรือไปให้กับเจ้ากรรมนายเวร ก็ว่ากันไป ทำเท่าไร มันก็ไม่ได้หลุดพ้นจากความรู้สึกยังเป็นคนบาปอยู่ ยังต้องชดใช้กรรมอยู่ ตายไปแล้ว ก็ยังต้องชดใช้กรรม ไม่รู้จะไปชดใช้อย่างไร? เท่านั้นเอง จนกระทั่งมาพบพระเยซูคริสต์ มาพบเรื่องราวนี้ ซึ่งมันเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าจะเชื่อเรื่องนี้เลยนะ แต่รู้สึกว่ามันไปไม่รอดแล้ว หนทางมันตีบตัน มันอึดอัดมากเลย แสวงหามาตั้งแต่เด็กแล้ว
ในที่สุด ก็ได้พบคำนี้แหละว่าพระเยซูสามารถชำระบาป แทนที่เราจะช่วยเหลือตัวเอง พึ่งพาตนเอง เรามาพึ่งพาพระเยซู วางใจในพระเยซูว่าเป็นผู้ช่วยให้รอดจากบาป เราไม่สามารถที่จะทำได้ด้วยตัวเอง แต่พระเยซูทำให้เราได้ 100% ต่อให้เราพยายามทำเท่าไร มันก็ไม่ครบร้อย และข้อแม้ ก็คือต่อให้เราไปทำเอง ก็ไม่สามารถไปลบบาปที่มาจาก DNA ที่มาจากบรรพบุรุษ มันติดเชื้อ ใครจะรักษาบาปตรงนั้นได้ โดยการกระทำ ประพฤติดีนั้นเหรอ จะรักษาโรคบาปได้ มันไม่ได้ มันคนละเรื่องกัน เข้าใจใช่ไหมครับว่ามันเหมือนเชื้อเอดส์ เราทำความดี เพื่อรักษาเชื้อเอดส์ มันไม่ได้ ก็เช่นเดียวกัน เราจะทำความดีมากมาย สะสมความดีมากมาย เพื่อรักษาโรคบาปที่มันเป็นเชื้อมาจากบรรพบุรุษของเรา คืออาดัมและเอวา ตั้งแต่สมัยโน้นมา เผ่าพันธุ์มนุษย์ติดเชื้อบาปนี้ทุกคน มันทำไม่ได้ แต่พระเยซู คือพระเจ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อมาตั้งต้นเผ่าพันธุ์ใหม่ เผ่าพันธุ์ที่ไม่มีเชื้อบาปอีกต่อไป ไม่มี DNA ที่เป็นบาปอีกต่อไป พระองค์ตั้งสำเร็จแล้ว เมื่อ 2,000 ปีก่อน ที่พระองค์ทรงตายที่ไม้กางเขน ที่เราอ่านเมื่อตะกี้ว่าพระองค์ทรงยกเลิกระบบแรก ก็คือระบบบาปที่เราต้องทำด้วยตัวเอง ต้องชดใช้ด้วยตัวเอง เพื่อตั้งระบบที่สอง คือระบบที่ไม่ต้องทำด้วยตัวเอง ย้ายสำมะโนครัวจากอาดัมมาอยู่ที่พระเยซู มาเชื่อในพระเยซู และให้พระเยซูเป็นตัวแทนในการชำระบาปนั้น โดยพระประสงค์นี้ เราทั้งหลาย จึงได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ไม่ต้องทำด้วยตัวเอง พระเยซูทรงทำให้เรา สะอาดบริสุทธิ์ โดยผ่านทางการถวายพระกายของพระองค์ พระเยซูคริสต์ บนไม้กางเขนนั้น เป็นเครื่องบูชา เพียงครั้งเดียวเป็นพอ ครั้งเดียว ชำระหมดเรียบร้อย
นี่แหละคือสิ่งที่สั้นๆ แต่มีความหมายมาก สำหรับวันนี้ที่เรามาร่วมฉลองกัน อยากฝากท่านไว้ว่าเราระลึกถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว เราควรที่จะทำอย่างไร? ถึงจะได้ประโยชน์กับสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่ชิวๆ เฉยๆ ฟังแล้วมันได้ประโยชน์อะไรกับฉัน มันเกี่ยวอะไรกับฉัน มันเกี่ยวครับ เพราะพระเยซูทรงตายที่ไม้กางเขน เพื่อมวลมนุษยชาติทุกๆ คน ย้ำอีกที ไม่ว่าจะอยู่ชาติใด? ศาสนาใด? ผิวสีอะไร? อยู่ตรงส่วนใดของโลกใบนี้ ถ้าเป็นมนุษย์แล้ว พระเยซูคริสต์เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว ถูกทุกข์ทรมาน หลั่งพระโลหิต ตายที่ไม้กางเขน เพื่อเป็นแพะรับบาปของท่านทั้งหลายที่เป็นมนุษย์
เพราะฉะนั้น ไปรับสิทธิของท่านเถิด อย่าปล่อยให้มันเสียไปเปล่าๆ ฟรีๆ มันไม่มีประโยชน์ ถ้าท่านปล่อยไป แล้วไม่ไปเอาสิทธิของท่าน ก็ไม่มีใครไปเอาสิทธิของท่านไป เพราะมันเป็นของท่าน แต่ละคนก็มีสิทธินี้เท่าๆ กันหมดเลย ไม่มีใครดีกว่ากัน โจรที่ไม้กางเขน เป็นฆาตกร ก็มีสิทธินี้ เป็นลูกของพระเจ้า ได้รับรางวัล ก็คือไปอยู่ในสวรรค์ในฐานะลูกของพระเจ้า เท่าๆ กับเปโตร เปาโล ที่รับใช้พระเจ้ามากมาย ไม่แตกต่างกันเลย เพราะฉะนั้น ที่ท่านฟังอยู่ในขณะนี้ ที่ยังไม่เคยใช้สิทธิของท่าน ใช้สิทธิของท่านวันนี้ แค่ยอมรับเท่านั้นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง และขอพระเยซูเข้ามา เป็นผู้ช่วยให้รอดจากบาปของฉัน ยอมรับว่าพระเยซูตาย ที่ไม้กางเขน เพื่อฉันจะพ้นจากบาปทั้งปวง แค่นี้เอง และท่านก็จะได้รับความรอด ได้รับพระพรนานานัปการ เท่ากับผมที่เชื่อมา 30 กว่าปี เท่ากับเปโตร เปาโล ซึ่งเป็นอัครสาวกเลยนะ แล้วผมจะบอกให้ ได้สิทธิ์นี้ เป็นลูกของพระเจ้า ครอบครองสวรรค์ร่วมกับพระเยซูคริสต์ ได้สิทธิ์เท่าๆ กันกับพระเยซูคริสต์เลย พระคัมภีร์บอก ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหม?
“อะไร ฉันเหรอ จะได้สิทธิเท่ากับพระเยซู”
ใช่ พระคัมภีร์บอกอย่างนั้น ท่านร่วมกับพระเยซู รับมรดกจากพระเจ้า ในฐานะมนุษย์พันธุ์ใหม่ พันธุ์ที่อยู่ในพระคริสต์ ด้วยความเชื่อแค่นั้นเอง ไม่เสียอะไรเลย ไม่เสียแม้แต่นิดเดียว พูดด้วยปาก และเชื่อด้วยใจ ยอมรับว่าเรามีบาป และเราช่วยตัวเองไม่ได้ เราจำเป็นต้องมีผู้ช่วยเหลือเรา ในการไถ่บาปเราตรงนี้ คือพระเยซูคริสต์ช่วยเรา ต้อนรับสิทธินี้ ทันทีนั้น เราก็จะได้บังเกิดใหม่
พอท่านเชื่ออย่างนี้ เสร็จปุ๊บ พระคัมภีร์บอกว่าท่านได้รับสิทธิ์นั้นทันที ทันทีเลยนะ พระเจ้าประทานฤทธิ์เดช เข้าไปในร่างกายของท่าน ในวิญญาณของท่าน ชุบหรือทำให้วิญญาณของท่านได้บังเกิดใหม่ เป็นลูกของพระองค์ ที่สะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากบาป ปราศจากตำหนิใดๆ ทั้งสิ้น และอยู่ในสวรรค์เลย ไม่ต้องรอตายแล้ว แต่อยู่ในสวรรค์เลย อยู่ในวิญญาณของท่าน อยู่ในมิติหนึ่งในสวรรค์เลยกับพระเจ้า พระคัมภีร์บอกว่าได้นั่งอยู่ที่เบื้องขวาของพระเจ้า ร่วมกับพระเยซูคริสต์ในสวรรค์สถานเลยทันที และจะนั่งอยู่ที่นี่ อยู่ในสวรรค์อย่างนี้ ตลอดไป โดยที่อยู่ในร่างกายนี้ก่อนชั่วคราว เพราะยังอยู่บนโลกใบนี้อยู่ แต่เมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว เราก็จะไปรับร่างกายใหม่ ร่างกายสวรรค์ ร่างกายที่เป็นขึ้นจากความตาย และอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์อย่างนี้ ด้วยร่างกายใหม่ตลอดไป ซึ่งเรื่องร่างกายใหม่ การเป็นขึ้นจากความตายนี้ เอาไว้คุยต่อวันอาทิตย์ วันอีสเตอร์ วันฉลองอีก แต่คราวนี้ เป็นการฉลอง การเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริสต์ พระองค์ไม่ใช่ไถ่บาปเรา และตาย แล้วลงไปอยู่ในนรก อยู่ในอุโมงค์ฝังศพ แล้วก็ไม่ออกมาอีกเลย ไม่ใช่อย่างนั้น แต่พระองค์ทรงเป็นขึ้นจากความตาย ในวันที่ 3 เป็นตัวอย่างของการเป็นขึ้นจากความตาย ให้กับเราทั้งหลายที่เชื่อในพระองค์ว่าเมื่อเราถึงวันเวลาที่ร่างกายนี้จะต้องลงหลุมไป จะมีวันหนึ่งที่เราจะได้รับร่างกายใหม่ ที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้ เป็นร่างกายที่เป็นขึ้นจากความตาย เหมือนพระเยซูเช่นเดียวกัน และเราจะอยู่กับพระเจ้าในสวรรค์สถาน ในโลกใหม่ ที่เรียกว่าสวรรค์ เป็นสถานที่ที่พระเจ้าจัดเตรียมไว้ให้กับเรา อยู่ในสวรรค์นั้น มีความสุข อยู่ร่วมกันกับพระเจ้า และร่วมกันในครอบครัวของพระคริสต์ ที่มีพระเยซูคริสต์เป็นหัวหน้าของเรา ตลอดชั่วนิรันดร์
เห็นไหม? มีความสุขมากเลย แค่มีพระเยซูเป็นผู้นำ เป็นผู้ช่วยเหลือ เป็นผู้ไถ่บาปในชีวิตของเรา พระเจ้าเข้ามาสถิตอยู่กับเราแล้ว และเมื่อพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา สบายตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย ไม่ใช่รอให้ตาย แล้วจึงจะสบาย เพราะจากนี้ต่อไป พอเราเชื่อ พระเจ้าเข้ามาสถิตอยู่ในตัวเรา ร่างกายเราเป็นวิหารของพระเจ้า และเราไปไหน พระเจ้าก็ไปด้วย จะเป็นโควิด-19 เป็นอะไร? เป็นโรคภัยไข้เจ็บอื่น หรือจะเป็นกระทั่งโลกมลายสูญสิ้นไป เราก็ไม่กลัว เพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา เพราะพระเจ้าผู้นี้ เป็นพระเจ้าผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ผู้ทรงฤทธานุภาพอำนาจยิ่งใหญ่สูงสุด ผู้ทรงครอบครองทุกสิ่งสารพัด ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์ กลัวอะไร? พระเจ้าองค์นี้อยู่กับเรา และอยู่ในเรา และข้อสำคัญ คือพระองค์ทรงเป็นพ่อของเรา รักเรามากมายมหาศาล หวงแหนเราเหลือเกิน และตอนนี้ ถ้าเราเชื่อ เราเกิดใหม่ เราอยู่ในบ้านกับพระองค์แล้ว พระองค์จะจูงมือเราเดิน โควิด-19 พระองค์จะพาเราผ่านไป มันก็ต้องผ่านไป
เพราะฉะนั้น เราจึงมีสันติสุข ความสงบสุขกับพระเจ้า เมื่อเราวางใจในพระองค์ ขอบคุณพระเจ้า เหมือนบทเพลงเมื่อตะกี้นี้ ไม้กางเขนโบราณ ไม้กางเขนจึงกลายเป็นเป้าหมายในชีวิตเรา วางภาระลง ไม่เครียด ไม่วิตกกังวล จนเกินกว่าเหตุ และรู้ว่าเราได้พักผ่อน ไม่ต้องกังวลว่าเอาอะไรกิน เอาอะไรดื่ม เอาอะไรนุ่งห่ม ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีกิน ไม่ต้องกังวลว่าจะอดอยาก ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นกับเรา เพราะพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา พระเจ้าจะพาเราผ่าน พระองค์ทรงรู้ว่าอะไรเหมาะสมและดี สำหรับเรา และพระองค์ทรงสามารถกระทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ และพระองค์ทรงสามารถทำให้ทุกสิ่ง ทุกสถานการณ์เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา ไม่ว่าเราจะคิดว่าสถานการณ์นี้มันดีหรือไม่ดีกับเราก็ตาม พระองค์สามารถทำมันรวมกันให้เกิดเป็นผลดี สำหรับชีวิตของเราได้ ขอย้ำอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเราอุตส่าห์มาร่วมฉลองในวันนี้ วันศุกร์ประเสริฐนี้ อย่าให้มันเลยไปเฉยๆ
ผมจะนำท่านอธิษฐาน หรือท่านฟังเฉยๆ แล้วท่านไปคิดใคร่ครวญว่าท่านเสียอะไรบ้าง ถ้าท่านจะต้อนรับข่าวประเสริฐ ข่าวดีนี้ เรื่องพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของท่าน ท่านไม่เสียอะไรเลย ท่านไปคิดดู คำนวณดู ถ้าสิ่งที่ผมพูดในพระคัมภีร์นี้ เป็นเรื่องจริงขึ้นมา ท่านจะไปพบกับชีวิตหน้า ด้วยลำพังด้วยตัวเองหรือ? ท่านจะแบกเอาบาปไปพบกับชีวิตหน้าได้อย่างไร? ท่านคิดว่าท่านสามารถชำระบาปของตนเอง ไถ่ตัวเองจากบาปนั้น ได้มากน้อยเพียงใด ท่านลองคิดดู หรือจะไม่พึ่งพาตนเองต่อไปแล้ว แต่ยกทั้งก้อน ทั้งหมด ให้พระเยซูคริสต์ เพราะว่าพระองค์ทรงไถ่บาปเราเพียงครั้งเดียว ด้วยพระกายของพระเยซูคริสต์ เป็นเครื่องบูชา เพียงครั้งเดียว เป็นพอ ในพระคัมภีร์บันทึกอย่างนั้น ครั้งเดียวเป็นพอ ก็ฝากตรงนี้ไว้ด้วย ขอพระเจ้าอวยพรครับ
************************