คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2019
เรื่อง “การต่อสู้ของโลกวิญญาณ ทางความคิด” ตอน 2
โดย นคร เวชสุภาพร
วันนี้เรามาดูกันต่อเรื่อง “การต่อสู้ของโลกวิญญาณ ทางความคิด” ตอน 2 หรือภาษาติดปากของชาวคริสเตียนทั่วๆ ไปเรียกว่าสงครามฝ่ายวิญญาณ เราจะมาคุยถึงเรื่องนี้ ที่เราต้องเผชิญอยู่ทุกวัน ตลอดเวลา ตราบที่เรายังดำเนินชีวิตอยู่ในร่างกายนี้ อยู่บนโลกใบนี้ เราจำเป็นต้องอยู่ในสงครามฝ่ายวิญญาณนั่นแหละ หนีก็ไม่ได้ ไม่ร่วมก็ไม่ได้ เมื่อวันที่ท่านบังเกิดใหม่ในพระเยซู เมื่อวันที่ท่านรับเชื่อในข่าวประเสริฐของพระเยซู ท่านเข้าไปสู่สงครามฝ่ายวิญญาณนี้ เต็มรูปแบบแล้ว แต่ถามว่าตอนที่ยังไม่เชื่อ ท่านอยู่ในสงครามไหม? ว่ากันแล้ว ท่านก็อยู่ในสงคราม เพียงแต่ท่านเป็นเชลยอยู่ แต่ตอนนี้ท่านเป็นอิสระแล้ว เพราะท่านเชื่อในข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ ท่านรอดแล้ว แต่ท่านก็ยังอยู่ในสงคราม แต่เป็นสงครามที่เราชนะแล้ว
ผมจะอธิบายให้ฟังว่าสงครามฝ่ายวิญญาณ สงครามโลกวิญญาณ มันคืออะไร? แล้วมันเกิดขึ้นเมื่อไร? มารแน่นอนใช่ไหม? ที่เป็นศัตรูของพระเจ้า สงครามฝ่ายวิญญาณเกิดขึ้นตั้งแต่มารยังมีชื่อเดิม ซึ่งเป็นชื่อที่ดี ยังไม่เป็นมาร ยังไม่เป็นซาตาน ซึ่งแปลว่าความชั่วร้าย ชื่อเดิม ที่ดีๆ ของมารหรือซาตาน คือลูซีเฟอร์
ลูซีเฟอร์เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง ไม่ใช่มนุษย์นะ ลูซีเฟอร์เป็นหัวหน้าทูตสวรรค์ตนหนึ่ง ที่โดดเด่นมากในเรื่องเกี่ยวกับการนมัสการ ในพระคัมภีร์บอกว่าสวยงามมาก และดังมาก เก่งมาก คำชมเหล่านั้น จากเหล่าทูตสวรรค์ และแม้กระทั่งอาจจะพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ชมด้วย
ในพระคัมภีร์บอก แล้ววันหนึ่ง อยู่ๆ ลูซีเฟอร์ที่ถูกสร้างมาเป็นทูตสวรรค์ดีๆ มันก็เกิดความเย่อหยิ่งขึ้นมา อยากจะเป็นพระเจ้าเอง เป็นการเริ่มต้นของความชั่วร้าย ที่เรียกว่าความบาป ซึ่งเรียกว่า Miss the target แปลว่าไม่ตรงตามเป้าหมาย ที่พระเจ้าได้สร้างไว้ เมื่อท่านได้ฟังตรงนี้บ่อย ก็จะเข้าใจถึงกฎระเบียบที่มนุษย์ต้องตกลงไปในความบาป มันเกิดขึ้นมาเอง ไม่ใช่พระเจ้าสร้างขึ้นมา ในพระคัมภีร์เขียนอย่างนั้นว่าความชั่วร้าย การเป็นกบฏ ผิดเป้าหมาย ตามที่พระเจ้าได้ประสงค์ สร้างไว้ว่าทูตสวรรค์ตนนี้ ทำหน้าที่อะไร? เป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น แต่จู่ๆ สิ่งดีในตนที่เรียกว่าลูซีเฟอร์ มันเกิดความเย่อหยิ่งจองหอง อยากเป็นพระเจ้าเสียเอง อยากจะแข่งกับพระเยซู ในพระคัมภีร์พูดอย่างนั้น เพราะอะไร? ไม่รู้ ในพระคัมภีร์พูดอย่างนี้ เราก็เชื่ออย่างนั้นว่ามันเกิดขึ้นมาเอง
เพราะฉะนั้น ถามว่าผู้สร้างความชั่วร้ายให้เกิดขึ้น ใช่พระเจ้าไหม? ไม่ใช่ ใครเป็นผู้สร้างความชั่วร้าย? ไม่รู้ แต่มันเกิดขึ้นมาเอง ที่ในตัวตนของทูตสวรรค์ตนหนึ่ง ที่มีชื่อว่าลูซีเฟอร์ ท่านต้องจำตรงนี้ไว้ คือถ้าฐานของความรู้ท่าน ง่ายๆ ชัดๆ แข็งแรง ก็ไม่มีอะไรจะมาโกหกท่านต่อไปในอนาคต
ความชั่วร้ายมันเกิดขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้อย่าบอกว่าพระเจ้าอนุญาต หรือทำให้สิ่งชั่วร้ายเกิดขึ้น ถามว่าตอนที่สิ่งชั่วร้ายเกิดขึ้นมาเอง ในตัวตนของลูซีเฟอร์ พระเจ้าอนุญาตให้มันเกิดขึ้นไหม? ไม่ พระเจ้าไม่ต้องการ ไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้ แต่มันเป็นขึ้นมาเอง แล้วมันก็เริ่มกบฏ
“กบฏ” ก็คือบาปนั่นแหละ บาป แปลว่า Miss the target แปลว่าผิดเป้าหมาย ก็คือการทำอะไรก็ตามที่ผิดจากวัตถุประสงค์ที่พระเจ้าต้องการ หรือที่พระเจ้าได้สร้างเอาไว้ พระเจ้าสร้างให้ตัวตนของลูซีเฟอร์ เป็นทูตสวรรค์ที่ดี แต่มันกลายเป็นสิ่งที่ทำตรงกันข้ามกับความดี เรียกว่าความชั่วนั่นเอง เพราะฉะนั้น มันเริ่มทำบาป มันเริ่มกบฏต่อพระเจ้า ต่อต้านพระเจ้า พระเจ้าบอกขาว มันก็บอกดำ พระเจ้าบอกไป มันก็ไม่ไป อะไรก็ตามที่มันตรงกันข้ามกับพระเจ้า มันทำหมด พระคัมภีร์บอกพระเจ้าเป็นความรัก เพราะฉะนั้น ลูซีเฟอร์เป็นต้นกำเนิดของความเกลียด พระเจ้าเป็นแสงสว่าง ลูซีเฟอร์ ก็เป็นความมืด ท่านพอรู้แล้ว แต่ก่อนนี้ ก่อนที่ลูซีเฟอร์จะตกลงไปในความบาป มีความมืดไหม? ไม่มี ทุกอย่างเป็นความสว่างหมด มีความเกลียดชังไหม? ไม่มี มีแต่ความรัก ท่านพอมองเห็นแล้วว่ามันเกิดมาจากตรงไหน? นี่คือต้นเหตุของทั้งหลาย ทั้งปวง ในความเป็นจริง ในโลกฝ่ายวิญญาณ
วิธีการของมัน ก็เริ่มต้น ก็คือความบาป การทำตรงข้ามกับพระเจ้า อยู่ในตัวมัน มันก็มีบาปเกิดขึ้นในตัวลูซีเฟอร์เพียงหนึ่งเดียว แล้วมันก็เริ่มต้น ไปหาพรรคพวก ด้วยวิธีเดียวที่มันทำ แล้วพระเยซูก็บอกด้วย คือวิธีขโมย เพื่อฆ่าและทำลาย มันขโมยความจริง พระเจ้าเป็นความจริง มันเป็นความโกหก มันก็เริ่มไปหลอกชาวบ้านเขา ชาวบ้านสมัยนั้น ก็คือทูตสวรรค์ มันคงไม่ไปหลอกพระเยซูนะ เพราะมันก็คงรู้แหละว่าพระเยซูเป็นความจริง มันหลอกไม่ได้ มันก็ไปหลอกทูตสวรรค์ทั้งปวงที่พระเจ้าทรงสร้างประชากรในสวรรค์ตอนนั้น มีแต่ทูตสวรรค์ ในพระคัมภีร์เขียนไว้อย่างนั้น เพราะฉะนั้น ทูตสวรรค์ก็ถูกมารเข้าไปหลอก มันอาจจะไปหลอกมีคาเอลก็ได้ มันอาจจะไปหลอกกาเบรียลก็ได้ 2 ตนนี้ก็เป็นหัวหน้าทูตสวรรค์ … หัวหน้าทูตสวรรค์มี 3 ตน ลูซีเฟอร์ตกไปหนึ่ง มันอาจจะเริ่มไปหลอก หัวหน้าทูตสวรรค์ 2 ตนนั้น แต่มีคาเอลกับกาเบรียลไม่สนใจ มันก็หลอกทูตสวรรค์ชั้นรองลงมา อาจจะเป็นชั้นนายพัน นายเอก นายร้อย นายสิบ จนกระทั่งเป็นพลทูตสวรรค์เยอะแยะ
ฟังให้ดีนะ เนื่องจากความสามารถของมัน ความเก่งของมัน ความอ่อนหวาน ปากเป็นเอก เนื่องจากสิ่งเหล่านี้พระเจ้าสร้างมันขึ้นมา ให้เอาความเก่งเหล่านี้ไปในทางที่ดี แต่มันเอาความเก่งเหล่านี้มาทำในทางที่ไม่ดี มันก็สามารถไปโกหก หลอกลวงทูตสวรรค์ได้ถึง 1 ใน 3 ก็คือ 33.3% ของทูตสวรรค์ทั้งหมด ถ้าสมมติว่าตอนนั้นทูตสวรรค์มี 1 ล้านตน มันก็สามารถหลอกทูตสวรรค์ไปได้ 333,333 ตนอะไรประมาณนั้น ที่เหลือก็ไม่ไป ยังอยู่ในกองทัพของพระเจ้าอยู่ ยังเชื่อฟังพระเจ้า ปรากฏว่าทูตสวรรค์เหล่านั้น 1 ใน 3 ที่เชื่อมัน ก็เลยกลายเป็นไม่เชื่อฟังต่อพระเจ้า บาปก็เริ่มเพิ่มจำนวนมาแล้ว เริ่มจากลูซีเฟอร์
ผมพยายามแยกให้ชัดเจนว่าพระเจ้าคือใคร? ลูซีเฟอร์คือใคร? บาปคืออะไร? ความชั่วร้ายคืออะไร? อย่าเอาพระเจ้าเข้ามาอยู่กับความชั่วร้ายเด็ดขาด เพราะฉะนั้น มาร ลูซีเฟอร์ก็เลยสามารถไปโกหกหลอกลวงทูตสวรรค์เหล่านี้ ตั้ง 1 ใน 3 ของทูตสวรรค์ทั้งหมด มาเป็นพรรคพวก เรียกว่าทูตสวรรค์ตกกระป๋อง ก็คือตกลงไปในความบาป เพราะฉะนั้น ตอนนี้ ในโลกความมืด มีสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา คือลูซีเฟอร์ ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นซาตาน ลูซีเฟอร์ แปลว่าดาวแห่งรุ่งอรุณ ดาวสวยงามมาก เจิดจรัส กลายเป็นชื่อซาตาน แปลว่าความชั่วร้าย ทูตสวรรค์ตนนี้ เรียกว่าตัวชั่วร้าย เวลาเราเรียกใคร ไอ้ชั่วร้าย คือนั่นแหละ กำลังเล็งถึงซาตาน และความชั่วร้ายนี้ ถูกส่งต่อไปยังทูตสวรรค์ตนอื่นๆ อีก 1 ใน 3 เป็นกลุ่มทูตสวรรค์ที่ชั่วร้าย ท่านเห็นภาพแล้วนะ
ปรากฏว่าแพ้สงคราม พระเจ้าก็ตัดสินคดี ในพระคัมภีร์เขียนว่าให้ทูตสวรรค์ 1 ใน 3 ซึ่งมีหัวหน้าตกกระป๋อง ถูกเหวี่ยงลงมาอยู่ในโลกนี้ เราไม่รู้ อย่าไปสนใจว่ามันคืออะไร? พระคัมภีร์บอกอย่างนี้ เราก็เชื่ออย่างนี้ ถ้าในพระคัมภีร์ไม่ได้บอก เราก็ไม่ต้องไปรู้ ยังมีอีกเยอะแยะมากมายหลายอย่างที่เราอยากรู้ แต่เราไม่รู้ เอาเท่าที่รู้แค่นี้ เราก็หัวโตแล้ว
ตอนนี้ความชั่วร้ายอยู่ที่สิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา เรียกว่าทูตสวรรค์เท่านั้น สิ่งเหล่านี้มีชีวิต จากนั้นพระเจ้าสร้างมนุษย์ตามพระฉายของพระองค์ เป็นลูกของพระองค์ เหมือนพระองค์เลย แล้วก็บอกว่าให้เชื่อฟัง
มารก็ทำหน้าที่มัน ก็คือเอาการโกหกหลอกลวง มาหลอกอาดัมและเอวา ซึ่งตอนนั้นบริสุทธิ์ ไร้เดียงสากับบาปใดๆ ทั้งปวง เพราะเป็นฝ่ายพระเจ้า 100% โดยวิธีการโกหก หลอกลวง เอาความจริงของพระเจ้ามาบิดพลิ้ว ให้มันฟังแล้วดูเหมือนใช่ แต่มันไม่ใช่ ก็ไปบอกเอวาว่า …
“ก็กินผลไม้ต้นนี้สิ”
เอวาบอก “ไม่ได้ พระเจ้าสั่งห้าม ต้องเชื่อฟัง เราเป็นลูกที่เชื่อฟัง”
มารบอกว่า “ไม่จริงหรอก พระเจ้าโกหก”
นี่คือสิ่งที่ท่านต้องจำไว้เลย แล้วมันจะใช้วิธีนี้ วิธีเดียว ไม่มีวิธีอื่น ไม่ต้องกลัวว่ามันมาหักคอ ไม่ต้องกลัวมันมาอยู่ในที่มืดๆ ไม่ต้องกลัวมันมากระโดดหยองๆ ผมก็แปลกใจ ทำไมคนกลัวผีก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ไม่ต้องใช้พระเยซู มันก็ไปนะ เอาไฟนิออน สปอร์ตไลท์ฉายไป ผีหายหมดเลย แปลกดี ผีต้องไปอยู่ที่มืดๆ ไกลๆ ให้ไปอยู่ในป่าช้า ผีดุมาก เอาสปอร์ตไลท์ทั้งหมดฉายเข้าไปเลย สว่างทั้งกลางวันกลางคืน เหมือนกันหมด ไม่เจอแน่นอน ให้เราไปนอนกลางคืน ตีหนึ่ง เรากล้าไปไหม? กล้าไป เพราะไม่มีแล้ว มันโดนสปอร์ตไลท์ไล่ไปแล้ว อันนี้เรื่องจริง ไม่ต้องไปอยู่ในที่แอบๆ ที่ลับๆ เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง มันไม่ใช่อย่างนั้น
เอวาบอกว่า … “พระเจ้าบอกว่า “วันใดที่เจ้ากิน เจ้าจะต้องตาย”
มันบอก “พระเจ้าพูดไม่จริง ถ้าวันใดเจ้ากิน เจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า”
ครึ่งหนึ่งถูก พระเจ้าสั่งว่า “อย่ากิน ถ้าวันใดที่เจ้ากิน เจ้าจะตาย”
มันก็บอกว่า “เออ! ใช่ พระเจ้าสั่งอย่ากิน”
มันไม่ได้แย้งว่าไม่ใช่ พระเจ้าไม่ได้สั่ง มันบอกเลยว่า “ใช่ พระเจ้าสั่งไม่ให้กิน”
คนก็ อันนี้มันก็พูดตรงกับถ้อยคำพระเจ้าครึ่งหนึ่ง แต่พระเจ้าสั่งว่า “ไม่ให้กิน ถ้าวันใดที่เจ้ากิน เจ้าจะต้องตาย มันเป็นพิษ” พูดง่ายๆ “กินแล้วเจ้าจะเป็นพิษ”
มันแทนที่จะบอกว่าพระเจ้าไม่ได้สั่ง คนก็จะรู้ว่าอย่ามาโกหก พระเจ้าสั่ง ฉันได้ยินกับหู จดไว้ด้วย แต่มันบอกว่า “พระเจ้าสั่งใช่แล้ว แต่ …” ตอนท้ายบิดไป ไม่ให้กิน เพราะว่า “ถ้าเจ้ากิน เจ้าจะไม่เป็นพิษ แต่จะมีอายุวัฒนะ” อันนี้สมมติให้ฟัง เป็นอายุวัฒนะ เสริมสร้างพลังกาย สุขภาพแข็งแรงด้วยซ้ำ มันหลอก
พ่อบอก “อย่ากินนะ มันเป็นพิษ”
มันบอก “กิน สุขภาพแข็งแรง ยอดเยี่ยมเลย”
มันบอกเอวาว่า “วันใดเจ้าขืนกิน เจ้าจะรู้ทันพระเจ้า จะเป็นเหมือนพระเจ้า”
ทั้งๆ ที่พระเจ้าสร้างอาดัมและเอวามา ตามพระฉายของพระองค์ เหมือนแล้ว เขาเรียกว่าความเล่ห์เหลี่ยม เพราะว่ามันไม่ใช่ทูตสวรรค์ธรรมดา แต่มันเป็นหัวหน้าทูตสวรรค์ที่มีชื่อเสียง มีฝีมือ ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา พอมันกลายเป็นชั่วร้าย มันชั่วร้ายระดับโปรเลย หาที่จับไม่ได้เลย จับผิดยากมากเลย มันหลอกลวงมากเลย
ในที่สุด เราก็รู้อยู่ดีว่าอาดัมและเอวา ทั้งสองตกลงไปในการกระทำอันเดียวกัน ต้นเหตุ คืออยากเป็นเหมือนพระเจ้า จึงทำสิ่งหนึ่งที่เรียกว่ากบฏ ทำสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าบาป ทำสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า Miss the target ทำสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าเป็นศัตรูกับพระเจ้า ทำสิ่งหนึ่ง คืออยู่ตรงกันข้ามกับพระเจ้า เข้าไปเป็นพวกเดียวกันกับมารและสมุนของมัน พวกกบฏ พวกบาป เห็นไหม? แค่นี้เอง ท่านจะมองภาพ เห็นชัดๆ เลยว่าไม่ได้เกี่ยวกับพระเจ้าเลย พอบาปเข้ามาปุ๊บ มันย้ายข้างเข้ามา ความมืด ก็ปกคลุมอยู่เหนือ
อย่างตะกี้เห็น อาดัม เอวาอยู่ในแสงสว่าง พอความมืดเข้ามา แสงสว่างก็หายไป เป็นความมืด ความสาปแช่ง คือสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ เข้ามาแทนที่พระพร คือสิ่งดีๆ ที่มาจากพระเจ้า ที่อยู่ในแสงสว่าง อาณาจักรทั้งโลกใบนี้ สลาย มืด โลกใบนี้เหมือนบ้านของอาดัมและเอวา ตกอยู่ในคำสาปแช่ง ระบบของโลกนี้ทั้งหมด ตกอยู่ในคำสาปแช่ง
คำสาปแช่ง ก็คือความตายทางฝ่ายวิญญาณ คำสาปแช่ง ก็คือพ่อบอกอย่าแยงมือลงไปในรูปลั๊กนี้นะ ลูกอย่าแยง และวันหนึ่ง ลูกก็ไม่เชื่อฟัง มีคนบอกมาว่าไม่เป็นไร แยงเข้าไปเถอะ ลูกก็เอานิ้วแยงเข้าไป แล้วมันก็ช๊อต ผมร่วงหมดเลย สมมติ ชัก เป็นพิการไปเลย ให้เห็นว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่พิการ ท่านเห็นไหม? ถามว่าเราผู้เป็นพ่อทำให้เขาพิการไหม? ไม่ใช่ กฎทางธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น ที่พระเจ้าต้องการ คือความดีงามให้กับลูกของตัวเอง รัก สร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา แล้วก็บอกเขาอย่าทำอะไรที่ไม่ดี แล้วถ้าเขาทำ กฎระเบียบมันก็ออกไป เขาย้ายไปเป็นพวกมาร และไม่ใช่แต่โลกใบนี้ที่ปกคลุมด้วยความมืดและด้วยความบาปเท่านั้น แต่รวมถึงอาดัมและเอวาซึ่งเป็นต้นพันธุ์ของมนุษยชาติทั้งหมด เพราะว่าพระเจ้าสร้างอาดัมและเอวาเป็นแม่พิมพ์ที่ดี เพื่อจะให้เขากำเนิด มนุษยชาติให้กับมนุษย์ทั่วโลก เท่าไรไม่รู้ แต่รู้ว่าพระเจ้าสร้าง ให้เต็มโลกเลย
พระเจ้าบอกจงมีเผ่าพันธุ์ขยายเต็มโลก อวยพรให้อาดัมและเอวามีเผ่าพันธุ์ ถ้าเทียบกับปัจจุบัน เหมือนโรงงานที่สร้างต้นแบบรถยนต์ขึ้นมา กว่าจะสร้างนานมากเลย จนสวยงามเรียบร้อยดีแล้ว มองดู โอเค ดี เข้าโรงงาน มี order 1,000 กดปุ่ม 1,000 แล้วจากนี้มันก็ผลิตไปเรื่อยๆ 1,000 ที่ออกมา จะเหมือนต้นฉบับไม่มีผิด พระเจ้าก็สร้างมนุษย์อย่างนั้นแหละ จริงๆ มันห่างกันเยอะวัตถุสิ่งของกับสิ่งที่มีชีวิตเหมือนพระเจ้า มีลมปรานของพระเจ้า พระเจ้าสถิตอยู่กับเขา จึงพามนุษยชาติทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันสามารถพูดตามหลักวิทยาศาสตร์ได้ว่ามนุษย์ทั้งหมดอยู่ในดีเอ็นเอของอาดัมกับเอวา
ดีเอ็นเอเข้าใจใช่ไหม? ผมก็ไม่เข้าใจนะ แต่รู้ว่าดีเอ็นเอ มันหมายถึงรหัสต้นพันธุ์ของมนุษย์ว่าคนนี้เป็นลูกใคร? มาจากใคร? แล้วเขาไล่ไปไกลมาก เป็นหมื่นปี พิสูจน์แล้วว่ามันมาจากนั้นจริงๆ เราไม่ต้องไปสนใจวิทยาศาสตร์มากนัก เอาแค่ว่าในพระคัมภีร์ว่าอย่างนั้น วิทยาศาสตร์หาเจอก็ดี เขาเรียกว่าเอามาฟังเป็นชิวๆ ฟังแบบสนุกๆ แต่อย่าไปหวังมันมาก เพราะถ้าขืนเราไปฝากความหวัง หรือไปมองที่วัตถุสิ่งของที่จับต้องมองเห็นได้ มารมันจะบิดพลิ้วอีก เดี๋ยวเราจะเละตุ้มเป๊ะ เรากลับมาที่ถ้อยคำพระเจ้าพูดไว้อย่างนี้ เราก็ว่าอย่างนี้ เพียงแต่เอามาคุยเล่น
สรุปแล้วก็คือมนุษย์ทุกคนอยู่ในตัวอาดัมและเอวา พระคัมภีร์บอกไว้อย่างนั้น เมื่อเอวา อาดัมทำผิด หลักการที่สมควรที่จะเป็น ที่พระเจ้าสร้างมา คือทำบาป เป็นศัตรูกับพระเจ้า กบฏต่อพระเจ้า เพราะฉะนั้น จึงพาเหล่ามวลมนุษยชาติทั้งหมดที่อยู่ในอาดัมตกลงไปในความบาปด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งหมดเลย รวมทั้งโลกใบนี้ด้วย ระบบของโลกใบนี้ด้วย ทั้งหมดเลย
พระคัมภีร์จึงบอกว่าพระเจ้ามองลงมาจากสวรรค์ไม่มีใครดีเลย ทุกคนเป็นคนชั่วทั้งสิ้น แล้วพระเจ้าเป็นพ่อควรจะทำอย่างไร? เจ็บปวดรวดร้าวมากๆ เลย ถูกไหม? โกรธลูกไหม? ถ้าเป็นท่าน ท่านจะโกรธลูกไหม? ลูกเรานะ เราสอน อย่าแยง เข้าไป แล้วก็มีพี่เลี้ยงอยู่คนหนึ่งบอกว่าแยงก็ไม่เป็นไรหรอก พูดทุกวัน จนลูกเราเผลอ แทนที่จะจำสิ่งที่เราสอน เชื่อเรา เผลอไปแยง อาจจะลองแยงดู แล้วมันเกิดเป็นอัมพาตขึ้นมา แล้วเราจะไปเตะลูกเราไหม?
“สมน้ำหน้า แทนที่จะเชื่อฉัน ทำอย่างนี้อีกแล้ว ตบให้มันจำ”
ไปที่โรงพยาบาล กำลังนอนให้น้ำเกลือ หายใจไม่ออก ตบมันอีก
“ไอ้ลูกไม่รักดี ทำไมดื้ออย่างนี้ บอกแล้วอย่าทำ ดูสิ เป็นอย่างนี้”
ท่านว่าท่านทำหรือเปล่า? พระเยซูบอกว่าเราที่เป็นคนบาป ยังรู้จักให้ของดีๆ กับลูกเรา แล้วนับประสาอะไรกับพระเจ้าผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก พระองค์จะให้สิ่งที่ดีสำหรับเราเสมอ มีเหรอ ลูกขอปลา พ่อจะเอางูให้ พอเขาขอขนมปัง เอาก้อนหินให้ มีพ่อคนไหนเป็นอย่างนี้บ้าง ถ้าไม่เคยเห็นท่านคิดไม่ออก รับรองพระเจ้าก็จะไม่เป็นอย่างนั้นเด็ดขาด พระองค์เอาความชั่วร้ายมาสู่มนุษย์ได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้ พระเยซูมาเพื่อบอกความจริง กระชากเอามนุษย์ออกมา เราถูกมารหลอก เป็นอัมพาตไม่พอ แถมบอกว่า …
“พ่อทำฉัน”
ทารุณไหม? พ่อเศร้าใจมากเลย เศร้าใจหนึ่ง คือลูกฉันไม่เหมือนเดิม ลูกฉันเป็นอัมพาต สองลูกฉันยังกล่าวหาว่าฉันเป็นคนทำอีก ทั้งๆ ที่ฉันเป็นคนช่วยเขา ฉันดูแลเขาอย่างดี เจ็บมากเลย ท่านลองคิดดูสิ นี่คือหัวใจของพระเจ้า เราจะเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เพื่อพื้นฐานที่ถูกต้อง พอพื้นฐานถูกต้อง ท่านจะเข้าใจ เห็นชัดเจนว่าใครอยู่ข้างใคร? ใครเป็นขาว ใครเป็นดำ อย่ามามั่วเด็ดขาด พอเห็นสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น บนโลกใบนี้ พระเจ้าอนุญาตให้ทำ อันนี้พระเจ้าควบคุม พายุฝนอย่างนี้ พระเจ้าปล่อยให้คนจมน้ำตายได้อย่างไร? ทำไมพระเจ้าควบคุมทุกสิ่งได้ พระเจ้าไม่ควบคุมตรงนี้ด้วย อะไรอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้พระเจ้าเสียชื่อ แต่พระเจ้าไม่มีวันเสียชื่อ พระองค์เป็นความจริง อย่างไรก็เป็นจริง แต่ทำให้มนุษย์ทั้งหลาย ไม่มีโอกาสได้รับความรอด ไม่มีโอกาสได้รับพระพร สมอย่างที่เขาควรจะได้รับ แค่นั้นเอง ผมไม่ห่วงพระเจ้าหรอก ผมห่วงมนุษย์ที่เป็นผู้ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา แล้วยังถูกหลอกเท่านั้นเอง ยอมเสียเวลาตรงนี้ มารมา เพื่อขโมย ฆ่าและทำลาย ขโมยความจริง มันทำอย่างอื่นไม่ได้หรอก จำไว้เลย มันไม่มีฤทธิ์อำนาจ ทำอะไรได้สักนิดหนึ่ง มันถูกถอดออกไปแล้ว ต้องจำใส่ใจ จำใส่สมองเรา ถ้ามันไม่เอาความจริงออกไปจากเรา มันจะทำอะไรเราไม่ได้เลย มันต้องขโมยความจริงออกไปก่อน แล้วจากนั้น มันก็มาฆ่าและทำลายเรา ด้วยฤทธิ์อำนาจและความสามารถของตัวเราเองนั่นแหละ พระคัมภีร์บอกว่าตอนที่ท่านตกลงไปในความบาป ทำสิ่งที่ชั่วร้าย หรือเข้าไปอยู่ในความทุกข์ยากลำบาก อย่าพูดนะว่าพระเจ้าทดลองท่าน พระเจ้าไม่เคยทดลองใคร พระเจ้ามีแต่ความรัก ความเมตตา ความช่วยเหลือ แต่ที่ท่านตกลงไปในความบาป ทุกข์ยากลำบาก ถูกทดลอง เพราะกิเลสตัณหาของท่าน รับเอาแรงกระตุ้น ความโกหกหลอกลวงของมาร ที่อยู่บนโลกใบนี้ ส่งให้ท่าน แล้วท่านรับด้วย กิเลสตัณหานี้ ท่านก็ตกลงไปในการล่อลวงของมัน ความทุกข์ยากลำบาก ก็เข้ามา
นี่คือการปูพื้นฐานสำหรับวันนี้ ถามว่ามารทำอย่างนี้เพื่ออะไร? เพราะว่าธรรมชาติของมาร คือความชั่วร้าย เป็นศัตรูกับพระเจ้า โดยตรง เพราะฉะนั้น ทำอะไรก็ตาม ที่ตรงกันข้ามกับพระเจ้า ในเมื่อพระเจ้ารักลูกของพระองค์ทั้งหลาย มันก็มีหน้าที่พามนุษย์ทั้งหลายมาเป็นพวกของมัน เยาะเย้ยพระเจ้า
“ไหน ลูกของพระองค์เป็นอย่างนี้ ไหน ลูกของพระองค์ ไม่เห็นสักคนหนึ่งเลย มันก็หัวเราะเยาะ ไหนโลกสร้างมาอย่างสวยงาม ทำไมมันวิปริตอย่างนี้ล่ะ อากาศก็เป็นพิษ อาหารที่ควรจะเกิดขึ้นมาดีๆ อย่างง่ายดาย แทบจะไม่ต้องปลูก มันก็เกิดขึ้นเอง ปลูกมา 3 ปี ไม่ขึ้น ที่กินไม่ได้ ที่เป็นพิษ มันก็ขึ้นดี ต้นอะไรต่างๆ บางต้นที่กินไม่ได้ เป็นพิษ ขึ้นเฉยๆ ไม่มีอะไรเลย จะไปปลูกผักสักต้นหนึ่ง ปลูกต้นไม้ที่กินได้ต้นหนึ่ง ลำบากลำบน แมลงมากัดมาแทะ”
ใช่หรือไม่ใช่ สิ่งเหล่านี้เรามองไม่เห็น ผืนดินลำบากลำบน แม้กระทั่งมนุษย์ยังถูกสาปแช่ง ต้องทำมาหากินบนโลกใบนี้ อาบเหงื่อต่างน้ำ ก็คืออยากอยู่ห้องแอร์ เป็นไปตามธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา เย็นๆ สบายๆ แต่เนื่องจากถูกสาปแช่งไปแล้ว เพราะฉะนั้น อยู่ห้องแอร์ก็ป่วย อยู่ในห้องแอร์ เสร็จแล้วก็ออกไปข้างนอก ให้เหงื่อออก แล้วจะรู้สึกดี ก็กฎมันเป็นอย่างนี้ หนีไม่พ้น โลกมันวิปริตไปหมดแล้ว แต่พระเจ้าสัญญาแล้ว ความหวังใจในพระเยซูคริสต์ คือพระเจ้าสัญญาแล้ว โลกใบนี้ พระองค์ชนะแล้ว แต่รอการสร้างใหม่เท่านั้นเอง วันหนึ่งข้างหน้า เมื่อไรเราไม่รู้ แต่ในพระเยซูคริสต์ วิญญาณเราข้างในถูกสร้างใหม่แล้ว เอเมน ขอพระเจ้าอวยพรครับ
**********************