วารสาร Holy  News   ฉบับที่  1415

คำบรรยายวันอาทิตย์ที่  30  เมษายน  2023

เรื่อง “อัศจรรย์เกิดขึ้นทันที เมื่อฉันเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์”

ตอน 8 “จะได้รับร่างกายใหม่ ที่เต็มไปด้วยสง่าราศี เหมือนพระเยซูคริสต์”

โดย นคร   เวชสุภาพร

            กลับมาเข้าสู่หัวข้อเรื่องซีรี่ย์ที่ได้บรรยาย 7 ตอนแล้ว ก็คือ “อัศจรรย์เกิดขึ้นทันที เมื่อฉันเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์” เป็นซีรี่ย์ที่สำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับมนุษย์ หรือผู้คนทั้งหลายที่ยังไม่ได้เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ ยังไม่ได้ใช้สิทธิของเขา  ที่พระเจ้าได้กระทำให้แล้วในพระเยซูคริสต์ ซึ่งมนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องรู้ จำเป็นต้องใช้สิทธินี้ อย่างมากเลย และเป็นผลประโยชน์อย่างมากมาย เป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุด  เป็นทรัพย์อันมีค่าล้ำเลิศ ที่พระเยซูคริสต์มาประกาศบอกว่าให้มนุษย์ทุกคนแสวงหาทรัพย์ตรงนี้แหละ  ทรัพย์สินที่ไม่สามารถจะเสื่อมสลายไปได้  ไม่มีมด ปลวกมาทำลายได้ ไม่เหมือนทรัพย์สินที่มนุษย์พยายามไขว่คว้าหากันบนโลกใบนี้  วัตถุสิ่งของบนโลกใบนี้ ความมั่งคั่งบนโลกใบนี้ พระองค์บอกสิ่งนี้สำคัญมากกว่าเยอะเลย คือชีวิตนิรันดร์ ชีวิตหลังความตาย จากโลกนี้แล้ว  จะมีอะไรเกิดขึ้น และพระองค์กระทำสำเร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นอัศจรรย์เกิดขึ้นทั้งสิ้น ที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่ามันเป็นเช่นไร? แต่มันเป็นจริงตามนั้น โดยพระวิญญาณจะนำพาเรา สอนเรา บอกเราถึงความจริงเหล่านี้ หน้าที่ของมนุษย์ ที่จะต้อนรับพระเยซูคริสต์นี้  เริ่มต้นง่ายนิดเดียว

            เริ่มต้นด้วยถ่อมใจ รับฟังเท่านั้นเอง  ไม่มีวันที่จะเข้าใจได้เลย ตั้งแต่เริ่มต้นฟัง เป็นไปไม่ได้เลย มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจความจริงในเรื่องโลกฝ่ายวิญญาณนี้ได้เลย จนกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จเข้ามาอยู่ในใจของคนๆ นั้น ถึงจะสามารถเริ่มต้นรู้เรื่อง และเข้าใจถึงโลกวิญญาณได้

            เพราะฉะนั้น หน้าที่ของมนุษย์ทั้งหลายทั้งปวงจึงต้องเริ่มต้นถ่อมใจ รับฟังข่าวดีนี้ ที่เขาเรียกกันว่าข่าวดีๆ ของพระเยซูคริสต์ แค่เริ่มต้นรับฟังด้วยความคิดของมนุษย์นั่นแหละ ซึ่งคิดไม่ออก แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก  แต่ขอร้องให้อดทน แล้วก็ถ่อมใจฟังไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะไม่เข้าใจก็ตาม  แต่ให้ฟังไปเรื่อยๆ  เพราะข่าวดีนี้เป็นฤทธิ์เดช  หมายถึงมนุษย์ไม่สามารถเข้าใจว่ามันทำงานอย่างไร? ก็ไม่เข้าใจ แล้วจะไปฟังทำไม? พระองค์บอกว่าไม่เข้าใจ แต่ให้วางใจไง  ยังไม่ต้องเชื่อพระองค์หรอก  เพราะไม่มีทางที่มนุษย์จะเชื่อพระเยซูคริสต์ได้ เป็นไปไม่ได้เลย  โดยใช้ความคิด หรือความเข้าใจแบบมนุษย์ไม่สามารถที่จะเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ เชื่อพระเยซูคริสต์ เป็นไปไม่ได้  ถ้าเป็นไปได้ ทำอย่างไร? ก็ใช้ความคิดของตนเองเท่านั้นเองว่ามันน่าจะเป็นไปได้มั้ง  แล้วก็ตั้งความหวังไว้  แล้วอะไรอีกต่อไป ถ่อมใจ ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจนั้น ฟังไปเรื่อยๆ  เพราะว่าพระองค์บอกแล้วว่าผู้ที่วางใจในพระองค์

            “วางใจ” หมายถึงความคิดของมนุษย์ ที่สามารถวางใจอะไรบางอย่างได้  วางใจว่ามันน่าจะใช่นะ  เราไม่เข้าใจ ฟังไปก่อน  เพราะพระองค์บอกว่าคนที่วางใจในพระองค์ เมื่อถึงระดับหนึ่ง วางใจ ฟังไปเรื่อยๆ ฟังถ้อยคำที่เรียกว่าข่าวดีของพระเยซูคริสต์ ซึ่งพระเยซูบอกว่าเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ แห่งข่าวประเสริฐ

            เมล็ดพันธุ์เป็นฤทธิ์เดช เป็นอำนาจ  เพราะเป็นความจริง  ความจริงนี้จะลงไปในความคิดของท่าน ฟังไปเรื่อยๆ วันไหนก็ไม่รู้ จะมีอยู่วันหนึ่งที่สิ่งที่ท่านฟัง คือเมล็ดถ้อยคำแห่งข่าวประเสริฐนี้  มันจะหล่นจากความคิดจิตใจของท่าน หล่นไป อยู่ที่ในใจของท่าน  คือดินในใจของท่าน  และมันก็จะเกิด งอกออกมาเป็นผลเรียกว่าความเชื่อศรัทธางอกขึ้นมา พระเจ้า เป็นผู้ประทานให้  เหตุจากที่ท่านต้อนรับเมล็ดพันธุ์นั้น ต้อนรับไปเรื่อยๆ รับเรื่อยๆ แม้ไม่เข้าใจ ก็ฟังไปเรื่อย อดทน ถ่อมใจ ยอมเป็นเหมือนคนโง่ๆ คนหนึ่ง ที่ฟัง ไม่เข้าใจก็ฟัง เชื่ออะไร โดยที่ไม่มีเหตุผล ก็เชื่อ คล้ายๆ อย่างนั้น

            แล้วมันจะมีอยู่วันหนึ่งจริงๆ ที่เรียกว่าวันแห่งการเปิดใจ เพราะว่าความจริงที่ท่านฟังไป แล้วไม่เข้าใจนั้น มันหล่นลงมาในใจของท่าน  เกิดเป็นความเชื่อศรัทธาเท่าเมล็ดมัสตาร์ด เล็กนิดเดียว แต่มันกลายเป็นต้นไม้ใหญ่โตกว่าคนอื่นๆ เยอะแยะเลย ออกผล เป็นที่พักพิง พึ่งพิง อาศัยของนกกาเยอะแยะมากมาย พระเยซูเปรียบเทียบให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่แห่งเมล็ดข่าวประเสริฐนี้ พูดง่ายๆ ก็คือเมื่อท่านฟังไปเรื่อยๆ ข่าวประเสริฐนี้จะตกลงไปในใจของท่าน แล้วก็จะเกิดการอัศจรรย์ขึ้นนั่นเอง ที่ผมใช้หัวข้อเรื่องซีรี่ย์นี้ว่าอัศจรรย์เกิดขึ้นทันที เมื่อฉันเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ มันเกิดขึ้นทันที  เมื่อไร? เมื่อท่านฟังไปเรื่อยๆ  เรานอนหลับๆ ตื่นๆ มีอยู่วันหนึ่ง สิ่งที่ท่านฟังนั้น มันลงไปในใจท่าน มันเกิดเป็นอัศจรรย์ขึ้นทันที

            “ทันที” หมายถึงสิ่งที่ท่านฟังนั้น มันหล่นลงไปในใจ  ไม่ใช่ทันทีที่ท่านฟังวันแรก แล้วไม่เข้าใจ แล้วท่านก็บอกว่าไม่เห็นมีอัศจรรย์อะไรเลย ฟังข่าวประเสริฐ แล้วก็เฉยๆ ฟังเมื่อไร? เพิ่งจะฟังนี่แหละ

            เพราะฉะนั้น ให้มีกำลังใจ ทั้งผู้ให้และผู้รับด้วย  ผู้ให้ คือคนที่ประกาศข่าวดี คนที่ไปพูดข่าวดี  มีกำลังใจ พูดไปเรื่อยๆ แม้เขาไม่เข้าใจ ก็พูดไปเรื่อยๆ  พูดให้เขาฟัง แต่ต้องมีกาลเทศะหน่อยนะ  เอาตอนที่เขาฟังแล้ว  ภาษามนุษย์ ตอนที่เขาฟัง แล้วสามารถที่จะรับฟังเราได้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ไปขัดจังหวะจะเล่าเรื่องนี้เสมอ  มีโอกาส ก็เล่าให้ฟัง มีโอกาส ก็บอกให้ฟัง มีโอกาส ก็ส่งข้อมูลข่าวดีนี้ให้ฟัง คนรับฟัง ก็เช่นเดียวกัน ก็ถ่อมใจ อย่าปฏิเสธ …

            “ไม่เอาหรอก นี่ศาสนาฝรั่ง ไม่เอาหรอก เขาว่าอย่างโน้น เขาว่าอย่างนี้”

            เขาว่าเรื่อยๆ  สรุปก็ไม่ฟัง ขอร้องเลย อยากให้ยกมือไหว้ ขอร้องให้ฟังเถอะ ฟังไปเรื่อยๆ มันจะมีอยู่วันหนึ่ง ที่อัศจรรย์จะเกิดขึ้น ทันที ที่ในใจของท่าน

            มาเข้าวันนี้ ตอนที่ 8 แล้ว ใช้ชื่อหัวข้อเรื่องว่า “จะได้รับร่างกายใหม่ ที่เต็มไปด้วยสง่าราศี เหมือนพระเยซูคริสต์” สิ่งเหล่านี้เป็นอัศจรรย์ทั้งสิ้น มนุษย์คิดไม่ถึง คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร? แต่พระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างนั้นจริงๆ

            เรามาทบทวนซีรี่ย์นี้ 7 ตอนแล้ว

            ตอนที่ 1 “วิญญาณเก่าที่เป็นคนบาปต้องคำสาปได้ตายไปแล้ว”

            ตอนที่ 2 “ได้บังเกิดใหม่โดยพระวิญญาณของพระเจ้า”

            ตอนที่ 3 “ได้เป็นลูกของพระเจ้าที่ทรงรักดังแก้วตาดวงใจแล้ว”

            ตอนที่ 4 “พระเจ้าเข้ามาสถิตอยู่ด้วย ภายในร่างกาย”

            ตอนที่ 5 “ได้เข้ามาอยู่ในสวรรค์แล้ว ขณะนี้”

            ตอนที่ 6 “พระเจ้าได้ทรงให้ฉันนั่งในสวรรค์สถานกับพระคริสต์”

            ตอนที่ 7 “ได้รับมรดกเป็นรางวัล ตั้งแต่อยู่ในโลกนี้ จนถึงโลกหน้านิรันดร์เลย”

            ได้รับเมื่อไร? เมื่อเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เท่านั้นเอง แค่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ อัศจรรย์เหล่านี้เกิดขึ้นทันที ในชีวิตของคนๆ นั้น มนุษย์ทุกคน ท่านอ่านมาตะกี้นี้ ฟังหัวข้อเรื่องเมื่อตะกี้นี้ มาจากความจริงในถ้อยคำพระเจ้า ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลทั้งสิ้น

            วันนี้ ตอนที่ 8 “จะได้รับร่างกายใหม่ ที่เต็มไปด้วยสง่าราศี เหมือนพระเยซูคริสต์”

            “จะได้รับร่างกายใหม่” ใครได้ คนที่เปิดใจแล้ว ต้อนรับพระเยซูคริสต์ ฟังมาเรื่อยๆ  ไม่รู้วันนั้น วันไหน? เราก็ไม่รู้ อัศจรรย์มันเกิดขึ้นในวิญญาณ ในจิตใจของเรา ทันทีทันใดนั้น เราจะได้รับร่างกายใหม่ที่เต็มไปด้วยสง่าราศี เหมือนพระเยซูคริสต์เลยทีเดียว ผมก็ไม่รู้หรอก ผมได้อัศจรรย์นี้ตั้งแต่เมื่อไร? แต่รู้ว่าไม่น่าจะเกินปี 1988 แต่ก่อนนี้ เราก็คิดว่าเราเกิดใหม่ ได้อัศจรรย์วันที่ 18 มิถุนายน ปี 1988 แต่พอเรียนรู้ถ้อยคำพระเจ้าไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ วันที่ 18 มิถุนายน 1988 อาจจะเป็นวันเริ่มต้นฟัง เริ่มต้นพอจะถ่อมใจมากขึ้นในการฟัง ก็ได้  แล้วมาบังเกิดใหม่ มาอัศจรรย์เมื่อไร? ไม่รู้ อาจจะหลังจากวันที่ 18 มิถุนายน 1988 หรืออาจจะวันนั้นเลยก็ได้ เพราะว่าก่อนหน้านี้ ฟังมาตั้งหลายสิบปีแล้วก็ได้ ไม่มีใครรู้หรอกว่าวันนั้นวันไหน? แต่ข้างในใจเรารู้ว่าเราได้บังเกิดใหม่ อัศจรรย์เกิดขึ้นในใจของเราแล้วทันที เรารู้ เพราะอยู่ในใจ

            อัศจรรย์ที่ได้รับแล้วทันที ขณะดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ เราเรียนมาแล้ว 7 ตอนนั้น คืออัศจรรย์ที่ได้รับแล้ว ตอนเดินอยู่บนโลกใบนี้เลย เป็นเหมือนมัดจำ มีอะไรบ้าง? เปิดใจแล้ว ได้รับแล้ว เดินอยู่บนโลกใบนี้ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับชีวิตของคนๆ นั้นแล้ว ก็คือ …

            1. วิญญาณเก่า ที่เป็นคนบาป ต้องคำสาป ได้ตายไปแล้ว ตัวเก่าเราที่บอกว่าใช้หนี้บาปๆ เวรกรรมนั้น ตายไปแล้ว

            2. ได้บังเกิดใหม่ โดยพระวิญญาณของพระเจ้า

            3. ได้เป็นลูกของพระเจ้า ที่ทรงรักดังแก้วตาดวงใจแล้ว ตอนเดินอยู่บนโลกใบนี้ เป็นลูกของพระเจ้าแล้ว

            4. พระเจ้าเข้ามาสถิตอยู่ด้วย ภายในร่างกาย เดินไปไหน พระเจ้าไปด้วยทั้ง 3 พระภาค พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร พระเยซูคริสต์ พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์เดินไปกับเราที่ไหนๆ ปกปักษ์คุ้มครอง ดูแลเรา  นำพาชีวิตเรา

            5. ได้เข้ามาอยู่ในอาณาจักรสวรรค์แล้ว ขณะนี้ กำลังดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้  แต่ในวิญญาณของเรา ได้อยู่ในสวรรค์แล้ว เอเมน พระคัมภีร์บอกไว้อย่างนั้น

            6. พระเจ้าได้ทรงให้ฉัน นั่งในสวรรค์สถานกับพระคริสต์ คือไม่ได้อยู่ในสวรรค์อย่างเดียว แต่อยู่ในฐานะเป็นรัชทายาท  อยู่เบื้องขวาของพระองค์ร่วมกับพระเยซูคริสต์ ฉันนี่นะ ขณะนี้นะ  ขณะที่กระจอกๆ ทุกวันนี้นะ เงินเดือนยังชักหน้าไม่ถึงหลังเลยนะ สิ้นเดือน เงินไม่พอใช้บ้าง อะไรบ้าง เดือดร้อนบ้าง ยังเจ็บป่วย ไม่แข็งแรง ยังมีนิสัยไม่ดีอะไรต่างๆ เยอะแยะเลย …

            “ฉันนั่งอยู่ที่เบื้องขวาของพระเจ้าในสวรรคสถาน เป็นรัชทายาท มีมรดกมากมาย ร่ำรวยมหาศาลแล้วเหรอ จริงหรือ?”

            ตอบว่า “เอเมน”

            7. ได้รับมรดกเป็นรางวัล ตั้งแต่อยู่ในโลกนี้แล้ว  แล้วต่อไปถึงโลกหน้าด้วย

            “ฉันนี่หรือมีมรดก พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ไม่เคยมีมรดกให้ฉันเลย แม้แต่บาทเดียว เราจนกันมาตลอด เราหาเช้ากินค่ำมาตลอด ฉันมีมรดกจากพระเจ้า แล้วมรดกนั้นร่วมรับกับพระเยซูคริสต์ด้วย เป็นไปได้หรือ?”

            ก็ต้องตอบว่า “เป็นไปได้”

            นี่คือ 7 อย่างที่เราได้รับเรียบร้อยแล้ว มันเกิดขึ้นแล้วในขณะที่เราดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เลย ต้องบอกว่า …

            “โอ้โห! ขอบคุณพระเจ้า สรรเสริญพระเจ้า เอเมน” ถูกไหม?

            สำหรับคนที่รับฟังอยู่ แล้วก็รับฟังไปเรื่อยๆ ยังถ่อมใจอยู่ ก็จะบอกว่า …

            “โอ้โห! เป็นไปได้เหรอ จริงๆ หรือ? ฉันก็อยากได้ แต่ฉันจะฟังต่อไป” นี่มีอีกประเภทหนึ่ง

            ประเภทที่ 3 ก็คือ … “โอ้โห! เป็นบ้าหรือเปล่า? ไม่มีรู้เรื่องอะไรเลย”

            เขาหาว่าคนที่เชื่อในข่าวประเสริฐนี้ เป็นพวกโง่เขลา นี่ผมไม่ได้พูดนะ พระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างนั้นจริงๆ สำหรับคนที่เขาไม่ฟังเลย  เขาคิดตามภาษามนุษย์ เขาจะบอกว่าสิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่โง่เขลา แต่พระคัมภีร์บอกว่าพระเจ้าจะทำให้เห็นว่าสิ่งที่เขาบอกว่าโง่เขลานั้น ทำให้คนเหล่านั้น ที่พูดนั้น ต้องอับอายไป เราก็ไม่อยากให้ใครอับอาย  เพราะอับอายนี้ ไม่ใช่แค่อายบนโลกใบนี้นะ มันอายไปถึงนิรันดร์ ไปถึงสวรรค์ เมื่อถึงวันนั้น เราไม่อยากให้ถึงวันนั้นเลย

            วันนี้เราจะมารับรู้อัศจรรย์อย่างที่ 8 แยกแล้ว ตะกี้นี้บนโลกใบนี้ เราได้รับเรียบร้อยไปแล้ว ตอนนี้ อัศจรรย์อย่างที่ 8 ที่จะได้รับในโลกหน้า คือจะได้รับร่างกายใหม่ ที่เต็มไปด้วยสง่าราศี เหมือนพระเยซูคริสต์ ตื่นเต้นไหมล่ะ

            คริสเตียนที่บังเกิดใหม่แล้ว  ได้รับอัศจรรย์ทั้ง 7 อย่างนี้ไปเรียบร้อยแล้ว  จะมีความหวังอยู่ 2 ความหวัง ความหวัง อันดับแรก ก็คือ 7 อย่าง ทั้งหมดเป็นของเราแล้ว ถามว่าทำไมถึงเป็นความหวัง ในเมื่อเราได้รับแล้ว  ก็เพราะว่ามันเป็นในโลกวิญญาณมันมองไม่เห็นไง  แต่มันได้รับแล้ว ตามความจริงในถ้อยคำพระเจ้า ในพระคัมภีร์ที่บอกเรา และพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตอยู่กับเราแล้วนั้น เป็นผู้ยืนยันว่ามันเป็นเรื่องจริง เราจึงใช้คำว่าความหวัง แต่เป็นความหวังที่ได้รับแล้ว  ก็คือความหวังอันดับหนึ่งของคริสเตียนที่บังเกิดใหม่ เพราะว่ามันมองไม่เห็น  แต่เป็นความหวังที่เกิดขึ้นจากความเชื่อ

            ความเชื่อ คือความหวังในสิ่งต่างๆ ที่เป็นอนาคต แต่สามารถจับต้องมองเห็นได้ ในปัจจุบัน เป็นร่องรอย หลักฐานที่สำคัญว่าสิ่งที่หวังไว้ มันได้แน่นอน 100% เอเมน นี่เป็นความหวังอันดับที่ 1

            ความหวังอันดับที่ 2 ก็คือความหวังในสิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ว่าจะได้ แต่ยังไม่ได้ ก็คือความหวังอันที่ 2 เมื่อสักครู่นี้ที่เราได้อ่านในอัศจรรย์อย่างที่ 8  ก็คือร่างกายใหม่ที่เต็มด้วยสง่าราศี เหมือนพระเยซูคริสต์นั่นเอง

            ในโคโลสี 1:27 ได้บันทึกว่า … “พระคริสต์ทรงสถิตอยู่ในท่าน” ท่าน หมายถึงคนที่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์แล้ว ได้รับ 7 อย่างนั้น อัศจรรย์เกิดขึ้นแล้วในร่างกาย “พระคริสต์สถิตอยู่ในท่าน เป็นความหวังแห่งเกียรติสิริ เป็นความหวังแห่งสง่าราศี ที่ท่านจะร่วมรับกับพระเยซูคริสต์” นั่นหมายถึงร่างกายใหม่ที่ท่านจะเป็นขึ้นมาเหมือนพระเยซูคริสต์นั่นเอง นี่คือความหวัง แต่เป็นความหวังที่มีมัดจำ ตั้ง 7 อย่าง ในพระคัมภีร์รวมเรียกว่าพระคริสต์ … พระคริสต์ คือ 7 อย่างทั้งหมดนั้น พอท่านเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ … พระเยซูคริสต์เข้ามาปุ๊บ 7 อย่างนั้นเกิดขึ้นทันที พร้อมกัน

            เพราะฉะนั้น เมื่อพระคริสต์สถิตอยู่ในท่าน ท่านได้รับ 7 อย่างนี้แล้ว ท่านก็มีความหวังชัดเจนว่าอย่างที่ 8 มันจะหนีไปไหน? ในโคโลสี 1:27 จึงบอกว่าเมื่อพระคริสต์สถิตอยู่ในท่าน เป็นความหวังแห่งเกียรติสิริ  ที่ท่านจะร่วมรับกับพระเยซูคริสต์ในไม่ช้านี้นั่นเอง เอเมน ให้เราปรบมือขอบคุณพระเจ้าของเรา ไม่ใช่ความหวังลมๆ แล้งๆ เลย ทั้ง 2 ความหวัง เห็นไหม? ความหวัง 1 ยิ่งชัดเจน  ได้รับเรียบร้อยแล้ว อธิษฐานกับพระเจ้า พระเจ้าทรงตอบตรงโน้นตรงนี้ อย่างนั้นอย่างนี้ เดินกับพระเจ้ากระหนุงกระหนิง  คุยกับพระเจ้า อธิษฐานได้ทุกวัน พระเจ้าช่วยตรงนั้นตรงนี้ มั่นใจตรงนั้นตรงนี้ เจอปัญหาอะไรต่างๆ ก็มีผู้หนึ่งคอยเดินอยู่กับเรา คอยช่วยเหลือเรา คอยเป็นสติปัญญา คอยจูงมือเราเดิน เรารู้ คอยช่วยเหลือเรา เรารู้ เรามีความหวังตรงนั้น  และมีความหวังในอนาคตด้วย ทั้งหมดนี้ เป็นความหวังที่เรารู้ชัดเจน แจ่มใส เพราะเต็มไปด้วยความเชื่อศรัทธา ที่พระเจ้าประทานให้ในวิญญาณ ในใจใหม่ของเรา ที่บังเกิดใหม่แล้วนั้น เราจึงรู้ทั้งหมดเหล่านี้ว่าฉันรู้ เพราะอยู่ในใจ

            ยอห์น 11:25-26 ฟังพระเยซูประกาศความจริง เกี่ยวกับเรื่องความหวังของการเป็นขึ้นจากความตาย ดูสิว่ามีใครบ้างที่เป็นนักสอนความเชื่อต่างๆ กล้าพูดอย่างนี้ นี่พระเยซูประกาศด้วยตัวของพระองค์เอง ตอนเดินอยู่บนโลกใบนี้ ประกาศชัดเจน แจ่มใสเลย คือถ้าเผื่อมันไม่เป็นจริงตามประกาศนี้ ข่าวดีนี้ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ มาถึงทุกวันนี้ได้ 2,000 ปีแล้ว บนโลกใบนี้  และผู้คนเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ  เพราะว่ามันไม่มีเหตุผลแบบมนุษย์ที่จะเข้าใจเลย อ่านช้าๆ แล้วลองฟังดู …

        ยอห์น 11:25-26 “พระเยซูตรัสว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้น  ถึงแม้ว่าเขาตายแล้ว ก็ยังจะมีชีวิตอีก และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเรา จะไม่ตายเลย เจ้าเชื่ออย่างนี้ไหม?”

            นี่ลองคิดดูสิ ถ้าไม่จริง ไม่น่าจะมีคนเชื่อมาจนถึงทุกวันนี้ มาถึง 2,000 ปีแล้ว

            “เจ้าเชื่ออย่างนี้ไหม?”

            เราในที่นี้ ตอบอย่างนี้ว่า … “เชื่อครับ เชื่อแล้ว รู้แล้วว่าจริง”

            พระเยซูตรัสว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวง” คือมนุษย์ทั้งหมดบนโลกใบนี้ สามารถที่จะเป็นขึ้นและมีชีวิตอยู่ ตรงนี้หมายถึงวิญญาณของมนุษย์  เราจะเป็นเหตุให้วิญญาณของมนุษย์ เป็นขึ้นและมีชีวิตอยู่ ก็แสดงว่าก่อนหน้านี้ อยู่ตรงข้ามตรงนี้อยู่ คือวิญญาณตายอยู่ พระเยซูกำลังบอกว่า “เราจะเป็นเหตุให้วิญญาณเขามีชีวิตขึ้นมาใหม่” แล้วก็บอกว่า “ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายไปแล้ว” ก็คือวิญญาณเขาตายอยู่แล้ว ยังไม่ได้ทำอะไรเลย วิญญาณตาย ร่างกายก็ไปสู่ความตาย ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็จริง ก็ยังจะมีชีวิตอีก คือวิญญาณได้เกิดใหม่ ในพระเยซู

            “และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย” คำว่า “ไม่ตายเลย” ตรงนี้ หมายถึงร่างกาย นี่แหละ กำลังพูดถึงร่างกายใหม่ ร่างกายที่จะได้รับใหม่ ในพระองค์ และทุกคนที่มีชีวิต ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ที่ยังไม่ตาย  แต่ถ้าเขาวางใจเรานะ เขาก็จะไม่ตายเลย

            ทุกคนที่มีชีวิตอยู่ ที่ยังไม่ตายทางร่างกาย ถ้าวางใจในพระเยซูคริสต์ เขาจะไม่ตายอีกเลย  เป็นไปได้หรือ? คนเราเกิดมาต้องตาย แต่พระเยซูบอกว่าถ้าเขาวางใจในเรา เขาเชื่อในเรา เขาจะไม่ต้องตาย เขาจึงเรียกผู้เชื่อหรือคริสเตียนทั้งหลาย ถ้าตามลักษณะอาการ เหมือนกับหมดลมหายใจไป ตายไป เขาจึงเรียกว่าล่วงหลับไป เขาไม่เรียกว่าตาย เพราะคริสเตียนไม่มีการตายอีกต่อไป

            พระเยซูกำลังพูดถึงเรื่องร่างกายเวอร์ชั่นเดิม ที่เราดำเนินอยู่บนโลกใบนี้ เกิดมา ก็มีร่างกายที่เป็นเวอร์ชั่นเดิม ฟังให้ดีๆ นะ นี่เป็นกฎ ก็คืออยู่ในการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป คือตาย คือสูญสิ้น ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มนุษย์ทุกคนเกิดมาอยู่ในเวอร์ชั่นเดิม ก็คือเกิดมาแล้ว ทำอะไร? อยู่ไป แต่ค่อยๆ เสื่อมไปเรื่อยๆ ไปสู่ความตาย หรือเรียกว่าดับไป หรือเรียกว่าสูญสิ้น นี่กำลังพูดถึงร่างกาย วันนี้เราพูดถึงเรื่องร่างกายโดยเฉพาะนะ วิญญาณนั้นตายอยู่แล้ว ตายจากพระสิริของพระเจ้า ไม่มีชีวิตอยู่ วิญญาณก็ตาย ร่างกายอยู่ในเวอร์ชั่นเดิม เกิด เดินได้ แต่ตั้งอยู่ด้วยความเสื่อมสลาย ไปสู่ความตาย ดับไป สูญสิ้น กลายเป็นดิน  และจากดินนั้น ในที่สุด วันหนึ่งพระเจ้าก็ทำลายจนสูญสิ้น เป็นไปตามกฎแห่งคำสาปแช่งที่ลงมาบนโลกใบนี้ เรียบร้อยแล้ว  ตั้งแต่สมัยอาดัม

            แต่ร่างกายของคริสเตียน อันนี้ไม่เหมือนกันแล้วนะ ที่พระเยซูกำลังบอก ร่างกายของคริสเตียน ผู้ที่วางใจในพระเยซูคริสต์ ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ พระองค์บอกไม่ตาย ก็คือไม่สูญสิ้นไป ไม่มีวันดับไป พร้อมๆ กับโลกใบนี้ วันหนึ่งข้างหน้า นี่คือเวอร์ชั่นใหม่  เพราะเขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลง จากเวอร์ชั่นเดิม มาเป็นเวอร์ชั่นใหม่ เขาไปอยู่ในมิติวิญญาณที่เรียกว่าสวรรค์ ให้เห็นพระเจ้าหน้าต่อหน้าได้ ถ้าเวอร์ชั่นเดิม ถ้าเป็นร่างกายเดิม อยู่ในกฎของเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วคราว ในพระคัมภีร์ใช้คำว่าชั่วคราว สิ่งของที่จับต้องมองเห็นได้บนโลกใบนี้ทั้งหมด ก็คือร่างกายของมนุษย์ที่เกิดมาจากดิน เกิดมาจากโลกใบนี้ทั้งหมด อยู่ในกฎของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วคราว  เพื่อจะไปดับสูญ สลายไป ทั้งโลกเลย มันจะดับสูญไป

            นี่คือกฎที่มันเกิดขึ้นแล้ว บนโลกใบนี้ แต่พระเยซูมาเพื่อช่วยไง ช่วยให้ร่างกายที่ต้องดับสูญนั้น ไม่ดับสูญ ไม่ต้องตาย ก็คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็อยู่ตลอดไปนิรันดร์ ไม่ตาย อยู่ที่ไหน? อยู่ในสวรรค์กับพระเจ้า อยู่ได้อย่างไร? อยู่ได้ เพราะว่ามีร่างกายเวอร์ชั่นใหม่ ที่เรากำลังเรียนรู้วันนี้ ร่างกายที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ ที่เป็นขึ้นจากความตาย  สิ่งเหล่านี้ได้รับโดยวิธีใด แค่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เท่านั้น แล้วก็ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในอาณาจักร ที่เรียกว่าสวรรค์ทันที ที่เรียกว่าในพระคริสต์ ในโลกวิญญาณทันที เป็นมัดจำเรียบร้อยไปแล้ว  แล้วร่างกายเดิมอยู่นั้น ก็เข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่ สู่เวอร์ชั่นใหม่ เวอร์ชั่นที่ 2 เพื่อจะได้สามารถเข้าสวรรค์ได้ในอนาคตอันใกล้นี้

            ตื่นเต้นมาก หลับตาแล้ว เห็นภาพเลย อีกไม่กี่วัน อีกไม่กี่เดือน อีกไม่กี่ปีนี้ หรือใครจะไม่รู้ อะไรจะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้บ้าง วันหนึ่งโลกมันจะต้องดับสูญไปทั้งหมด วันหนึ่งร่างกายเราก็ต้องดับสูญ แต่ตอนนี้เรามีความหวังใจ เห็นชัดเจนเลย จากภายในออกไป  จากถ้อยคำพระเจ้าก็เห็นชัดเจนว่าร่างกายเรากำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่สง่าราศี  เหมือนพระเยซูคริสต์ ไม่มีการตายอีกแล้ว แต่เวลาเราคุยกัน คุยให้มนุษย์ฟัง เล่าสู่กันฟัง มันไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร? ก็ต้องบอกว่าหลังความตายๆ  จริงๆ ไม่ใช่หลังความตาย หลังการเปลี่ยนแปลงร่างกาย จากเวอร์ชั่นหนึ่งไปเวอร์ชั่นสอง สำหรับคนที่เป็นคริสเตียนแล้ว ไม่มีคำว่าตาย

            คริสเตียนจึงมีความหวัง ในเรื่องสวรรค์ ในโลกหน้า ไม่เหมือนชาวบ้านเขา เพราะว่าเป็นความหวังที่มันจับต้องมองเห็นได้ ในโลกหน้า คือในโลกหลังจากที่เราหมดลมหายใจ หลังจากการเปลี่ยนแปลงแล้ว  เพราะคริสเตียนมีความหวังในเรื่องโลกสวรรค์ โลกหน้า  ที่จับต้องมองเห็นได้ พิสูจน์ได้เดี๋ยวนี้ทันที ขณะที่ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว จากภายใน  และยังมีถ้อยคำพระเจ้ากำกับ ยืนยันอีก พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ยืนยันในใจ เพราะอะไรถึงมีความมั่นใจ แน่ใจ  ก็เพราะว่าคริสเตียนได้เริ่มต้น มีประสบการณ์ในการอยู่ในสวรรค์กับพระเจ้าเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว เอเมนไหม?

            ขณะที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงเข้าสู่มิติในโลกฝ่ายวิญญาณ  เราก็ได้รับประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตอยู่ในสวรรค์กับพระเจ้าแล้ว ก็คือเราเป็นลูกของพระเจ้า และ 7 อย่างเหล่านั้นได้สถาปนาอยู่ในใจของเรา เรารู้อยู่แล้ว จิตวิญญาณที่ได้รับการบังเกิดใหม่ นึกถึงตัวเราเองตอนนี้ พอเราเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอด  อัศจรรย์เกิดขึ้นปุ๊บ จิตวิญญาณที่ได้รับการบังเกิดใหม่ เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ทันทีแล้ว ถูกไหมครับ? ตั้งแต่ตอนดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว เกิดใหม่แล้ว เป็นลูกของพระเจ้าแล้ว พระคัมภีร์บอกว่าวิญญาณ จิตใจของมนุษย์ที่เกิดใหม่ เป็นลูกของพระเจ้าแล้ว จะคอยคร่ำครวญ เฝ้ารอคอยวันที่จะจากร่างเดิมนี้  เพื่อจะได้รับร่างกายที่เปลี่ยนแปลงใหม่ คร่ำครวญรอคอยวันที่จะจากร่างเดิม เวอร์ชั่นเดิม อันต่ำต้อยนี้ เพื่อสวมร่างกายใหม่ ร่างกายสวรรค์ ที่เป็นเหมือนร่างกายของพระเยซูคริสต์ที่เป็นขึ้นจากความตาย  เป็นตัวอย่างให้กับเรา ที่เต็มไปด้วยสง่าราศี พระสิริ และด้วยความยิ่งใหญ่ เป็นขึ้นจากความตาย ด้วยฤทธิ์เดชอำนาจอันยิ่งใหญ่ อันมหัศจรรย์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า พระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างนั้น

            เพราะฉะนั้น เราจึงรู้อยู่ในใจ เราจึงเฝ้าครวญครางรอคอย วันที่เราจะได้ไปอยู่ในสวรรค์อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ด้วยร่างกายที่เปลี่ยนแปลงเป็นเวอร์ชั่น 2 เพราะเวอร์ชั่น 1 เข้าสวรรค์ไม่ได้ เวอร์ชั่น 2 เท่านั้น จึงจะเข้าสวรรค์ได้ เพราะเป็นเวอร์ชั่นที่เรียกว่าร่างกายสวรรค์ ที่ร่างกายเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ ฟิลิปปี 3:20-21 …

        ฟีลิปปี 3:20-21 “แต่เราเป็นพลเมืองสวรรค์ และเราเฝ้ารอคอยพระผู้ช่วยให้รอดจากสวรรค์คือองค์พระเยซูคริสต์เจ้า พระองค์จะทรงเปลี่ยนกายอันต่ำต้อยของเรา ให้เหมือนพระกายอันทรงพระเกียรติสิริของพระองค์ โดยฤทธานุภาพที่สยบทุกสิ่งไว้ใต้อำนาจของพระองค์”

            เห็นไหมครับอย่างที่ผมบอกแล้ว ตั้งแต่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว จึงบันทึกไว้อย่างนี้ว่า …

            “แต่เราเป็นพลเมืองสวรรค์” ก็หมายถึงเราเป็นพลเมืองสวรรค์แล้ว ขณะนี้ ตอนดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ก็เรียกแล้วว่าเป็นพลเมืองสวรรค์ เป็นประชากรของสวรรค์คนหนึ่ง เป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้าคนหนึ่งแล้ว เอเมน ทางโลก เราอาจจะอยู่ในประเทศไทย แต่ในโลกวิญญาณ เราอยู่ในสวรรค์แล้ว เอเมนไหม? มีทรัพย์สมบัติมากมาย มีมรดกเยอะแยะมากมายเลย อยู่ในสวรรค์แล้วก็จริง แต่ร่างกายยังเป็นเวอร์ชั่นหนึ่ง ยังเข้าสวรรค์ไม่ได้

            “และเราเฝ้ารอคอยพระผู้ช่วยให้รอดจากสวรรค์ คือพระเยซูคริสต์เจ้า พระองค์จะทรงเปลี่ยนกายอันต่ำต้อยของเรา” ก็คือกายเดิมอันต่ำต้อย กายที่เราอยู่อาศัยตอนนี้ อันต่ำต้อย เมื่อเทียบกับกายสวรรค์สู้ไม่ได้เลย เพราะว่ากายอันนี้ไม่สามารถเข้าสวรรค์ได้ ต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง

            “พระองค์จะเปลี่ยนกายอันต่ำต้อยของเรา ให้เหมือนพระกายอันทรงพระเกียรติสิริของพระองค์ ด้วยฤทธานุภาพที่สยบทุกสิ่งไว้” ก็คือด้วยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์  พูดง่ายๆ ว่าเรารอคอยให้พระเยซูคริสต์ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ มาเปลี่ยนแปลงร่างกายของเรา จากเวอร์ชั่นเดิม ที่ต่ำต้อยนี้ มาเป็นเวอร์ชั่นใหม่ เวอร์ชั่น 2 ที่เป็นร่างกายแบบสวรรค์ ที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ ที่เต็มด้วยสง่าราศี  และพระสิริของพระองค์ เอเมน

            ท่านเห็นอะไรไหม?  พอนึกถึงคำว่า “ต่ำต้อย” ผมนึกถึงอะไร? พระเยซูเป็นพระเจ้า เต็มด้วยสง่าราศี  เต็มด้วยพระสิริของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า  แต่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงมาเป็นมนุษย์ที่ต่ำต้อย นึกออกไหม? วันคริสตมาส บันทึกไว้ชัดเจน พระเยซูได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เข้ามาอยู่ในร่างกายแบบมนุษย์ ในครรภ์ของหญิงพรหมจารีแมรี่ โดยเดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือการเปลี่ยนแปลงสภาพจากวิญญาณของพระเจ้า ที่เต็มด้วยสง่าราศี เข้ามาอยู่เป็นมนุษย์ เหมือนเราทั้งหลาย ที่ต่ำต้อยเหลือเกิน โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์เหมือนกัน ไม่มีผิดเลย เหมือนกับตอนนี้ แต่กลับข้างกัน ตอนที่พระองค์มาเปลี่ยนแปลง มาต่ำต้อยเหมือนมนุษย์ จึงมาช่วยมนุษย์ให้สามารถที่จะกลับกัน ก็คือเปลี่ยนแปลงจากร่างกายอันต่ำต้อยนี้ เกิดจากครรภ์มารดานี้ เป็นมนุษย์ธรรมดานี้ กลับกลายเป็นร่างกายที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ ขอบคุณพระเจ้า สรรเสริญพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด

            นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าตั้งแต่ก่อนสร้างโลก พระคัมภีร์บันทึกไว้  คือต้องการให้มวลมนุษย์ทั้งหลายได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจากโทษของความบาป  คือการตายฝ่ายวิญญาณ  และได้รับการบังเกิดใหม่ เป็นวิญญาณและจิตใจ และร่างกายใหม่ที่เป็นเหมือนพระเจ้า  เป็นเหมือนพระบุตร พระเยซูคริสต์ นี่คือแผนการของพระองค์ ต้องการอย่างนี้ตั้งนานแล้ว โรม 8:29 ได้บันทึกไว้อย่างนี้ชัดเจนเลยว่า …

        โรม 8:29 “เพราะว่าบรรดาผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงรู้จัก ได้รัก และได้เลือกสรรไว้ล่วงหน้าแล้วนั้น พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าก่อนสร้างโลกแล้ว ว่าเขาทั้งหลายจะได้รับการเปลี่ยนแปลง จนกระทั่ง ให้เป็นเหมือนพระบุตรของพระองค์ (พระเยซู) และเข้าส่วนร่วมในความบริสุทธิ์  ปราศจากบาป อย่างสมบูรณ์ที่สุดเหมือนพระองค์”

            พระองค์ได้ทรงเลือกสรรและกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว เลือกสรรมนุษย์ทั้งปวง มนุษย์ทุกคน ได้รับการเลือก จากพระเจ้าแล้ว

            “เพื่อว่ามนุษย์ทั้งปวงเขาทั้งหลายนั้นจะได้รับการเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งให้เป็นเหมือนพระบุตรของพระองค์ พระเยซูคริสต์ เข้าส่วนร่วมความบริสุทธิ์ ความยิ่งใหญ่ สมบูรณ์ดีพร้อมเหมือนพระองค์เลยทีเดียว เพื่อว่าพระเยซูจะได้เป็นบุตรหัวปี มนุษย์ผู้แรกที่ได้รับการบังเกิดใหม่  เป็นขึ้นจากความตาย ท่ามกลางพี่น้องมากมาย คือมนุษย์ทั้งหลาย ที่ถ่อมใจ เปิดใจรับสิทธิของตน  ก็คือคริสเตียนทั้งหลายนั่นเอง พระเยซูเป็นเหมือนบุตรหัวปี เป็นผู้แรกที่ได้รับการบังเกิดใหม่

            คือพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า “เพื่อว่าพระเยซูได้เป็นบุตรหัวปี มนุษย์ผู้แรกที่ได้รับการบังเกิดใหม่ เป็นขึ้นจากตาย ท่ามกลางพี่น้องมากมาย คือเป็นผู้แรกที่ได้บังเกิด ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากความตาย มาสู่ชีวิตนั่นเอง”

            เป็นแบบอย่าง เป็นเหมือนต้นแบบ ท่ามกลางพี่น้องมากมาย คือมนุษย์ทั้งหลาย ที่ถ่อมใจ เปิดใจต้อนรับสิทธิของตน เป็นคริสเตียน ก็จะได้อย่างนี้ เหมือนที่พระองค์ทรงได้ ได้รับร่างกายเหมือนกับที่พระองค์ทรงได้  พระองค์เป็นผู้แรกที่ได้ ก็จะมีผู้ที่ 2 ผู้ที่ 3 ผู้ที่ 4 ผู้ที่ 5 ผู้ที่ 6 เราทั้งหลายอาจจะเป็นผู้ที่ล้าน  3 ล้าน  4 ล้าน คนที่เท่าไรไม่รู้ แต่เราก็ได้ เหมือนที่พระเยซูได้ และพระเยซูได้ทำภารกิจเหล่านี้สำเร็จแล้ว ที่ไม้กางเขน  และได้เป็นขึ้นจากความตาย เป็นผลแรกที่เราได้เห็น และเราฉลองไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วันอีสเตอร์นั้น วันที่จากการเป็นขึ้นจากความตาย  วันที่เป็นพยานด้วยตัวของพระองค์เองว่ามันจะอย่างนี้แหละ ร่างกายของน้องๆ ทั้งหลาย คือมนุษย์ทั้งหลายที่วางใจในเรา ที่จะไม่ตาย  จะเป็นอย่างนี้แหละ จะเป็นขึ้นจากความตายเหมือนกับเราอย่างนี้แหละ พระองค์ยืนยันด้วยตัวของพระองค์เองเลย มาปรากฏให้เห็นเลย 1 โครินธ์ 15:20-22 …

        1 โครินธ์ 15:20-22 “20 แต่นี่ทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตายจริงๆ เป็นผลแรกของบรรดาผู้ที่ล่วงลับไป 21 เพราะในเมื่อความตาย สืบเนื่องมาจากมนุษย์คนเดียว การเป็นขึ้นจากตาย ก็สืบเนื่องมาจากมนุษย์คนเดียวเช่นกัน 22 เพราะว่าในอาดัม คนทั้งปวงตายฉันใด ในพระคริสต์ คนทั้งปวงจะได้รับชีวิต บังเกิดใหม่ เหมือนพระองค์ฉันนั้น”

            “พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นจากตายจริงๆ เป็นผลแรกของบรรดาผู้ที่ล่วงลับไป” ก็คือเป็นคนแรก เป็นตัวอย่าง  สำหรับบรรดาผู้ที่ล่วงหลับ เห็นไหม? หมดลม  ไม่ใช่เป็นผลแรกของคนที่ตายไป คนที่ตายไปเราพูดตามภาษามนุษย์ แต่จริงๆ แล้วต้องหมายถึงว่าเป็นผลแรก ให้กับบรรดาผู้คนที่ล่วงหลับ และได้รับการเปลี่ยนแปลงร่างกายใหม่นั่นเอง

            ในข้อ 22 บอกว่า “เพราะว่าในอาดัม คนทั้งปวง ตายฉันใด” เพราะว่าในอาดัม คนทั้งปวงอยู่ในเวอร์ชั่นเดิม เวอร์ชั่น 1 ร่างกายต้องตาย “แต่ในพระคริสต์ คนทั้งปวงจะได้รับชีวิต บังเกิดใหม่เหมือนพระเยซูคริสต์”

            ก็คือคนทั้งปวงไม่ต้องตายแล้ว จะได้รับการเปลี่ยนแปลง ให้เป็นร่างกายใหม่ เป็นร่างกายที่เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ ไม่ตายครับ พระเยซูคริสต์เป็นคนแรก เป็นผลแรกของมนุษย์พันธุ์ใหม่ เรียกว่าพันธุ์พระคริสต์ เวอร์ชั่นใหม่ 2 โครินธ์ 5:17 บอกว่า

            “ใครที่อยู่ในพระคริสต์ เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่”

            หมายถึงใหม่ตรงนี้ วิญญาณใหม่ ใจใหม่ ประทานให้เรียบร้อยแล้ว ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ได้ 2 อย่างนี้ไปแล้ว  แต่พอถึงวันหนึ่งที่จะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ เข้าสู่มิติสวรรค์นั้น ต้องเปลี่ยนแปลงร่างกายใหม่ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นร่างกายเวอร์ชั่นใหม่ เหมือนพระเยซูคริสต์ เพราะฉะนั้น ผลแรก พระคริสต์ มนุษย์พันธุ์ใหม่ เวอร์ชั่นใหม่ จึงเป็นความหวังของมวลมนุษย์ทั้งหลายบนโลกนี้ ที่อยู่ในเวอร์ชั่นเก่านั่นเอง เวอร์ชั่นเก่าเข้าสวรรค์ไม่ได้ ร่างกายเดิม เวอร์ชั่นเดิมที่มาจากอาดัมนั้น มันต้องตาย แล้วก็ลงดินไป แล้วก็ในที่สุด ดับสูญ อย่างที่บอกตอนต้น ตั้งอยู่เพียงชั่วคราว และก็ดับสูญไป แต่เวอร์ชั่นใหม่ อยู่ถาวรนิรันดร์ ในสวรรค์ได้ เข้าไปสู่มิติสวรรค์ได้ เพราะในมิติสวรรค์ร่างกายใหม่นี้เท่านั้น จึงจะสามารถอยู่ในสวรรค์ เป็นมนุษย์พันธุ์ใหม่ได้ ถ้าไม่มีร่างกายใหม่นี้ สูญสิ้นไป ก็เป็นมนุษย์พันธุ์เดิมที่ไม่มีร่างกาย เพราะร่างกายหมดไปแล้ว  เพราะว่าตายไปแล้ว เหลืออะไร?  เหลือวิญญาณ และจิตใจที่ไม่มีพระเจ้า ไม่มีพระสิริของพระเจ้า อยู่ในสวรรค์กับพระเจ้าไม่ได้  เราเรียกกันว่าเป็นผี ลอยไปแล้วก็ลอยมา ไม่มีร่างกาย แล้วเราค่อยเรียนรู้เรื่องนี้ละเอียดกันอีกทีหนึ่ง

            มาดูร่างกายใหม่ เวอร์ชั่นใหม่ ผลแรก คนแรกของมนุษย์พันธุ์ใหม่ คือพระเยซูคริสต์กันต่อว่าเราจะได้รับอย่างนี้ ได้อย่างไร? โรม 8:11 …

        โรม 8:11 “และถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ผู้ทรงได้ชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย สถิตอยู่ภายในท่าน พระองค์ผู้ทรงชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตายนี้ ก็จะประทานชีวิตนิรันดร์ (ที่เหมือนพระเยซู) ให้แก่อวัยวะต่างๆ ของร่างกายภายนอก ที่กำลังเสื่อมสลายของท่านนี้ด้วยเช่นกัน โดยผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ทรงสถิตอยู่ในท่าน”

            ฮาเลลูยา นี่คือวิธีการที่เกิดขึ้น ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ผู้ทรงได้ชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย สถิตอยู่ในท่าน ถ้าเผื่อพระวิญญาณผู้ชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตายอยู่ในเรา เพราะว่าเราเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์แล้ว พระเจ้าเข้ามาอยู่ในเราแล้ว เป็นสิ่งที่เราได้รับแล้ว ตอนที่เราดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ อัศจรรย์หนึ่งอย่าง ก็คือพระเจ้าเข้ามาอยู่ในเรา พระวิญญาณก็เข้ามาอยู่ในเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในเรา พระองค์คือพระบิดาผู้ทรงชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย  ก็คือผู้ที่ได้เปลี่ยนแปลงพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตายนั้น คือพระบิดาเป็นคนทำ แต่ทำผ่านทางพระวิญญาณ

            พระบิดาผู้ทรงชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย ก็จะประทานชีวิตนิรันดร์ให้เหมือนพระเยซู ตรงนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องวิญญาณนะ  ประทานชีวิตนิรันดร์ที่เหมือนพระเยซูให้กับร่างกายของท่าน ที่ต้องตายนั้น จะได้ไม่ต้องตาย ก็จะประทานชีวิตนิรันดร์ให้แก่อวัยวะต่างๆ ของร่างกายภายนอก ที่กำลังเสื่อมสลายของท่านนี้  ที่จะวิ่งไปสู่ความตาย ด้วยเช่นเดียวกัน คือไม่ต้องตาย เปลี่ยนแปลงไปเลย เปลี่ยนใหม่ไปเลย โดยผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงสถิตอยู่ในท่าน พอพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในเรา พระวิญญาณนี้เป็นผู้เปลี่ยนแปลงพระเยซูจากความตายมาสู่ร่างกายใหม่ โดยคำสั่งของพระบิดา พระบิดาก็จะประทานอย่างนี้ให้กับเราทั้งหลาย ในร่างกายของเรา  เราก็จะเป็นขึ้นจากความตาย  คือไม่ต้องตายแล้ว  พระเยซูทำให้เราเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอเมน ขอบคุณพระเจ้า

            คราวนี้เรามาดูร่างกายภายนอกของเรา ที่พูดไว้เมื่อสักครู่นี้ ที่บอกว่าอวัยวะต่างๆ ในร่างกายภายนอก ที่กำลังเสื่อมสลาย เปลี่ยนแปลงไปเหมือนพระเยซูคริสต์ ที่เรียกว่าเป็นขึ้นจากความตาย  หรือได้รับการเปลี่ยนแปลงนั้น มันมีลักษณะเป็นเช่นไร? พูดง่ายๆ ว่ามาดูสิว่าร่างกาย เวอร์ชั่นใหม่ พระคัมภีร์ได้มีบอกไว้อะไรบ้าง? คร่าวๆ นะ

            ลักษณะร่างกายของพระเยซูคริสต์ที่เป็นขึ้นจากความตาย ก็คือสิ่งที่เราจะได้รับในไม่ช้านี้ เมื่อวันเวลามาถึงร่างกายเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ เป็นเหมือนพระเยซู ไม่ใช่ตาย เราไม่มีตายอยู่แล้ว จากนี้เราพูดกับใครก็ตาม เราไม่มีวันตายอยู่แล้ว เมื่อถึงวาระเวลา อายุเท่าไรแล้วแต่ เกิดอุบัติเหตุ เกิดโรคภัยไข้เจ็บ  เกิดอะไรต่างๆ ถึงเวลาปุ๊บ พระวิญญาณจะเปลี่ยนแปลงร่างกายเรา เป็นร่างกายใหม่ หมดลม เปลี่ยนร่างกาย สวมร่างกายใหม่ทันที

            ในปัจจุบันนี้ร่างกายของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็สถิตอยู่แล้ว กำลังเตรียมตัว เตรียมร่างกายของเรา  พูดง่ายๆ เหมือนเตรียมผ่าตัด พอถึงเวลาตามกำหนดปุ๊บ  ก็เปลี่ยนเรา เป็นร่างกายเหมือนพระเยซู เข้าสู่สวรรค์ จบไป อยู่ในสวรรค์นิรันดร์เลย

            มาดูลักษณะร่างกายของพระเยซู ที่เป็นขึ้นจากความตาย ซึ่งเราจะได้รับอย่างนี้เช่นเดียวกัน เราจะเป็นคล้ายๆ อย่างนี้เช่นเดียวกัน ในยอห์น 20:14-18  ช่วงที่พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย  เรามาดูสิว่าลักษณะร่างกายเวอร์ชั่นใหม่ มนุษย์พันธุ์ใหม่  ผลแรก คนแรก  ก็คือพระเยซูคริสต์ มีลักษณะเป็นอย่างไร? …

        ยอห์น 20:14-18  “เมื่อมารีย์พูดอย่างนั้นแล้ว  ก็หันกลับมา  และเห็นพระเยซูประทับยืนอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นองค์พระเยซู พระเยซูตรัสถามว่า “หญิงเอ๋ย ร้องไห้ทำไม เจ้าตามหาผู้ใด” มารีย์สำคัญว่าพระองค์เป็นคนทำสวน จึงตอบว่า “นายเจ้าข้า ถ้าท่านเอาพระองค์ไป ขอบอกให้ดิฉันรู้ว่าเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน ดิฉันจะได้รับพระองค์ไป” พระเยซูตรัสกับเธอว่า “มารีย์เอ๋ย” มารีย์จึงหันมาทูลพระองค์เป็นภาษาฮีบรูว่า “รับโบนี” (ซึ่งแปลว่า อาจารย์) พระเยซูตรัสกับเธอว่า “อย่าหน่วงเหนี่ยวเราไว้ เพราะเรายังมิได้ขึ้นไปหาพระบิดาของเรา แต่จงไปหาพวกพี่น้องของเรา  และบอกเขาว่าเราจะขึ้นไปหาพระบิดาของเราและพระบิดาของท่านทั้งหลาย ไปหาพระเจ้าของเรา และพระเจ้าของท่านทั้งหลาย” มารีย์มักดาลา จึงไปบอกพวกสาวกว่า “ข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” และเธอได้บอกเขาทั้งหลายว่า “พระองค์ได้ตรัสคำเหล่านั้นกับเธอ”

            นี่เป็นเหตุการณ์ตอนที่พระเยซูเป็นขึ้นจากตาย ในวันอาทิตย์เช้า มารีย์ไปเจอ เรามาดูสิร่างกายจะเป็นอย่างไร?

            (1) และเห็นพระเยซูประทับยืนอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นพระเยซู แสดงว่าก็เหมือนมนุษย์ ถูกไหม? เหมือนร่างกายเราอย่างนี้ มองเห็นได้ นึกว่าเป็นคนทำสวน  พระองค์ก็เป็นแบบมนุษย์เราอย่างนี้ 

            (2) แล้วยังคุยกันกับมารีย์ แรกๆ คุยกันภาษาธรรมดา เป็นภาษาทั่วๆ ไป พื้นๆ แต่พอมาบอกว่า … “มารีย์เอ๋ย” พูดชื่อเลย สนิทสนมกันมาก จำได้ทันที แสดงว่าเสียงก็ไม่ต่างไปจากเดิมเท่าไร?  เพราะมารีย์จำได้

            พอเห็นลางๆ แล้ว พระคัมภีร์บอกว่าเราเห็นไม่ชัดเจน เราเห็นในกระจก คือเรามองในกระจก เราเห็นตัวเอง เห็นลางๆ ในโลกวิญญาณ  แต่เราพอจะจับทางได้ว่ามันเป็นลักษณะอย่างนี้ คุยให้ตื่นเต้นเฉยๆ แสดงว่าพระเยซูพูดกับมารีย์  จำได้ว่านี่เสียงพระเยซู แล้วมารีย์บอกว่าอย่างไร?  พอจำได้ว่าเป็นพระเยซู เรียกพระเยซูว่าอาจารย์ และบอกกับพวกเพื่อนๆ ทั้งหลายบอกว่า …

            “ข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว”

            แสดงว่ามองไปเห็น  สามารถเห็นได้ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เป็นแสงสว่าง มองไม่ได้เลย นี่ร่างกายใหม่ ร่างกายของพระเจ้า ที่เปลี่ยนแปลงมาเป็นมนุษย์แล้ว และจากมนุษย์พันธุ์เดิม เป็นมนุษย์พันธุ์ใหม่ จะบอกว่าอย่างไร? คืออยู่ในสวรรค์ เป็นพระเจ้า แต่เป็นพระเจ้าแบบมีร่างกาย เป็นแบบมนุษย์ เพราะฉะนั้น พระองค์จึงบอกอยู่เสมอว่าพระองค์เป็นบุตรมนุษย์ ตอนนี้เท่ากับบุตรมนุษย์ครอบครองอาณาจักรสวรรค์ทั้งหมดแล้ว พระเจ้าประทานให้พระบุตร ก็คือพระเยซูคริสต์ตอนนี้เป็นมนุษย์พันธุ์ใหม่อยู่ในสวรรค์ และเราก็เป็นพี่น้องของพระองค์ ร่วมกันครอบครองสวรรค์ ด้วยมนุษย์พันธุ์ใหม่นี่แหละ มาดูอีกอันหนึ่ง ยอห์น 20:26-29 …

        ยอห์น 20:26-29 “ครั้นล่วงไปแปดวันแล้ว เหล่าสาวกของพระองค์อยู่ด้วยกันในบ้านนั้นอีก และโธมัสก็อยู่กับพวกเขาด้วย ประตูปิดแล้ว แต่พระเยซูเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขา และตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” แล้วพระองค์ตรัสกับโธมัสว่า “จงยื่นนิ้วมาที่นี่ และดูมือของเรา จงยื่นมือออก คลำที่สีข้างของเรา อย่าขาดความเชื่อเลย จงเชื่อเถิด” โธมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์” พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อ ก็เป็นสุข”

            ประตูปิดแล้ว แต่พระเยซูเสด็จเข้ามา ก็แสดงว่าเดินผ่านทะลุกำแพงได้ มีร่างกาย สามารถจับได้ คลำดูสิว่าเป็นอย่างไร? ในลูกา 24:15-17 …

        ลูกา 24:15-17 “และเมื่อเขากำลังพูดสนทนากันอยู่ พระเยซูก็เสด็จเข้ามาใกล้ ดำเนินไปกับเขา แต่ตาเขาฟางไป และจำพระองค์ไม่ได้ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เมื่อเดินมานี่ ท่านโต้ตอบกัน ถึงเรื่องอะไร” เขาก็หยุดยืนหน้าโศกเศร้า”

            ท่านจะได้รู้ว่าเป็นลักษณะอย่างไร?  พระองค์ทรงรับประทานอาหารได้ด้วย  และมีความรู้สึกหิวด้วย

            นี่คือร่างกายใหม่ของพระเยซูคริสต์และของเราทั้งหลาย ที่จะได้รับ  ลูกา 24:39 …

        ลูกา 24:39 “จงดูมือของเรา และเท้าของเราว่าเป็นเราเอง จงคลำตัวเราดู เพราะว่าผีไม่มีเนื้อและกระดูกเหมือนท่านเห็น เรามีอยู่นั้น”

            ตอนแรกเขาตกใจ นึกว่าพระองค์เป็นผี  พระองค์บอกมาจับดูสิ ถ้าเป็นผีจริง จะไม่มีร่างกาย เพราะฉะนั้น พระองค์ไม่ใช่ผี มาจับดู มีร่างกายจริงๆ พระองค์เป็นบุตรมนุษย์ พันธุ์ใหม่ จะอยู่ในสวรรค์ เราก็จะเป็นอย่างนั้นแหละ ไม่ใช่เป็นผีลอยไปลอยมา เป็นมนุษย์พันธุ์ใหม่ มีร่างกายแบบสวรรค์ที่เต็มไปด้วยสง่าราศีมากต่างหาก  เหมือนพระเยซูคริสต์ และเป็นร่างกายแบบสวรรค์ที่เรารอยคอย ร่างกายที่เป็นความรัก ร่างกายที่เป็นความบริสุทธิ์ ความดีงาม  ความสุขสงบ สดชื่น ยินดี แข็งแรง เต็มไปด้วยพลังทั้งร่างกายและความคิดจิตใจ  เพราะไม่มีอิทธิพลของบาป ของเนื้อหนังมาล่อลวงอีก ร่างกายที่ไม่มีวันแก่  ไม่มีวันเจ็บป่วย ไม่ทรุดโทรม ไม่มีความคิดกังวล กลัว อิจฉา ริษยา อาฆาต โมโห ฉุนเฉียว ไม่มีสิ่งสกปรกใดๆ อยู่เลย ในร่างกายนี้ เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์เลยทีเดียว  และสิ่งสำคัญที่สุด คือได้เข้าร่วมในสง่าราศีอันยิ่งใหญ่ แห่งพระสิริของพระเยซูคริสต์ เพราะเราเป็นเหมือนพระองค์ ไปเป็นพี่น้องของพระองค์ เป็นครอบครัวเดียวกัน  เราเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นร่างกายของพระองค์ด้วยซ้ำไป

            เพราะฉะนั้น ในการดำเนินชีวิตในขณะนี้ ความหวังเราอยู่ที่พระเยซูคริสต์สถิตอยู่ในเรา เป็นความหวังแห่งเกียรติสิริ

            “พระคริสต์อยู่ในฉัน เป็นความหวังแห่งเกียรติสิริ ที่ฉันจะร่วมรับกับพระองค์ในสวรรคสถานชั่วนิรันดร์ วันหนึ่งร่างกายของฉันจะเป็นขึ้นจากตาย เหมือนพระเยซู ก็คือวันหนึ่ง ร่างกายของฉันจะเปลี่ยนแปลงใหม่ ไม่ตายอีกแล้ว เปลี่ยนแปลงร่างกายใหม่ เป็นเหมือนพระเยซูเข้าสู่สวรรค์นิรันดร์กาล ครอบครองกับพระเยซูในสวรรค์นิรันดร์กาล” พระเจ้าอวยพรครับ

************************

จากใจคณะศิษยาภิบาล

            –  เป็นปลาก็ว่ายน้ำตามธรรมชาติ

            –  เป็นนกก็บินตามธรรมชาติ

            –  เป็นงูก็เลื้อยตามธรรมชาติ

            –  เป็นคริสเตียนบังเกิดใหม่แล้ว ก็รักตามธรรมชาติในใจ

            แต่เดิมนั้น พระเจ้าให้อิสราเอล ซึ่งเป็นตัวแทนของมวลมนุษยชาติ ถือรักษาบทบัญญัติไว้ แต่อิสราเอลไม่สามารถทำได้ พวกเขาไม่ซื่อตรง เพราะมีวิญญาณบาป และมีใจกบฏ ไม่เชื่อฟัง  ละเมิดบทบัญญัติตลอด

            พระเจ้าจึงส่งพระบุตรมา เป็นตัวกลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า เพื่อให้มนุษย์ได้กลับคืนดีกับพระเจ้า และพระองค์ได้ให้วิญญาณใหม่และใจใหม่ ใจที่เชื่อฟัง และจารึกบทบัญญัติใหม่ ไว้ในใจนั้น ให้พวกเขาที่เข้ามาเชื่อ และไว้วางใจในพระบุตรนั้น

            บัญญัติอันเดิม เป็นบทบัญญัติสมัยโมเสส จารึกไว้บนแผ่นหินให้ถือรักษาเอาไว้ (ธรรมชาติใจเดิมบาปมักกบฏไม่เชื่อฟัง)

            บัญญัติอันใหม่ คือพระเจ้าทรงจารึกบทบัญญัติของพระองค์ไว้ในใจของมนุษย์ ที่ต้อนรับพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว (ธรรมชาติใจใหม่ ดีพร้อม เชื่อฟัง)

            ฮีบรู 8:10-11…  “พระเจ้าให้คำสัญญาและสาบานว่า … 10 “นี่คือพันธสัญญา (ใหม่) ที่เราจะทำกับพงศ์พันธุ์อิสราเอล (มวลมนุษย์) หลังจากสมัยนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ เราจะใส่บทบัญญัติของเราในจิตใจของพวกเขา จารึกบนหัวใจของพวกเขา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา 11 ผู้คนจะไม่สอนพี่น้องของตนอีกต่อไปว่า “จงรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า” เพราะพวกเขาทุกคนจะรู้จักเรา ตั้งแต่ผู้น้อยที่สุด ไปจนถึงผู้ใหญ่ที่สุด”

            และแล้วพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า ก็มากระทำให้คำสัญญานี้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว  โดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน   และเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม

            แล้วพระเจ้าก็เริ่มต้นบัญญัติใหม่ ในพันธสัญญาใหม่กับมวลมนุษย์

            1 ยอห์น 3:23 … “และนี่เป็นพระบัญญัติ  (ใหม่) ของพระองค์ คือว่าให้เราทั้งหลายวางใจในพระนามของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ และให้เรารักซึ่งกันและกัน ตามที่พระองค์ได้ทรงบัญญัติไว้ (ในใจ) แก่เรา”

            ยอห์น 13:34 … พระเยซูคริสต์ตรัสว่า … “เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย  คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น”

            เมื่อเราบังเกิดใหม่ พระเยซูได้แบ่งปันความรักที่เหมือนพระเจ้าให้เรา แล้วเราจึงแบ่งปันความรัก ที่เหมือนพระเจ้านี้ให้แก่คนอื่นได้ อย่างเป็นธรรมชาติจากใจ

            1 ยอห์น 5:3 …  “เพราะนี่แหละ เป็นความรักต่อพระองค์  คือที่เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติ (ใหม่) ของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระ”

            ความรักแท้ที่เหมือนพระเจ้า เป็นลักษณะธรรมชาติที่อยู่ในวิญญาณในใจเราอยู่แล้ว   เมื่อเราบังเกิดใหม่ เราแค่ฝึกฝนยอมปล่อยให้ ธรรมชาติของความรักนี้ ฉายแสงออกมา เป็นความประพฤติเท่านั้นเอง แบ่งปันออกไปให้ผู้อื่นเหมือนกับที่พระเยซูได้แบ่งปันให้กับเราแล้ว

            เมื่อเราบังเกิดใหม่ วิญญาณและจิตใจเป็นความรักเหมือนพระเจ้าแล้ว เราจึงแบ่งปันความรักข้างในนี้ โดยธรรมชาติที่มาจากภายใน ให้กับคนอื่นๆ ได้

            ความรักเป็นลักษณะธรรมชาติของวิญญาณ และจิตใจของเราที่เกิดใหม่ เราแค่รับรู้ความจริงนี้ และฝึกฝนตามธรรมชาติของความรัก ที่เหมือนพระเจ้านี้ ฉายแสงออกมาเท่านั้นเอง

ซึ่งไม่เป็นภาระเลย

            เพราะมันเป็นไปตามธรรมชาติที่เราเป็นอยู่ …

            – เหมือนเป็นปลาก็ว่ายน้ำตามธรรมชาติ

            – เป็นนกก็บินตามธรรมชาติ

            –  เป็นงูก็เลื้อยตามธรรมชาติ

            –  เป็นคริสเตียนบังเกิดใหม่ ก็รักตามธรรมชาติ

            พระเจ้าอวยพรครับ