คำบรรยายพิเศษ
คืนวันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน 2020
เรื่อง “การระลึกถึงพระเยซูคริสต์ คืนก่อนพระเยซูคริสต์จะถูกจับ”
โดย นคร เวชสุภาพร
สวัสดีครับวันนี้เป็นไลฟ์พิเศษ เป็นเซอร์ไพร์ส อย่างที่บอกไว้ว่าช่วงสัปดาห์นี้จะมีเซอร์ไพร์สให้พี่น้องที่ไม่ได้มีโอกาสมานมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ อย่างน้อยก็มีไลฟ์อย่างนี้เข้ามาแทน โดยเฉพาะวันนี้ เป็นวันสำคัญวันหนึ่ง ปกติทุกปีเราจะไม่มีการระลึกอย่างนี้ในการนมัสการพระเจ้าที่โบสถ์หรือที่คริสตจักร จะมีเฉพาะเย็นวันศุกร์ แต่เที่ยวนี้ เนื่องจากเทคโนโลยีสบายๆ ง่ายๆ ใช้อันนั้นอันนี้ได้ อย่างเมื่อวานเราก็มีการอธิษฐานกันในกลุ่มของไลน์ วันนี้ก็ไลฟ์ระลึกถึงวันสำคัญอีกวันหนึ่ง
วันนี้เป็นวันพฤหัส สำคัญอย่างไร? เป็นวันที่พระเยซูเริ่มต้น ทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ เพื่อเตรียมตัว หรือเพื่อเริ่มต้นกระทำการงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่พระองค์ได้ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ก่อนสร้างโลกเลย คือมาทุกข์ทรมาน สละพระชนม์พลีของพระองค์อย่างทุกข์ทรมาน เพื่อความรักอันยิ่งใหญ่ ที่มีต่อมนุษยชาติ คือเพื่อไถ่บาป ช่วยเหลือมนุษย์ ให้หลุดพ้นจากโทษของความบาป คือความตาย คือความทุกข์ทรมาน ในนรกนั่นเอง
เดี๋ยวให้เราเตรียมตัวทำพิธีมหาสนิท … พิธีมหาสนิทอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้เป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ แต่ความศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ความหมายในการทำมหาสนิทนี้ว่าทำเพื่ออะไร? เป็นเพราะอะไร? อย่างไร? ตรงนี้สำคัญกว่าการปฏิบัติ หรือกิจกรรมที่ทำ อย่างเช่น กินขนมปัง ดื่มน้ำองุ่น เพียงจะรู้ว่าพระเยซูทำอย่างนี้ เพื่อให้เราระลึกถึงสิ่งที่พระองค์จะทรงกระทำในวันรุ่งขึ้น คือถูกตรึงตายที่ไม้กางเขน จะได้รู้ว่าศักดิ์สิทธิ์ในแง่มุมของความเป็นจริง ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เพื่อไถ่บาปให้กับมนุษยชาติ เราจะมาร่วมร้องเพลงนี้ด้วยกัน เพลง “โปรดนำไปถึงกางเขน”
ในคืนวันนี้ เมื่อประมาณ 2,000 กว่าปีที่แล้ว พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่าพระเยซูอยู่ในระหว่างอาหารมื้อสุดท้าย หรือ the last supper ซึ่งเราเคยได้ยินบ่อยๆ มีรูป The last supper พระเยซูอยู่กับเหล่าสาวกกำลังรับประทานอาหารค่ำ ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระคัมภีร์บันทึกไว้ในหนังสือมัทธิว บอกว่า …
“พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา แล้วเมื่อถวายสาธุการแล้ว ทรงหัก ส่งให้เหล่าสาวก ตรัสว่า …”
เรานึกภาพนะ พระเยซูมาบังเกิดตั้งแต่วันคริสตมาส จนกระทั่งอายุ 30 ไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับการประกาศข่าวประเสริฐเลย จนกระทั่ง 3 ปีสุดท้าย คือตั้งแต่อายุ 30 ถึงอายุ 33 … 3 ปีสุดท้าย จึงเริ่มประกาศแผ่นดินสวรรค์ว่าพระองค์คือใคร? และมาทำไมบนโลกใบนี้ เพื่อช่วยมนุษย์อย่างไร? และจนถึงวันนี้ เป็นปลายของปีที่ 3 คืนนี้ คืนวันพฤหัสบดี เป็นคืนสำคัญมาก พระเยซูได้หักขนมปัง ท่านนึกถึงอาหารของชาวยิวในขณะนั้น ที่เยรูซาเล็มเป็นอย่างไร? ก็คือขนมปังกับน้ำองุ่น หรือเหล้าองุ่นบางๆ เป็นอาหารหลัก พระเยซูทรงหยิบขนมปังขึ้นมา พี่น้องที่มีขนมปังเตรียมไว้แล้วก็ได้ จะเป็นข้าวก็ได้ ที่เล็งถึงการรับประทานอาหาร แต่พระเยซูใช้ขนมปัง แล้วทรงหักส่งให้กับเหล่าสาวกที่บนโต๊ะ ท่านที่อยู่ทางบ้าน อยู่กับครอบครัวหรืออยู่กับเพื่อนฝูง ก็ส่งให้ได้ สมมติว่าเราร่วมโต๊ะกับพระเยซูในคืนนั้นด้วย เราย้อนกลับไปนะ พระเยซูตรัส …
“จงรับกินเถิด นี่เป็นกายของเรา”
นี่เล็งถึงร่างกายของพระเยซูคริสต์ที่จะถูกตรึงในวันพรุ่งนี้ หยิบขนมปังรับประทานพร้อมกันก่อนนะ ขนมปังนี้เล็งถึงร่างกายของพระเยซู แล้วพระองค์จึงทรงหยิบถ้วยน้ำองุ่น โมทนา และขอบพระคุณ แล้วส่งให้เขา พี่น้องก็ส่งไปนะ ตรัสว่า …
“จงรับไปดื่มทุกคนเถิด”
เราก็ดื่มน้ำองุ่นพร้อมกัน นึกถึงภาพวันนั้น ดื่มเสร็จสาวกที่นั่งอยู่ด้วยกัน ก็งงว่าทำไม? พระองค์ก็ตรัสต่อไปว่า …
“ด้วยว่านี่เป็นโลหิตของเรา”
คือน้ำองุ่นที่ดื่มเมื่อสักครู่นี้ เป็นเลือดของพระเยซูที่จะหลั่งในวันพรุ่งนี้ ว่ากันตามตรง ก็คือตั้งแต่เช้าตรู่วันพรุ่งนี้
“ด้วยว่านี่เป็นโลหิตของเรา อันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาใหม่ ซึ่งต้องหลั่งออก เพื่อยกโทษบาป คนเป็นอันมาก เราบอกท่านทั้งหลายว่าเราจะไม่ดื่มน้ำผลไม้จากเถาองุ่นต่อไปอีก จนกว่าวันนั้นจะมาถึง คือวันที่เราจะดื่มกันใหม่กับพวกท่าน ในแผ่นดินแห่งพระบิดาของเรา”
ก็คือเป็นอาหารมื้อสุดท้ายบนโลกใบนี้ ในร่างกายเดิมนี้ ในวันที่จะต้องตาย ในวันรุ่งขึ้นนั่นเอง
พระองค์ทรงกระทำอย่างนี้ แล้วก็บอกให้พวกเรากระทำอย่างนี้ เพื่อระลึกถึงพระองค์ เพื่อต้องการให้การรับประทานอาหารของยิว ของใครก็ตาม ให้กระทำอย่างนี้ ให้ทุกวันที่เราจะต้องทานอาหาร กินขนมปัง ดื่มน้ำองุ่น ก็ทำพิธีมหาสนิท ก็คือระลึกถึงสิ่งที่พระเยซูได้กระทำ พอพระเยซูกระทำสิ่งนี้เสร็จแล้ว พระองค์ก็ทรงเดินทางไป ชวนสาวกไปที่สวนเกทเสมเน
สวนเกทเสมเน คือเหมือนสวนเดินเล่น พักผ่อน เพื่อไปเตรียมตัวอธิษฐาน และพระองค์ทรงทราบดีว่าจะถูกจับในคืนนั้น สมมติว่าเราไปที่สวน พอไปที่สวน ก็ถูกทหารมาจับกุมพระองค์ ท่านลองคิดดูว่าน่าตกใจและน่าซีเรียสขนาดไหน? ซีเรียสถึงขนาด ทุกคนตกใจ แม้กระทั่งสาวกที่สนิทๆ อยู่ใกล้ๆ พระองค์ อย่างเช่นเปโตร ชักดาบออกมาฟัน จะต่อสู้กับทหาร เพื่อจะแย่งพระเยซู จะช่วยพระเยซู ไม่ให้พระเยซูถูกจับ พระเยซูบอก …
“ไม่ต้องๆ เรามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เรามาเพื่อให้เขาจับ เรารู้อยู่แล้ว ถ้าเราจะสู้นะ คนเหล่านี้สู้เราไม่ได้หรอก คือเราเป็นพระเจ้านั่นเอง”
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้น น่ากลัวขนาดไหน? ขนาดมีการบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ว่ามีผู้ติดตามพระเยซูมาตั้งแต่ต้น คือไม่ใช่เป็นสาวก แต่เป็นผู้ติดตามพระองค์มาอยู่เรื่อยๆ คือเชื่อฟัง และคอยฟัง เป็นผู้ติดตามคนหนึ่ง เขาอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเหมือนกัน อยู่ในสวนเกทเสมเนด้วย ถูกจับ ปรากฏว่าเขาดิ้นหนีทหาร จนกระทั่ง ในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่าเขาวิ่งหนีทหาร ทหารดึงเสื้อคลุมเขา เขาดิ้นหลุด เขาเปลือยกาย วิ่งหนีไปเลย เอาตัวรอด แสดงถึงความเครียดและความน่ากลัวมากว่าถ้าถูกจับได้ครั้งนี้ มันต้องตายและทุกข์ทรมานแน่ๆ แม้เป็นเพียงผู้ติดตามเท่านั้น แล้วนับภาษาอะไรกับพระเยซูเป็นหัวหน้าเลย เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงทราบดีแล้วว่าพระองค์จะถูกเขาจับไปทำอะไรบ้าง? ทุกข์ทรมานขนาดไหน? แต่พระองค์ก็ทรงกระทำ เพื่อไถ่บาปให้กับมนุษย์ทั้งปวงนั่นเอง
ในคืนวันนี้ พระองค์ก็อธิษฐานกับพระเจ้า สุดท้ายก่อนที่เราจะจบในคืนวันนี้ด้วยคำอธิษฐาน ระลึกถึงในส่วนตัว ในครอบครัวของเราว่าพระเจ้าทำอะไรในชีวิตของเรามากมาย อย่างไร? รักเรามากขนาดไหน? ที่สละพระชนม์ชีพ เพื่อเรา ก่อนที่เขาจะมาจับพระเยซูที่สวนเกทเสมเน พระองค์ทรงทราบแล้ว พระองค์ทรงไปอธิษฐาน ได้ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์อย่างนี้ว่า …
“แล้วพระเยซูทรงพาสาวกมายังที่แห่งหนึ่ง ที่เรียกว่าเกทเสมเน แล้วตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า ‘จงนั่งอยู่ที่นี่ แล้วเราจะไปอธิษฐานที่โน่น’ พระองค์ก็พาเปโตรและบุตรทั้งสองของเศบดีไปด้วย พระองค์ทรงโศกเศร้าและหนักพระทัยมาก”
พระองค์เป็นพระเจ้า มาเกิดในร่างกายของมนุษย์จริงๆ มีความเจ็บปวด มีความทุกข์ใจ มีความกลัว เพราะต้องแบกรับเอาบาปของมวลมนุษยชาติทั้งหมดเลย ไปไว้ที่ร่างกายของพระองค์ มันหนักมากจริงๆ มันหนักขนาดไหน เราฟังต่อไป
“พระองค์ทรงโศกเศร้าและหนักพระทัยนัก จึงตรัสกับเขาว่า ‘ใจของเราเป็นทุกข์แทบตาย จงเฝ้าอยู่กับเราที่นี่เถิด’ แล้วเสด็จดำเนินไปอีกหน่อยหนึ่ง ก็ซบพระพักตร์ลงถึงดิน อธิษฐานว่า ‘โอ้ พระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ถ้วยนี้เลยพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่างไรก็ดี อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์”
ก็คือขอให้ถ้วยนี้เลื่อนไป ถ้วยนี้หมายถึงภาระนี้ มิชชั่นนี้ ไม่ทำได้ไหม? ไม่ไหว น่ากลัวมาก
“เสร็จแล้ว จึงเสด็จกลับมายังสาวกเหล่านั้น เห็นเขานอนอยู่ และตรัสกับเปโตรว่า ‘เป็นอย่างไรนะ ท่านทั้งหลายจะคอยเฝ้าอยู่กับเราสักทุ่มเดียวไม่ได้หรือ? ท่านทั้งหลายควรเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อท่านจะได้ไม่ต้องถูกทดลอง จิตใจพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง’ พระองค์จึงเสด็จไปอธิษฐาน เป็นครั้งที่สอง”
ตะกี้นี้พระเจ้าเงียบ ไม่ตอบ อธิษฐานครั้งที่สอง “ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์ไม่ได้ และข้าพระองค์จำต้องดื่ม ก็ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ ถ้าถ้วยนี้ ภารกิจนี้ มันต้องเข้าไปแบบนี้ จะไถ่บาปมนุษย์ต้องทำแบบนี้ ต้องตายบนความทุกข์ทรมานอย่างนี้อย่างเดียว ไม่มีทางอื่น ข้าพระองค์ก็ยอม ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระบิดาก็แล้วกัน ครั้นเสร็จกลับมา ก็ทรงเห็นสาวกนอนหลับอยู่ เพราะเขาลืมตาไม่ขึ้น จึงทรงละเขาไว้ เสด็จไปอธิษฐานเป็นครั้งที่สาม เหมือนครั้งก่อนๆ อีก”
ก็คือทุกข์ใจ แล้วก็อธิษฐานเหมือนเดิม “เป็นไปได้ไหมพ่อ ภารกิจนี้ ทุกข์ทรมานอย่างนี้ มันน่ากลัวมาก ไม่เข้าไปได้ไหม?”
“แล้วเสด็จไปยังพวกสาวกตรัสว่า ‘ท่านจะนอนต่อไปให้หายเหนื่อยอีกหรือ? เวลาใกล้แล้ว บุตรมนุษย์จะต้องถูกอายัดไว้ ในมือคนบาป ลุกขึ้นไปกันเถิด ผู้ที่จะอายัดเรามาใกล้แล้ว”
พระองค์ทรงทราบทุกอย่าง แต่เดินเข้าไปด้วยความเต็มใจ ถึงแม้จะกลัว รู้ว่าเจ็บปวด ทุกข์ทรมานสาหัส สากันขนาดไหน แต่พระองค์ทรงกระทำ เพื่อมวลมนุษยชาติทั้งปวงจะได้รับการยกโทษบาป ยกหนี้เวรกรรมอะไรต่างๆ ที่เราเคยรู้กันอยู่แล้วว่าต้องชดใช้หนี้เวรกรรม อย่างไรก็ไม่มีวันหมด พระเยซูมาไถ่บาปให้เราเรียบร้อยแล้วเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว พระองค์จึงย้ำยืนยันกับเราอยู่เรื่อยๆ ให้ …
“จำสิ่งนี้ไว้นะ พวกเธอจำสิ่งนี้ไว้นะ”
แล้วก็เล่ากันต่อๆ ไป บอกมนุษย์รุ่นต่อๆ ไป ให้รู้ความจริงนี้ว่าพระเยซูไถ่บาปให้แล้ว ไม่ต้องชดใช้บาปเวรกรรมแล้ว มาเชื่อพระองค์เท่านั้นเอง ชีวิตก็จะพ้นจากโทษของบาป เวรกรรมต่างๆ
นี่คือสิ่งที่เราทำในคืนวันนี้ เพื่อระลึกถึงสิ่งเหล่านี้แหละ สวนเกทเสมเน ก็คือสวนแห่งความรักอันอ่อนหวานของพระเจ้าที่ประทานความรอดจากบาปให้กับมนุษย์ โดยไม่คิดอะไรเลย โดยยอมเสียสละพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์ให้กับเราทั้งหลายนั่นเอง เราระลึกถึงความรักอันอ่อนหวานของพระองค์ในคืนวันนี้ด้วยกัน นี่แหละคือสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในการทำมหาสนิท หรือเรียกว่าทำการเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ การกินขนมปัง น้ำองุ่น เล็งถึงร่างกายและโลหิตของพระองค์ เมื่อเชื่อในการไถ่บาปของพระองค์ เราได้รับชีวิตใหม่ เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ เราเรียกกันว่ามหาสนิท เรียกกันว่าเข้ากันสนิท เป็นหนึ่งเดียวกัน มันหมายถึงตรงนี้
พรุ่งนี้ 1 ทุ่มตรงเรามีการฉลองระลึกถึงวันที่พระเยซูคริสต์ได้ถูกตรึง และตายที่ไม้กางเขน เพื่อเราทั้งหลาย ความรักอันยิ่งใหญ่มากๆ เราจะมาเรียนรู้กันต่อในความยิ่งใหญ่ ความศักดิ์สิทธิ์ของความจริงของวันศุกร์ประเสริฐ ศุกร์ที่ดีเลิศของมนุษยชาติทั้งปวง ไม่ใช่ดีเลิศเฉพาะคริสเตียน แต่เป็นวันศุกร์ที่ดีเลิศประเสริฐศรีที่สุด สำหรับมนุษยชาติทั้งปวง เริ่มต้น เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว แล้วทุกวันนี้ยังทรงฤทธิ์ มีปฏิกิริยาอยู่ต่อบรรดามนุษยชาติทั้งปวง ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตาม พรุ่งนี้เราจะมาระลึกถึงสิ่งเหล่านี้ร่วมกัน ขอพระเจ้าอวยพรครับ
*************************