คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2025
เรื่อง “สำเร็จแล้ว พระเยซูเป็นขึ้นแล้ว เราเป็นขึ้นด้วย”
โดย นคร เวชสุภาพร
สุขสันต์วันเป็นขึ้นจากความตาย วันอีสเตอร์ คือวันที่พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย และเราก็เป็นขึ้นจากความตายด้วย นี่ถึงสุขสันต์ไง ถ้าบอกพระเยซูเป็นขึ้นจากความตายเฉยๆ เราก็ไม่ค่อยสุขสันต์เท่าไร? เราก็ยังอยู่ในบาปอยู่ แต่พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย เราก็เป็นขึ้นจากความตายด้วย เคยได้ยินเพลงนี้ไหม? เราร้องกันเป็นประจำทุกปี วันอีสเตอร์ …
“เป็นขึ้นแล้ว เป็นขึ้นแล้ว พระเยซูทรงเป็นขึ้นแล้ว
เป็นขึ้นแล้ว เป็นขึ้นแล้ว ฉันก็เป็นขึ้นพร้อมพระองค์”
วันนี้เราจะมาดูการเปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนและหลังวันอีสเตอร์ ก่อนและหลังจากวันที่พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย ย้อนเวลากลับไปยุคปฐมกาล เป็นหมื่นปีว่าได้ ตอนที่พระเจ้าสร้างโลก และสร้างมนุษย์ใหม่ๆ ให้กำเนิดมนุษย์
โถใบนี้ สื่อถึงโลกที่พระเจ้าทรงสร้าง ในสมัยโน้น ใหม่ๆ เป็นโลกที่สวยงาม ทุกสิ่งดีหมด และในพระคัมภีร์ได้เขียนไว้ว่าพระองค์ทรงให้กำเนิดมนุษย์ ใคร 2 คนแรก? คนแรก คืออาดัม คนที่สอง คือเอวา บรรพบุรุษของเรามวลมนุษยชาติ
มนุษย์คู่แรก คือส้ม 2 ผลนี้ (เอาผลส้มใส่ลงไปในโถน้ำ) นี่เปรียบเทียบให้ดู พระเจ้าสร้างหรือให้กำเนิดอาดัมกับเอวา และอาดัมกับเอวาถูกสร้างให้มีพระฉายเหมือนพระเจ้า เพราะฉะนั้น พระฉายเหมือนพระเจ้า จึงเป็นสีส้มสดใสนั้น มีสถานะเป็นลูกของพระเจ้า มีพระสิริของพระเจ้าปกคลุมอยู่ ที่เราเห็น คือพระสิริของพระเจ้า ใส สีส้มนั้น ครอบครองโลกอันสวยงามนี้ คืออยู่เหนือโลก อยู่เหนือเห็นไหม? ครอบครองโลกอันสดสวยที่พระเจ้าสร้างให้
ต่อมาจากการล่อลวงของมาร พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่ามนุษย์คู่แรกนี้ ได้ล้มลงในความบาป ดื้อต่อพระเจ้า ไม่เชื่อฟัง และสิ่งที่เกิดขึ้นทันที ที่อาดัมและเอวาล้มลงในความบาป เชื้อบาปก็เข้ามาในโลก โลกใบนี้ต้องตกอยู่ภายใต้คำสาปแช่ง อยู่ภายใต้อำนาจของความบาปและความตาย ไม่มีพระเจ้าอีกต่อไป โลกใบนี้ที่สดสวยนี้ โลกใบนี้ที่ใสแจ๋วนี้ ที่สวยงามนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทรงสร้างบนโลกใบนี้ ทั้งสัตว์เอย พืชพันธุ์อะไรต่างๆ ทั้งหมดนั้น รวมทั้งร่างกายของมนุษย์ทั้งหลาย ก็เลยกลายเป็นอย่างนี้ (เทกาแฟลงในโถ) เห็นหรือยัง? บาปเข้ามา ค่อยๆ ทำให้โลกเสียหายจนกระทั่งเต็มใบ โลกเสียหายไปแล้ว ค่อยๆ ขึ้นมา เต็มไปหมดเลย
มนุษย์ก็เช่นเดียวกัน ได้รับผล ก็คือมนุษย์ อาดัมและเอวาหลังจากทำบาป หลังจากเอาพระสิริของพระเจ้าออกไปแล้ว ก็อยู่ในโลกนี้ (เอาส้มใส่เข้าไปในโถที่ใส่กาแฟ) แต่ทำไม? มันจมอยู่เห็นไหม? มันไม่ได้ลอยแล้ว มันจมอยู่ในความบาป เห็นหรือยัง? ทันทีที่ล้มลงในความบาป อาดัมก็ถอดหรือหลุด จากพระสิริของพระเจ้า ที่ปกคลุมอยู่ พระสิรินั้น ก็หายไป สีส้มหายไป กลายเป็นมืดๆ อยู่ใต้ความบาปและความตาย สถานะลูกของพระเจ้า ก็กลายมาเป็นคนบาป เข้ากับพระเจ้าไม่ได้ เรียกว่าเป็นศัตรูกับพระเจ้า ถูกกลืนอยู่ในโลกแห่งความบาป ความสาปแช่ง ก็คือส้มที่ปลอกเปลือกออกหมดแล้ว ก็คือชีวิตของมนุษย์ รวมทั้งร่างกาย วิญญาณ พระสิริของพระเจ้าไม่อยู่แล้ว ก็คือไม่มีอะไรห่อหุ้มอยู่ ก็เลยจมอยู่ในความบาปและความตาย นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในปฐมกาลที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา แรกๆ อย่างดีงาม และมันก็ดำเนินอย่างนี้เรื่อยๆ มา เป็นอย่างนี้ อย่างที่เราเห็น ก่อนที่จะมีวันอีสเตอร์ พระเจ้าก็บอกล่วงหน้าแล้วว่าจะไม่ยอมปล่อยให้เป็นอย่าง จะมาช่วยให้กลับคืนสู่สมบูรณ์ ตั้งแต่แรกเริ่มที่ทรงสร้าง ที่เราเห็นใสๆ สัญญาไว้กับมนุษย์อย่างนั้น
มนุษย์ทุกคนเกิดมา เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว ที่พระเยซูมาบังเกิด ก่อนวันอีสเตอร์นั้น มนุษย์ทุกคน เกิดมาอยู่ในสภาพแบบนี้ เหมือนกันหมดทุกคน เพราะว่าทุกคนอยู่ในอาดัม เป็นลูกหลานของอาดัม เกิดมามีเชื้อของความบาป ติดตัวมา จมอยู่ในโลกแห่งความบาปทั้งหมด นี่บันทึกไว้ในหนังสือพระคัมภีร์ ผมจะอ่านให้ท่านฟัง ในหนังสือเอเฟซัส 2:1-3 ได้อธิบายเรื่องนี้ชัดเจนว่าก่อนที่เราจะเชื่อพระเยซูคริสต์นั้น ชีวิตเราเป็นอย่างไร? …
เอเฟซัส 2:1-3 “1 ส่วนท่านทั้งหลายได้ตายแล้วในวิญญาณ จากการล่วงละเมิด และในบาป (ในอาดัม) ถูกตัดขาดจากความสัมพันธ์กับพระเจ้า จากความบริสุทธิ์ของพระเจ้า 2 ซึ่งท่านเคยดำเนินชีวิต ตามวิถีของบาปของโลกนี้ และตามการครอบงำของเจ้าแห่งย่านฟ้าอากาศ (มาร) ซึ่งเป็นวิญญาณ ที่บัดนี้ ทำการอยู่ในบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อ (ไม่ได้ใช้สิทธิ์ในการไถ่บาปของพระเยซู) 3 ครั้งหนึ่ง เราเคยมีชีวิตเหมือนกับผู้คนเหล่านั้นที่ (ไม่เชื่อ ไม่ได้ใช้สิทธิ์ในการไถ่บาปของพระเยซู) ทำตามตัณหาของวิสัยบาปของเรา สนองความอยากกับความคิดของมัน ตามธรรมชาติบาปของวิญญาณที่ตายของเรา (ในอาดัม เป็นศัตรูกับพระเจ้า ไม่บริสุทธิ์ ไม่มีพระลักษณะของพระเจ้า) เราจึงควรแก่การถูกลงโทษ สาปแช่งเหมือนคนอื่นๆ ที่ไม่เชื่อ ไม่ได้ใช้สิทธิ์ในการไถ่บาปที่พระเยซูได้กระทำ”
ในอาดัม ในบาป ในความมืด ในนรก คือไม่มีพระเยซู ไม่มีพระสิริของพระเจ้า จนกระทั่ง วันศุกร์ประเสริฐ และวันอีสเตอร์ 2,000 กว่าปีที่ผ่านมาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือข่าวดีของพระเยซูคริสต์ คือพระองค์มาไถ่มนุษย์ มาช่วยลบล้างบาปของมนุษย์ คำสาปแช่งของมนุษย์นั้นออกไปเรียบร้อยแล้ว พระองค์ทรงเป็นขึ้นจากความตายแล้ว และเราก็เป็นขึ้นจากความตายด้วย เอเฟซัส 2:4-6 ได้บันทึกต่อมาอย่างนี้ว่า …
เอเฟซัส 2:4-5 “4 แต่เนื่องด้วยความรักใหญ่หลวงที่ทรงมีต่อเรา พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระเมตตาอันอุดม 5 จึงได้ทรงกระทำให้วิญญาณของเรา กลับมีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ แม้ในขณะที่วิญญาณเราได้ตายแล้วในบาป คือท่านทั้งหลายได้รับความรอด (จากการลงโทษจากคำสาปแช่ง) โดยพระคุณ”
โดยพระคุณ พระเจ้าจัดการให้เสร็จเรียบร้อย ย้ายท่านออกจากในอาดัม ย้ายท่านออกจากความมืดมิดในความบาปนี้ ย้ายท่านออกมาอยู่ในพระคริสต์ ข้อ 6 ได้บันทึกต่อมาว่า …
เอเฟซัส 2:6 “และพระองค์ได้ทรงให้วิญญาณของเรา เป็นขึ้นมากับพระคริสต์ และในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าได้ทรงให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระคริสต์”
ความหมายของคำว่า “เราเป็นขึ้นมากับพระคริสต์” คือเราได้รับการบังเกิดใหม่ ทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิม เหมือนวันแรกที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาใหม่ๆ ตอนเริ่มต้นที่ยังไม่บาปเลย คือเป็นอย่างนี้ (เอาส้มที่ยังไม่ปลอกเปลือกใส่ลงไปในโถ) ตัวเก่าตายไปแล้ว หมดไป เกิดใหม่ในพระเยซูคริสต์ (ส้มลอยอยู่เหนือผิวน้ำในโถ) อยู่เหนือโลก โลกยังดำอยู่ไหม? ยังดำอยู่ โลกยังถูกสาปแช่งอยู่ไหม? ยังถูกสาปแช่งอยู่ ยังดำอยู่ ยังสกปรกอยู่ แต่เราสะอาด ลอยตัว เพราะว่ามีพระสิริของพระเจ้าปกคลุมอยู่ เอเมน เราได้กลับคืนดีกับพระเจ้า ได้รับสถานะเป็นลูกของพระเจ้า กลับคืนสู่สภาพ จากคนบาป กลายเป็นผู้ชอบธรรมบริสุทธิ์ ดีพร้อมเหมือนพระเจ้า มีพระสิริของพระเจ้าปกคลุมอยู่เหมือนเดิม ดีกว่าเดิมด้วย ไม่ใช่ปกคลุมเฉยๆ ของเก่า ปกคลุมอยู่เฉยๆ แต่ข้างใน ยังไม่มีพระเจ้าสถิตอยู่ แต่นี่ปกคลุมอยู่ และแถมพระเจ้ามาสถิตอยู่ภายในนี้ด้วย เอเมน ดีกว่าเดิมอีก แต่ว่าร่างกายก็ยังคงอยู่ในโลกใบเดิม ที่เราเห็นนี้ โลกใบเดิมที่เสียหายไปแล้ว โลกใบเดิมที่สกปรกอยู่แล้ว ก็สกปรกเหมือนเดิม
แต่แม้เราอยู่ในโลกนี้ก็จริง เสียหายไปแล้วก็จริง แต่เราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้อีกต่อไปแล้ว เราไม่ได้ถูกกลืนกินอยู่ใต้ความสาปแช่ง ใต้ความบาป ความตายนี้อีกต่อไปแล้ว เราหลุดพ้นแล้ว แต่ยังอยู่ในโลกนี้ เราลอยอยู่เหนือคำสาปแช่งนี้ ไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่ไม่เชื่อ ถ้าไม่เชื่อ เขาก็ยังอยู่ที่เดิม อยู่ที่ข้างใต้นี้ เพราะว่าในกาลาเทีย 3:27 ได้บันทึกว่า …
กาลาเทีย 3:27 “เพราะว่าท่านทั้งหลาย (หมายถึงคริสเตียนทั้งหลายที่เชื่อ) ที่ได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว ได้รับบัพติศมา (เข้าส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน ในทางวิญญาณ) ในพระคริสต์แล้ว ก็ได้สวมพระสิริของพระคริสต์”
ใครที่เชื่อและต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว ได้รับบัพติศมา แปลเป็นไทย แปลว่าเข้าส่วนร่วม คือถ้าเป็นภาษาชาวบ้าน เขาเรียกว่าขอเอี่ยวด้วยคน เราได้ยินข่าวดีเรื่องพระเยซูคริสต์ เราบอกว่าพระเยซูคริสต์เป็นขึ้นจากความตาย เพื่อมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งปวง ทั้งหมดทุกคน รวมทั้งตัวเราด้วย เราเชื่อ เราก็เลยบอกว่า …
“พระเจ้า ลูกขอเอี่ยวด้วยคน”
ก็คือร่วมด้วย พระเยซูได้เป็นอะไร? เราก็ขอเป็นด้วย พระเยซูเป็นขึ้นจากความตายแล้ว เราก็ขอเป็นด้วย พระองค์ทรงนั่งอยู่ที่เบื้องขวาของพระเจ้า เราก็ขอนั่งด้วย พระองค์ทรงเป็นบุตรของพระเจ้า เราก็ขอเป็นบุตรด้วย เอเมน ขอบคุณพระเจ้าของเรา
ซึ่งข้อความตะกี้ หมายความว่าเราได้รับการสวมใส่ ด้วยความชอบธรรม บริสุทธิ์ ดีพร้อม เหมือนพระเยซูคริสต์ และเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์เรียบร้อยแล้ว เหมือนพระองค์เลย พระองค์เป็นอย่างไร? เราก็เป็นอย่างนั้น และก็จะเป็นอย่างนั้นตลอดไป เหมือนที่ตะกี้เราร้องกันว่า …
“เป็นขึ้นแล้ว เป็นขึ้นแล้ว พระเยซูทรงเป็นขึ้นแล้ว
เป็นขึ้นแล้ว เป็นขึ้นแล้ว ฉันก็เป็นขึ้นพร้อมพระองค์”
“พระเยซูเป็นเช่นไร? ฉันก็เป็นอย่างนั้นด้วย”
ดังนั้น เราจึงไม่ต้องพยายามแสวงหาความชอบธรรม ความบริสุทธิ์ ความดีพร้อมเพิ่มขึ้นอีก หลังจากเชื่อพระเยซูแล้ว ไม่ต้องแสวงหาความชอบธรม ความบริสุทธิ์ ความดีพร้อมด้วยการกระทำของเราเองอีกต่อไป แต่เราสามารถเชื่อและวางใจในความชอบธรรม บริสุทธิ์ ดีพร้อมที่พระเยซูคริสต์ได้มอบให้กับเราอย่างสมบูรณ์แล้วตลอดไป เป็นนิจนิรันดร์ เอเมน
นี่คือการที่เรามาฉลองวันอีสเตอร์ วันเป็นขึ้นจากความตาย ก็เพราะอย่างนี้แหละ และต้องประกาศให้มนุษย์ทั้งหมดบนโลกใบนี้ รับทราบว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพื่อมนุษย์ทุกคน โคโลสี 3:3 ได้บันทึกว่า …
โคโลสี 3:3 “เพราะท่านตายแล้ว และบัดนี้ ชีวิตของท่านถูกซ่อนอยู่กับพระคริสต์ในพระเจ้า”
นี่คือข้อความที่พูดถึงผู้เชื่อ คนที่เป็นคริสเตียน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้ว ขณะนี้ ที่ท่านดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ อยู่ในส้มที่มีเปลือกนี้ อยู่ในโลกแห่งคำสาปแช่งนี้ พระคัมภีร์ตอนนี้ได้บอกว่าตัวตนที่เป็นบาป ตัวตนเก่าที่เป็นคนบาป เป็นคนที่ถูกสาปแช่งนั้น ที่จมอยู่ข้างใต้นั้น มันสูญไปแล้ว มันตายไปแล้ว แต่บัดนี้ ชีวิตของท่านถูกซ่อนอยู่ในพระคริสต์ อยู่ในนี้ อยู่ในตัวตนของเรา อยู่ในนี้ เป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูคริสต์
ชีวิตคริสเตียนบนโลกใบนี้ คือการดำเนินชีวิต ด้วยชีวิตใหม่ ที่ได้รับจากการเป็นขึ้นจากความตายร่วมกับพระเยซูคริสต์ ตายพร้อมกับพระเยซูคริสต์ และเป็นขึ้นจากความตายพร้อมพระเยซูคริสต์ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นชีวิตของเรา และเรามีชีวิตอยู่ในพระองค์อย่างนี้ ตามที่พระเยซูทรงเป็นขึ้นจากความตาย ทำให้เรามีชีวิตนิรันดร์ และชีวิตนี้ ไม่ใช่เฉพาะแค่เรารู้จักว่ายืนยาวนิรันดร์ แต่เป็นชีวิตที่มีลักษณะ หรือพระลักษณะของพระคริสต์ ของพระเจ้าเอง อยู่ในวิญญาณของเรา ซึ่งเป็นตัวตนใหม่แท้จริงของเรา ที่จะอยู่ตลอดไปชั่วนิรันดร์ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอีกต่อไปเลย เอเมน ขอบคุณพระเจ้าของเรา
เพราะฉะนั้น พระคริสต์สถิตอยู่ในเรา พระคัมภีร์จึงบอกว่าพระคริสต์สถิตอยู่ในเรา จึงเป็นความหวังแห่งเกียรติและสิริของพระเจ้า รอวันที่หมดภาระของเรา เราก็ไปอยู่ในสวรรค์ และก็เปลี่ยนร่างกายใหม่ของเราเท่านั้นเอง นอกนั้นเหมือนเดิม อยู่ในสวรรค์เหมือนเดิม
นี่คือความหวังของคริสเตียน ความหวังแห่งพระสิริของพระเจ้า คือพระคริสต์สถิตอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระองค์ เราเป็นหนึ่งเดียวกัน ตราบนี้ ชั่วนิรันดร์ เอเมน ขอบคุณพระเจ้า
พระองค์สถิตอยู่ภายในเรา ใกล้ชิดกับเรา พระองค์มีพระนามว่าอิมมานูเอล พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา อยู่ในเรา ใกล้ชิดที่สุดกับเรา คือพระเยซูคริสต์ อิมมานูเอล เอเมน
พระเจ้าอวยพรครับ
*********************
จากใจคณะศิษยาภิบาล
ท่านเป็นทาสของบาป ซึ่งนำไปสู่ความตาย หรือเป็นทาสของการเชื่อฟัง ซึ่งนำไปสู่ชีวิต เป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า นี่คือความจริงของกฎในโลกวิญญาณ
โรม 6:16 … “ท่านไม่รู้หรือว่าเมื่อท่านยอมตัวเชื่อฟังเยี่ยงทาสต่อผู้ใด ท่านก็เป็นทาสของผู้ที่ท่านเชื่อฟังนั้น ไม่ว่าท่านจะเป็นทาสของบาป ซึ่งนำไปสู่ความตาย หรือเป็นทาสของการเชื่อฟัง ซึ่งนำไปสู่ชีวิต เป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้าก็ตาม”
• นมัสการ แปลว่าบูชา เคารพ เชื่อฟัง ยอมจำนน อย่างไม่มีเงื่อนไข เหมือนดั่งทาส
• อาดัม เอาเชื้อบาป คือการพึ่งพาในตนเอง ทำตนเองเป็นรูปเคารพ บูชานมัสการตนเอง คือเชื่อมั่นในความคิดของตนเอง เชื่อฟังตนเองเหมือนดั่งทาส
• ยกตนเองเป็นใหญ่ คือยอมจำนน ก้มกราบ เชื่อฟังในตัวเอง คิด และกระทำตามใจปรารถนาของตนเอง ซึ่งไม่มีทางที่จะทำดี สมบูรณ์ครบถ้วน ดีพร้อมได้เพราะตายจากความดีงาม คือพระสิริของพระเจ้า จึงไม่มีกำลังที่จะทำดี ให้บริสุทธิ์ ดีพร้อมได้
• เพราะพระเจ้านั้นดี เป็นความรัก เป็นความบริสุทธิ์ เป็นความชอบธรรม เป็นความสว่าง เมื่อไม่มีพระเจ้า ไม่มีพระลักษณะของพระเจ้าในวิญญาณที่ตายจากพระเจ้า ก็มีลักษณะของความตรงกันข้าม เกิดขึ้นแทนในวิญญาณ คือความชั่ว ความเกลียดชัง มลทิน ความอธรรม ความมืด
ซึ่งไม่ได้เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าเลย ตั้งแต่เริ่มต้นแผนการ ที่สร้างมนุษย์เป็นลูกของพระองค์ จึงเรียกการกระทำนี้ว่า “บาป” แปลว่าผิดเป้าหมาย
พระเจ้าต้องการให้มนุษย์พึ่งพา วางใจในพระองค์ แต่มนุษย์อาดัมถูกล่อลวงให้พึ่งตนเอง
อาดัมทำบาป ไม่เชื่อฟัง ฝืนคำสั่ง กินผลไม้ต้องห้าม
อาดัมนำเอาพลังอำนาจของความบาปและความตาย และคำสาปแช่ง (คือสิ่งดีดี สิ่งดีงาม ที่เรียกว่าพรของพระเจ้าสูญสิ้นไป) เข้ามาปกคลุมอยู่เหนือโลกนี้ ครอบครองอยู่ในวิญญาณ จิตใจ ร่างกายของมนุษย์
ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง รวมทั้งร่างกายมนุษย์ต้องตาย สูญสิ้น ตกอยู่ใต้พลังอำนาจของความบาปและความตายนี้ เหมือนทาส พิสูจน์ได้แม้มองไม่เห็น แต่สามารถส่งอิทธิพล ผ่านทางความคิดเข้ามาในเรา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามบนโลกนี้
ตราบใดที่เรายังมีร่างกายที่เป็นส่วนหนึ่งของโลก สามารถรับสื่อ อิทธิพล คลื่นกระแสความคิดนี้ มันสามารถเกิดขึ้นได้จากภายในตัวของเราเอง และจากภายนอก มันสามารถผ่านทะลุกำแพงไม่ว่าจะหนาเท่าใดก็ตาม ไม่ว่าจะปิดหูปิดตาก็ตาม
เราสามารถรับ คิดตามกระแสนี้ได้ ซึ่งพระคัมภีร์เรียกว่า เนื้อหนัง กระแส ระบบของโลกนี้ คืออิทธิพล พลังอำนาจของความบาปและความตาย ซึ่งเป็นศัตรูอยู่ตรงกันข้ามต่อต้านพระเจ้า ซึ่งเป็นความดีงาม ความบริสุทธิ์ ความรักเป็นพระเจ้าตัวจริง
• ผล คือลูกหลานเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ที่ตามมา ตกอยู่ใต้พลังอำนาจแห่งความบาปและความตายนี้ คือเป็นทาส เชื่อฟังความคิดของตนเอง เห็นแก่ตัว เย่อหยิ่ง จองหอง บูชา นมัสการตนเอง ซึ่งเปรียบเสมือน รูปเคารพที่อยู่ในใจ และเป็นผลออกมาทางภายนอก คือสร้างรูปปั้น จากสัตว์ จากอะไรต่างๆ ที่ทรงสร้างมา เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงรูปเคารพที่อยู่ในใจ ต้องการให้รูปเคารพนั้น ทำตามความปรารถนา ที่เป็นของตัวเอง อยู่ในใจของตน
ความจริง คือในโลกวิญญาณ มีสองเจ้านายเท่านั้น คือบาป หรือความชอบธรรม
• ตัวเองเป็นใหญ่หรือพระเจ้าเป็นใหญ่ ความตายหรือชีวิต
พระเยซูตรัสว่า … ท่านไม่สามารถเป็นข้าสองจ้าว บ่าวสองนายได้ ต้องตัดสินใจเลือก ระหว่าง …
➢ ท่านจะเป็นทาสของบาป ซึ่งนำไปสู่ความตาย
หรือ …
➢ จะเป็นทาสของการเชื่อฟัง ซึ่งนำไปสู่ชีวิต เป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า
พระเจ้าอวยพรครับ