คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2024
เรื่อง “หนังสือ 1 ยอห์น”
ตอน 2 “พระเจ้าได้ลบบาปทั้งปวง ไม่ใช่เพียงบาปของคริสเตียนเท่านั้น แต่บาปของคนทั้งโลกด้วย 2,000 ปีมาแล้ว”
โดย นคร เวชสุภาพร
วันนี้มาต่อหนังสือ 1 ยอห์น ตอนที่ 2 อย่างที่ผมได้บอกสัปดาห์ที่แล้วว่าหนังสือตั้งแต่ 1 ยอห์นเป็นต้นไป ลึกซึ้งมาก สนุกมาก ตั้งใจฟัง เรียนรู้ เข้าใจในเรื่องเล่านี้ จะทำให้ท่านมีความสุข มีสันติสุขในการดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้อย่างมากมาย เกินกว่าที่เราจะเข้าใจ 1 ยอห์น ตอนที่ 2 สรุปหัวข้อเรื่องวันนี้ ก็คือ “พระเจ้าได้ลบบาปทั้งปวง ไม่ใช่เพียงบาปของคริสเตียนเท่านั้น แต่บาปของคนทั้งโลกด้วย 2,000 ปีมาแล้ว”
บาปทั้งปวง คือบาปตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคตนิรันดร์ ในอดีต คือบาปอะไร? ในอดีต คือบาปที่เราเกิดมา อยู่ในอาดัม อยู่ในบรรพบุรุษของเรา ซึ่งสืบเชื้อสาย DNA จากอาดัม ที่เป็นคนบาป เราก็ติดเชื้อบาปมา เป็นคนบาปตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา คลอดออกมา ก็เป็นคนบาป นี่เราเรียกว่าบาปในอดีต และเมื่อคลอดออกมา ก็เริ่มมีชีวิตดำเนินอยู่บนโลกใบนี้ เรียกว่าบาปในปัจจุบัน และบาปในอนาคตคืออะไร? คือเมื่อเราเป็นคนบาป ในปัจจุบันกระทำบาปอยู่ แต่เราต้อนรับพระเยซูคริสต์ พระบุตร พระเมสิยาห์ ที่พระเจ้าประทานให้กับมวลมนุษยชาติ เพื่อลบบาปออก แล้วเราก็ต้อนรับ พอเราต้อนรับพระเยซูมาเป็นผู้รับบาป บาปนั้น ได้ถูกลบออกไปเลย พอมองเห็นไหม? บาปอดีตถูกลบออกไป บาปปัจจุบัน ที่กำลังกระทำอยู่บนโลกใบนี้ ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ก็ถูกลบออกไป และรวมถึงบาป ที่เมื่อเราทิ้งร่างนี้ คือตายจากโลกนี้ ซึ่งถ้าเราไม่ได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เราก็ยังติดเชื้อบาปอยู่นั้น แต่ถ้าเราเป็นคริสเตียน เราต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ลบบาปออกแล้ว พระองค์ก็ลบบาปนั้นด้วย ในอนาคตนิรันดร์ คือหลังความตาย ก็ถูกลบออกไปด้วย เพราะฉะนั้น หลังความตาย เมื่อท่านปรากฏตัวท่านเอง ต่อหน้าพระเจ้า ท่านก็ไม่มีบาป ไม่ได้เป็นคนบาปเลยสักนิดเดียว
เมื่อตอนที่แล้ว ที่เราเรียนกัน เริ่มต้นหนังสือยอห์น เราได้รู้แล้วว่าใน 1 ยอห์น บทที่ 1 ยอห์นกำลังเขียนถึง กำลังพูดถึง เน้นถึงพวกที่อ้างตัวว่าเป็นคริสเตียน แต่ไม่ได้เป็นจริงๆ หลงผิดไป คิดว่าเป็นคริสเตียน ซึ่งก็คือคนที่เชื่อในลัทธินอสติก เราได้เรียนรู้ตรงนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ข้อความในหนังสือที่อ่านพูดถึงใคร? พูดกับใคร? หมายถึงใคร? อย่างที่ผมบอก สรรพนามในหนังสือที่เราอ่าน มันสำคัญมากๆ วันนี้ ขอเน้นอีกนิดหนึ่งว่าสรรพนามที่ใช้ สำคัญมากๆ ยกตัวอย่าง มีทั้งคำว่า “เรา” เราที่หมายถึงคริสเตียน แล้วก็มีคำว่า “เรา” ที่หมายถึงคนทั่วๆ ไป มนุษย์บนโลกใบนี้ ซึ่งมีทั้งคริสเตียน และไม่ใช่คริสเตียน หรือบางอัน มีคำว่าเราในหนังสือยอห์น บทที่ 1 ตอนต้น ที่เราเรียนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว “เรา” หมายถึงอัครสาวก 12 คนเท่านั้นเอง ก็มี ก็ใช้คำว่า “เรา” เหมือนกัน เพราะฉะนั้น “เรา” หรือ “เขา” หรือ “ท่าน” ในสรรพนามต่างๆ ในหนังสือไบเบิ้ล ไม่ว่าจะเรียนเรื่องไหนก็ตาม อาจจะต้องระมัดระวัง ดูว่าบริบทของสรรพนามนั้น หมายถึงใคร? หมายถึงตัวเราคริสเตียน หรือหมายถึงผู้ที่ไม่เชื่อ หรือหมายถึงใครกันแน่
ยกตัวอย่างเช่นในหนังสือ มัทธิว บทที่ 5 ที่เราเคยเรียนกันไป ก่อนหน้านี้แล้ว บริบทนี้ พระเยซูประกาศกับชาวยิว ที่ไม่ได้เป็นคริสเตียน ยกมาตรฐาน บัญญัติของชาวยิวขึ้นมา บัญญัติของชาวยิว ไม่ใช่บัญญัติของคริสเตียน พระองค์ทรงยกบัญญัติของชาวยิว ให้สูงกว่ามาตรฐานขึ้นมา มาตรฐานของพระเจ้า เพื่อบ่งชี้ให้ชาวยิว ได้เห็นว่าพวกเขารักษาบทบัญญัตินี้ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ไม่ได้หรอก ไม่ได้พูดถึงคริสเตียน พระองค์บอกว่าทำไม่ได้หรอก เพราะตามมาตรฐานของพระเจ้าจริงๆ คือท่านต้องบริสุทธิ์ ดีพร้อมเหมือนพระเจ้า พูดกับชาวยิวที่ไม่ใช่คริสเตียน …
“ท่านไม่สามารถพึ่งพาตนเองในการเข้าสวรรค์ได้ โดยการรักษาบทบัญญัติของโมเสสหรอก จงมาวางใจในเรา ผ่านทางเราเท่านั้น ท่านจึงจะถึงพระบิดาได้ นอกจากทางเรา ไม่มีทางอื่นเลย นี่กำลังพูดกับชาวยิวตอนนั้น เราจะได้เห็นว่ามันสำคัญไหม? ซึ่งตรงกับหนังสือกาลาเทีย หลังจากที่พระเยซูคริสต์กระทำสำเร็จเรียบร้อยแล้ว
หนังสือกาลาเทียก็ได้บันทึกไว้ว่าบทบัญญัติมีไว้เพื่อบ่งบอกว่ามนุษย์นั้นเป็นคนบาป ไม่สามารถรักษากฎบัญญัติได้ตามมาตรฐานของพระเจ้า เพราะตามมาตรฐานของพระเจ้า คือผิดข้อเดียวก็ไม่ได้เลย ไม่มีใครสามารถกระทำดีได้ครบถ้วน อันนี้พูดถึงคริสเตียนทั่วไปด้วยว่ารักษาบทบัญญัติ บทบัญญัติของคริสเตียนทั่วไป ที่ไม่ใช่ชาวยิว คืออะไร? คือความสำนึกผิดที่พระเจ้าเขียนบัญญัติไว้ในจิตใจของมนุษย์ทุกคน พระคัมภีร์พูดไว้อย่างนั้น ในหนังสือโรม เพราะตามมาตรฐานแล้ว ผิดนิดหนึ่งก็ไม่ได้ ข้อเดียวก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น เลิกพึ่งการกระทำดี เพื่อพยายามที่จะเข้าสวรรค์ อย่าเข้าใจผิดว่าเลิกทำดี ไม่ใช่ เลิกทำดี เพื่อจะไปสวรรค์ เลิกทำซะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะท่านทำดี ไม่ครบถ้วน ไม่สามารถไปสวรรค์ได้ เมื่อไปไม่ได้แน่ๆ ก็เลิกพึ่งการกระทำของตนเอง เพื่อจะไปสวรรค์ แต่ให้มาพึ่งในพระเยซู บอกชาวยิวนะ คือให้เรา เราในที่นี้หมายถึง พระองค์ก็เป็นชาวยิวที่พูดกับเขาที่เป็นชาวยิวด้วยกัน ให้เรามากลับใจใหม่เถิด ก็พูดง่ายๆ ให้เราชาวยิว กลับใจใหม่ซะ กลับใจจากการพึ่งพาในการกระทำตามบทบัญญัติของโมเสส เห็นไหม คริสเตียนไม่เกี่ยวอะไรกับโมเสส เราเป็นต่างชาติ เราไม่ได้รู้เรื่องบทบัญญัติเหล่านี้ แต่ตอนนี้ พระเยซูกำลังพูดถึงคนยิว อย่าพึ่งการกระทำตามบัญญัติของโมเสส ที่บรรพบุรุษกระทำตามมาตลอด นั่นเป็นพระคัมภีร์เดิมที่พระเจ้าได้บัญญัติเอาไว้ เพื่อจะได้เข้าสวรรค์ ตรงนี้สำคัญ เลิกทำตามกฎบัญญัติของโมเสส ซึ่งเป็นกฎที่ดีทั้งหมดเลยนะ ทำเพื่อจะได้ไปสวรรค์เลิกทำซะ มันทำไม่ได้หรอก มันต้องพึ่งความเชื่ออย่างเดียว แต่หันมาวางใจในพระเยซู ในตัวเรา ซึ่งเป็นพระมาซีฮาห์ พระเจ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ พระเยซูคริสต์ดีกว่า และเมื่อท่านเชื่อในเราแล้ว ในพระเยซูแล้ว ก็จะได้ถูกย้ายมาอยู่ในกฎแห่งวิญญาณแห่งชีวิตในองค์พระเยซูคริสต์ เป็นอิสระจากกฎของความบาปและความตาย เป็นอิสระจากกฎแห่งการกระทำตามบัญญัติ คือท่านจะเข้าสู่ความบริสุทธิ์ ผ่านทางพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดเท่านั้น นี่คือบริบทของมัทธิว บทที่ 5 ที่พระเยซูประกาศ
แล้วถ้าเราเอามาใช้สรรพนามผิดว่าเป็นตัวเรา มันก็ยุ่ง ถ้าเราแปลความหมายผิด ไม่ได้พูดกับเรา เราก็เอามาพูดกับเรา ที่พูดกับเรา เราก็บอกไม่ได้พูดกับเรา ถ้าเราแปลความหมายสรรพนามผิด เพียงนิดเดียว เรา ท่าน อะไรต่างๆ แปลผิดว่าพูดกับเรา มันก็เสียหาย อย่างง่ายๆ เมื่อตะกี้ที่พระเยซูประกาศกับชาวยิว เรื่องความรอดว่าพึ่งพาตนเองไม่ได้ ถ้าเราแปลความหมายผิด เราก็จะเสียโอกาสในการประกาศข่าว เพราะเขากำลังพูดถึงคนไม่เชื่อ เรานึกว่าพูดถึงคนเชื่อ เราก็เสียโอกาสในการประกาศข่าวดี จากถ้อยคำของพระเจ้า ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่ระบุไว้ เสียโอกาสในการประกาศข่าวดีให้กับผู้คนอื่นๆ ที่ยังไม่เชื่อ ยังไม่เป็นคริสเตียน ทำให้เขาสามารถได้ฟังข้อมูลข่าวประเสริฐอย่างแท้จริง เพราะเรายังสับสนอยู่เลย เรานึกว่าพระเยซูมาสอนเรา ให้เราตั้งใจกระทำความดี รักษาบัญญัติให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ นั่นไม่ใช่เป้าหมายที่พระองค์ทรงพูด พระองค์พูดกับคนที่ไม่เชื่อ เป้าหมาย ก็คือท่านอย่าพึ่งพาในการรักษาบทบัญญัตินั้น เพื่อที่จะได้ไปสวรรค์ ทำไม่ได้หรอก อย่างนี้เป็นต้น
ซึ่งข่าวประเสริฐที่พระเยซูพูด ง่ายนิดเดียว คือ “แค่วางใจในเราเท่านั้นเอง ท่านก็ได้รับความรอดแล้ว”
ข่าวประเสริฐในพระเยซูคริสต์ มันง่ายมาก สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ หรือคนทั้งปวงบนโลกใบนี้ ที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียน เห็นไหม? มันเข้าใจง่าย วางใจในพระเยซูคริสต์ แล้วท่านจะได้รับความรอด คือถ้าท่านยังรักษากฎบัญญัติทางศาสนา ทางศีลธรรมอันดีงาม ซึ่งมันดีอยู่แล้ว ท่านนับถือศาสนาอะไร ซึ่งเขาสอนทำดี ทำดีต่อไป ก็ดีอยู่แล้ว ก็ทำต่อไป เป็นสิ่งที่ดี แต่ท่านไม่สามารถทำได้ครบถ้วนบริบูรณ์ ถึงมาตรฐานของพระเจ้า ที่สามารถทำให้ท่านเข้าสวรรค์ได้หรอก หลังความตายที่ท่านหวังไว้ กระทำดี สะสมความดี เพื่อจะไปสวรรค์หลังความตาย นั่นลมๆ แล้งๆ ไม่ได้หรอก หันมาวางใจในพระเยซูคริสต์เท่านั้น แล้วท่านก็ประกาศข่าวดีพระเยซูคริสต์ เป็นพระบุตรของพระเจ้า มาตายที่ไม้กางเขน เพื่อท่าน แล้วเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่ 3 เพียงแค่ท่านเชื่อตรงนี้ ท่านก็ได้สิทธิ์ทันที เราก็สามารถประกาศตรงนี้ได้ เห็นไหม? มันง่ายนิดเดียว ว่าท่าน บุคคลที่ไม่ได้เชื่อ มนุษย์ทั่วไป บนโลกใบนี้ จงกลับใจใหม่ มาวางใจในพระเยซูคริสต์ดีกว่า และเพียงแค่ท่านเชื่อ และยอมสารภาพ ยอมรับว่าตนเองเป็นคนบาป และได้ทำบาป ไม่สามารถชดใช้ ลบบาปตนเองได้ด้วยการกระทำดี เท่านั้นเอง แค่นี้เอง และหันมาเชื่อว่าพระเยซูสามารถทำได้ พระเจ้าให้คำมั่นสัญญาว่าพระองค์จะลบล้างบาปให้กับท่าน ถ้าท่านกลับมาหาพระองค์อย่างนี้ พระองค์จะทรงลบบาป ให้กับท่าน ทั้งบาปในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต จนถึงนิรันดร์ ท่านจะได้เข้าส่วนร่วมในความบริสุทธิ์กับพระองค์ และกับคริสเตียนคนอื่นๆ ทั้งหลายทั่วโลก เป็นหนึ่งเดียวกันกับครอบครัวของพระเจ้า ทันทีที่ท่านยอมสารภาพบาปนั้น และท่านจะได้รับสิ่งนี้ ไปจนตลอด ไปจนถึงนิรันดร์ หลังความตาย นี่คือคำสัญญาของพระเจ้า ซึ่งสำเร็จแล้ว ผ่านทางพระเยซูคริสต์ … รู้แล้วนะว่าศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิ้ล อ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ต้องเน้น ดูให้ดีๆ ว่ากำลังพูดถึงใคร?
วันนี้เรามาเริ่มต้นบทที่ 2 ข้อ 1-2 …
1 ยอห์น 2:1-2 “1 ลูกที่รักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเขียนมาถึงท่านเช่นนี้ เพื่อท่านจะไม่ทำบาป แต่ถ้าผู้ใดทำบาป เราก็มีพระองค์ ผู้ทูลแก้ต่างต่อพระบิดา เพื่อเราทั้งหลาย คือพระเยซูคริสต์องค์ผู้ชอบธรรม 2 พระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาปทั้งปวงของเราทั้งหลาย และไม่ใช่เพียงบาปทั้งปวงของเราเท่านั้น แต่บาปทั้งปวงของคนทั้งโลกด้วย”
จะขออธิบายจากตอนท้าย ข้อที่ 2 ก่อน เพราะว่าเป็นชื่อเรื่องของซีรี่ย์นี้ วันนี้ และเป็นหัวข้อที่สำคัญมากๆ ที่มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ มักจะได้ยินและเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ตรงคำว่า “ลบบาปทั้งปวง พระองค์สัญญาว่าจะส่งพระเยซูคริสต์มา ลบบาปทั้งปวงของเราทั้งหลาย ลองอ่านตาม
“ลบบาปทั้งปวง ไม่ใช่เพียงบาปทั้งปวงของคริสเตียนเท่านั้น แต่บาปทั้งปวงของคนทั้งโลกด้วย เอเมน”
บาปทั้งปวงของคนทั้งโลก หมายถึงใคร พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อลบบาปของคริสเตียนเท่านั้นหรือ? เปล่าในนี้บอกว่าบาปของคนทั้งโลก นั่นหมายถึงตอนที่พระเยซูอยู่ที่ไม้กางเขนนั้น พระองค์สิ้นพระชนม์ทันทีปุ๊บ มนุษย์ทั้งโลกได้รับการอภัยโทษ ลบจากบาปทั้งสิ้น ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเรียบร้อยไปแล้ว เพียงแต่เขาต้องมาใช้สิทธิของเขา เมื่อเขารู้ข่าวดีนี้ แล้วก็ยกมือรับสิทธินี้ว่า …
“ใช่ ฉันต้อนรับพระเยซูคริสต์ พระเยซูคริสต์เป็นตัวแทนของฉัน พระเยซูคริสต์เป็นผู้นั้นแหละ ที่ทำให้ฉัน ฉันรับพระเยซูคริสต์”
การรับพระเยซูคริสต์ คือรับทุกอย่างที่พระองค์ทรงกระทำให้นั่นเอง ถ้าไม่รับ ก็ไม่ได้อะไรเลย เพราะในนี้บอกว่าพระเยซูเป็นผู้กระทำสิ่งนั้น พระเจ้ากระทำสิ่งนี้ผ่านทางพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่บาปทั้งปวงของคริสเตียนเท่านั้น แต่บาปของคนทั้งโลก ต้องต่อด้วยว่าบาปทั้งปวงของคนทั้งโลกด้วย คือคนที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียน ยังเป็นของโลกนี้อยู่ ถ้าคนๆ นั้น เป็นของโลกนี้ ยังไม่ได้เป็นคริสเตียน ยังมีบาปอยู่ ถ้าเขายอมจำนน เชื่อข่าวดีนี้ และรับสิทธิของเขา เขาก็จะถูกย้ายเข้ามาอยู่ในพระคริสต์ อยู่ในครอบครัวของพระคริสต์ เป็นลูกของพระเจ้า ถูกลบบาปออกหมดสิ้นเลย เห็นไหม? เพราะทำให้แล้ว เพียงแต่เขายอมรับว่าพระเยซูทำให้กับคนที่เป็นคนบาป และทำบาป และต้องชดใช้บาปนิรันดร์ หลังความตาย ใช่ไหม? คุณยอมรับไหมว่าคุณทำบาป คุณยอมรับไหมว่าวันสุดท้าย หลังความตาย คุณก็จะต้องชดใช้ความบาปนั้น ถ้าไม่ยอมรับ ก็แน่นอน จบกัน ก็ไม่ได้ แต่ถ้าคุณยอมรับสารภาพว่าคุณเป็นคนบาป และต้องการหมอรักษาบาปนั้น พระเยซูคริสต์นั่นแหละ คือหมอ ที่พระเจ้าทรงประทานให้ (แล้ว) ถ้านับปัจจุบัน ที่กำลังพูดอยู่นี้ ประทานให้ 2,000 ปีมาแล้ว พระเยซูคริสต์ทำสำเร็จ ที่บนไม้กางเขนเรียบร้อยแล้ว ก่อนเราจะเกิดด้วยซ้ำไป นั่นหมายถึงพระเยซูคริสต์ได้ไถ่บาปให้กับเราเรียบร้อยแล้ว ล่วงหน้า บางท่านไม่เข้าใจ
“ไถ่บาปเราล่วงหน้าได้อย่างไร? สนับสนุนให้เราไปทำบาปเหรอ มีการไถ่บาปเราล่วงหน้า พรุ่งนี้เราจะทำอะไรต่างๆ พระเยซูไถ่แล้ว ไถ่ได้อย่างไร?”
ก็วันนี้ ท่านบอกว่าท่านพ้นจากบาป พ้นจากเวรกรรมแล้ว ท่านรับเชื่อแล้ว พระเยซูไถ่ท่าน ไถ่วันนี้หรือ? ไม่ใช่ ท่านเพิ่งมารับสิทธิ์วันนี้จริง แต่พระเยซูไถ่ท่านตั้งแต่ ค.ศ. 1 แล้ว สมมติให้ฟัง ไถ่ตั้งแต่ ค.ศ.1 แล้ว ไถ่มา 2,000 ปีแล้ว แต่เพิ่งมารับตอนนี้ ตอนที่ผมรับ พระเยซูไถ่ผมมา 1,980 ปีแล้ว แต่ถ้าใครเชื่อวันนี้ พระเยซูไถ่เขาตั้งแต่ 2,000 ปีที่แล้ว แต่ท่านมารับสิทธิ์ของท่านวันนี้ นี่คือความจริง
ความจริงที่อาจารย์ยอห์น เขียนสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ใน 1 ยอห์น บทที่ 2 เมื่อตะกี้นี้บอก ลบบาปออกหมด เพื่อท่าน ท่านคือใคร? ท่าน คือผู้ที่ยอมจำนน สารภาพแล้วว่าตนเอง เป็นคนบาป ทำบาป และต้องการความช่วยเหลือ เป็นคนป่วยที่ต้องการหมอ ยอมรับแล้ว ต้อนรับพระเยซูคริสต์แล้ว เป็นหมอ เป็นพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว ก็คือเป็นคริสเตียนแล้ว ได้รับการลบล้างบาปทั้งปวงแล้ว ใช่หรือไม่? เอเมน นี่ตามถ้อยคำพระเจ้าเป๊ะเลย พูดแล้วพูดอีก นี่เขียนถึงผู้ที่เป็นคริสเตียน (เท่านั้น) คือคนที่ยอมสารภาพว่าตนเองเป็นคนบาป สารภาพเมื่อไร? ไม่รู้ ก่อนหน้านี้ ตอนเปิดใจรับเชื่อ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่เราเรียน ยอห์นประกาศกับพวกนอสติก คือคนที่ไม่เชื่อ แต่ตอนนี้กำลังพูดกับคนที่เชื่อ เป็นคริสเตียนแล้ว ยอมสารภาพแล้ว ก่อนหน้านี้ประกาศกับพวกนอสติกที่ยังไม่เชื่อ สัปดาห์ที่แล้วเราได้เรียนแล้ว 1 ยอห์น 1:9 หัวใจเลย ที่คนเข้าใจผิด คิดอยู่เรื่อยว่าพูดกับคริสเตียน แต่จริงๆ กำลังพูดกับคนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียน คนที่ยังไม่เชื่อ …
1 ยอห์น 1:9 “ถ้าเรา (มนุษย์ผู้ใด) ยอมจำนนรับว่าเรา (เขา) เป็นคนบาป และเรา (เขา) สารภาพบาปของเรา (เขา) พระองค์เป็นผู้รักษาคำมั่นสัญญา และมีความเที่ยงธรรม พระองค์จะยกโทษบาปทั้งหมดแก่เรา (เขา) และชำระเรา (เขา) ให้บริสุทธิ์ พ้นจากความไม่ชอบธรรม (ความบาป) ทั้งปวง”
วงเล็บไว้ให้เป็นเขา เพื่อจะได้ให้เห็นชัดขึ้น …
ขึ้นมา “ถ้าเราสารภาพบาป” ก็แสดงว่ายังไม่สารภาพใช่ไหม? คนที่ยังไม่สารภาพ ก็หมายถึงคนที่ยังไม่ได้มาใช้สิทธิของเขา ยังไม่ได้เป็นคริสเตียน
1 ยอห์น 1:9 ถ้าผมจะยกตัวอย่างให้อย่างนี้ จะทำให้ท่านเห็นชัดขึ้น 1 ยอห์น 1:9 จึงเป็นข้อสำหรับคนที่ไม่ใช่คริสเตียน
1 ยอห์น 1:9 “สำหรับคนที่ไม่ใช่คริสเตียน ถ้าเรา (เขา) ยอมรับสารภาพบาปว่าเป็นคนบาป และได้ทำบาปด้วย พระเจ้าจะยกโทษบาปทั้งหมดแก่เรา (เขา) และชำระเรา (เขา) ให้บริสุทธิ์ พ้นจากความไม่ชอบธรรม (ความบาป) ทั้งปวง”
ชัดไหม? ถ้ายังไม่ชัด เดี๋ยวผมจะใส่ตรงนี้ให้อีก คราวนี้ชัดเลยสมมติว่าผมไปเจอเพื่อนคนหนึ่ง ที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียน ผมจะประกาศให้กับเขา ผมจะประกาศอย่างไร? สมมติว่าเขาชื่อจ่อย ยังไม่เชื่อพระเจ้า ผมจะไปประกาศ ผมจะบอกจ่อยว่า …
“นี่นะจ่อย ถ้าจ่อยยอมรับสารภาพบาปว่าจ่อยเป็นคนบาป และจ่อยได้ทำบาป ทำหรือเปล่า? เมื่อวานนี้ วันนี้ โกหกหรือเปล่า พระเจ้าพระเยซูคริสต์จะยกโทษบาปทั้งหมดเลยนะ ให้แก่จ่อย และชำระจ่อยให้บริสุทธิ์ พ้นจากความบาป ความไม่ชอบธรรมทั้งปวง ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต หลังความตาย ก็ไม่มีบาปเลย อยู่ในสวรรค์เลยล่ะ จ่อยเชื่อไหม? ถ้าเชื่อ มาสารภาพบาป ดีกว่า ยอมรับดีกว่า ยอมจำนนดีกว่า”
“1 ยอห์น 1:9 จึงเป็นการเชื้อเชิญคนที่ยังไม่เชื่อ ยังไม่ได้เป็นคริสเตียน”
แต่สำหรับคนที่เป็น คริสเตียนแล้ว ต้องดูใน 1 ยอห์น 2:1-2 …
1 ยอห์น 2:1-2 “1 ลูกที่รักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเขียนมาถึงท่านเช่นนี้ เพื่อท่านจะไม่ทำบาป แต่ถ้าผู้ใดทำบาป เราก็มีพระองค์ ผู้ทูลแก้ต่างต่อพระบิดา เพื่อเราทั้งหลาย คือพระเยซูคริสต์องค์ผู้ชอบธรรม 2 พระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาปทั้งปวงของเราทั้งหลาย และไม่ใช่เพียงบาปทั้งปวงของเราเท่านั้น แต่บาปทั้งปวงของคนทั้งโลกด้วย”
ขอบคุณพระเจ้า ลึกซึ้ง เข้าใจยาก และคนได้ยินจะไม่เข้าใจ อาจต่อต้าน แล้วหาว่าเราสอนให้คนไปทำบาป ทำบาปก็ไม่เป็นไร ได้รับการอภัยโทษแล้ว พูดอย่างนี้ ก็ไปทำบาปได้สบาย อาจารย์ยอห์นก็คิดเหมือนกัน เริ่มประกาศเรียบร้อยแล้ว ต้องพูดความจริงเรื่องนี้ให้กับท่านที่เป็น คริสเตียน อาจารย์ยอห์นพูดอย่างนี้ ในบทที่ 2 ข้อ 1 และ 2 ที่ตะกี้นี้อ่าน จำเป็นต้องบอกความจริงกับท่าน เพราะมันเป็นความจริง แล้วถูกต่อต้าน อย่างนี้ก็สอนให้คริสเตียนไปทำบาปได้สิ จึงเป็นเหตุให้อัครสาวกยอห์น พูดก่อนเลย ก่อนที่จะแจ้งความจริงนี้ว่าไม่ได้มาสอนความจริงนี้ เพื่อท่านจะได้ไปทำบาป อ่านดูสิ ย้อนกลับไปบทที่ 2 ข้อ 1 บรรทัดแรกเลย …
“ข้าพเจ้าเขียนมาถึงท่านเช่นนี้ เพื่อท่านจะไปทำบาป” ใช่ไหม? ไม่ใช่ “ข้าพเจ้าชี้แจงกับท่านในเรื่องจริงเรื่องนี้ ประกาศความจริงของพระเจ้า พระคุณอันยิ่งใหญ่เหลือล้นของพระเจ้าที่ทำผ่านพระเยซูคริสต์ลบบาปให้กับเรา ลบบาปของมวลมนุษย์ทั้งหลายออก ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนิรันดร์เลยนั่นแหละ ไม่ใช่ เพื่อทำให้ท่านไปทำบาป แต่เพื่อท่านจะไม่ทำบาป หมายความว่าถ้าท่านรู้ความจริงนี้แล้ว ท่านจะไม่ทำบาป
ถ้าท่านรู้ความจริงเหมือนเมื่อตะกี้นี้ ที่อาจารย์ยอห์นพูดในหนังสือ 1 ยอห์น 2:1-2 ท่านจะไม่ทำบาป ถ้าท่านรู้ความจริงอย่างนี้ว่าท่านได้รับความรอดอย่างนี้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ ครบถ้วน 100% จนกระทั่งอนาคต จะทำอะไรก็ได้ เชิญเถอะ ถ้าท่านรู้อย่างนี้ ท่านจะไม่ทำบาป แล้วคนมาชี้หน้าเรา บอกว่าเราพูดความจริงตามอาจารย์ยอห์น แล้วบอกว่าจะไปบอกให้คนทำบาป หัวเราะหน่อยสิ เป็นไปได้ไหม? เป็นไปไม่ได้ เพราะพระคัมภีร์ก็พูดไว้อย่างนี้ มันเป็นไปไม่ได้ แสดงว่าเขายังไม่ได้รู้ความจริงเหล่านี้ เมื่อเขาไม่รู้ความจริงเหล่านี้ มันก็ตรงกันข้าม ขอโทษทีนะ ไม่ได้กล่าวหาใคร พูดตามถ้อยคำพระเจ้า ตามตรรกะของพระเจ้า ถ้ารู้ความจริงเหล่านี้ตามที่อาจารย์ยอห์นเขียน เขาก็จะไม่ทำบาป
เอากลับกันสิ ถ้าไม่รู้ความจริงเหล่านี้ เขาก็จะทำบาป ผมไม่ได้พูดนะ
เอาใหม่อีกที ถ้าเรารู้ความจริงเหล่านี้ พระคุณของพระเจ้าให้เรารอดจากบาป โดยพระคุณ ไม่ใช่โดยการกระทำ โดยความประพฤติ พูดแล้วพูดอีก พูดซ้ำแล้ว พูดซ้ำอีก แล้วเขาก็หาว่าเราไปส่งเสริมให้คนทำบาป คนที่พูดอย่างนั้น ก็แสดงว่ายังไม่เข้าใจถึงเรื่องพระคุณของพระเจ้า ยังไม่เข้าไปลึกถึงพระเจ้า เขาก็ไม่รู้ความจริงเหล่านี้ เมื่อเขาไม่รู้ความจริงเหล่านี้ เขาก็จะทำบาป เรียนอยู่แค่นี้วันนี้ บอกแล้วไงว่ามันสำคัญมาก
เพราะนี่คือหัวใจของการที่จะเรียนรู้หนังสือยอห์น 1 ยอห์น, 2 ยอห์น, 3 ยอห์น ถ้าตรงนี้ไม่ผ่าน อ่านต่อไป ท่านก็จะชี้นิ้วอยู่เรื่อย อยู่ในแสงสว่างแล้วอยู่เลย ไม่มีความมืดเลย อะไรไม่มีความมืด เมื่อวานก็ยังเห็นโกหกอยู่เลย ไม่มืดได้อย่างไร? อยู่ในสว่างได้อย่างไร? เขาก็จะคิดอย่างนี้ตลอดเวลา แต่พระคัมภีร์บอกว่าไม่มีความมืดในความสว่าง เมื่อท่านเข้ามาเชื่อในพระเยซูคริสต์แล้ว พระองค์ทรงปกป้องท่านด้วย พระเยซูคริสต์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ นี่เป็นเหตุให้อาจารย์ยอห์นต้องเขียนก่อน บอกก่อน สั้นๆ แต่มีความหมายลึกซึ้ง ว่าเมื่อเกิดใหม่แล้ว เกิดแล้วเกิดเลย อยู่ในพระหัตถ์พระเจ้าแล้ว ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
แล้วคิดดูสิว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าคริสเตียนเราเองเข้าใจผิดคำว่า “เรา” ใน 1 ยอห์น 1:9 “เรา” คือ คริสเตียน คือตัวเรา พอเราเข้าใจผิด หรือถูกสอนว่าเราเป็นคริสเตียน นี่คือตัวเรา เราก็เลยกลับกลายเป็นผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ ปฏิเสธพระเยซูคริสต์เสียเอง ทั้งๆ ที่เป็นคริสเตียน ด้วยการทำตามคำสอนของเขา เขา คือคนที่เข้าใจผิด ก็คือด้วยการสารภาพ ขออภัยในความบาปของเราทุกวี่ทุกวัน ก่อนนอน ตื่นนอน อย่าลืมสารภาพบาป ทำผิดแล้วต้องสารภาพบาป สารภาพบาปทุกวี่ทุกวัน ทั้งๆ ที่พระองค์บอกว่าสำเร็จแล้ว ทำให้แล้ว ไม่เชื่อในอำนาจของพระโลหิตพระเยซูหรืออย่างไร? พระเยซูคงตะโกนออกมาจากที่เบื้องขวาของพระเจ้าที่สวรรคสถาน มาขอทุกวันเลย ก็แสดงว่าไม่เชื่อในฤทธิ์อำนาจ ไม่เชื่อว่าเรายังทรงพระชนม์อยู่ ไม่เชื่อว่าเราเป็นพยานอยู่ข้างขวาของพระเจ้าตอนนี้ เราเป็นพยาน เราประกาศแล้วว่าเจ้าบริสุทธิ์ๆ เจ้าไม่มีบาป แต่เจ้าก็มาสารภาพทุกครั้ง
เรากำลังประกาศว่าเราไม่เชื่อว่าพระองค์เป็นผู้รักษาคำมั่นสัญญา เราทำให้พระองค์เป็นผู้โกหก พระองค์บอกว่าสารภาพบาปครั้งเดียวปุ๊บ จัดการให้หมด ตาม 1 ยอห์น 1:9 เราบอกว่ายังไม่หมด ด้วยการสารภาพของเราทุกวี่ทุกวัน เราทำให้พระองค์เป็นผู้โกหกที่พระองค์บอกว่าเราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ จากบาปทั้งปวงแล้ว ก็คือจากบาปในอนาคต ด้วยพระโลหิตพระเยซูคริสต์ หลุดจากการเป็นคนบาป ได้รับการอภัยจากการทำบาป ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคตตลอดไปนิรันดร์ ได้รับความรอดนิรันดร์ ตลอดไป
นิรันดร์ตลอดไป หมายถึงตั้งแต่เริ่มต้นสารภาพบาปครั้งแรก คือเปิดใจรับเชื่อพระเยซูคริสต์ จนมีชีวิตตลอดไปนิรันดร์เลย ก่อนตาย จนกระทั่งหลังตาย ไปถึงนิรันดร์ ไม่มีช่วงไหนเลยที่จะมาแว๊บบอกว่ากลับกลายมาเป็นคนบาป ต้องมาสารภาพใหม่ กลับเข้าๆ ออกๆ ออกๆ เข้าๆ เป็นคริสเตียนบ้าง ไม่เป็นคริสเตียนบ้าง เดี๋ยวมาอยู่ในแสงสว่าง เดี๋ยวมาอยู่ในความมืด อะไรประเภทนั้น มันไม่มี
ฉะนั้น ใน 1 ยอห์น 2:2 จึงได้บอกข้าพเจ้าเขียนมาถึงท่านเช่นนี้ เพื่อเป็นพยาน ประกาศพระคุณพระเจ้าที่ทำให้เราคริสเตียนได้บังเกิดใหม่ ลบล้างบาปทั้งสิ้น ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคตชั่วนิรันดร์ ให้เราบริสุทธิ์ ชอบธรรมดีพร้อมเหมือนพระองค์แล้วชั่วนิรันดร์ ให้เรารับรู้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ไม่ใช่เพื่อมาสนับสนุนให้เราทำบาป แต่ทำให้เราได้รู้ความจริง เพื่อจะได้รู้จักการปฏิเสธ การถูกล่อลวงให้ทำบาปต่างหาก เพื่อจะได้ทำดีบนโลกใบนี้ สมกับที่เป็นลูกของพระเจ้า ที่บริสุทธิ์ดีพร้อมแล้ว จะได้รู้ว่าท่านบริสุทธิ์ดีพร้อม เป็นใครในพระคริสต์ เป็นลูกของพระเจ้า ที่ชอบธรรม บริสุทธิ์ดีพร้อมเหมือนพระคริสต์ตลอดชั่วนิรันดร์แล้วต่างหาก ต้องการให้รู้อย่างนี้ ซึ่งการรับรู้อย่างนี้ เป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า
การรับรู้ว่าเราได้รับความรอดทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนิรันดร์เลย อยู่ในแสงสว่างนิรันดร์เลย เป็นการถวายเกียรติ เป็นการนมัสการพระเจ้า ด้วยจิตวิญญาณและความจริง อาจารย์ยอห์นบอก ท่านไม่รู้ความจริงตรงนี้ ท่านก็ไม่ได้นมัสการพระเจ้า ด้วยจิตวิญญาณและความจริง 1 ยอห์น 2:12 ได้บันทึกอย่างนี้เลย อาจารย์ยอห์นบอกอย่างนี้ …
1 ยอห์น 2:12 “ลูกที่รัก ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านทั้งหลาย เพราะบาปทั้งปวงของท่าน ได้รับการอภัยแล้ว เนื่องด้วยพระนามของพระองค์”
ได้รับการอภัยแล้ว ให้ท่านรู้เรื่องเหล่านี้ เพราะบาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว เนื่องด้วยพระนามของพระองค์ หมายถึงผ่านทางพระนามของพระองค์ ให้ท่านรู้ว่าพระนามของพระองค์ ทำให้ท่านได้รับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ถ้าท่านเชื่อสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ท่านก็เท่ากับยกชู ขอบคุณพระเยซูคริสต์ เป็นการยกย่อง ถวายเกียรติแด่พระนามพระเยซูคริสต์ แด่พระเยซูคริสต์ เมื่อท่านเชื่อว่าท่านได้รับการยกบาป ลบบาปทั้งปวงทั้งสิ้นของท่านเรียบร้อยแล้ว ท่านบริสุทธิ์เรียบร้อยแล้ว 100% แล้ว ท่านกำลังยกย่อง เชิดชู ขอบคุณพระเยซู และถ้าเราไม่เชื่อว่าพระเยซูทำสำเร็จแล้ว แล้วเรายังคงอธิษฐาน ขอการอภัยลบบาป จากพระองค์อยู่อีก เราก็เท่ากับกำลังกล่าวหา หมิ่นประมาทพระองค์โดยไม่รู้ตัว ถูกไหม? นี่ตามเหตุและผล
แต่ถ้าท่าน คริสเตียนคนไหน? พลาด หลงไปทำบาป เมื่อตะกี้เราอ่าน ในหนังสือยอห์นบอกว่าอย่างไร? พลาดไปทำบาป เราก็มีพระเยซู ผู้ทรงพระชนม์อยู่ เป็นคนกลาง พระเยซูทรงพระชนม์อยู่ถึงเมื่อไรนะ? วานนี้ วันนี้ และสืบๆ ไปเป็นนิรันดร์ นั่นหมายถึงพระเยซูจะอยู่ตรงกลาง ช่วยแก้ต่างให้กับเราว่าเราไม่บาป เรามีพระเยซูอยู่ตรงกลาง เรามีพระองค์ผู้ทูลขอ แก้ต่างต่อพระบิดา คือพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นผู้ชอบธรรม ซึ่งหมายความว่าพระเยซูทรงเป็นผู้ทรงคอยทูลแก้ต่างแทนเราตลอดชั่วนิรันดร์ เพื่อให้เรานั้น บริสุทธิ์ สะอาด ดีพร้อม เป็นลูกของพระเจ้าอย่างนั้น ตลอดไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลง พระเยซูยืนยันอยู่ที่ข้างขวามือของพระเจ้าว่าอย่างนั้น ไม่มีใครที่จะมากล่าวหาท่านได้อีกเลย ไม่มีใครที่จะมาว่าท่านเป็นคนบาปได้อีก พระเยซูบอกท่านไม่ได้เป็นคนบาป โดยพระโลหิตของเราเป็นพยาน โลหิตก็อยู่นี่ ตัวเราก็อยู่ที่นี่ เขาอยู่ในร่างกายของเรา เขาเป็นหนึ่งเดียวกันกับเรา เราไถ่เขาเรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครเอาเขาออกจากมือของเราไปได้หรอก เอเมน
นอกจากนี้พระเยซูยังเป็นอะไร? ตะกี้ที่เราอ่านในหนังสือ 1 ยอห์น 2:1-2 บอกว่านอกจากนี้ พระเยซูเองยังเป็นเครื่องบูชาลบบาปทั้งปวงของเรา ซึ่งไม่ใช่เราที่เป็นคริสเตียนเท่านั้น ที่ตะกี้เราอ่าน แต่หมายถึงคริสเตียน และคนทั้งโลกด้วยที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียน
ลองย้อนกลับไปดูนิดหนึ่ง ผมจะชี้ให้ท่านเห็นบางอย่างที่มันสำคัญมาก ใน 1 ยอห์น 2:2 ในนี้บอกว่าพระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาปทั้งปวง คือบาปในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนิรันดร์ เรารู้อยู่แล้ว พระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาป คือเป็นแพะผู้รับบาป พระองค์ไถ่บาปให้กับเรา ด้วยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
ในนี้เขียนว่าอย่างไร? พระองค์ทรงเป็น “ทรงเป็น” แปลว่าอยู่เดี๋ยวนี้ เป็นอยู่ พระองค์ทรงเป็น คือเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดชั่วนิรันดร์ ที่เราบอกว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ทรงเป็น ไม่ใช่พระองค์ทรงได้เป็น ได้เป็น ตอนนี้อาจจะไม่ได้เป็น แต่พระองค์ทรงเป็น หมายถึงปัจจุบัน ขณะนี้ ตลอดเวลา ไม่ว่าท่านจะทำบาปเมื่อไรก็ตาม ไม่ว่าท่านจะทำบาปตอนนี้ หรือว่าก่อนตาย หรืออีก 10 ปีข้างหน้าจะทำบาป พระองค์ก็ทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาปให้กับท่านตลอดเวลา เอเมนไหม? ชัดไหม? ชัดเลย พระองค์ทรงเป็น
พระเยซูคริสต์ตายเมื่อไร? ไม่อยู่เมื่อไร? ท่านระวังตัว กลัวความบาปได้ แต่พระเยซูอยู่ชั่วนิรันดร์ มีชีวิตอยู่ตลอดไป พระองค์ทรงเป็นตลอดไป และเป็นอะไร? เป็นพระเยซูคริสต์ที่อยู่ที่เบื้องขวาของพระเจ้า ในสวรรคสถาน เป็นพระเจ้า ผู้ทรงได้รับสิทธิอำนาจสูงสุด จากพระเจ้าพระบิดา และทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาป ให้กับมนุษย์ทั้งหลายที่เชื่อในพระองค์ เอเมน ขอบคุณพระเจ้าของเรา
การเป็นของพระองค์นี้ แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ และความเพียงพอ พอเพียงในการเสียสละชีวิตของพระองค์ เพื่อเราทั้งหลายว่าพระองค์ทรงเสียสละชีวิต หลั่งพระโลหิต ตายที่ไม้กางเขน และเป็นขึ้นมาใหม่จริงๆ ถ้าท่านเชื่อตามนั้น พระองค์ทรงเป็นอยู่จริงๆ และอยู่ที่เบื้องขวาของพระเจ้าจริงๆ และเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปให้กับท่าน ให้กับเราจริงๆ ได้ชำระบาปเราทั้งหมดทั้งปวง ชำระเราให้บริสุทธิ์ พ้นจากความบาป พ้นจากความไม่ชอบธรรมทั้งหมด
นี่คือการอภัยโทษบาปของมนุษยชาติ ซึ่งกระทำโดยพระเยซูคริสต์ครั้งเดียว เป็นพอที่ไม้กางเขน เมื่อ 2,000 ปีมาแล้ว สำหรับโลกมนุษย์นี้ เรียกว่า 2,000 ปี สำหรับโลกนิรันดร์กาลในสวรรค์ เกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ ไม่มีวันเวลา ในฮีบรู 10:10 และ 14 ได้บันทึกไว้อย่างนี้ …
ฮีบรู 10:10,14 “10 และโดยพระประสงค์นี้ เราทั้งหลายจึงได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ โดยการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์ เป็นเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวเป็นพอ 14 โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ก็ทรงทำให้คนทั้งหลาย ที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้น ถึงความสมบูรณ์ตลอดไป”
“โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระเยซูก็ทรงทำให้คนทั้งหลาย ที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้น ถึงความสมบูรณ์ตลอดไปนิรันดร์”
ดังนั้น คริสเตียนผู้เชื่อ เราสามารถที่จะผ่อนคลาย พักผ่อน เหมือนอย่างที่พระเยซูคริสต์บอก … “ผู้ใดแบกภาระ และเหน็ดเหนื่อย จงมาหาเรา เราจะให้ผู้นั้น หายเหนื่อยและเป็นสุข”
เราสามารถเป็นสุขและหายเหนื่อย อยู่ในสันติสุขของพระเจ้าได้ สามารถพักผ่อนในความจริงนี้ ที่เราได้เรียนรู้ในวันนี้ จากหนังสือยอห์นว่าความสัมพันธ์ในการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ความบริสุทธิ์ในการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า การที่เป็นลูกพระเจ้าที่บริสุทธิ์นั้น มันจะอยู่ตลอดไป เราได้รับการอภัยโทษ อย่างสมบูรณ์แล้ว และนั่นหมายถึงเราได้รับความรักอย่างเต็มที่จากพระเจ้าแล้วเหมือนกัน ให้เราคริสเตียนทั้งหลาย จงมั่นใจ ความมั่นใจนี้ทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตตามตัวตนใหม่ในพระคริสต์ ในชีวิตใหม่นี้ และจะได้แสดงผลของพระวิญญาณที่อยู่ในตัวเรา และการบังเกิดใหม่ในวิญญาณของเรา และดำเนินชีวิตในเสรีภาพที่มีพระคุณของพระองค์ดำรงอยู่ มอบให้กับเราไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเป็นงานที่สำเร็จมาแล้ว 2,000 ปี คือพระคุณของพระเจ้า โดยพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน
สรุปของวันนี้ ก็คือยอห์นเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา เพื่อแจ้งให้คริสเตียนทราบ ประกาศให้รู้ทั่วกัน ทั้งคริสเตียนส่วนใหญ่ และอ้างตัวว่าเป็นคริสเตียนได้รู้ว่าพระเจ้าได้ลบบาปทั้งปวง ทั้งบาปอดีต ปัจจุบันและอนาคตนิรันดร์นั้น ไม่ใช่เพียงแค่บาปของคริสเตียนเท่านั้น แต่บาปของคนทั้งโลกเลย 2,000 ปีมาแล้ว พระองค์ทรงแบกเอาบาปของมวลมนุษยชาติไว้ที่ตัวพระองค์บนไม้กางเขน พระองค์พูดก่อนจะถูกตรึง บอกว่า …
“วันใดที่พระองค์ถูกยกขึ้น ก็คือบุตรมนุษย์ถูกยกขึ้น คือพระองค์ถูกยกขึ้น ถูกตรึงที่ไม้กางเขน พระองค์จะนำบรรดาผู้คนบนโลกทั้งหมด เข้ามาหาพระองค์” มันหมายถึงอย่างนี้
พระองค์ถูกตรึงบนไม้กางเขน พระองค์นำมนุษย์ที่ยังไม่เกิดด้วย มองมาถึงเดี๋ยวนี้ ผ่านมา 2,000 ปี เห็นคุณนครด้วย รวมไว้ที่พระองค์เลย รวม เพื่อพระองค์จะได้ชำระ เป็นตัวแทนของเขา ชำระบาปให้เขา เป็นแพะผู้ไถ่บาปให้กับเขา หมดสิ้นเลย พอเขาเกิดมา เขาได้รับข่าวดีนี้ เขาสารภาพ ยอมรับข่าวดีนี้ เขาก็จะได้รับสิ่งนี้นั่นเอง
เพราะฉะนั้น มันเสร็จมา 2,000 ปีแล้ว มนุษย์ทุกคน เรามาร่วมยอมรับความจริงนี้ ด้วยกันดีไหม? ทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ คนไม่เชื่อ ก็ควรจะรับและสารภาพซะ แต่คนเชื่อแล้ว ก็จะได้รู้ความจริงเหล่านี้ว่าท่านเป็นใครในพระเยซูคริสต์แล้ว รู้อะไร? สำคัญที่สุดในวันนี้ ก็คือ …
“บาปทั้งปวงของฉัน ได้รับการอภัยแล้ว เนื่องด้วยพระนามของพระองค์” เอเมน
ซึ่งเป็นการยกย่อง ถวายเกียรติแด่พระนามพระเยซูคริสต์ แด่พระเจ้าพระบิดา ผู้ทรงประทานพระเยซูคริสต์ให้กับเราทั้งหลาย
“บาปทั้งปวงของฉันได้รับการอภัยแล้ว เนื่องด้วยพระนามของพระองค์” เอเมน
ขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าอวยพรครับ
*************************
จากใจคณะศิษยาภิบาล
มนุษย์ทุกคนต้องตัดสินใจเลือก! …
“กฎแห่งกรรม พึ่งในการกระทำของตนเอง”
หรือ …
“กฎแห่งพระคุณ พึ่งในการกระทำของพระเยซู”
พระเยซูเป็นพระเจ้า มาประสูติเป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไป คืออยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม กฎแห่งการกระทำ และสามารถมีชัยชนะเหนือกฎแห่งกรรมนี้ได้ โดยไม่ทำบาปเลย เพราะเป็นมนุษย์ผู้เดียวที่ไม่ได้เกิดเป็นคนบาป จนถึงวันสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อรับโทษบาปแทนมนุษย์ทั้งปวง
พระเยซูจึงเตือนให้เราทราบว่าไม่มีทางที่จะเอาชนะกฎแห่งกรรมนี้ได้เลย เพราะว่าท่านทั้งหลายเกิดมาก็เป็นคนบาปแล้ว
กฎแห่งกรรมกฎที่พึ่งในการกระทำของตนเองนี้ พระคัมภีร์เรียกว่า “กฎของความบาปและความตาย”
ส่วนกฎแห่งพระคุณ พึ่งในการกระทำของพระเยซู พระคัมภีร์เรียกว่า “กฎวิญญาณที่ประทานชีวิต”
โรม 8:1-2 … “1 เหตุฉะนั้น บัดนี้จึงไม่มีการลงโทษ แก่บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในพระเยซูคริสต์ 2 เพราะว่าโดยทางพระเยซูคริสต์ กฎของพระวิญญาณแห่งชีวิต ได้ปลดปล่อยท่าน ให้เป็นอิสระจากกฎแห่งบาปและความตาย”
เมื่อเราเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา โดยผ่านทางความเชื่อ พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ผ่าตัด วิญญาณของเรา บัพติศมาเรา เข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ วิญญาณเก่าที่เป็นบาปของเรา ได้ตายไปพร้อมกับพระเยซูแล้ว ถูกฝังพร้อมกับพระเยซู และได้เป็นขึ้นมาพร้อมกับพระเยซูแล้ว โดยการบังเกิดใหม่ เข้ามาในอาณาจักรของพระเจ้า เข้ามาเป็นลูกของพระเจ้า เป็นผู้ชอบธรรม สะอาด หมดจดเหมือนพระเยซู เราไม่ได้อยู่ภายใต้กฎของความบาปและความตายอีกต่อไป แต่เราอยู่ภายใต้กฎแห่งพระคุณ กฎวิญญาณที่ประทานชีวิตนิรันดร์
พระเจ้าอวยพรครับ