คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2023
เรื่อง “การบัพติศมาในน้ำกับการบัพติศมาในวิญญาณ”
โดย นคร เวชสุภาพร
ใครบ้างที่ได้รับบัพติศมาแล้ว ยกมือขึ้น?
ใครที่ยังไม่ได้รับบัพติศมา ยกมือขึ้น?
ใครที่ได้รับบัพติศมาในวิญญาณบ้าง ยกมือขึ้น?
นี่คือสาเหตุที่จะมาพูดในวันนี้ คนที่ไม่ได้ยกมือตะกี้นี้ ที่บอกว่าใครบ้างที่ยังไม่ได้รับบัพติศมา ยกมือขึ้น? นั่นแหละ คือหัวข้อเรื่องบรรยายในวันนี้แหละ เดี๋ยวก็จะรู้ทำไมถึงถามอย่างนี้ หัวข้อเรื่อง ก็คือ “การบัพติศมาในน้ำกับการบัพติศมาในวิญญาณ” ซึ่งไม่เหมือนกัน
เห็นไหม เราคุ้นๆ กัน พอพูดถึงบัพติศมาปุ๊บ ทุกคนคิดถึงน้ำหรือวิญญาณ? น้ำ ไม่มีใครคิดถึงวิญญาณเลย แต่จริงๆ ในพระคัมภีร์มีความหมาย 2 อัน คำว่า “บัพติศมา” นี้ มีทั้งในน้ำ และในวิญญาณ และอะไรสำคัญกว่า และวันนี้จะรู้
ถ้าถามผู้เชื่อ คริสเตียนทั่วๆ ไปว่า … “ท่านเคยได้รับบัพติศมาในน้ำหรือยัง?”
คำตอบที่คุ้นๆ กัน ก็คือ … “อ๋อ! ฉันลงน้ำแล้ว”
ถูกไหม? “บัพติศมาหรือยัง? หรือว่าลงน้ำหรือยัง?” ส่วนใหญ่ก็จะตอบอย่างมั่นใจว่า “รับแล้ว” “ลงแล้ว” แต่ถามว่า “ท่านเคยรับบัพติศมาในพระวิญญาณหรือยัง?” คนที่เป็นคริสเตียนมา 10 ปี 20 ปี บางทีไม่กล้ายกมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคริสเตียนที่มาเชื่อใหม่ เชื่อไปอาทิตย์หนึ่งแล้ว หรือเพิ่งเชื่อเมื่อ 3 วันที่แล้ว ไม่กล้ายกมือว่าบัพติศมาในวิญญาณแล้ว ไม่มั่นใจนั่นเอง ไม่รู้ความจริง ถูกไหม? แม้กระทั่งถามเดี๋ยวนี้ว่าท่านที่เป็นคริสเตียนแล้ว มั่นใจว่าตัวเองเป็น คริสเตียนแล้ว ลงน้ำแล้ว อยากถามว่าท่านบัพติศมาในพระวิญญาณแล้วหรือยัง? ท่านก็งงๆ นิดๆ ไม่กล้าตอบ ถูกไหมครับ?
ถ้าถามตอนนี้ล่ะ … “ท่านบัพติศมาในพระวิญญาณแล้วหรือยัง? ใครบัพติศมาแล้ว ยกมือขึ้น?”
เห็นไหม? ยกมือหมดเลย เพราะมั่นใจแล้วว่าแน่นอนเลย วันนี้แหละ จะพาไปตระเวนดูข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ ชัดๆ อีกทีหนึ่ง
เรื่องการบัพติศมา คริสเตียนบางคนยังมีความเข้าใจกันอยู่ คือไปเข้าใจว่าการบัพติศมานี้ หมายถึงการบัพติศมาลงน้ำ คือการเปิดใจต้อนรับพระเยซู การรับพระเยซูมาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด คือการลงน้ำ บัพติศมา เราจะมาเรียนรู้ความหมายที่ถูกต้อง คำตอบที่ถูกต้องจากพระคัมภีร์ เพราะว่าในพระคัมภีร์ พูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน อย่างที่เคยบอกถ้อยคำในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลตั้งแต่หน้าแรก จนถึงหน้าสุดท้าย จะเล็งไปถึงโลกวิญญาณทั้งสิ้น จะเป็นภาพของโลกวิญญาณ ที่เรามองไม่เห็น แต่พระเจ้าพยายามที่จะอธิบายให้เราพอเข้าใจได้ในเรื่องโลกวิญญาณ เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน ก็คือเรื่องบัพติศมาในน้ำ ก็ต้องเล็งถึงอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นในโลกวิญญาณ
อย่างแรกเลย เราต้องเข้าใจกันก่อนว่า … “จริงๆ แล้วการบัพติศมาในน้ำ ไม่ได้ช่วยให้คนใดคนหนึ่งรอดจากบาปเลย” เพราะหลายท่านเคยได้ยินมา เคยเชื่อมา เคยรับรู้มาว่าเป็นการช่วยให้เรารอด ย้ำอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่เราจะไปขุดคุ้ยความจริงกัน การบัพติศมาในน้ำ ไม่ได้ช่วยคนใดคนหนึ่งรอดเลย การบัพติศมาในวิญญาณเท่านั้น ที่ช่วยให้รอด
บัพติศมา แปลว่าจุ่มลงไป ใส่ลงไป แค่นั้นเอง พอใช้คำว่า “บัพติศมา” เราไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง เราก็รู้สึกฟังดูแล้ว มันศักดิ์สิทธิ์ บัพติศมา ต้องทำเป็นพิธีกรรมทางศาสนา เราก็เลยให้ความสำคัญชัดเจนกว่าสิ่งที่มองไม่เห็นในโลกวิญญาณที่เกิดขึ้นจริงๆ ตามถ้อยคำพระเจ้า ที่เรากำลังจะเรียนรู้
ดังนั้น บัพติศมา ก็คือการใส่ลงไป การจุ่มลงไป เท่านั้นเอง ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นตามองเห็น วัตถุบนโลกใบนี้ ซึ่งจะเล็งถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในโลกวิญญาณนั่นเอง
พูดง่ายๆ ว่าบัพติศมา แปลว่าจุ่มลงไป ก็เหมือนกับเราจุ่มหรือใส่กระเทียมลงไปในน้ำส้มสายชู เพื่อทำกระเทียมดอง เพราะฉะนั้น ใครจะทำกระเทียมดอง ต้องบัพติศมากระเทียมลงไปในน้ำส้มสายชู ท่านจะเริ่มเข้าใจขึ้นแล้ว เริ่มรู้สึกคุ้นเคย และรู้สึกธรรมดาแล้วว่าบัพติศมาในน้ำ ไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่คิด ชัดเจนเลย
แล้วคราวนี้ถามว่า … “ถ้าเผื่อมันไม่ได้สำคัญถึงขนาดนั้น มาช่วยเราให้รอด แล้วเราจะบัพติศมาในน้ำไปทำไม?”
วันนี้เดี๋ยวจะได้รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร?
บัพติศมา เรารู้แล้วใช่ไหมว่าแปลว่าจุ่มลงให้มิด ใส่ลงไป เหมือนทำกระเทียมดอง ท่านจะได้คุ้นเคยกับคำเหล่านี้ พอบัพติศมาปุ๊บ สบายใจ แปลว่าจุ่มลงไป ใส่ลงไป ตามตามองเห็น แต่พระคัมภีร์ถ้าทำอย่างนี้ เล็งถึงว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ในโลกวิญญาณจริงๆ เราเริ่มต้นด้วยหนังสือ 1 โครินธ์ 1:13 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบัพติศมาในน้ำ การลงน้ำ การใส่เข้าไปในน้ำ เราจะเรียนรู้ก่อนว่าทัศนคติ หรือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นนี้ มันหมายถึงอะไร? มันสำคัญแค่ไหน? การบัพติศมาในน้ำของผู้เชื่อ ซึ่งผู้ที่จะอธิบายได้ดี ก็คืออัครทูตเปาโล ที่ถูกเรียกมา เพื่อประกาศข่าวประเสริฐให้กับชาวต่างชาติต่างๆ ที่ไม่คุ้นเคยกับการบัพติศมาลงน้ำมาก่อน แล้วเข้าใจผิด เหมือนเราทั้งหลายที่ตอนนี้ บางท่านเข้าใจผิดว่าบัพติศมานั้น ช่วยให้เขารอดจากการเป็นคนบาป ดูสิว่าอาจารย์เปาโลพูดถึงเรื่องนี้อย่างไร? …
1 โครินธ์ 1:13 “พระคริสต์ถูกแบ่งแยกแล้วหรือ? เปาโลถูกตรึงตายบนไม้กางเขน เพื่อพวกท่านหรือ? ท่านได้รับบัพติศมาเข้าในนามเปาโลหรือ?”
ข้อความนี้เปาโลกำลังพูดกับคริสเตียนที่เชื่อ โดยผ่านทางการประกาศข่าวประเสริฐของเปาโล เรื่องข่าวดีของพระเยซูคริสต์ ฟังแล้วรู้สึกอย่างไร? รู้สึกว่าเปาโลมีความรู้สึกหงุดหงิดกับชาวโครินธ์ ผู้เชื่อใหม่ ที่ไม่เข้าใจเรื่องบัพติศมาในน้ำ ที่ทะเลาะกัน อวดกัน ถึงเรื่องเกี่ยวกับการรับบัพติศมาในน้ำ โดยผ่านทางใคร? ซึ่งทำอย่างนั้น เป็นการพูดง่ายๆ ว่ายกย่องตามตาที่มองเห็นว่า …
“ใครเป็นคนทำพิธีลงน้ำให้ฉัน? นี่ ฉันลงน้ำ โดยคนนี้ๆ”
ยกย่องมนุษย์คนที่ทำพิธีลงน้ำให้เรามากกว่ายกย่องพระเยซูคริสต์ …
1 โครินธ์ 1:14-16 “14 ขอบพระคุณพระเจ้าที่ข้าพเจ้าไม่ได้ให้บัพติศมาแก่ใครในพวกท่าน ยกเว้นคริสปัสกับกายอัส 15 จึงไม่มีใครพูดได้ว่าเขาได้รับบัพติศมาเข้าในนามของข้าพเจ้า 16 (ใช่ ข้าพเจ้าให้บัพติศมา แก่คนในครอบครัวของสเทฟานัสด้วย นอกเหนือจากนั้น ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าได้ให้บัพติศมาแก่ใครอีก)”
เราจะเห็นชัดเจนเลยว่ามนุษย์ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตามองเห็นข้างนอกมาก ไม่คำนึงถึงเรื่องโลกฝ่ายวิญญาณ พระเจ้าบอกมนุษย์ตัดสินกันที่ภายนอก เพราะมันเห็น แต่พระองค์ทรงตัดสินที่ภายใน ผู้เชื่อหรือคริสเตียนเท่านั้น ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อศรัทธา ไม่ใช่ตามองเห็น เปาโลพูดอย่างไร? …
“ขอบคุณพระเจ้าที่ข้าพเจ้าไม่ได้ให้บัพติศมาแก่ใครในพวกท่าน ให้บัพติศมา ก็คือทำพิธีบัพติศมาในน้ำให้กับใครเลย ยกเว้นคริสปัทกับกายอัส ยกเว้น 2 คนเอง”
ข้อ 15 ชัดเจนมาก … จึงไม่มีใครพูดได้ว่าเขาได้รับบัพติศมาในนามของข้าพเจ้า คือที่ข้าพเจ้าไม่ทำ ก็เพราะรู้เลยว่าจะเอาไปอวดอ้างกันใช่ไหม? ก็เลยไม่ทำบัพติศมาในน้ำให้ใครเลย นอกจาก 2 คนนี้ แล้วก็พูดไปบ่นไป … พวกท่านคิดอย่างนี้ เคยสอนแล้วนะ โลกวิญญาณเกิดขึ้นได้อย่างไร? ท่านเชื่อและรอดด้วยวิธีใด บัพติศมาในพระวิญญาณแปลว่าอะไร? แต่ท่านมานั่งให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นโลกวัตถุ แอบอ้างกัน จนทะเลาะ วิวาทกัน แบ่งเป็นกลุ่มเป็นก้อนว่า …
“ฉันได้รับบัพติศมา โดยเปโตรนะครับ สายตรง จากอิสราเอลเลย”
“ฉันได้รับบัพติศมาจากอปอลโล สายไม่ตรงนะ ไม่ใช่อัครทูตแรกๆ”
“หรือฉันไม่ได้รับบัพติศมา โดยผ่านทางเปาโลเป็นคนทำ”
เปาโลเลยบอก นึกขึ้นมาได้อีกคนหนึ่ง คือคนในครอบครัวสเทฟานัส มีอีกคนหนึ่ง เป็น 3 คน
เรื่องราวอาจจะเกิดขึ้นจากคริสปัสกับกายอัส หรือสเทฟานัส 3 คนนี้อาจจะไปอวด อาจจะนะ ไม่ได้พูดถึง สมมติ หรือไม่ก็อาจจะมีคนพูดก็ได้ …
“3 คนนี้ยอดเยี่ยมเลย เป็นคริสเตียนชั้นพิเศษ เพราะได้รับบัพติศมา จากอัครทูตเปาโล โดยตรงเลย คนนี้ ได้จากติตัส ได้จากทีมงานของเปาโลเท่านั้น”
“นอกเหนือจากนั้น ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าได้ให้บัพติศมาแก่ใครอีกเลย”
ไม่ได้ให้บัพติศมาแก่ใครอีกเลย? แล้วพระเจ้าเรียกเปาโลมาทำอะไร? ฟังในข้อ 17 จะรู้ชัดเจนเลยว่า ที่ผมบอกว่าบัพติศมาในน้ำ ไม่ได้ช่วยคนให้รอด แต่บัพติศมาในพระวิญญาณช่วยให้รอด ทางโลกวิญญาณช่วยให้รอด …
1 โครินธ์ 1:17 “เพราะพระคริสต์ไม่ได้ส่งข้าพเจ้ามาเพื่อให้บัพติศมา แต่เพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ ไม่ใช่ด้วยวาทะคมคายตามสติปัญญาของมนุษย์ เพราะเกรงว่าไม้กางเขนของพระคริสต์จะหมดฤทธิ์อำนาจ”
“เพราะพระคริสต์ไม่ได้ส่งข้าพเจ้ามา เพื่อให้บัพติศมา” พูดง่ายๆ ว่าในน้ำ ในบริบทกำลังพูดถึงบัพติศมาในน้ำ ที่คนเอาไปโอ้อวดกันว่าใครให้ใคร ใครใหญ่กว่าใคร บัพติศมาในน้ำของเปโตร หรือเปาโล ตรงนี้ที่กำลังพูดถึง
เปาโลบอกว่าพระเจ้าไม่ได้ส่งข้าพเจ้าให้มาบัพติศมาในน้ำ แต่เพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ ก็คือเรื่องโลกวิญญาณ ไม่ใช่ด้วยวาทะคมคาย ตามสติปัญญาของมนุษย์ คือไม่ใช่ด้วยสติปัญญา ความรู้แบบมนุษย์ทั่วๆ ไป แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกวิญญาณ เพราะเกรงว่าไม้กางเขนของพระคริสต์จะหมดฤทธิ์อำนาจ ไม้กางเขนของพระคริสต์ คือข่าวประเสริฐของพระเจ้า ข่าวประเสริฐของพระคริสต์ที่ช่วยคนให้รอดนั้น เปาโลพูดไว้ในหนังสือโรม บทที่ 1 ว่าข่าวประเสริฐ เป็นฤทธิ์เดช เป็นอำนาจทางฝ่ายวิญญาณที่ช่วยคนให้รอด ผู้เชื่อแล้วได้รับความรอด มันหมายถึงอย่างนั้น
พระเจ้าส่งให้ข้าพเจ้ามาประกาศข่าวประเสริฐ เป็นฤทธิ์เดชอำนาจทางฝ่ายวิญญาณ ที่ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐ เขาจะได้รับความรอด ไม่ใช่รอดโดยการลงน้ำ นี่พระคริสต์ส่งข้าพเจ้ามาทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ รอดด้วยความเชื่อ ในเรื่องข่าวดีของพระเยซูคริสต์ ก็คือเชื่อ ในการถูกตรึง สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์ การถูกฝังไว้ในอุโมงค์ การเป็นขึ้นจากความตาย ซึ่งเป็นหัวใจของข่าวประเสริฐ ชัดเจนเลยนะ
มาดูอัครทูตเปโตรก็พูดเรื่องนี้ชัดเจนเหมือนกัน 1 เปโตร 3:21 …
1 เปโตร 3:21 “และบัพติศมา ซึ่งเป็นภาพของการช่วยให้รอด ทางฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่รอด โดยการขจัดความสกปรกของร่างกายภายนอก แต่โดยได้รับการชำระภายใน ได้บังเกิดใหม่ ได้รับวิญญาณใหม่ และใจใหม่ ที่บริสุทธิ์ ดีพร้อมเหมือนพระเจ้า ผ่านความเชื่อของท่าน ในการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์”
“และบัพติศมาในน้ำ ซึ่งเป็นภาพของการช่วยให้รอด ทางฝ่ายวิญญาณ” เห็นชัดแล้วนะ บัพติศมาในน้ำ พอนึกภาพออกนะ เราลงไปในน้ำ แล้วขึ้นมา นั่นแหละ บัพติศมาในน้ำ เล็งให้เห็นภาพ ในโลกวิญญาณ ก็คือการช่วยให้รอด ทางฝ่ายวิญญาณของเรา คราวนี้เรามาเห็นความจริง เดี๋ยวเราจะเรียนรู้ต่อไปว่าภาพนี้ ในโลกวิญญาณ เป็นเช่นไร?
ซึ่งการลงน้ำ บัพติศมานี้ เป็นเพียงแค่ขจัดความสกปรกทางฝ่ายร่างกายภายนอก คือยกตัวอย่างให้เห็นว่ามันเป็นการชำระ แค่ภายนอก แต่มันเป็นภาพของการบังเกิดใหม่ในวิญญาณ ได้รับวิญญาณใหม่และใจใหม่ ที่บริสุทธิ์ ดีพร้อมเหมือนพระเจ้า ผ่านทางความเชื่อของท่าน เชื่อในการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริสต์ เห็นไหม? ก็คือเชื่อในข่าวประเสริฐ หัวใจของข่าวประเสริฐ ของข่าวดีของพระเยซู ก็คือการตาย การถูกฝังไว้ และการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู
การบัพติศมาในน้ำ ในภาพของวิญญาณ ก็คือการตาย การถูกฝัง และการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู ทำให้เรารอด จากการเป็นคนบาป เพราะฉะนั้น ท่านรอด ไม่ใช่ด้วยการประพฤติภายนอก แต่เป็นความเชื่อภายใน ที่ทำให้ท่านได้บังเกิดใหม่นั่นเอง ตามข้อพระคัมภีร์เมื่อสักครู่นี้
ซึ่งวัตถุประสงค์ในการลงน้ำ คือรูปแบบการแสดงว่าเราเชื่อในข่าวดีของพระเยซูคริสต์แล้ว เชื่อว่า … วางใจว่า … พระองค์เป็นพระเมสิยาห์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เราวางใจในพระองค์ เราเข้าร่วมขบวนการ การตาย การถูกฝัง และการเป็นขึ้นจากความตายของพระองค์ ได้รับการบังเกิดใหม่ มีชีวิตนิรันดร์เหมือนพระองค์ เราจึงไปบัพติศมาในน้ำ เพื่อประกาศว่าเรานั้น เชื่อในโลกวิญญาณ สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ก่อนลงน้ำ
จะพูดช้าๆ ให้ชัดๆ ก็คือการประกาศความเชื่อ ที่ได้ทำไปแล้ว ก็คือได้บังเกิดใหม่แล้ว ในพระเยซูคริสต์ จากการวางใจในข่าวดี แล้วมีความยินดี แล้วคนรอบข้างที่เป็นคริสเตียนเหมือนกัน ที่ได้เชื่อก่อนหน้านี้ เขาดีใจกับเราไหม? เขาก็ดีใจกับเราด้วย ยินดีกับเราด้วย ที่เราได้รับเชื่อแล้ว ขอบคุณพระเจ้า เขาก็เลย มาร่วมกับเรา ฉลองความยินดี การบังเกิดใหม่ การได้รับความรอดนั้น นี่คือวัตถุประสงค์ของการลงน้ำ หรือการบัพติศมาในน้ำ และอีกอย่างหนึ่ง ก็คือการขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้าที่ลูกได้รับเรียบร้อยแล้ว ทางโลกฝ่ายวิญญาณ ลูกได้รับการบัพติศมาในพระวิญญาณแล้ว
แสดงว่าอะไรมาก่อน บัพติศมาในพระวิญญาณก่อนแล้ว เกิดใหม่แล้ว นี่มาฉลองวันเกิด วัตถุประสงค์ คือมาฉลองวันเกิด
เวลาเราฉลองวันเกิด เราเกิดแล้วหรือยัง? Happy Birthday To You แปลว่าเกิดแล้ว เห็นหรือยัง? นั่นแหละ ถ้าพูดอย่างนี้จะชัดเจน นี่คือวัตถุประสงค์ของการลงน้ำ บัพติศมา คือฉลองวันเกิดในฝ่ายวิญญาณว่าเราได้บังเกิดแล้ว เราได้เข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า ตรีเอกานุภาพ ทั้ง 3 พระภาคแล้ว พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร พระเยซู พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์แล้ว เอเมน นี่คือเหตุผล
ดูข้อพระคัมภีร์นี้อีกข้อหนึ่ง ที่ทำให้เราเห็นชัดเจนว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น และเขาทำกันตั้งแต่สมัย 2,000 ปีก่อนหน้านี้แล้วว่าเขาก็รู้กันอย่างนี้ว่าการบัพติศมา ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำให้เราบังเกิดใหม่นั้น มันต้องมาก่อน มันต้องเกิดก่อน ถึงจะช่วยให้เขารอด การบัพติศมาในน้ำ เป็นแค่การแสดงการยินดี ขอบคุณแบบมนุษย์เท่านั้นเอง
กิจการ 10:44-48 ตอนที่อัครทูตเปโตรออกไปประกาศข่าวดี ที่พระวิญญาณทำการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ ตอนแรกๆ เลย ตอนเริ่มต้น เขาจึงเรียกกิจการของอัครทูต ก็คือกิจการของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่กระทำผ่านทางอัครทูต ตอนเริ่มต้นประกาศข่าวดีใหม่ๆ ในยุคแรกเลย …
กิจการ 10:44-48 “44 ขณะเปโตรยังกล่าวถ้อยคำเหล่านี้อยู่ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาเหนือคนทั้งปวงที่ได้ยินเรื่องราวนี้ 45 เหล่าผู้เชื่อที่เข้าสุหนัตแล้ว ซึ่งมากับเปโตรพากันประหลาดใจที่พระเจ้าทรงเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมา เป็นของประทานแก่คนต่างชาติด้วย 46 เพราะพวกเขาได้ยินคนเหล่านั้น พูดภาษาแปลกๆ และสรรเสริญพระเจ้า แล้วเปโตรกล่าวว่า 47 “ใครจะห้ามคนเหล่านี้ไม่ให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ? พวกเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์เช่นเดียวกับเราแล้ว” 48 ดังนั้น เปโตรจึงสั่งให้คนเหล่านั้น รับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ จากนั้นพวกเขาเชิญเปโตรให้พักอยู่ด้วยสองสามวัน”
“ขณะที่เปโตรยังกล่าวถ้อยคำพระเจ้าอยู่นี้” คือประกาศข่าวดีให้กับคนต่างชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้พระเจ้าทำการอัศจรรย์ พระวิญญาณทำการอัศจรรย์อย่างมาก ให้ชาวต่างชาติได้เชื่อในข่าวดีนี้ ก่อนแล้วว่าพระองค์ทำการอัศจรรย์นี้ รวมทั้งเปโตร ก็ได้รับการอัศจรรย์ ท่านไปอ่านดูนะในกิจการ บทที่ 10 นี้ ยาวเลย อัศจรรย์ใหญ่มาก ก่อนหน้านี้ ก่อนที่เปโตรจะมาประกาศข่าวดีนี้ อัศจรรย์เหล่านั้น เตรียมให้คนฟังและคนประกาศ เต็มไปด้วยความเชื่อ เปโตรประกาศด้วยความเชื่อ คนรับ ก็รับข่าวดีนี้ด้วยความเชื่อ เพราะว่าก่อนหน้านี้ ก็ได้รับการอัศจรรย์จากพระเจ้า เตรียมตัวไว้เรียบร้อยแล้ว จึงเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น พอคนทั้งปวงได้ยินเรื่องเหล่านี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็เสด็จลงมาเหนือคนทั้งปวงที่ได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เข้ามาบัพติศมา พอเขาเต็มไปด้วยความเชื่อ เต็มไปด้วยความวางใจในพระเยซูคริสต์ เขาเปิดใจเต็มที่ พอเปิดใจเต็มที่ใครเข้ามา พระเยซูคริสต์บอกเราเคาะที่ประตูแล้ว พอเขาเปิดใจปุ๊บ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เข้าไปในวิญญาณของเขา เรียกว่าบัพติศมาเขาในพระวิญญาณของพระคริสต์ พระวิญญาณของพระเจ้านั่นเอง
เหล่าผู้เชื่อที่เข้าสุหนัต ก็คือพวกชาวยิวที่มาเป็นทีมงานของเปโตร … เปโตรประกาศ ทีมงานเป็นชาวยิวไปด้วย เห็นพระวิญญาณบัพติศมาพวกเขา เหมือนกับที่บัพติศมาชาวยิว กลุ่มแรกเลย กลุ่มแรกตอนที่พระเยซูให้ไปรอที่ห้องชั้นบน 120 คน ลักษณะเดียวกันเลย ก็คือบัพติศมา โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า เขาทั้งหลาย พอได้รับบัพติศมาปุ๊บ พระวิญญาณนำให้เกิดการอัศจรรย์ขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นกับทุกๆ คน ไม่จำเป็นเลยนะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกระทำการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในขณะนั้น ต้องการประกาศข่าวประเสริฐ ในยุคแรก ในเริ่มต้น เป็นเรื่องของพระเจ้า ไม่ใช่เรื่องของเรา
เรื่องของเราได้ทุกคน ก็คือใครก็ได้เปิดใจต้อนรับความเชื่อในข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ ทันทีทันใดนั้น พระวิญญาณจะเข้ามาทำสิ่งนี้เลย คือเข้ามาบัพติศมาเขาในพระวิญญาณ เข้าไปในพระเยซูคริสต์เลย แล้วอะไรเกิดขึ้น? พอพระวิญญาณเข้าไปทำการอัศจรรย์ เขาเหล่านั้น พูด ในนี้บอกว่าเหล่าผู้ที่เชื่อ เข้าสุหนัตแล้ว ซึ่งมากับเปโตร พากันประหลาดใจที่พระเจ้าเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมา เป็นของประทานแก่คนต่างชาติด้วย
คนต่างชาติ ในสายตาของยิว ก็คือคนที่มีมลทิน คนชั้น 2 คนที่พระเจ้าไม่เอาแล้ว เขาแปลกใจมาก เพราะแปลกใจกว่านั้น ก็คือเป็นการอัศจรรย์ เพื่อยืนยันอีกครั้งหนึ่ง ให้กับพวกเขาชาวยิวว่านี่คือน้ำพระทัยพระเจ้า นี่คือของจริง ก็คือเพราะพวกเขาได้ยินคนเหล่านั้น พูดภาษาอื่นๆ ก็คือภาษาของคนต่างชาติอื่นๆ ภาษาต่างประเทศอื่นๆ นั่นเอง
ถ้าเป็นปัจจุบัน เขาได้ยินพวกนั้น สรรเสริญพระเจ้าด้วยภาษาอื่นๆ ที่เขาไม่รู้จัก ยกตัวอย่างเช่น เราเป็นคนไทย ที่เราไม่รู้จัก เขาสรรเสริญพระเจ้าด้วยภาษาโรมัน ด้วยภาษาลาติน ด้วยภาษาเอธิโอเปีย เราไม่รู้เรื่องเลย ถูกไหมครับ? แต่ปรากฏว่าอันนี้เขาพูดภาษาไทยด้วย เราเป็นคนไทย เราฟังออก เขาพูดภาษายิว เขาเป็นชาวต่างประเทศ ไม่รู้จักภาษายิว แต่เขาพูดภาษายิว คนยิวตกใจ อ้าว! ทำไมพูดภาษายิวได้ นึกออกใช่ไหม? คนยิวเหล่านี้ ก็เป็นพยานยืนยันให้เขาได้เห็นชัดว่านี่คือน้ำพระทัยพระเจ้า เป็นวิธีการของพระเจ้า โดยผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่กระทำ เป็นพิเศษในขณะนั้น ในสิ่งที่เราเรียนรู้ในวันนี้ ก็คือข้อสุดท้าย ที่บอกในข้อ 47 เปโตรก็บอกว่า …
“ใครจะห้ามคนเหล่านี้ ไม่ให้บัพติศมาในน้ำได้”
ข้อห้ามของการลงน้ำ บัพติศมาในน้ำ ก่อนที่จะมีข่าวประเสริฐ ก็คือไม่ใช่ของชาวยิว เป็นของชาวต่างชาติ กว่าจะลงได้ที ต้องคัดมากมายเลยว่าคนจะมาเข้ารีตหรือไม่ ถึงจะลงน้ำได้
นี่พูดถึงก่อนที่จะมีข่าวประเสริฐ แต่พอมีข่าวประเสริฐแล้ว ไม่ใช่แล้ว การลงน้ำ บัพติศมา คือการเล็งถึงการบังเกิดใหม่ ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ ที่บังเกิดใหม่ในโลกฝ่ายวิญญาณนั่นเอง
“ใครจะห้ามคนเหล่านี้ ไม่ให้รับบัพติศมาในน้ำ พวกเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่นเดียวกันกับเราแล้ว ดังนั้น เปโตรจึงสั่งให้คนเหล่านี้รับบัพติศมาในนามของพระเยซูคริสต์”
ก็คือจากนั้นแล้ว เปโตรก็บอกว่าโอเค เพราะฉะนั้น คนเหล่านี้ บัพติศมาในน้ำได้ พอนึกภาพออกไหมครับ
แต่จริงๆ แล้วตรงนี้ ตั้งใจจะเน้นให้แค่นี้ว่าเขาบัพติศมาในพระวิญญาณก่อน แล้วลงน้ำทีหลัง เพราะฉะนั้น อะไรที่ช่วยให้เขารอด คือบัพติศมาในพระวิญญาณ
คราวนี้เรามาดูบัพติศมาในโลกของวิญญาณบ้าง? ตะกี้นี้เรื่องของโลกวัตถุ ลงน้ำ ในโลกฝ่ายวิญญาณ การบัพติศมาในวิญญาณ เกี่ยวข้องกับการที่ตะกี้นี้บอก ก็คือการตาย การถูกฝังไว้ในอุโมงค์ และการเป็นขึ้นจากความตาย การบังเกิดใหม่ทางวิญญาณนั่นเอง
ถามว่า … “เกิดใหม่ได้อย่างไร ทางวิญญาณ?”
ก็ผ่านทางความเชื่อในข่าวดีของพระเยซูคริสต์ เข้าสู่ขบวนการการตาย การฝังไว้ในอุโมงค์ และการเป็นขึ้นจากความตาย พร้อมพระเยซูคริสต์ บัพติศมา โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อตะกี้เราอ่าน เราชัดเจนเลยนะ พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้กระทำสิ่งนี้ ง่ายๆ ชัดๆ นำเราเข้าสู่เตียงผ่าตัด เพื่อจะนำวิญญาณของเรา เข้าไปสู่ความตาย เข้าไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์
เราจะอ่านที่โรม บทที่ 6 ซึ่งเป็นข้อพระคัมภีร์ใหม่ที่ชัดเจนมากในเรื่องเกี่ยวกับการบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ เทียบกันกับการบัพติศมาในน้ำที่เราเพิ่งจะเรียนรู้กันมาเมื่อสักครู่นี้ว่าการบัพติศมาในน้ำ เล็งให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร? ในโรม บทที่ 6 นี้ ชัดเจนเลย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เรา ผู้เป็นคริสเตียนใหม่ๆ ไม่เข้าใจในสิ่งเหล่านี้ ที่ตอนแรกๆ ที่ผมถาม “ใครรับบัพติศมาแล้วให้ยกมือขึ้น” อะไรต่างๆ เหล่านั้น ที่เรายังไม่เข้าใจเรื่องบัพติศมาในพระวิญญาณ เราคงชัดเจน เข้าใจแค่บัพติศมาในน้ำเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือโลกวิญญาณที่พระเจ้าต้องการให้เรารับรู้ เปาโลต้องการให้เรารับรู้ และอธิบายอย่างชัดเจนมากๆ ให้กับผู้เชื่อที่ได้บังเกิดใหม่ เป็นคริสเตียนผู้เชื่อใหม่ ได้รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ท่านควรจะรู้มากๆ เลย โดยเริ่มต้นด้วยคำว่า …
“ท่านไม่รู้หรือ?”
“ท่าน” ในที่นี้ คือใคร? ก็คือผู้เชื่อ ก็คือคริสเตียนที่รับเชื่อแล้ว ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ไหม? ก็ต้องจำเป็นแล้วล่ะ ถ้าขึ้นคำนี้ว่า …
“ท่านไม่รู้หรือว่า?” ท่านมัวแต่ไปเถียงกัน ไปให้ความสำคัญ ไปโอ้อวดกัน ไปฝากชีวิตไว้กับการบัพติศมาในน้ำว่าพิธีนั้นต้องยิ่งใหญ่ขนาดไหน? ต้องทำอย่างไร? ต้องทำอย่างนี้ ต้องอย่างนั้น ไม่อย่างนั้น ท่านจะไม่ได้รับความรอดนะ ท่านมัวแต่ไปเถียงกันเรื่องวัตถุสิ่งของที่มองเห็นได้ ซึ่งมันเป็นภาพ เล็งให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกวิญญาณมากกว่า ท่านควรจะมาดู ฟัง เข้าใจถึงโลกฝ่ายวิญญาณว่าตรงนั้น มันทำ แค่เป็นลักษณะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกฝ่ายวิญญาณ เมื่อท่านได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า และเกิดอะไรขึ้นในโลกฝ่ายวิญญาณ ท่านเป็นใครในพระคริสต์ ท่านเกิดอะไรขึ้น
คำว่า “ตาย” คำว่า “ถูกฝัง” คำว่า “ลงไปในน้ำ แล้วเป็นขึ้นจากความตายขึ้นมาเหนือน้ำนั้น” มันเกิดอะไรขึ้นในวิญญาณของท่านบ้าง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตของท่าน นี่คือความจริง
เราเริ่มทีละข้อเลยนะ โรม 6:3-6 …
โรม 6:3 “ท่านไม่รู้หรือว่าเราทั้งปวงที่เชื่อ (พระเยซู) ก็ได้ (รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า) ถูกนำเข้าไป เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ ก็ได้เข้าส่วนร่วมในความตายของพระองค์ (ที่ไม้กางเขน) ในการบัพติศมานั้น”
“ท่านไม่รู้หรือว่าเราทั้งปวงที่เชื่อ ก็คือคริสเตียน ก็ได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ถูกนำเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ ก็ได้เข้าส่วนร่วมในความตายของพระองค์ ที่ไม้กางเขน ในการบัพติศมานั้น”
นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกวิญญาณทันที ในขณะที่คนใดคนหนึ่งเปิดใจต้อนรับข่าวประเสริฐ ทันทีทันใดนั้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เหมือนกิจการ บทที่ 10 ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์รออยู่แล้ว พระเยซูรออยู่แล้ว พระวิญญาณของพระคริสต์รออยู่แล้ว เคาะประตูอยู่แล้ว ท่านเปิดใจเชื่อในข่าวดีนี้ ทันทีทันใดนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์เข้าไปสถิตทันที ผ่าตัดวิญญาณท่าน อันดับแรก คือนำเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ ได้เข้าส่วนร่วมในความตายของพระองค์ ที่ไม้กางเขนทันที ในโลกวิญญาณมันเกิดขึ้นอย่างนี้ …
โรม 6:4 “ดังนั้น เราจึงได้ถูกฝังไว้กับพระองค์ โดยการได้บัพติศมาเข้าส่วนร่วมในความตาย เพื่อว่าเราเองก็จะได้มีชีวิตใหม่ (บังเกิดใหม่) เช่นเดียวกับที่พระเจ้าได้ทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตาย (บังเกิดใหม่) โดยฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณ และพระเกียรติสิริของพระบิดา”
บัพติศมาที่กำลังพูดนี้ คือบัพติศมาในวิญญาณ ตอนแรกเราพูดกันไปแล้ว เรื่องลงน้ำ ทะเลาะกันเรียบร้อยแล้ว เปาโลไปเคลียร์กันเรื่องทะเลาะกัน ในเรื่องลงน้ำ บัพติศมา ตอนนี้กำลังพูดถึงบัพติศมาในเรื่องเกี่ยวกับโลกวิญญาณ
“ดังนั้น เราจึงได้ถูกฝังไว้กับพระองค์ โดยการบัพติศมาเข้าส่วนร่วมในความตายในฝ่ายวิญญาณนั้น เพื่อเราเองจะได้มีชีวิตบังเกิดใหม่ เช่นเดียวกับที่พระเจ้าได้ทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากความตาย บังเกิดใหม่ โดยฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณ และพระเกียรติสิรของพระบิดา”
ก็คือเมื่อผ่าตัดวิญญาณเราเข้าไปสู่พระเยซูคริสต์ เป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูคริสต์แล้ว เราก็อยู่ในพระเยซูคริสต์ พระเยซูคริสต์อยู่ในลักษณะอย่างไร? ได้รับอะไร เราก็ได้รับอย่างนั้นด้วย
อันดับแรก พระเยซูคริสต์อยู่ที่ไม้กางเขน เราก็อยู่ที่ไม้กางเขนด้วย พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขน เราก็ตายด้วย พระเยซูถูกนำไปฝังไว้ที่อุโมงค์ เราก็ถูกฝังด้วย วันที่ 3 ในพระคัมภีร์บอกว่าพระเจ้าได้ทรงประทานชีวิตนิรันดร์ กลับคืนสู่พระองค์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเข้าไปชุบพระเยซู ด้วยฤทธิ์เดชอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามหาศาลมาก ชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย และให้นั่งอยู่ที่เบื้องขวา ประทานสิทธิอำนาจที่เรียกว่าเกียรติและสิริของพระองค์อันยิ่งใหญ่มหาศาลมากมาย เป็นผู้สำเร็จราชการ ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า คือนั่งอยู่ที่เบื้องขวาของพระเจ้า ในสวรรคสถาน ในวันที่ 3 นั้น พระเจ้าได้กระทำสิ่งนี้ แล้วพระคัมภีร์ก็บอกว่าฤทธิ์เดชอำนาจอันยิ่งใหญ่ ที่อยู่เหนือทุกสิ่งเหล่านี้ ที่เรียกว่าชีวิตนิรันดร์ของพระองค์ที่ได้รับจากพระเจ้า พระองค์ก็แบ่งปันให้กับเราทั้งหลาย ผู้ที่เชื่อและได้อยู่ในพระคริสต์ อยู่ในพระองค์ด้วย ที่ได้ตายไปพร้อมกับพระองค์ เราก็นั่งอยู่ที่เบื้องขวาของพระเจ้าด้วย ในสวรรคสถาน ในวิญญาณ ก็คือภาพของโลกวัตถุที่มองเห็นได้ คือการบัพติศมาในน้ำ เมื่อเราลงไปในน้ำเมื่อไร? ก็คือเราได้ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ จุ่มเราลงไป ผ่าตัดเราลงไป เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระวิญญาณ หรือวิญญาณของพระคริสต์ ลงไปในน้ำ ก็คือลงไปเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์ เมื่อลงไปในน้ำ เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์ปุ๊บ ตาย ถูกฝัง และพระคริสต์เป็นขึ้นมาใหม่ ก็คือเราขึ้นจากน้ำมาเมื่อไร? เราก็ประกาศชัยชนะว่าเราเป็นขึ้นจากความตายแล้ นั่งอยู่ที่เบื้องขวาของพระเจ้าที่สวรรคสถานแล้ว เราเชื่อและวางใจในพระเจ้าว่ามันเกิดขึ้นอย่างนี้ เราขอบคุณพระเจ้า เอเมน แต่มันไม่ได้หมายถึงว่าเราได้รับตอนนั้นนะ เราได้รับตั้งแต่เราเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ในโลกวิญญาณมันเกิดขึ้นแล้ว …
โรม 6:5 “ฉะนั้น ถ้าเราได้มีส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ในการตาย แน่นอนเราจะมีส่วนร่วม เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ ในการเป็นขึ้นจากตาย (บังเกิดใหม่) ด้วยเช่นกัน”
อันนี้ชัดเจนเลย … “ฉะนั้น ถ้าเราได้มีส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ในการตาย” มีส่วนร่วมด้วยวิธีการบัพติศมา เข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ มีส่วนร่วม จำได้ไหมที่ตะกี้ ผมพูดในโลกวิญญาณ เกี่ยวกับเรื่องบัพติศมาในวิญญาณ เหมือนกระเทียม เมื่อลงไปในน้ำส้มสายชู มันก็กลายเป็นกระเทียมดอง เราคนบาป ลงไปในพระเยซูคริสต์ เราก็เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์เหมือนกัน
แน่นอนเราจะมีส่วนร่วม เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ ในการเป็นขึ้นจากความตายด้วย ตายพร้อมพระองค์ และก็เป็นขึ้นจากความตาย พร้อมพระองค์ การเป็นขึ้นจากความตาย เรียกว่าการบังเกิดใหม่ ขึ้นจากน้ำมา ก็เล็งให้เห็นภาพการเกิดใหม่ในวิญญาณของเรา ที่เราได้รับก่อนหน้านี้แล้ว …
โรม 6:6 “เพราะเรารู้ว่าตัวเก่าของเรา (ที่อยู่ในบาปในอาดัม) ได้ถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อตัวบาปเก่านั้น จะได้ถูกขจัดไป (ตายจากบาป) เพื่อเราจะไม่เป็นทาสบาปอีกต่อไป”
เพราะว่าการกระทำอย่างนั้น ตัวเก่าของเรา ที่บัพติศมาอยู่ในอาดัม ตัวเก่าของเราที่เป็นคนบาป อยู่ในอาณาจักรของความมืด ความตายนั้น มันได้ตายไปพร้อมกับพระเยซูแล้ว เราถึงได้เป็นขึ้นจากความตาย ด้วยชีวิตใหม่ ชีวิตนิรันดร์จากพระเจ้า อยู่ในแสงสว่างของพระเจ้า เห็นชัดเจนเลยนะ
ตัวเก่าตาย โดยการถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้วที่ไม้กางเขน เพื่อตัวบาปเก่านั้น จะได้ถูกขจัด จะได้ตายไปซะ ตัวเก่าของเราตายไปแล้วนะ เพื่อเราจะไม่ได้เป็นทาสบาปอีกต่อไป เพื่อเราจะไม่ได้เป็นคนบาปอีกต่อไป เราได้ตาย และเป็นขึ้นจากความตายแล้ว นี่เรื่องจริงที่มันเกิดขึ้นในโลกวิญญาณ ท่านตายแล้วหรือยัง? คริสเตียนตายแล้วหรือยัง? ตายแล้ว แต่เป็นขึ้นจากความตายแล้ว โดยพระเยซูคริสต์ เป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูคริสต์ ในโคโลสี 2:12 ได้บันทึกไว้อย่างนี้ …
โคโลสี 2:12 “ท่านถูกฝังไว้กับพระองค์ในพิธีบัพติศมา และทรงให้ท่านเป็นขึ้นจากตายกับพระองค์ผ่านทางความเชื่อของท่าน ในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าผู้ทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย”
ท่านถูกฝังไว้กับพระเยซูคริสต์ ในพิธีบัพติศมาในวิญญาณ เพราะให้ท่านเป็นขึ้นจากความตายกับพระองค์ ผ่านทางความเชื่อของท่าน เห็นไหมครับ ผ่านทางความเชื่อของท่าน ท่านเป็นขึ้นจากความตาย เพราะท่านเชื่อในข่าวประเสริฐ วางใจในพระเยซูคริสต์ ข่าวดีของพระเจ้า เป็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ผู้ทรงทำให้ท่านเป็นขึ้นจากความตาย พร้อมพระเยซูคริสต์นั่นเอง ชัดเจนเลย พูดง่ายๆ ว่าเราเป็นขึ้นจากความตาย เพราะเราเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดนั่นเอง ไม่ใช่ลงน้ำ
คือมันเป็นอย่างนี้ เราสามารถเป็นขึ้นจากความตายได้ด้วยวิธีการเปิดใจ เปิดใจด้วยวิธีใด? ด้วยวิธีอธิษฐาน … อธิษฐานด้วยวิธีใด? ด้วยวิธียอมรับในความจริง ที่พระเยซูคริสต์ได้ประกาศข่าวดีให้กับเรา ผ่านทางใครก็ไม่รู้ ข่าวดีมาถึงเราเรื่องพระเยซูคริสต์ แล้วเราก็เปิดใจยอมรับเท่านั้นเอง พอยอมรับแล้ว อะไรเกิดขึ้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็เข้ามาทำการผ่าตัดวิญญาณ ย้ายวิญญาณของเรา เข้ามาอยู่เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ เข้าสู่ขบวนการการบังเกิดใหม่ การได้รับชีวิตใหม่ในพระองค์นั่นเอง เข้ามาสู่ขบวนการการบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ย้ายเราจากที่อยู่ในอาดัม มาอยู่ในพระคริสต์ อยู่ในพระคริสต์ ก็คือพระคริสต์ก็อยู่ในตรีเอกานุภาพ เราก็ได้ถูกย้ายเข้ามาอยู่ในพระเจ้าตรีเอกานุภาพ พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระวิญญาณ พระเจ้าพระเยซูคริสต์สถิตอยู่กับเรา และเราก็อยู่กับ 3 พระภาคนี้ เป็นหนึ่งเดียวกัน นี่คือความหมายของการบัพติศมาในวิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทางโลกฝ่ายวิญญาณ
เพราะฉะนั้น อีกไม่กี่วันนี้ เราจะมีพิธีรับบัพติศมาในน้ำ ท่านพอจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ แล้วนะ เราจะมาฉลองกัน ร่วมกันแสดงความยินดีกับพี่น้องของเราที่ได้บังเกิดใหม่แล้ว ที่ได้เป็นลูกพระเจ้าแล้ว ที่ได้นั่งอยู่ที่เบื้องขวาของพระเจ้าที่สวรรคสถานแล้ว ที่เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า ตรีเอกานุภาพแล้ว เขาลงน้ำไปด้วยวิญญาณทั้ง 4 วิญญาณเลย แต่ร่างกายเดียว ร่างกายท่านลงไปในน้ำจริง แต่ลงไปด้วย 4 วิญญาณ คือวิญญาณของตัวท่านเอง 1 แล้ววิญญาณของพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร พระเยซู พระเจ้าพระวิญญาณ 4 วิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกัน ท่านลงไป ท่านจงรู้เถิดว่าท่านกำลังจะฉลองสิ่งนี้ พระเยซูคริสต์บอกใครที่เปิดใจต้อนรับพระองค์ เชื่อในข่าวดีของพระองค์ พระองค์จะเข้าไปอยู่ในเขา และเขาจะมาอยู่ในพระองค์ และพระองค์อยู่ในตรีเอกานุภาพ ก็คือพูดง่ายๆ ว่าตรีเอกานุภาพก็อยู่ในเราเรียบร้อยแล้ว เกิดขึ้นเมื่อไร? เมื่อตอนเปิดใจต้อนรับ เมื่อยอมรับข่าวประเสริฐ เมื่อตอนเรียกว่าอธิษฐาน …
“พระเจ้าลูกต้องการความช่วยเหลือแล้ว ลูกได้ยินข่าวประเสริฐมาตั้งนานแล้ว ลูกเปิดใจ ช่วยลูกด้วยเถิด ย้ายลูกมาอยู่ในพระคริสต์ (คล้ายๆ อย่างนั้น) ลูกไม่เอาแล้ว ลูกไม่อยากอยู่ในอาดัมแล้ว จุ่มลูกลงไปในพระคริสต์ จุ่มลูกลงไปตายพร้อมกับพระคริสต์ เพื่อจะได้เป็นขึ้นมาใหม่พร้อมกับพระคริสต์ เพื่อว่าวิญญาณของมนุษย์ที่ตายอยู่ จะได้รับการบังเกิดใหม่ เป็นอภิมหาบริสุทธิ์ สะอาดที่สุดเลย เพราะพระเจ้าได้เข้ามาสถิตอยู่ด้วยทั้ง 3 พระภาค พระวิญญาณของพระเจ้าได้เข้ามาบัพติศมาผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ เพื่อให้ผู้นั้นได้สะอาด หมดจด บริสุทธิ์ ชำระตั้งแต่ร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ ได้เกิดใหม่ บริสุทธิ์ สะอาด ศักดิ์สิทธิ์ พร้อมที่จะเป็นที่อยู่อาศัย เป็นบ้านของพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระเยซูคริสต์ พระบุตร และพระวิญญาณ เข้ามาสถิตอยู่ด้วย ในวิญญาณที่เกิดใหม่นั่นแหละ และวิญญาณที่เกิดใหม่นี้ เราก็ต้องดีใจ ดีใจมากๆ เลย และไม่ใช่ท่านดีใจอย่างเดียว อย่างที่บอก พวกเราทั้งหลาย ก็ดีใจ ทั้งคริสตจักรของพระเจ้า โบสถ์ของพระเจ้า พี่น้องที่อยู่ข้างๆ ก็ดีใจด้วย ก็เลยจัดงานฉลองกัน ก็เลยเกิดพิธีมหาสนิท เป็นการระลึกถึงพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ทรงกระทำให้เราเรียบร้อยแล้ว
แต่เข้ามาฉลองในพิธีบัพติศมาในน้ำ แต่เราก็อย่าไปติดยึดจนกระทั่งบัพติศมาในน้ำเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าการบัพติศในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตัวนี้จะทำให้ข่าวประเสริฐไขว้เขวไป กาลาเทีย 3:26-27 ได้บันทึกไว้อย่างนี้อีกด้วยว่า …
กาลาเทีย 3:26-27 “26 ท่านทั้งหลายล้วนเป็นบุตรของพระเจ้า โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ 27 เพราะพวกท่านทั้งปวง ผู้ได้รับบัพติศมาเข้าส่วนในพระคริสต์แล้ว ได้คลุมกายของท่าน ด้วยพระคริสต์”
พูดง่ายๆ ว่าเราจึงดีใจ จึงมาฉลองกัน ทำบัพติศมาในน้ำ เพราะว่าท่านได้เข้ามาเป็นหนึ่งในพวกเรา เป็นครอบครัวร่วมกันในโลกฝ่ายวิญญาณ เป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์ ในวิญญาณเราเป็นพี่น้องกัน และเป็นพี่น้องกันไปตลอดชาติหน้าด้วย ตลอดนิรันดร์เลย
“ท่านทั้งหลาย ล้วนเป็นบุตรของพระเจ้าในวิญญาณนั่นเอง โดยความเชื่อในพระคริสต์ เพราะพวกท่านทั้งปวง ผู้ได้รับบัพติศมาเข้าส่วนร่วมในพระคริสต์แล้ว ได้คลุมกายของท่านด้วยพระคริสต์”
ได้คลุมกาย ก็คือพระเจ้าที่บอกว่าได้อยู่ในพระคริสต์ 3 พระภาคสถิตอยู่ในท่าน ก็คือคลุมทั้งกาย ทั้งวิญญาณของท่าน ท่านไปที่ไหน 4 วิญญาณอยู่กับท่าน และ 4 วิญญาณนี้ ครอบคลุมร่างกายที่เรามองเห็นอยู่นี้ เป็นร่างกายเดิมนี้ แต่เป็นสิริและเกียรติของพระเยซูคริสต์ หรือพระคริสต์ พระเจ้า 3 พระภาคคลุมอยู่ตลอดเวลา
“ผู้ใดรับบัพติศมาเข้าส่วนในพระคริสต์แล้ว ได้คลุมกายของท่านด้วยพระคริสต์” ก็คือผู้ที่ได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณ ไม่เกี่ยวกับเรื่องในน้ำ ในน้ำ เป็นการฉลอง บัพติศมาในทางวิญญาณ ก็คือท่านได้ถูกใส่ลงไปอยู่ในพระคริสต์ เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์แล้ว เป็นกระเทียมดอง ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแล้ว เมื่อเป็นกระเทียมดองแล้ว สามารถทำให้มันกลับไปเป็นกระเทียมสด ทำได้ไหม? ทำไม่ได้ ยังไงก็ทำไม่ได้ นั่นแหละ ภาพในวิญญาณของท่านได้เข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์ กับตรีเอกานุภาพแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้ท่านเปลี่ยนไปเป็นอื่นได้ นอกจากอยู่ใน 3 พระภาคนั้น เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้าอย่างนั้นตลอดไป ถ้าพูดภาษาตลกๆ ก็คือท่านต้องบริสุทธิ์ ดีพร้อมเหมือนพระเจ้า ที่พระเจ้าทำให้ท่านเป็นอย่างนี้ตลอดไป ยินดีเลยครับ ท่านบริสุทธิ์ ดีพร้อม สะอาด สมควรอยู่ในสวรรค์ เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์อย่างนี้ ตลอดไป ไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว …
1 โครินธ์ 12:13 “เพราะเราทั้งหมดก็รับบัพติศมา โดยพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน ไม่ว่าเราจะเป็นยิวหรือกรีก เป็นทาสหรือเป็นไท และเราทั้งหมดก็ได้รับพระวิญญาณองค์เดียวกัน”
เพราะเราทั้งหมด ก็ได้รับบัพติศมาฝ่ายวิญญาณ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์องค์เดียวกันนั่นเอง เรารู้แล้วว่าคำว่า “บัพติศมา” นี้ ตรงไหนต้องใส่อะไร? ตอนแรกๆ ตอนที่เปาโลพูดใน 1 โครินธ์ บัพติศมานั้น ในน้ำ แต่ตอนนี้ พวกเราทั้งหมดก็รับบัพติศมาในวิญญาณ โดยพระวิญญาณเดียวกัน เข้าเป็นกายเดียวกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เราเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์ เป็นลูกของพระเจ้า
เพราะฉะนั้น นี่คือข่าวดีของพระเยซูคริสต์ ที่เปาโลประกาศ และอัครทูตประกาศมาจนถึงทุกวันนี้ เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับท่านในโลกฝ่ายวิญญาณ แทนที่ท่านจะต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ ความทุกข์ยากลำบาก ความเสียหายของโลกใบนี้ ความสาปแช่งบนโลกใบนี้ เหตุอะไรที่เกิดขึ้น ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งตายแล้วจะไปไหน? ตายแล้วจะต้องถูกการพิพากษา สู่ความพินาศนิรันดร์ ท่านไม่มีความหวังอะไรเลย แม้อยู่บนโลกใบนี้ ก็ไม่มีความหวัง ไม่แน่นอน หลังความตาย ก็ไม่มีความหวัง ไม่แน่นอนเหมือนกัน ทำไมท่านจะปล่อยให้ชีวิตอยู่อย่างนั้น ในเมื่อพระเยซูเคาะอยู่ที่หัวใจท่านตลอดเวลา เปิดใจแค่นั้นเอง แล้วเราจะเข้าไป ทำอะไร? เราจะเข้าไปผ่าตัดวิญญาณของท่าน นำท่านมาบังเกิดใหม่ ร่วมกับเรา มานั่งอยู่ที่เบื้องขวาของพระเจ้า ในสวรรคสถาน มาเป็นหนึ่งเดียวกันกับเรา และเราทั้ง 3 พระภาค คือพระเจ้าตรีเอกานุภาพ จะเข้าไปอยู่กับท่าน จนถึงนิรันดร์ ช่วยท่านตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกนี้ นำพาท่าน ช่วยท่านทุกอย่าง จนกระทั่งหลังจากความตายแล้ว ยังเตรียมร่างกายใหม่ไว้ให้กับท่าน และนำท่านต่อไป สู่สวรรคสถานของพระเจ้านิรันดร์ เอเมน พระเจ้าอวยพรครับ
*******************
จากใจคณะศิษยาภิบาล
จงวางใจในเรา แล้วท่านจะได้อยู่ในสวรรค์ อย่าพึ่งการกระทำตามกฎบัญญัติ เพื่อจะได้อยู่ในสวรรค์
มัทธิว 5:17-18 … “17 อย่าคิดว่าเรามาเพื่อล้มล้างกฎบัญญัติ หรือคำสั่งสอนของผู้เผยเผยพระวจนะ (คำกล่าวของพระเจ้า) เรามิได้มาเพื่อล้มล้างสิ่งเหล่านั้น แต่เพื่อเป็นไปตามที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ 18 เราขอบอกความจริงกับท่านว่าตราบที่สวรรค์และโลกคงอยู่ แม้แต่ตัวหนังสือเล็กสุดหรือจุดๆ หนึ่ง จะไม่ถูกตัดออกไปจากกฎบัญญัติ จนกว่าทุกสิ่งที่บันทึกไว้จะสัมฤทธิผล”
พระเยซูคริสต์ประกาศความจริงในโลกวิญญาณ ว่าอย่าคิดว่าเรามา เพื่อลบล้างความศักดิ์สิทธิ์ เที่ยงธรรมของบทบัญญัติ หรือให้ความสำคัญกับบทบัญญัติน้อยลง แต่เรามาเพื่อย้ำยืนยัน ให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์เที่ยงธรรมของบทบัญญัติ และให้ความสำคัญที่สุดกับบทบัญญัติ คือท่านคิดว่าการรักษาบทบัญญัติให้มากที่สุด เท่าที่พยายามทำได้นั้น ก็เพียงพอแล้ว เป็นการทำให้พระเจ้าพึงพอใจแล้ว ที่จะนับท่านเป็นผู้ชอบธรรม
แต่เราบอกความจริงว่าถ้าท่านพึ่งพากำลังของตนเอง ในการประพฤติตามกฎบัญญัติ เพื่อจะได้เป็นผู้ชอบธรรมนั้น ท่านต้องรักษาบทบัญญัติประพฤติตามทุกข้อ ทุกจุด ทุกขีด ไม่ว่าจะเป็นข้อที่ท่านคิดเองว่าเล็กน้อยเท่าไหร่ก็ต้องรักษาให้ได้ครบถ้วน 100% ตามที่ได้เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัตินั้น ถึงจะเป็นที่พอใจของพระเจ้า และรับท่านเป็นผู้ชอบธรรมได้ ซึ่งโดยความเป็นจริงนั้น ไม่มีมนุษย์คนใด ที่จะสามารถทำได้เลย ไม่มีมนุษย์ผู้ใด ไม่เคยทำผิดเลยแม้แต่ข้อเดียว ไม่มีมนุษย์ผู้ใด ไม่เคยทำบาปเลยแม้แต่ครั้งเดียว
พระเจ้าส่งเรามา เพื่อช่วย และชี้ให้ท่านเห็นถึงความจริงนี้ เพื่อท่านจะได้ถ่อมใจลง ไม่พึ่งพาความชอบธรรมที่มาจากการประพฤติ ปฏิบัติตามกฎบัญญัติต่างๆ ของตน แต่กลับใจใหม่ หันมาพึ่งพาเรา วางใจในเราว่าเราเป็นผู้นั้นแหละ ที่พระเจ้าทรงส่งมาช่วยท่าน เพื่อพระเจ้าจะพอใจรับและนับท่านเป็นผู้ชอบธรรมของพระองค์ ผ่านทางความเชื่อในเรา นี่แหละเรียกว่าโดยพระคุณ
กาลาเทีย 3:10-11 … “10 ด้วยว่าทุกคนที่พึ่งการประพฤติตามกฎบัญญัติก็ถูกแช่งสาป เพราะมีบันทึกไว้ว่า “ทุกคนที่ไม่ทำตามทุกข้อที่เขียนไว้ ในหมวดกฎบัญญัติต่อไปเรื่อยๆ ก็ถูกแช่งสาป” 11 เป็นที่เห็นชัดแล้วว่าต่อหน้าพระเจ้าแล้ว ไม่มีใครพ้นจากความผิดได้โดยกฎบัญญัติ เพราะว่า “ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตได้โดยความเชื่อ”
พระเจ้าอวยพรครับ