คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม 2023
เรื่อง “คริสเตียน! ฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่มหาศาลของพระเจ้า ตรีเอกานุภาพอยู่ภายในร่างกายของท่านแล้ว”
โดย นคร เวชสุภาพร
ใครเป็นคริสเตียนแล้วยกมือขึ้น? ทั้งหมดเป็นคริสเตียนแล้ว คริสเตียนมีอีกชื่อหนึ่ง ชื่อว่าผู้เชื่อ ในพระคัมภีร์ส่วนใหญ่จะใช้คำว่า “ผู้เชื่อ” มากกว่าคำว่า “คริสเตียน” หาคำคริสเตียนไม่เจอเลยนะ แต่ผู้เชื่อ เต็มไปหมด เพราะฉะนั้น เมื่อได้ยินคำว่าผู้เชื่อ ให้นึกถึงปัจจุบัน เรียกคริสเตียน … คริสเตียน ก็คือผู้เชื่อ เชื่อในพระเยซูคริสต์ วางใจในพระเยซูคริสต์ว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอด ที่พระเจ้าส่งมา เพื่อช่วยมวลมนุษยชาติ ให้รอดพ้นจากความบาปและความตายฝ่ายวิญญาณ นี่คือความหมายสั้นๆ ของคำว่าคริสเตียน
วันนี้หัวข้อเรื่อง ผมตั้งชื่อว่า “คริสเตียน ฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่มหาศาลของพระเจ้า ตรีเอกานุภาพอยู่ภายในร่างกายของท่านแล้ว”
จากซีรี่ย์ที่เพิ่งจบไป คือ “คำอธิษฐานมัทธิว 6:9-15 พระเยซูกำลังสอนให้เราทำตามหรือ?” นี่คือซีรี่ย์ครั้งที่แล้ว 7 ตอนที่ผ่านมา เราได้รับคำตอบชัดเจนแล้วว่าพระเยซูไม่ได้กำลังสอนให้เราทำตาม แต่กำลังชี้ให้เห็นทางโลกฝ่ายวิญญาณว่ามนุษย์ไม่มีทางที่จะทำได้ ตามคำอธิษฐานนี้หรอก เพราะฉะนั้น มีเพียงหนทางเดียว ที่จะนำพามนุษย์ทั้งหลายไปสู่สวรรค์ ไปอยู่กับพระเจ้าได้ ก็คือต้องพึ่งและวางใจในพระองค์ คือพระเมซิยาห์ คือพระคริสต์เท่านั้น
ครั้งที่แล้วตอนจบ เราได้เรียนรู้คำอธิษฐานที่แท้จริงของพระเยซูในยอห์น บทที่ 17 ซึ่งพระองค์ได้ทูลขอต่อพระบิดา ให้คุ้มครองบรรดาผู้เชื่อในพระองค์ ให้ได้รับการบังเกิดใหม่ ให้ได้รับการเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ ให้บริสุทธิ์ สะอาด เหมือนพระองค์ ไปอยู่กับพระองค์ พระองค์อธิษฐานก่อนที่จะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ
เรามาทบทวนนิดหนึ่ง ยอห์น 17:21 หัวข้อเรื่องที่สำคัญ ความหมายสำคัญ รวบรวมสรุปจากการบรรยายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว …
ยอห์น 17:21 “ลูกขอให้พวกเขาทั้งหมด เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนกับพระองค์พระบิดา อยู่ในตัวลูก และลูกอยู่ในพระองค์ ขอให้พวกเขาอยู่ในพวกเราด้วย”
“พวกเขา” ก็คือบรรดาผู้เชื่อ คริสเตียน “พวกเรา” ก็คือพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร พระเยซู และพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งรวมเรียกว่าพระเจ้าตรีเอกานุภาพ
พระเยซูอธิษฐานกับพระบิดา ในยอห์น บทที่ 17 นี้ เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่จะทำภารกิจในการไถ่มนุษย์ทุกคนให้รอดพ้น จากความบาปและความตาย จากความพินาศในความบาป โดยการหลั่งพระโลหิต สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และเป็นขึ้นจากความตายในวันที่ 3 และพระเยซูได้ทำภารกิจตามเป้าหมายนี้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว บนไม้กางเขน เมื่อ 2,000 ปีมาแล้ว และก็มีมนุษย์จำนวนมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาสู่ความจริงนี้ คือเข้ามาอาศัยอยู่ในพวกเรา ก็คืออาศัยอยู่ในตรีเอกานุภาพนี้จริงๆ 2,000 ปีมาแล้ว เยอะแยะไปหมดเลย
คำว่า “พวกเขาอยู่ในพวกเรา” สำเร็จและเพิ่มพูนจำนวนขึ้นเรื่อยๆ มา 2,000 ปีแล้ว พวกเรา ก็คือที่นั่งอยู่ที่นี่ ที่บอกเป็นคริสเตียนแล้ว เป็นผู้เชื่อแล้ว ก็คือเราได้เข้าไปอยู่ในตรีเอกานุภาพนี้แล้ว เอเมน ตามที่พระเยซูคริสต์ได้ประกาศ และได้อธิษฐานในยอห์น บทที่ 17 นี้ ถ้ามันไม่เป็นความจริง มันจะลากยาวมาถึงขนาดนี้ มาถึงเดี๋ยวนี้ ที่กำลังพูดอยู่นี้ เกือบ 2,000 ปีแล้วนะ แล้วมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ การที่มนุษย์คนหนึ่ง ที่เรียกว่าคริสเตียน หรือผู้เชื่อนั้น จะเข้าไปอาศัยอยู่ในพระเจ้า ไม่ใช่พระเจ้าเฉยๆ แต่พระเจ้า ตรีเอกานุภาพเลย ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ผู้ทรงฤทธานุภาพอำนาจยิ่งใหญ่สูงสุด ผู้มีพระนามว่าพระเจ้าองค์เดียว นอกจากพระองค์ไม่มีพระเจ้าอื่นใด คือไม่มีชื่อเลย เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย และสรรพสิ่งทั้งหลาย เป็นผู้ตั้งชื่ออะไรต่างๆ แล้วจะไปตั้งชื่อผู้สร้างตัวเขาเองได้อย่างไร? ไม่มีทาง พระองค์มีอยู่ก่อนสรรพสิ่งทั้งปวง แต่ก่อน แต่ไรแล้ว เพราะฉะนั้น เรื่องนี้มันน่าคิดนะว่าถ้าไม่เป็นจริง แล้วจะลากความจริงนี้ มาถึงเดี๋ยวนี้ได้อย่างไร 2,000 ปีแล้ว
เพราะฉะนั้น ก็เลยอยากจะถามพี่น้องที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียน ยังไม่ได้เป็นผู้เชื่อว่าท่านคิดอย่างไรในเรื่องนี้ ลองไตร่ตรองเรื่องนี้ดูดีไหม ที่พูดนี้ด้วยความรักและห่วงใยนะ ลองคิดดูไหมว่า คริสเตียน หรือผู้เชื่อ ทำไมรักษาความเชื่อ รักษาการเป็นคริสเตียนนี้ มาต่อเนื่อง ถึงทุกวันนี้ เกือบ 2,000 ปีแล้ว มากขึ้นทุกวันๆ ทั่วโลก เป็นไปตามคำอธิษฐานของพระเยซูเลย ลองคิดดู ฝากไว้ด้วยนะครับ ซึ่งทั้งหมดที่พระองค์ทรงกระทำภารกิจนี้ รวมเรียกว่าข่าวดี ที่พระองค์มาประกาศ คือมาประกาศข่าวดี … ข่าวดี คือไม่ใช่ข่าวร้าย ข่าวดี ก็คือมนุษย์สามารถไปอยู่ในสวรรค์กับพระเจ้าได้ง่ายๆ อย่างนี้เอง ถึงเรียกว่าข่าวดี
ข่าวดี พระองค์ทรงประกาศมาแล้ว 2,000 ปี ถ้าเผื่อข่าวดีนี้ไม่จริง แล้วมันจะส่งต่อมาถึงเดี๋ยวนี้ได้อย่างไร? ลองคิดดู ข่าวดี มีเงื่อนไข เพียงอย่างเดียวที่มนุษย์ต้องทำ ที่จะได้รับสิทธิทั้งหมดที่พระเยซูกระทำที่ไม้กางเขน สิ่งเดียว นั่นคือมนุษย์คนใดก็ตามเมื่อได้ยินข่าวดีนี้ สิ่งเดียวที่เขาต้องทำ ก็คือ เชื่อและวางใจในถ้อยคำ การประกาศข่าวดีที่มาถึงท่าน มนุษย์ทุกคนสามารถเข้าไปอาศัยอยู่ในตรีเอกานุภาพ เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ง่ายนิดเดียว อย่างนี้จริงๆ นี่คือข่าวดี ถ้ายากเย็นเข็ญใจ กว่าจะเข้าสวรรค์ได้ มาเชื่อพระเยซูต้องทำอย่างโน้นต้องทำอย่างนี้ มันไม่ใช่ข่าวดีแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา รู้ว่าจะไปสวรรค์ทีหนึ่ง ต้องทำอันนั้นอันนี้ ต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ ตายไปแล้ว ก็กลับมาทำใหม่อีก ต้องเกิดใหม่อีกไม่รู้กี่ชาติ นี่คือธรรมดาของความคิดของมนุษย์ ไม่ใช่ข่าวแปลก แต่ข่าวดี คือไม่ต้องทำอะไรเลย จริงหรือ? ก็จริงนะสิ นี่คือข่าวดี
พระเยซูประกาศข่าวดีให้กับมนุษย์ทุกคนมา 2,000 ปีแล้วว่าทุกคนสามารถเข้ามาอาศัยอยู่ในตรีเอกานุภาพ อันยิ่งใหญ่สูงสุด คือพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ง่ายๆ อย่างนี้ คือเพียงแค่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ วางใจในการทำงานของพระองค์ บนไม้กางเขนที่ได้หลั่งพระโลหิต สิ้นพระชนม์ และเป็นขึ้นจากความตายในวันที่ 3 แค่นี้เอง เชื่อและวางใจในพระองค์ แค่นี้เอง ก็ได้รับแล้ว พระเยซูบอกไว้ล่วงหน้าแล้ว มันง่ายจนเกินไป สำหรับมนุษย์ทั่วๆ ไปที่คิดตามประสาคนที่อยู่ในกฎของความบาปและความตาย กฎของการกระทำ ซึ่งปกคลุมอยู่บนโลกใบนี้ ทำให้ถูกอิทธิพลของกฎของการกระทำ คือคิดไม่ออกว่าได้มาฟรีๆ ได้มาอย่างไร? ต้องทำดี ถึงจะได้ดีสิ นี่แค่เชื่อ แล้วได้ดีได้อย่างไร? พระเยซูจึงบอกว่านี่เป็นเรื่องธรรมดาของความคิดของมนุษย์ทั่วไป พระองค์จึงบอกว่าทางของพระองค์ จึงเป็นทางแคบ ทางง่ายๆ มันแคบ เพราะมันง่ายเกิน เพราะมนุษย์ตกอยู่ในความยุ่งยาก ลำบากในการค้นหาทางที่จะไปสวรรค์ ยากเย็นเข็ญใจ พอข่าวดีมาถึงว่าง่ายๆ อย่างนี้ ไม่เชื่อหรอก เพราะว่ามันง่ายไป ใช่ไหม? พระเยซูพูดไว้ก่อนล่วงหน้า เกือบ 2,000 ปีแล้วว่าข่าวดีนี้ประกาศไป มันจะเป็นอย่างนี้ มันจะเป็นทางแคบ เพราะว่ามันง่ายเกิน
เพราะฉะนั้น ท่านจะอาศัยอยู่ในโลกนี้ อยู่ในกฎของความบาปและความตาย อยู่ในความมืด วิญญาณของท่านโดดเดี่ยว ไม่มีพระเจ้าอยู่ด้วย บนโลกใบนี้ การดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ อยู่ตัวคนเดียว วิญญาณเดียว โดดเดี่ยวอยู่ในความมืด อยู่ในความพินาศ และจะต้องอยู่ไปตลอดนิรันดร์ เพราะวิญญาณไม่มีการสิ้นสุด หรือจะอาศัยอยู่ในตรีเอกานุภาพ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด ทั้ง 3 พระภาค ตั้งแต่บัดนี้ จนกระทั่งถึงนิรันดร์ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวท่านเอง มนุษย์ทุกคน ซึ่งการตัดสินใจนี้ ท่านต้องตัดสินใจขณะที่ยังมีชีวิตดำเนินบนโลกใบนี้ คือยังมีลมหายใจอยู่เท่านั้น คือการตัดสินใจ แค่เชื่อในนามของพระเยซู ในสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำให้ บนไม้กางเขน เกือบ 2,000 ปีมาแล้ว เท่านั้นจริงๆ เพราะพระเยซูพูดคำนี้บ่อยๆ ตอนที่พระองค์มาประกาศบนโลกใบนี้ ด้วยตัวของพระองค์เอง 3 ปีก่อนที่จะทำภารกิจนี้ พระองค์พูดคำนี้บ่อยๆ เลย …
“เราขอบอกความจริงกับท่าน เราบอกท่านจริงๆ ความจริงจะทำให้ท่านเป็นไท ความจริงจะทำให้ท่านเป็นอิสระ เราคือความจริง เราคือพระเยซูคริสต์ เราคือความจริง”
ใครก็ได้ที่เชื่อในข่าวดีนี้ และใช้สิทธิของเขา ก็คือเชื่อและวางใจในพระเยซูคริสต์ เขาก็จะได้รับสิทธิที่พระองค์ทรงกระทำให้ทั้งหมดนี้
วันนี้ เราจะมาเรียนรู้คำอธิษฐานของเปาโล อัครทูตของพระเยซูคริสต์ ที่พระเยซูได้ใช้มา ครั้งที่แล้ว เราฟังคำอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ ก่อนที่พระเยซูคริสต์จะทำภารกิจ บนไม้กางเขนให้สำเร็จ วันนี้เรามาเรียนรู้คำอธิษฐานของอาจารย์เปาโล อัครทูต ซึ่งอธิษฐานหลังจากที่พระเยซูคริสต์ได้ทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว บนไม้กางเขน ไม่กี่ปี เราจะเรียนรู้กันว่าคำอธิษฐานนั้น เป็นเช่นไร? เป็นข่าวดีไหม? เหมือนกันไหม?
อัครทูตเปาโล คือชาวยิวที่กลับใจและวางใจเชื่อในข่าวดี มาเป็นคริสเตียน แล้วพระเจ้าได้ใช้เขาให้เป็นอัครทูต เพื่อนำข่าวประเสริฐ มาประกาศข่าวดีให้กับคนต่างชาติ คนต่างชาติ ก็คือคนที่ไม่ใช่ชาวยิว เป็นกลุ่มที่ 2 ที่พระเจ้าวางเอาไว้ว่าจะได้รับความรอด จะได้รับข่าวดี … ข่าวดีนี้ เริ่มต้นที่ชาวยิวก่อน และมาถึงชาวต่างชาติ มาเป็นกลุ่มที่ 2 มนุษย์มีแค่ 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่ง คือชาวยิว กลุ่มที่สอง คือไม่ใช่ชาวยิว
ในยอห์น บทที่ 17 พระเยซูอธิษฐานให้กับผู้ที่เชื่อในข่าวดี ซึ่งข่าวดีนั้น ยังกระทำไม่สำเร็จ ก็คือคนที่ยังไม่เชื่อ นึกออกไหม? ก็แสดงว่าพระเยซูกำลังอธิษฐานให้กับมนุษย์ ที่จะเชื่อในสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำบนไม้กางเขน ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะได้รับอย่างนี้ แต่ว่าคราวนี้ ตอนนี้ ที่เรากำลังจะมาเรียนรู้นี้ อัครทูตเปาโลอธิษฐานให้ผู้ที่เป็นคริสเตียนแล้ว ผู้ที่เชื่อในข่าวดีว่าพระเยซูทรงกระทำสำเร็จไปแล้ว กี่ปีแล้วก็ตาม ผู้ที่ได้เชื่อแล้ว โดยการประกาศของเปาโลเอง เปาโลอธิษฐานให้กับคนที่มาเป็นคริสเตียน ที่มารับเชื่อใหม่ๆ อย่างไร? เรามาเปรียบเทียบดูสิว่าเหมือนที่พระเยซูอธิษฐานก่อนหน้านั้นไหม? ที่เราเรียนรู้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในเอเฟซัส บทที่ 1 เริ่มต้นจากข้อ 17 …
เอเฟซัส 1:17 “ข้าพเจ้าเพียรทูลขออยู่เสมอ ให้พระเจ้าขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา คือพระบิดาผู้ทรงพระเกียรติสิริ ทรงให้ท่านมีวิญญาณแห่งสติปัญญา และวิญญาณการสำแดงความรู้เรื่องเกี่ยวกับพระคริสต์ เพื่อท่านจะได้รู้จักลึกซึ้ง และสนิทสนมกับพระองค์เป็นการส่วนตัว และท่านจะได้มีความรู้ที่แท้จริงเรื่องพระองค์”
“ข้าพเจ้าเพียรทูลขออยู่เสมอ” เราได้เรียนรู้อะไรในประโยคนี้ ก็แสดงว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพียรทูลขออยู่เสมอ ก็คือขออยู่ตลอดเวลา ให้กับคริสเตียน ผู้ที่ได้เชื่อในข่าวดีนี้ ที่ได้เกิดใหม่แล้ว เอาละสิ เราอยากจะรู้ไหม? อยากสิ ก็คืออธิษฐานให้เรา เราที่นั่งอยู่ขณะนี้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญแน่ๆ ที่ผู้เชื่อควรได้รับรู้ อย่างลึกซึ้ง คือรู้จักอย่างลึกซึ้ง สนิทสนมกันอย่างลึกซึ้งกับการได้เข้าส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ ให้ได้รู้ลึกซึ้งว่าขณะนี้ที่เราเชื่อและเป็นคริสเตียนแล้ว เราได้เข้าส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์แล้ว พระคริสต์ได้อยู่ในฉัน และฉันอยู่ในพระคริสต์ ตามที่พระเยซูได้อธิษฐาน ในยอห์น บทที่ 17 นั่นแหละ ให้รู้ลึกซึ้งว่ามีความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างไร? มันสำคัญมาก เราจะได้เรียนรู้ความจริงว่าในโลกวิญญาณนั้น เมื่อเราเชื่อเป็นคริสเตียนแล้ว เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์อย่างไร? เราสนิทสนมกับพระองค์มากเท่าไร? ที่พระองค์ทรงเรียกเราว่าเป็นเหมือนสามีภรรยา สนิทกันถึงขนาดนั้น เราได้แต่งงานกับพระเยซูแล้ว เราเป็นเจ้าสาวของพระเยซู มันเป็นเช่นไรนะ อยากรู้ไหม? ใครช่วยเราได้? คำอธิษฐานนี้ไง
ในเมื่อเปาโลยังอธิษฐานให้กับเราอย่างนั้นเลย แล้วเราไม่ควรจะอธิษฐานให้กับตัวเองอย่างนั้นหรือ? แล้วเราไม่ควรจะอธิษฐานให้กับพี่น้องที่อยู่ในพระคริสต์เดี๋ยวนี้ อย่างนั้นหรือ? แสดงว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมาก เอเฟซัส 1:18 ต่อไป …
เอเฟซัส 1:18 “ข้าพเจ้ายังอธิษฐานขอพระเจ้า ให้ตาของวิญญาณ (ซึ่งเป็นตัวจริงๆ ของท่าน) สว่าง เพื่อจะได้รับการสำแดงความรู้จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า เพื่อท่านจะได้รับรู้ถึงความหวัง และมีความมั่นใจในเรื่องเกี่ยวกับสวรรค์ของพระเจ้า ที่พระองค์ได้เรียกท่านเข้ามานั้น และรับรู้เรื่องมรดก ที่เต็มไปด้วยสง่าราศีอันยิ่งใหญ่รุ่งเรือง และมีค่าที่สุดของพระองค์ ที่ได้ทรงจัดเตรียมไว้ให้กับท่าน ผู้ซึ่งได้เป็นประชากรที่บริสุทธิ์ชอบธรรมของพระเจ้าแล้ว (โดยผ่านทาง-เชื่อและรับสิทธิ์ของท่านที่พระเยซูได้ไถ่บาปให้)”
“ที่ได้ทรงจัดเตรียมไว้ให้กับท่าน ผู้ซึ่งได้เป็นประชากรที่บริสุทธิ์ชอบธรรมของพระเจ้าแล้ว” คือท่าน เมื่อเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นผู้เชื่อแล้ว เป็นคริสเตียนแล้ว ท่านได้เป็นประชากรที่บริสุทธิ์ เป็นเดอะเซ้นต์ ไปที่ไหน? เหมือนในหนัง ที่เขามีแสงสว่างกลมๆ อยู่ข้างบน ท่านไปที่ไหน? ในวิญญาณท่านเป็นอย่างนั้น เป็นผู้บริสุทธิ์ ดีพร้อม ชอบธรรมเหมือนพระเจ้าแล้ว อยู่ในครอบครัวของพระเจ้าแล้ว ในนี้บอกว่า …
“ข้าพเจ้าอธิษฐานขอพระเจ้า ให้ตาวิญญาณของท่าน” ตาวิญญาณ คือมนุษย์เป็นวิญญาณ ไม่ว่าจะเชื่อพระเจ้าหรือไม่เชื่อ ก็เป็นวิญญาณ วิญญาณมีการรับรู้ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร? เปาโลจึงบอกว่าเอาเป็นตาแล้วกัน เพราะว่าร่างกายมนุษย์ เราจะมองเห็นอะไร? รับรู้อะไรลึกซึ้งมากขึ้น ไม่ใช่คลำเอา คลำเอาพอรู้บ้างว่าเป็นอย่างนี้ แต่พอเปิดตาออกมา เห็นชัดขึ้น คล้ายๆ อย่างนั้น ให้ตาฝ่ายวิญญาณ ที่รับรู้ความจริงในโลกวิญญาณ ซึ่งโลกวิญญาณนี้ เป็นจริงๆ สำคัญกว่า เป็นสิ่งที่แน่นอน ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เหมือนโลกวัตถุ แต่มีอยู่จริงๆ เลย เพียงแต่ตามองไม่เห็น
ให้ตาฝ่ายวิญญาณมองเห็น รับรู้ความจริงในโลกวิญญาณว่ามันเป็นเช่นนี้เอง มันเป็นอย่างนี้เอง ตาฝ่ายวิญญาณได้เปิดออกกว้างขึ้น สว่างมากขึ้น เห็นชัดขึ้น โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ที่สถิตอยู่ภายในเรา
“เพื่อท่านจะได้รับรู้ถึงความหวัง และมีความมั่นใจ ในเรื่องเกี่ยวกับสวรรค์ของพระเจ้า” เห็นไหมครับ? “ที่พระองค์ได้เลือกท่านเข้ามานั้น” เรียกเราเข้ามาอยู่ในสวรรค์แล้ว เป็นผู้ชอบธรรม เป็นลูกของพระองค์แล้ว และรับรู้เรื่องมรดกที่เต็มไปด้วยสง่าราศีอันยิ่งใหญ่ อันรุ่งเรือง และมีค่าที่สุดของพระองค์ที่ได้ทรงจัดเตรียมไว้ให้กับเราเรียบร้อยแล้ว มีค่ามากมาย ในพระคัมภีร์ ในหนังสือ 2 โครินธ์บอกว่าเรามีทรัพย์อันมีค่าล้ำมหาศาล สุดจะพรรณนาได้ ในภาชนะดิน ก็คือในร่างกายอันต่ำต้อย อันธรรมดาของเรา ที่โดนอันนั้นทีก็เจ็บ โดนอันนี้ทีก็เจ็บ ที่จะต้องแก่ไปทุกวันๆ แต่ข้างในวิญญาณเรา มีของอันล้ำค่า คือตรงนี้แหละ
มรดก คือการได้เป็นผู้ชอบธรรม บริสุทธิ์ ดีพร้อม เหมือนพระคริสต์แล้ว วิญญาณของเรา ซึ่งเป็นตัวจริงๆ ของเรา ที่เรานั่งอยู่ ขณะนี้ คริสเตียนท่านใดก็ตาม รับรู้ความจริงนี้เถิด วิญญาณของท่านเป็นผู้ชอบธรรม บริสุทธิ์ ดีพร้อม เหมือนพระคริสต์แล้ว
และที่เรียกกันว่าได้รับชีวิตนิรันดร์ของพระเจ้า ที่เป็นอมตะ ที่เต็มไปด้วยสง่าราศี และคำว่าสง่าราศีนี้ เราเรียนรู้ไปครั้งที่แล้ว ก็คือฤทธิ์เดชอำนาจยิ่งใหญ่มหาศาล เป็นแสงสว่าง เป็นความรัก เป็นลูกของพระเจ้า ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดในมหาจักรวาลนี้ เราเป็นส่วนหนึ่งในนั้น เราเป็นความรัก เป็นแสงสว่าง เป็นฤทธิ์เดช เหมือนพระเจ้าของเรา เหมือนพระเยซูของเราเลย เอเมน
ไม่ใช่ว่าเราจะได้รับเมื่อตอนที่เราจากโลกนี้ไป แต่ในขณะที่เราเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ เชื่อในพระองค์ปุ๊บ ฤทธิ์เดชอำนาจนี้ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทันที ในวิญญาณของเรา ขณะดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้เลย รับตั้งแต่บัดนี้เลย
มรดกนี้เริ่มต้นรับเมื่อไร? เราเรียนรู้ไปแล้วนะ ใครก็ตามบนโลกใบนี้ ที่เปิดใจต้อนรับข่าวดีนี้ อัศจรรย์เข้าไปทันทีเลย ขณะที่อยู่บนโลกใบนี้เลย แล้วก็จะค่อยๆ เจริญเติบโต รับมากขึ้น ไปเรื่อยๆ ในมรดกนี้ จนกระทั่งครบถ้วนบริบูรณ์ จนถึงนิรันดร์เลย คือหลังจากที่ทิ้งร่างเดิม อันต่ำต้อยนี้ เรือนดินนี้ แล้วก็สวมร่างกายใหม่ ร่างกายสวรรค์ ร่างกายที่เป็นเหมือนพระเยซู ตะกี้บอกวิญญาณเราเป็นเหมือนพระเยซูไปแล้ว แต่เมื่อเราทิ้งร่างกายเก่านี้ เรือนดินนี้ คราวนี้ วิญญาณที่บอกเป็นเหมือนพระเยซูนี้ ก็จะไปสวมร่างใหม่ ที่เป็นเหมือนพระเยซูด้วย เอเมน และด้วยร่างกายใหม่นั้น เราก็จะสามารถเห็นได้จริงๆ เลย เห็นจากตาวิญญาณ และตาจากร่างกายใหม่นั้น เห็นสง่าราศีของพระเจ้า ที่เต็มไปด้วยความจริง เป็นแสงสว่าง เห็นชัดเจน เต็มไปด้วยสง่าราศี เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจ เต็มไปด้วยความรัก เป็นจริงๆ เลย และไม่ใช่แค่นั้น เราจะเห็นตัวเราเองด้วย ที่เต็มไปด้วยสง่าราศี ที่อยู่ในร่างกายใหม่ ร่างกายสวรค์ พระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างนั้น วันนั้นจะเหมือนเราดูตัวเราเองในกระจกเงา เต็มไปด้วยสง่าราศี ท่านเห็นตัวท่านเองไหม? ไม่เห็น แต่วันนั้น ท่านจะเห็นตัวท่านเอง เหมือนดูในกระจกเงา
ทุกวันนี้ ท่านเห็นในกระจกเงาไหม? เห็นอะไร? เห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยความแก่ ค่อยๆ เหี่ยว ค่อยๆ เสื่อมโทรมไป เห็นร่างกายเดิมของท่าน แต่วันหนึ่งข้างหน้า เมื่อท่านสวมร่างกายใหม่ ร่างกายสวรรค์ ซึ่งเป็นมรดก ซึ่งพระเจ้าเตรียมไว้กับท่านเรียบร้อยไปแล้ว ผู้เชื่อทั้งหลาย ท่านจะเห็นสง่าราศีของพระเจ้า ตามความเป็นจริง เห็นสง่าราศีของพระเยซูตามความเป็นจริง และเห็นสง่าราศีของตนเอง ตามความเป็นจริง เหมือนที่ทุกวันนี้ ท่านมองดูในกระจกเงานั่นแหละ ขอบคุณพระเจ้า
พระคัมภีร์บอกว่า “เราจะเจริญเติบโตทางวิญญาณนี้ เข้าสู่สง่าราศี จากพระสิริหนึ่งสู่พระสิริหนึ่ง ค่อยๆ กระเถิบขึ้นไป ทีละนิดทีละหน่อย เจริญเติบโตด้วยการรับรู้ความจริงที่พระวิญญาณของพระเจ้านำเราไป สอนเราไปเรื่อยๆ ในแต่ละวัน บนโลกใบนี้นั่นเอง เอเมน …
เอเฟซัส 1:19 “เพื่อท่านจะได้เริ่มต้นเรียนรู้ ถึงฤทธิ์เดชอำนาจยิ่งใหญ่มหาศาล ที่ไม่มีขีดจำกัด และหาที่เปรียบไม่ได้ของพระเจ้า ซึ่งเป็นฤทธิ์เดชอำนาจ พลังที่ยิ่งใหญ่มหาศาลทางฝ่ายวิญญาณ ที่กระทำการงานอยู่ภายในเรา และเพื่อเราผู้ซึ่งได้เชื่อ (รับสิทธิ์ของเราที่พระเยซูได้ไถ่บาปให้)”
อธิษฐานให้กับผู้เชื่อว่า “เพื่อท่านจะได้เริ่มต้นเรียนรู้ ถึงฤทธิ์เดชอำนาจยิ่งใหญ่มหาศาล ที่ไม่มีขีดจำกัด” เรียนรู้ทางวิญญาณ พระวิญญาณจะเป็นผู้สอนเรา บอกเรา ว่าเราเป็นใครแล้วตอนนี้ ในวิญญาณของเรา เรียนรู้ถึงฤทธิ์เดชอำนาจอันยิ่งใหญ่มหาศาล ที่ไม่มีขีดจำกัด และหาที่เปรียบไม่ได้ของพระเจ้า จะเปรียบอะไรล่ะ? ฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ คือพระเจ้าตรีเอกานุภาพ อาศัยอยู่ในวิญญาณของเรา จะเอาอะไรเปรียบ ใหญ่สูงสุดแล้ว คิดออกไหม? คิดไม่ออก พระวิญญาณจะเป็นผู้สอน นำพาเรา ค่อยๆ เรียนรู้ไปทีละนิดทีละหน่อย ซึ่งฤทธิ์อำนาจนี้ ซึ่งเป็นฤทธิ์เดชอำนาจ พลังที่ยิ่งใหญ่มหาศาล ทางฝ่ายวิญญาณ ที่กระทำการงานอยู่ภายในเรา ก็คือผู้เชื่อศรัทธา และเพื่อเรา ผู้ซึ่งได้เชื่อ ก็คือผู้ที่ได้ใช้สิทธิของเรา ที่พระเยซูไถ่บาปให้กับเราที่ไม้กางเขน เราใช้สิทธินี้แล้ว เราต้อนรับสิทธิในข่าวดีนี้แล้ว ถ้าเราไม่ต้อนรับล่ะ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราไม่ใช้สิทธิ์ของเรา แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น มันก็ไม่เกิด ทั้งๆ ที่มันเป็นของเราแล้ว
พูดง่ายๆ ก็คือพระวิญญาณจะสอนเรา เรียนรู้จากโลกวิญญาณนี้ว่าวิญญาณนี้ ตอนนี้ จากฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ภายในเราแล้ว ไม่ว่าเราจะเห็นหรือไม่เห็น รู้สึกอย่างไรก็ไม่รู้ ไม่ตรงกับถ้อยคำนี้ ความรู้สึกนั้น ก็ไม่เกี่ยว ความคิดนั้น ก็ไม่เกี่ยว เกี่ยวอย่างเดียว คือความเชื่อเท่านั้นเองว่าถ้อยคำพระเจ้าบอกไว้อย่างนี้
ยกตัวอย่างว่าถ้อยคำพระเจ้าบอกว่า “เราอยู่ในพระคริสต์ และพระคริสต์อยู่ในเรา” ท่านรู้สึกไหมว่าพระคริสต์อยู่ในเรา ไม่รู้สึก แต่บางครั้งรู้สึกนะ ใช่หรือเปล่า โดยเฉพาะเวลาฟังคำเทศนาอย่างนี้ ฟังถ้อยคำพระเจ้าอย่างนี้ ท่านรู้สึกไหมว่าพระคริสต์อยู่ในเรา รู้สึกนิดๆ ท่านจะรู้สึกหรือไม่รู้สึกก็ตาม ไม่เป็นไร แต่ท่านต้องเชื่อว่าถ้อยคำนี้เป็นจริง เพราะว่าบันทึกไว้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ข้างในใจของท่าน จะเป็นผู้ยืนยันกับท่าน เสียงเล็กๆ ที่อยู่ในใจท่าน ตามถ้อยคำพระเจ้าว่าเอเมน
เราอยู่ในพระคริสต์ พระคริสต์อยู่ในเรา เราอยู่ในพระเจ้าตรีเอกานุภาพ และพระเจ้าตรีเอกานุภาพอยู่ในเราแล้ว เอเมน ไม่ว่าวันนี้ กำลังฟังอยู่นี้ เชื่อตามนี้ รู้สึกตามนี้ว่ารู้สึกฉันยิ่งใหญ่เหลือเกิน พระเจ้าอยู่ในฉัน ฉันอยู่ในพระเจ้า ฉันอยู่ในตรีเอกานุภาพ พระเจ้าตรีเอกานุภาพอยู่ในฉันขณะนี้ ที่ฟังอยู่นี้ เต็มไปด้วยความรู้สึกอย่างนี้เลย พองตัวเลย ขนลุกขนชันขณะนี้ แบบอินมากเลย เดี๋ยวอีกสักครู่หนึ่งเที่ยง บรรยายเสร็จ ออกไปข้างนอก รถท่านถูกเฉี่ยว แดดก็ร้อนด้วย ข้าวก็ยังไม่ได้กิน เพราะบรรยายนานไป หิวอีกต่างหาก แถมไปคริสตจักรเด็ก ไปรับลูกมา ลูกร้องไห้งอแงงอีก ขึ้นรถไป ความรู้สึกยังอยู่ไหม? พระเจ้ายังอยู่กับเราไหม? พระเจ้าเป็นความสว่าง เป็นความรัก เป็นความดีงาม เป็นสันติสุข พระเจ้าตรีเอกานุภาพอยู่ในฉันแล้ว ยังอยู่ไหม? พูดเลย ไม่อยู่แล้ว ไม่อยู่ในความรู้สึกแล้ว แต่ยังคงอยู่ในวิญญาณของฉัน ถ้อยคำพระเจ้าบอกอย่างนั้น นี่เขาเรียกว่าผู้ชอบธรรม คริสเตียนจะดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อศรัทธา ไม่ใช่ตามองเห็น ไม่ใช่รู้สึก รู้สึกหรือไม่รู้สึกไม่รู้แหละ แต่ความจริงเป็นอย่างนี้ ฉันวางใจในพระเจ้า เอเมนไหม? ในเอเฟซัส 1:3 ได้บันทึกไว้อย่างนี้ว่า …
เอเฟซัส 1:3 “สรรเสริญพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ได้ให้พระพรฝ่ายวิญญาณนานัปการในอาณาจักรฝ่ายวิญญาณ (สวรรค์) ทั้งหลายแก่เราแล้วในพระคริสต์”
“ผู้ได้ให้พระพรฝ่ายวิญญาณนานัปการในอาณาจักรฝ่ายวิญญาณ สวรรค์” เห็นไหมครับ คำที่ควรจำได้ คือได้ให้พรทางฝ่ายวิญญาณนานัปการ ก็คือพระพรฝ่ายวิญญาณทั้งหมดเลย ไม่ว่าเราจำเป็นต้องทำ ต้องใช้อะไรในเรื่องโลกวิญญาณ เกี่ยวข้องหมด พระเจ้าได้ให้หรือยัง? ได้ให้แล้ว ท่านไม่ต้องทำอะไรที่อยากจะได้ในโลกฝ่ายวิญญาณ ท่านไม่ต้องทำแล้ว เพราะพระเจ้าให้แล้ว
ยกตัวอย่างเช่น ท่านไม่ต้องทำให้วิญญาณท่านบริสุทธิ์กว่านี้อีกแล้ว เพราะว่าวิญญาณท่านบริสุทธิ์ที่สุดแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องทำความดีให้ครบถ้วนบริบูรณ์ เพื่อจะเป็นผู้ชอบธรรมของพระเจ้า เพราะท่านได้เป็นผู้ชอบธรรมในวิญญาณเรียบร้อยไปแล้ว เพียงแต่การปฏิบัติ ความประพฤติของท่าน ท่านทำให้ดีที่สุด เพื่อที่จะถวายเกียรติต่อพระเจ้า ในร่างกายของท่าน เพื่อให้สมกับที่วิญญาณของท่านเป็นคนชอบธรรม ดีพร้อมแล้วนั่นเอง ทำให้สม ไม่ได้ทำให้เป็น เพราะมันเป็นไปแล้ว ด้วยความเชื่อและด้วยฤทธิ์อำนาจของข่าวดีของพระเยซูคริสต์ คือพระเยซูตายที่ไม้กางเขน เป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่ 3 ทำให้ท่านเป็นผู้ชอบธรรม ไม่ใช่เพราะท่านประพฤติดี ถึงเป็นผู้ชอบธรรม ไม่ใช่ ท่านเป็นผู้ชอบธรรม เพราพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์ และเป็นขึ้นจากความตาย แล้วท่านเชื่อ เอเมน …
เอเฟซัส 1:20 “ซึ่งเป็นฤทธิ์เดชอำนาจ พลังที่ยิ่งใหญ่มหาศาลเดียวกันกับที่พระเจ้า ได้กระทำในพระเยซู เมื่อตอนที่พระองค์ได้ชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย และได้แต่งตั้งให้พระเยซูนั่งอยู่ที่เบื้องขวาของพระองค์ ในย่านฟ้าอากาศ (สวรรค์) ต่างๆ ในโลกฝ่ายวิญญาณ”
โอ้โห! ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเลย ซึ่งฤทธิ์เดชอำนาจที่กระทำการงานอยู่ในพวกเราผู้เชื่อ เป็นฤทธิ์เดชอำนาจ พลังงานอันยิ่งใหญ่ มหาศาล ที่จริงมันมากกว่านี้อีก ไม่รู้จะอธิบายเป็นภาษาไทยได้อย่างไรแล้ว ภาษาเดิมเยอะกว่านี้อีกนะ เป็นฤทธิ์เดชอำนาจ พลังอันยิ่งใหญ่มหาศาล อภิ ไม่รู้ว่าจะบอกว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน? มันเหลือที่มนุษย์จะนำอะไรมาพูดถึง นึกถึงระเบิดปรมาณู ยิ่งใหญ่ นึกถึงบิ๊กแบงที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบบอกว่าบิ๊กแบงเป็นจุดกำเนิดของโลก การกำเนิดของสรรพสิ่งทั้งหลายของโลกนี้ และในมหาจักรวาล เกิดจากการระเบิดเพียงครั้งเดียว คือตูม เกิดหมดทุกอย่าง ฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่ขนาดนั้น หรือฤทธิ์อำนาจแห่งแสงสว่างที่เราเห็นทุกวันนี้ หรือสิ่งที่มีชีวิต สวยงามทุกวันนี้ พลังงานที่ทำให้เกิดขึ้น มีสัตว์แปลกๆ มีม้าน้ำ มีตัวอะไรแปลกๆ มีผีเสื้อ มีเสือ มีสัตว์ในทะเลอะไรต่างๆ เหล่านั้น เหล่านั้น คือรวมเป็นฤทธิ์เดชอำนาจยิ่งใหญ่ของพระเจ้าทั้งสิ้น ฤทธิ์อำนาจนี้ กระทำการงานอยู่ในตัวพวกเราผู้เชื่อ และดูว่าในนี้เขียนว่าอะไร?
“ซึ่งเป็นฤทธิ์เดชอำนาจ พลังที่ยิ่งใหญ่มหาศาลเดียวกันกับที่พระเจ้าได้กระทำในพระเยซูคริสต์ เมื่อตอนที่พระองค์ได้ทรงชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย และได้แต่งตั้งให้พระเยซูนั่งอยู่ที่เบื้องขวาของพระองค์ในย่านฟ้าอากาศ ในสวรรค์ต่างๆ ในโลกฝ่ายวิญญาณ เป็นฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ฝ่ายวิญญาณที่ชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย คือไม่มีใครในโลกนี้เลยที่เป็นมนุษย์ และตาย แล้วเป็นขึ้นจากความตาย เป็นขึ้นมาใหม่ ได้รับร่างกายใหม่ ได้รับสง่าราศี ไม่มีเลย มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น ก็คือพระเยซูคริสต์ และแถมปรากฏพระองค์เองให้เห็นเลย หลังจากเป็นขึ้นจากความตาย ให้สาวกหรือมนุษย์พิสูจน์พระองค์เองว่าเป็นขึ้นจากความตายจริงไหม? อีก 40 วัน พิสูจน์เลย ฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่นี้ ก็คือฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ของตรีเอกานุภาพ พระคัมภีร์ได้บันทึกว่าตอนที่พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อเป็นตัวแทนให้กับมนุษย์ รับโทษบาป อะไรต่างๆ เหล่านั้น เพื่อมนุษย์จะได้สามารถตายต่อบาปของตัวเองได้ และถูกฝังไว้ในอุโมงค์ และในวันที่ 3 พระเจ้าได้ชุบพระเยซูด้วยฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ก็คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ของตรีเอกานุภาพนั่นเอง
เพราะ 3 พระภาคเป็นหนึ่งเดียวกัน ฤทธิ์อำนาจที่ยิ่งใหญ่นี้ ลงไปที่พระเยซูคริสต์ ชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย ก็คือประทานชีวิตนิรันดร์ให้พระเยซูกลับคืนมา มีสง่าราศีเหมือนเดิม ชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตาย คือได้รับร่างกายใหม่ ร่างกายที่เป็นแบบสวรรค์ เป็นต้นแบบของร่างกายของคริสเตียน ผู้เชื่อทั้งหลายที่จะได้รับในอนาคต หลังจากสิ้นลมแล้ว หลังจากทิ้งร่างเก่านี้แล้วนั่นเอง ฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่อันนี้ กระทำการงานอยู่ในตัวเราทั้งหลาย ผู้เชื่อศรัทธา ทุกวันนี้อยู่ในตัวเรา เดินไปไหนฤทธิ์อำนาจนี้กระทำการงานอยู่ในตัวเรา ผู้เชื่อศรัทธา ท่านลองคิดดูสิว่ามันยิ่งใหญ่มหาศาลขนาดไหน? และไม่ใช่ชุบพระเยซูให้เป็นขึ้นจากความตายแค่นั้น แต่ฤทธิ์อำนาจนี้ได้กระทำการ ก็คือได้แต่งตั้ง หรือกระทำการงานด้วยฤทธิ์อำนาจนี้ ให้พระเยซู มีฤทธิ์อำนาจสูงสุด เรียกว่านั่งอยู่เบื้องขวาของพระเจ้าพระบิดา ในสวรรคสถาน ก็หมายถึงผู้สำเร็จราชการที่ยิ่งใหญ่สูงสุด ในโลกฝ่ายวิญญาณ ที่ยิ่งใหญ่สูงสุดที่เรียกว่าพระเจ้าพระบิดา หัวหน้าตรีเอกานุภาพ เป็นผู้สำเร็จราชการ ผู้ที่ใช้สิทธิอำนาจทั้งหมดของพระองค์ที่เบื้องขวา
และฤทธิ์อำนาจนี้อยู่ในตัวเราทั้งหลายผู้เชื่อ เราก็ได้นั่งอยู่ที่เบื้องขวาเช่นเดียวกัน เพราะเราได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูคริสต์ ตามที่บอกไว้เมื่อตะกี้นี้ ฤทธิ์อำนาจนี้ได้ทำให้เราได้เป็นหนึ่งเดียวกันกับตรีเอกานุภาพ เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ก็คือเราเข้ามาอยู่ในพระองค์และพระองค์ก็มาอยู่ในเรา เห็นหรือยัง? ฤทธิ์อำนาจนี้ ทำการงานในพระองค์ คือกระทำการงานในเราด้วยเช่นเดียวกัน พระองค์เป็นเช่นไร เราก็เป็นเช่นนั้น พระองค์ถูกตรึงที่ไม้กางเขน สิ้นพระชนม์ เราก็ถูกตรึงด้วย พระองค์ถูกฝังไว้ในอุโมงค์ เราก็ถูกฝังด้วย พระองค์เป็นขึ้นจากความตายในวันที่ 3 เราก็เป็นขึ้นจากความตายด้วย พระองค์ทรงถูกแต่งตั้งให้นั่งอยู่ที่เบื้องขวาของพระบิดา ในสวรรคสถาน เราก็ได้นั่งอยู่ที่เบื้องขวานั่นด้วย เอเมน ซึ่งเราเรียกกันว่าบัพติศมา ก็คือเราได้รับบัพติศมา เข้าไปอยู่ในพระเยซูคริสต์นั่นเอง เข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูคริสต์ พระเยซูคริสต์อยู่ที่ไหน? เราอยู่ที่นั่นด้วย พระเยซูได้รับอะไร? เราก็ได้รับด้วย
พระคัมภีร์บอกว่าเราเป็นเสมือนหนึ่งอวัยวะชิ้นหนึ่งในร่างกาย ท่านเดินไปที่ไหน? ตาท่านไปด้วยไหม? ไปด้วย ไม่ใช่เท้าท่านไปอย่างเดียว มือไปด้วยไหม? ไปด้วย เพราะมือก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของท่าน เราก็เช่นเดียวกัน เราเป็นส่วนหนึ่ง เป็นอวัยวะชิ้นหนึ่ง ในร่างกายของพระคริสต์ พระคริสต์นั่งอยู่ที่เบื้องขวา เราก็นั่งอยู่ในนั้นด้วย เราอยู่ในพระคริสต์ พระคริสต์อยู่ในเรา ก่อนหน้าที่เราจะอยู่ในพระคริสต์ เราอยู่ที่ไหนครับ? เราอยู่ในอาดัม เราอยู่ในความมืด เราดำเนินชีวิตอยู่ในอาณาจักรของความมืด อยู่ในอาณาจักรฝ่ายวิญญาณ เรียกว่าความมืด เรียกว่าอยู่ในอาณาจักรของอาดัม อยู่ในกฎของความบาปและความตาย อยู่ในความพินาศ พระคัมภีร์บอกอย่างนั้น ในทางวิญญาณ เรามองไม่เห็น แต่พระคัมภีร์บอกเรา แต่พอเรามาเชื่อข่าวดีปุ๊บ พระคัมภีร์บอกว่าเราได้บัพติศมาในพระเยซูคริสต์ ก็คือพระเจ้าได้ย้ายวิญญาณเรา ออกมาจากอาดัม อยู่ในความมืด อยู่ในความบาป ย้ายออกมาอาศัย บัพติศมาอยู่ในพระคริสต์ เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์นั่นเอง
เพราะฉะนั้น พี่น้องที่ยังไม่ได้ย้ายทางวิญญาณ ย้ายซะนะครับ ก็คือย้ายมาเป็นคริสเตียน ย้ายมาเป็นผู้เชื่อในข่าวประเสริฐนี้ แล้วจะได้ย้ายเข้ามาอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ แทนที่จะอยู่ในอาณาจักรของความมืด ด้วยความห่วงใย …
เอเฟซัส 1:21 “ในตำแหน่งนี้ พระเยซูมีสิทธิอำนาจยิ่งใหญ่สูงสุด เหนือเหล่าวิญญาณ ที่ปกครองอยู่ในสถานที่ต่างๆ บนโลกนี้ เหนือเหล่าวิญญาณที่ใช้สิทธิอำนาจต่างๆ เหนือพลังอำนาจการครอบครอง ไม่ว่าจะผ่านทางทูตสวรรค์ต่างๆ หรือทางมนุษย์ก็ตาม เหนือทุกนาม หรือชื่อที่ตั้งขึ้น สิทธิอำนาจและฤทธิ์เดชที่ยิ่งใหญ่สูงสุดของพระเยซูนี้ จะคงอยู่ตลอดไป ไม่ใช่แค่ในยุคปัจจุบันบนโลกนี้เท่านั้น แต่รวมถึงยุคต่อๆ ไป ในอนาคตด้วย”
“ในตำแหน่งนี้” คือเบื้องขวาของพระเจ้าในสวรรคสถาน ผู้สำเร็จราชการของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด พระเยซูมีสิทธิอำนาจยิ่งใหญ่สูงสุด เหนือเหล่าวิญญาณ ตรงนี้ไม่ค่อยจะแปลกใจ สำหรับมนุษย์ทั่วๆ ไปนัก เมื่อได้รู้ความจริงว่าพระเยซู มีสิทธิอำนาจยิ่งใหญ่สูงสุด แต่ว่าเราได้เรียนรู้เมื่อตะกี้นี้หลายข้อ ก่อนหน้านี้แล้วว่าเราอยู่ในพระคริสต์ พระคริสต์อยู่ในเรา เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์ พระคริสต์ไปไหน เราไปด้วย พระคริสต์ได้อะไร เราได้ด้วย พระคริสต์อยู่ในตำแหน่งไหน? เราอยู่ในตำแหน่งนั้นด้วย เพราะฉะนั้น ตรงนี้ เราสามารถบอกว่าและในตำแหน่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ เราผู้เชื่อ เราผู้ได้ต้อนรับข่าวดีของพระเยซูคริสต์แล้ว เราได้เป็น คริสเตียน เรามีสิทธิอำนาจยิ่งใหญ่สูงสุด เหนือเหล่าวิญญาณที่ปกครองอยู่ในสถานที่ต่างๆ บนโลกใบนี้ เหนือเหล่าวิญญาณที่ใช้สิทธิอำนาจต่างๆ เหนือพลังอำนาจการครอบครอง ไม่ว่าจะผ่านทางทูตสวรรค์ต่างๆ หรือทางมนุษย์ก็ตาม ไม่กล้าพูดเลยนะ แต่มันเป็นจริงหรือเปล่า? เป็นจริง
เพราะฉะนั้น ยิ่งเรียนรู้มากเท่าไร? ความจริงนี้ ก็จะปรากฏในชีวิตของเรา เราจะเข้าใจ และเราจะดำเนินชีวิตแบบนั้นมากขึ้น ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้ความจริงนี้มากขึ้นเท่าไร? เหมือนที่เปาโลพยายามที่จะอธิษฐานบ่อยๆ เสมอๆ ให้เราได้รู้จักตรงนี้มากขึ้น เพื่อว่าเราจะไปใช้สอยได้ มันเป็นของเราก็จริง แต่ถ้าเราไม่รู้ เราก็ทิ้งมันไว้อย่างนั้นแหละ เรามีทรัพย์สมบัติมหาศาลอยู่ในธนาคาร เราไม่รู้เรื่อง เราไม่เคยเบิกมาใช้เลย ทั้งๆ ที่เรามีบัตร ATM ทางฝ่ายวิญญาณเยอะแยะไปหมด เราไม่เคยกดอะไรออกมาใช้เลย เพราะว่าเราไม่รู้ความจริง เรารู้เพียงแต่ว่าเราได้รับเบิ้ยเลี้ยง วันละ 100 บาท เราก็ใช้ 100 บาทไป เราไม่รู้ว่านอกจากเบี้ยเลี้ยงนั้น นอกจากความรอดนิรันดร์แล้ว พระองค์ยังทรงให้ ATM อยู่ในตัวเรา ATM ฝ่ายวิญญาณ เรามีพลังอำนาจสูงสุด ยิ่งใหญ่สูงสุด เหนือพลังอำนาจการครอบครอง เหนือวิญญาณอะไร ไม่ว่าจะมารซาตาน หรือวิญญาณชั่วอะไรต่างๆ วิญญาณดีด้วย เรามีอำนาจอยู่เหนือทั้งหมดเหล่านั้นเลย ห่างไกลจากเรามากเลย พระเยซูคริสต์อยู่สูงเท่าไร? เราก็สูงเท่านั้น
เพราะฉะนั้น วิญญาณเหล่านี้ทำอะไรเราไม่ได้เลย แม้แต่นิดหนึ่ง ไม่ต้องกลัวเลย ไม่ต้องกลัวผีเข้า กลัวผีหลอก … ผีหลอก โอเคใช่ เพราะมันหลอกเราตลอด มันทำอะไรไม่ได้ มันถึงหลอกเราเรื่อย แต่ถ้าเรารู้ มันหลอกได้ไหม? ไม่ได้ ถ้าเรารู้กลโกงของที่ตอนนี้ชอบโทรมาบอกว่ามาจากกรมตำรวจบ้าง? กรมสรรพากรบ้าง? พวกคอลเซ็นเตอร์ แบบหลอกลวง โทรมา แต่เรารู้ความจริง มีข่าวมาบอกเราแล้วว่าระวังคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ เราเรียนรู้แล้ว พอโทรมา เราจะทำตามมันไหม? อาจจะทำ ถ้าเผื่อเราฟังข่าวนั้นไม่เยอะ แต่ถ้าเราฟังข่าวนั้นเยอะๆ เรารู้ว่าอันนั้นเป็นของปลอม พอโทรมา เราบอกกรุณาไปไกลๆ เราไม่เชื่อหรอก เพราะเขาไม่มีสิทธิอำนาจนั้น ทำอะไรเราไม่ได้ แต่เขาหลอกเราได้ มารก็หลอกเราอย่างนี้ แล้วเรายังมีสิทธิอำนาจอยู่เหนือพลังอำนาจที่ครอบครองโลกนี้อยู่ ก็คืออะไรรู้ไหม? อย่าไปนึกถึงมารซาตาน
มารซาตานไม่มีพลังอำนาจใดๆ เลยที่จะครอบครองโลกใบนี้ ไม่มีทางเลยนะ ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม มันไม่มีพลังอำนาจครอบครองมนุษย์เลย ถ้ามนุษย์คนนั้นไม่ยอม แต่มันใช้พลังอำนาจ อิทธิพลของกฎของความบาปและความตาย มันมีพลังอยู่บนโลกใบนี้ มนุษย์เป็นคนเอาเข้ามาเอง ก็คืออาดัมเอาเข้ามาเอง ทำให้มนุษย์ต้องทำตามกฎของความบาปและความตาย คือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ตามกฎแห่งกรรมนี่แหละ และมารมันก็ใช้กฎนี้ เป็นตัวยึดเรา ฟ้องเรา ให้เรารับโทษ …
“แกทำ แกเป็นคนบาป แกถูกสาปแช่ง”
แต่พระเยซูย้ายเราออกมาอยู่ในอาณาจักรสวรรค์ อยู่ในพระองค์แล้ว เราจึงมีอำนาจ หลุดพ้นจากกฎเหล่านี้ กฎเก่า กฎของความบาปและความตายเรียบร้อยไปแล้ว ไม่ว่ากฎของความบาปและความตายนี้ มารจะใช้ผ่านทางอะไรก็ตาม ผ่านทางความรู้ ผ่านทางผู้คน ผ่านทางศาสนา ผ่านทางกฎระเบียบอะไรต่างๆ ก็ตาม ผ่านทางความคิดของเราเองก็ตาม หรือผ่านทางนาม ในนี้บอกว่าเรามีอำนาจสูงสุด ในพระคริสต์นี้ อยู่เหนือทุกนาม ที่เอ่ยชื่อขึ้นมา ตั้งขึ้นมา และเหนือสิทธิอำนาจและฤทธิ์เดชที่ยิ่งใหญ่สูงสุดของพระเจ้านี้ เรามีอำนาจอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะตั้งชื่ออะไรออกมา ไม่ว่าจะเป็นชื่อของวัตถุเคารพ ชื่อของผู้คน ชื่อของระบบ ชื่อของหลักการความเชื่อ ชื่อของศาสนา ชื่อของอะไรก็ตาม ทั้งหมด ที่จะมาบังคับเรา เรามีอำนาจในพระคริสต์ อยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เรียบร้อยแล้ว และฤทธิ์เดชอำนาจนี้ ที่ยิ่งใหญ่สูงสุด ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ได้อยู่ในเราทั้งหลายผู้เชื่อนั้น จะคงอยู่ตลอดไป ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ใช่แค่ในยุคปัจจุบันบนโลกนี้เท่านั้น แต่รวมถึงยุคต่อไปในอนาคต ในสวรรค์นิรันดร์ด้วย ก็คือไม่ใช่มีสิทธิอำนาจ เฉพาะอยู่ในสวรรค์กันอย่างเดียว แต่ขณะอยู่บนโลกใบนี้ เราก็มีสิทธิอำนาจอยู่เหนือเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว เอเมน ขอบคุณพระเจ้า …
เอเฟซัส 1:22 “และพระเจ้าได้ให้สิ่งสารพัด ทั้งในโลกวัตถุและโลกวิญญาณ อยู่ใต้เท้าของพระเยซูคริสต์ และพระเจ้าได้แต่งตั้งพระเยซูคริสต์ให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด มีสิทธิอำนาจสูงสุด เหมือนเป็นศีรษะ อยู่เหนือทุกสิ่งในคริสตจักร (ผู้ที่เชื่อ-และใช้สิทธิ์ ในการไถ่บาปที่พระเยซูคริสต์ได้ทำให้)”
“อยู่เหนือทุกสิ่งในคริสตจักร” ก็คือเราทั้งหลายผู้ที่เชื่อ และใช้สิทธิของเรา ในการที่พระเยซูคริสต์ไถ่บาปให้กับเรา ก็คือคริสเตียนนั่นเอง คริสตจักร ก็คือคริสเตียน คริสตจักร ก็คือผู้เชื่อ คริสตจักร ก็คือผู้ที่ได้เลือก ที่จะเชื่อในพระเยซู และได้ถูกย้ายมาบัพติศมาอยู่ในพระเยซูคริสต์ เข้ามาเป็นอวัยวะชิ้นหนึ่ง เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์นั่นเอง และพระเจ้าได้ให้สิ่งสารพัด ไม่ใช่สิ่งเดียว สิ่งสารพัด หมายถึงทุกสิ่ง แล้วพระเจ้าได้ให้สิ่งสารพัด ทั้งในโลกวัตถุและโลกวิญญาณ เห็นไหมครับ คือการมีสิทธิอำนาจสูงสุดเลย พระเจ้าได้ให้เราเยอะแยะเลย ทั้งในโลกวัตถุและโลกวิญญาณ ให้ทั้งหมดเหล่านี้ อยู่ใต้เท้าของพระคริสต์ และอยู่ใต้เท้าของเราด้วย
“พระเจ้าแต่งตั้งพระเยซูคริสต์ให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด มีสิทธิอำนาจสูงสุด เหมือนเป็นศีรษะ อยู่เหนือทุกสิ่งในคริสตจักร” ก็คือเป็นหัวหน้าพวกเราทั้งหลาย ผู้เชื่อศรัทธานี้ พระเยซูอยู่ไหน? เราอยู่ด้วย พระเยซูได้อะไร? เราได้ด้วย พระเยซูยิ่งใหญ่ขนาดไหน? เรายิ่งใหญ่ด้วย เราเป็นผู้ร่วมขบวนการกับพระเยซูนั่นเอง พระเจ้าได้ให้สิ่งสารพัดทุกสิ่งแล้ว ในพระคริสต์ เราอยู่ในพระคริสต์ เราก็ได้สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดแล้ว
ดูใน 2 เปโตร 1:3-4 ว่าเปโตรก็พูดอย่างนี้เหมือนกันว่าฤทธิ์อำนาจนี้ได้ให้อะไรกับเราบ้าง เยอะแยะมากมาย …
2 เปโตร 1:3-4 “3 ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ได้จัดเตรียมทุกสิ่งให้แก่เราที่จำเป็นแล้ว ในการมีชีวิตที่ชอบธรรมและดีงามเหมือนพระเจ้า ผ่านทางการรับรู้เรื่องราวของพระองค์ (ในพระคริสต์) ผู้ทรงได้เรียกเราด้วยพระสิริ และความดีงามของพระองค์เองให้เข้าไปมีส่วนร่วมในพระเกียรติสิริและความดีงามของพระองค์ (ในพระคริสต์) 4 “โดยสิ่งเหล่านี้ พระองค์ได้ประทานพระสัญญาอันยิ่งใหญ่และล้ำค่าของพระองค์แก่เรา เพื่อว่าโดยทางพระสัญญาเหล่านี้ พวกท่านจึงได้มีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้า (บังเกิดใหม่เป็นลูกพระเจ้า) และพ้นจากความเสื่อมทราม (ความพินาศในวิญญาณ) ในโลก ซึ่งเกิดจากตัณหาชั่ว (ความบาปในวิญญาณ)”
“ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ได้จัดเตรียมทุกสิ่งให้แก่เรา ที่จำเป็นแล้ว” เรา ก็คือคริสเตียน ผู้เชื่อ ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าได้จัดเตรียมทุกสิ่งในโลกวิญญาณ ให้กับเราเรียบร้อย สิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต ที่ชอบธรรม ดีงาม เหมือนพระเจ้า เห็นไหมครับ? ก็คือฤทธิ์เดชอำนาจนี้ ได้กระทำให้กับเราเรียบร้อยแล้ว ที่เป็นคนชอบธรรม บริสุทธิ์ ดีพร้อม เหมือนพระเยซูแล้ว โดยได้รับแล้ว ผ่านทางการรับรู้เรื่องราวของพระองค์ คือในพระคริสต์
ผ่านการรับรู้ เราเริ่มรับรู้เมื่อไร? เราเริ่มรับรู้ตั้งแต่ก่อนเชื่ออีก เราเริ่มรับรู้ เมื่อเขาประกาศข่าวดีให้กับเรา เริ่มรับรู้แล้ว เรารับ เราเอา แต่บางคนรับรู้ แล้วไม่เอาก็มี หมายถึงเริ่มต้นรับรู้ พอเราเริ่มต้นรับรู้แล้ว เราเอา เราตัดสินใจ เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ ได้รับข่าวดี อัศจรรย์เกิดขึ้นทันที และจากนั้น เราก็เริ่มเรียน รับรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ในการเป็นผู้ชอบธรรม ดีงาม เหมือนพระเจ้าเรียบร้อยไปแล้ว ในพระคริสต์
“ผู้ทรงได้เรียกเราด้วยพระสิริ และความดีงามของพระองค์ ให้เข้าไปมีส่วนร่วมในพระเกียรติ พระสิริ และความดีงามของพระองค์ในพระคริสต์ ให้เราเข้าไปร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระสิริ ความยิ่งใหญ่ ความดีงามของพระคริสต์ ของตรีเอกานุภาพ เราเข้าไปร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน
พระองค์เรียกเรา เลือกเราเข้าไปอยู่ในนั้น … และเราก็ตอบรับพระองค์ว่า “เอาครับ”
พระองค์เชิญเราเข้าไปนั่งกินบนโต๊ะของพระองค์ … เราบอก “เอาครับ”
พระองค์เชิญเราเข้าพระราชวังของพระองค์ในสวรรค์ … เราบอก “โอเคเลย เราก็เข้าไปอยู่ในนั้นแล้ว เอเมน”
ในข้อ 4 บอกว่า “โดยสิ่งเหล่านี้ พระองค์ได้ประทานพระสัญญา อันยิ่งใหญ่ และล้ำค่าของพระองค์แก่เรา เพื่อว่าโดยทางสัญญานี้ พวกท่านจึงมีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้า” เห็นหรือยัง?
พระเจ้าเป็นอย่างไร? ตรีเอกานุภาพเป็นอย่างไร? ฉันก็ได้เป็นอย่างนั้นด้วย เอเมนไหม? “พวกท่านจึงได้มีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้า” คือได้บังเกิดใหม่ เกิดใหม่มาเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ เกิดใหม่มาเป็นลูกของพระองค์ เกิดใหม่เป็นหน่อเชื้อ เขาเรียกว่าเลือดเนื้อเชื้อไขจากพระเจ้า มีลักษณะเหมือนพระเจ้า พ้นจากอาณาจักรมืดเดิมที่ท่านอยู่ เรียกว่าพ้นจากความพินาศ ความเสื่อมทรามในโลก เห็นไหมครับ? ในโลกที่เรากำลังดำเนินอยู่ ซึ่งเกิดจากท่านเป็นคนบาป พ้นจากบาปแล้ว ไม่ได้อยู่ในบาปอยู่แล้ว แต่อยู่ในพระคริสต์แทน ไม่ได้อยู่ในบาปอยู่แล้ว แต่มาอยู่ในความชอบธรรมของพระเจ้าแทน ไม่ได้อยู่ในอาดัม แต่มาอยู่ในพระคริสต์ ไม่ได้อยู่ในอาณาจักรของความมืด แต่มาอยู่ในอาณาจักรของความสว่างเรียบร้อยแล้ว เอเมน …
เอเฟซัส 1:23 “ที่เหมือนร่างกายของพระองค์ ซึ่งเป็นความสมบูรณ์ครบถ้วนของพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเติมเต็มความบริสุทธิ์ สมบูรณ์แบบ ให้กับเหล่าผู้ที่เชื่อ และใช้สิทธิ์ในการไถ่บาปที่พระเยซูได้ทำให้”
เราทั้งหลายผู้เชื่อได้เข้าไปมีส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ … พระเยซูคริสต์อยู่ในเรา เราอยู่ในพระเยซูคริสต์ พระเยซูคริสต์อยู่ในพระบิดา พระบิดาอยู่ในพระเยซูคริสต์ รวมกันเป็นเราอยู่ในพระเจ้าตรีเอกานุภาพ พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราเป็นไข่แดงอยู่ในนั้นเลย เราเป็นไข่อยู่ในหิน ปกป้องคุ้มครองดูแลเรา วิญญาณที่พระองค์ทรงไถ่ไว้ด้วยความรัก ดั่งแก้วตาดวงใจ จำที่พระเยซูอธิบายให้ฟังได้ไหม? เรา ก็คือผู้ที่เชื่อในพระองค์ เราก็เป็นกิ่งก้าน เถาองุ่น ลำต้นขององุ่น ก็คือลำต้นของพระเยซูคริสต์ เราเป็นกิ่งก้านที่ไปต่อติดกับพระเยซูคริสต์ เราเป็นกิ่งก้านองุ่น ต้นก็คือพระเยซู เราเป็นศิลาก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่ง ที่เข้าไปต่อติดอยู่กับพระเยซูคริสต์
เคยเห็นศิลปะของตะวันออกกลาง ที่เขาทำรูปใหญ่ๆ จากกระดูกของอูฐ อูฐเยอะ เขาเอากระดูกอูฐแตกๆ เล็กๆ เอง เอามาปะๆ เป็นภาพ เหมือนภาพจิ๊กซอ ภาพใหญ่ๆ เป็นรูปอะไรต่างๆ ก็ว่าไป เราก็เหมือนกับกระดูกเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง ในภาพที่เรียกว่าคริสตจักรของพระเจ้า ในภาพที่เรียกว่าพระเยซูคริสต์ ในภาพที่เรียกว่าพระเจ้าตรีเอกานุภาพ หรือเปรียบเทียบกับทางครอบครัวของพระเจ้า เราก็เปรียบเหมือนเป็นพี่น้อง ไม่ได้เปรียบหรอก เป็นจริงๆ พระเยซูบอก ในโลกฝ่ายวิญญาณนั้น เราเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ทางวิญญาณกับพระเยซู ในครอบครัวของพระเจ้า เราเป็นสายเลือดเดียวกันกับพระเยซู ในทางวิญญาณ ในครอบครัวของพระเจ้า ชื่อเราจดอยู่ในทะเบียนครอบครัวของพระเจ้า มีพระเยซูเป็นหัวหน้าครอบครัว เราทั้งหลายก็เป็นน้องๆๆๆๆ และเราอยู่ในครอบครัวของพระเจ้า ตรีเอกานุภาพยิ่งใหญ่สูงสุด ร่วมครอบครองกับพระองค์ในสวรรค์ ตั้งแต่บัดนี้ บนโลกใบนี้ จนถึงโลกหน้านิรันดร์ ได้รับร่างกายใหม่ ครอบครองร่วมกับพระองค์ ไปถึงนิรันดร์กาล พระเจ้าอวยพรครับ
*************************
จากใจคณะศิษยาภิบาล
คริสเตียน ท่านเชื่ออย่างนี้หรือไม่?
พระเยซูคริสต์บริสุทธิ์เท่าไร? เราก็บริสุทธิ์เท่านั้น?
พระเยซูคริสต์บริสุทธิ์เท่าไร? เราก็บริสุทธิ์เท่านั้น
พระเยซูคริสต์ เป็นผู้ชอบธรรมเท่าไร? เราก็เป็นผู้ชอบธรรมเท่านั้น
พระเยซูคริสต์ดีพร้อม ไร้ตำหนิ ไร้มลทินใดๆ เลย? เราก็ดีพร้อม ไร้ตำหนิ ไร้มลทินใดๆ เหมือนพระองค์เลย
2 เปโตร 1:4 … “โดยสิ่งเหล่านี้ พระองค์ได้ประทานพระสัญญาอันยิ่งใหญ่ และล้ำค่าของพระองค์แก่เรา เพื่อว่าโดยทางพระสัญญาเหล่านี้ พวกท่านจึงได้มีส่วนในพระลักษณะของพระเจ้า และพ้นจากความเสื่อมทรามในโลก ซึ่งเกิดจากตัณหาชั่ว”
ก็คือโดยพระเยซูคริสต์ ท่านจึงได้พระสิริของพระเจ้าที่หายไป ที่เสียไป เนเจอร์ หรือธรรมชาติที่เหมือนพระเจ้า เป็นลูกพระเจ้าที่หลุดหายไป ตั้งแต่ที่อาดัมทำบาป ผลของความบาปนั้น คือความตายทางฝ่ายวิญญาณตรงนี้ บัดนี้ พระเยซูมาแก้ไขให้ใหม่แล้ว โดยเชื่อในข่าวดีของพระเยซู วิญญาณเราได้รับการรักษาให้หาย กลับคืนมาใหม่ กลับคืนสู่เนเจอร์ ธรรมชาติของพระเจ้า เป็นลูกของพระเจ้า และกลับคืนสู่พระสิริ ความสง่างาม ความบริสุทธิ์ของพระเจ้า เข้ามาอยู่ เป็นธรรมชาติ เป็นตัวตนแท้ๆ ของวิญญาณของเรา เดี๋ยวนี้ทันที
เมื่อเราเปิดใจยอมรับ พระเยซูเป็นผู้ช่วยให้รอด จากโทษของหนี้บาปเวรกรรม คือยอมให้พระเจ้าเข้ามาผ่าตัดวิญญาณ ย้ายวิญญาณเราเข้ามาอยู่ในพระคริสต์บนไม้กางเขน เพื่อที่จะตาย ถูกฝังไว้ในอุโมงค์และเป็นขึ้นจากความตายร่วมกับพระเยซูคริสต์ ได้บังเกิดใหม่เป็นลูกของพระเจ้า ได้เป็นชีวิตนิรันดร์ ที่กำเนิดจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ที่ครบถ้วนบริบูรณ์เหมือนพระคริสต์เลย
พระเยซูคริสต์บริสุทธิ์เท่าไร? เราก็บริสุทธิ์เท่านั้น
พระเยซูคริสต์ เป็นผู้ชอบธรรมเท่าไร? เราก็เป็นผู้ชอบธรรมเท่านั้น
พระเยซูคริสต์ดีพร้อม ไร้ตำหนิ ไร้มลทินใดๆ เลย? เราก็ดีพร้อม ไร้ตำหนิ ไร้มลทินใดๆเหมือนพระองค์เลย เราเป็นชีวิตนิรันดร์ วิญญาณที่เกิดใหม่ของเรา เต็มไปด้วยสง่าราศีเหมือนพระเยซูคริสต์เลย
1 ยอห์น 4:17 … “ในการได้เข้าส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์นี้ ความรัก (อากาเป้ แบบพระเจ้า) จึงได้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนในตัวเรา (ทั้งวิญญาณและจิตใจ) เราจึงมีความมั่นใจในวันพิพากษา ที่เรามีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ก็เพราะวิญญาณและจิตใจของเรา ขณะที่อยู่ในโลกนี้นั้น เป็นวิญญาณและจิตใจที่เหมือนกับวิญญาณ และจิตใจของพระคริสต์”
คริสเตียนท่านเชื่ออย่างนี้หรือไม่ครับ? พระเจ้าอวยพรครับ