คำหนุนใจจาก Ps.เทพิน ชาติผดุง
เรื่อง “วันเพนเตคอส”
วันที่ 29 เมษายน 2020
สวัสดีค่ะพี่น้องในพระเยซูคริสต์ทุกท่าน เรามาคุยกัน ในช่วงนี้ก็ใกล้เวลาจะระลึกถึงวันเพนเตคอส ซึ่งเป็นวันที่ประวัติศาสตร์คริสตจักรเริ่มต้น มีคริสตจักรเกิดขึ้น พระเยซูบอกให้สาวกรอที่กรุงเยรูซาเล็มรอพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาจุ่ม ชุบตัวพวกเขา เหมือนกับว่าบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นคนละเรื่องกับบัพติศมาด้วยน้ำ
บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่มีใครอื่นทำได้ พระเจ้าเป็นผู้ทำให้เราเอง พระเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติการนี้ โดยให้เราผู้เชื่อ ได้เข้าไปมีส่วนในการตายของพระเยซู และเป็นขึ้นมาใหม่กับพระเยซูคริสต์ มีชีวิตใหม่ ดำเนินชีวิตด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และตรงนี้ทำให้มีพลังเกิดขึ้นในการที่จะทำให้เราทุกคน ที่เคยดำเนินชีวิตในความบาป ได้ตายต่อบาป ไม่ต้องหวลหาอาลัยกับบาปต่างๆ ที่เราเคยพิสมัย ชอบพอ เรารู้แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี และโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ก็จะช่วยเรา ให้รังเกียจบาป ตายต่อมัน ไม่สนใจ ไม่เอาเรื่อง ไม่นำมาประพฤติ ปฏิบัติในชีวิต แต่เอาชีวิตใหม่ที่มาจากพระเจ้ามาอยู่ในชีวิตของเรา และยอมให้พระองค์ทำงานในชีวิตของเราอย่างเต็มใจ เพราะเรารู้ว่าเป็นทางแห่งความดีงาม ทางแห่งความสุขสมบูรณ์ เป็นทางแห่งสวรรค์นั่นเอง คือสวรรค์ลงมาอยู่ในตัวเรา เพราะว่าพระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเคยอยู่แต่ในอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์นั้น ได้โน้มพระองค์ลงมาทอดพระเนตรฟ้าสวรรค์แผ่นดินโลก และโน้มพระองค์ลงมาอยู่ในผู้เชื่อพระเยซูทุกคน ที่ได้รับการยกโทษแล้ว เพราะการเชื่อพระเยซูคริสต์ทั้งด้วยปาก และด้วยใจว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นบุตรของพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ ตายเพื่อเรา
อันนั้น ก็เป็นกุญแจสำคัญว่าผู้ที่เชื่ออย่างนี้ ได้รับการให้เป็นลูกของพระเจ้า พระเจ้าเองทรงเข้ามาปกคลุมเขาไว้ เหมือนเรามีขวดอยู่ใบหนึ่ง แล้วเราก็เอาขวดนั้นจุ่มลงไปในอ่างน้ำใหญ่ๆ น้ำก็เต็มเข้าไปในขวดน้ำว่างเปล่า จนเต็มขวด และขวดก็ถูกปกคลุมด้วยน้ำนั้นด้วย การบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็เป็นทำนองนี้ คือเราเข้าอยู่ในพระเจ้า พระเจ้าอยู่ในเรา
แต่สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง และเป็นประเด็นของการถกเถียงกันมานานมากมาย หลายศตวรรษ ก็คือเรื่องของวันนั้น วันเพนเตคอส เมื่อพระวิญญาณเสด็จลงมา ผู้คนเห็นมีไฟ สัญฐานเหมือนลิ้นอยู่บนศีรษะของผู้เชื่อ แล้วพวกเขาเริ่มพูดภาษาแปลกๆ คนมากมายก็ตีความหมายว่านี่แหละ คือภาษาสวรรค์ แต่ถ้าพี่น้องอ่านให้ละเอียดในหนังสือกิจการ ก็จะพบว่า ณ วันเพนเตคอสที่พูดภาษาแปลกๆ นั้น เป็นภาษามนุษย์ทั้งสิ้น เป็นภาษาที่แปลได้ ไม่ใช่ภาษาที่มาจากสวรรค์ ไม่ใช่ภาษาของทูตสวรรค์ ไม่ใช่ที่ไม่มีใครเข้าใจ เราทราบอย่างนั้น ก็เพราะว่าพระคัมภีร์บอกเราว่ามีคนยิวได้ไปอยู่ต่างประเทศ ได้เดินทางมา และได้ยินคนกลุ่มนี้พูดภาษาของพวกเขาเอง
เพราะฉะนั้น การพูดภาษาแปลกๆ ในวันเพนเตคอสนั้น เป็นเรื่องของการประกาศให้คนรับเชื่อ ให้คนรู้ความยิ่งใหญ่ ความรัก และเจตนาของพระเจ้าที่จะช่วยมนุษย์ให้รอด เราจึงเห็นได้ชัดว่าในวันเพนเตคอส ภาษาแปลกๆ ที่พูดกันนั้น เป็นภาษาของมนุษย์ เพราะมีมนุษย์ฟังและเข้าใจได้ มนุษย์ที่เป็นยิวที่แยกย้ายไปอยู่ตามที่ต่างๆ มีภาษาใหม่ๆ พูด ไม่ได้พูดภาษฮีบรู หรืออาราเมล เหมือนคนในเยรูซาเล็ม แต่ไปอยู่ประเทศอื่นๆ และเดินทางเข้ามาในเยรูซาเล็ม ณ วันนั้น ได้ยินคนพูดภาษาของตน ประเทศที่พวกเขาไปอยู่ และได้ยินเข้าใจว่าคนเหล่านี้ พูดสรรเสริญพระเจ้า พูดถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พวกเขาก็กลับใจมาหาพระเยซู มาเชื่อพระเยซู
ดังนั้น หลักการเรื่องภาษาแปลกๆ นี้ เราจะพบว่าประเด็นใหญ่ คือเป็นของประทานอันหนึ่งที่พระคัมภีร์พูดถึง แต่ดิฉันอยากจะแยกแยะว่าการพูดภาษาแปลกๆ ได้ ไม่ว่าจะฟังรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่อง เป็นคนละเรื่องกับการบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะว่าการบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น ไม่ได้ถูกระบุว่ามีหมายสำคัญ คือพูดภาษาแปลกๆ การบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นการรวมเราเข้ากับพระเจ้า เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า เป็นเหมือนพระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั้น พวกเราผู้เชื่อ ก็ได้ถูกรวมเข้ามาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้าด้วย ดังนั้น พูดง่ายๆ เหมือนกับว่าพระเจ้า 3 พระภาค มี 4 แล้ว มีผู้เชื่อเข้ามาเพิ่ม เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน
ดิฉันได้พบหลายคน มีพี่น้องถามว่า …
“ท่านบัพติศมาด้วยพระวิญญาณหรือยัง? ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยการพูดภาษาแปลกๆ หรือยัง?”
ถ้าบอกว่ายัง ก็จะถูกจับให้พูดออกมา เพราะถ้าไม่พูดก็จะไม่รอด แต่พี่น้องให้ทบทวนข้อแม้ของความรอดว่าพระเจ้าสอนว่าผู้ใดเชื่อด้วยใจ รับด้วยปากว่าพระเยซูคริสต์ตายบนไม้กางเขน รับบาปของพวกเราไป เราก็ตายต่อบาปไปด้วย และเป็นขึ้นมาใหม่ร่วมกับพระเยซู เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ เราก็อยู่กับพระเยซูด้วย เป็นขึ้นมาแล้ว เป็นชาวสวรรค์ไปเรียบร้อย โดยฝ่ายวิญญาณ แต่ร่างกายเรายังคงติดอยู่กับโลกเก่านี้ ซึ่งรอวันเวลาผุพัง สลายไป ดังนั้น สิ่งที่ดิฉันอยากจะหนุนใจพี่น้อง ที่บางคนอาจจะไม่ได้พูดภาษาแปลกๆ พี่น้องไม่ต้องตกใจ เพราะพระคัมภีร์ก็พูดถึงของประทานต่างๆ ไม่ใช่ทุกคนต้องมีของประทานอันนั้น อันนี้ แต่ของประทานเป็นของที่พระเจ้าเอาไว้ให้ใช้ในการเสริมสร้างพระกายของพระเยซูคริสต์ คือพวกเรานั่นเอง เป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือกัน ของประทานเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพูดภาษาแปลกๆ มีหมายสำคัญมากก็คือเป็นการประกาศเรื่องพระเยซูให้รู้จัก เพราะว่าเป็นอัศจรรย์มาก ถ้าอยู่ดีๆ มีใครสักคนหนึ่ง กำลังพูดภาษาเยอรมัน แล้วมีคนเยอรมันเดินเข้ามา คนที่พูดภาษาเยอรมันนั้น ไม่เคยเรียนภาษาเยอรมันมาก่อน แต่พูดภาษาเยอรมัน โดยที่คนในที่ประชุมพูดภาษาไทยทั้งหมด ไม่มีใครเข้าใจ แต่มีชาวต่างชาติ เป็นเยอรมันเดินเข้ามาในที่ประชุม ได้ยินคนไทย พูดภาษาเยอรมันกับเขา บรรยายถึงการช่วยให้รอดของพระเยซูคริสต์ บรรยายถึงความรัก ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พี่น้องคิดดูว่ามันจะอัศจรรย์ขนาดไหน? มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับคนที่เข้ามาใหม่ ซึ่งเขายังไม่ได้เชื่อพระเจ้า แต่เขาได้ฟัง ได้ยินคนพูดภาษาของเขาเอง จากปากของคนที่พูดภาษาเยอรมันไม่เป็น ไม่เคยไปเยอรมัน
นั่นแหละประเด็นของเรื่องภาษาแปลกๆ ในวันเพนเตคอส เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เป็นการพูดภาษาทูตสวรรค์ แต่เป็นเรื่องของการพูดภาษาแปลกๆ ที่มีคนต่างชาติเข้าใจ เข้าใจคำพยานที่เล่าเรื่องพระเยซูคริสต์ มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดแก่มนุษย์ นั่นคือเรื่องที่สำคัญที่สุด ที่เป็นประเด็นที่พระเจ้าต้องการ เป็นการขยายอาณาจักร ขยายแผ่นดิน ให้ผู้คนเข้าแผ่นดินสวรรค์มากขึ้น เพราะว่ามันเป็นเรื่องราวที่มนุษย์ทำไม่ได้ พระเจ้าเท่านั้นจึงจะทำได้ ผู้คนที่ได้ยินได้ฟัง ก็จะตื่นเต้นมากว่า …
“ดูสิ คนไทยคนนี้ทำไมพูดภาษาเยอรมันประกาศเรื่องพระเยซูกับเขาได้ พระเจ้ามีจริงแน่นอน พระเจ้าสามารถพูดกับเขาผ่านปากคนที่ไม่รู้จักภาษาของเขาเลย”
นี่คือประเด็นที่สำคัญของวันเพนเตคอส ส่วนจะเป็นเรื่องภาษาแปลกๆ ที่พูดกันเป็นภาษาทูตสวรรค์ หรืออื่นๆ ดิฉันจะไม่พูดถึง เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะลี้ลับไป จะพูดกันเร็วๆ สั้นๆ ไม่ได้ แต่ให้เข้าใจกันโดยประเด็นหลักว่าการพูดภาษาแปลกๆ ของสาวกในวันเพนเตคอส ไม่ใช่ภาษาที่ไม่รู้เรื่อง
แล้วอาจารย์เปาโลก็พูดเสมอว่าการที่ใครจะพูดภาษาแปลกๆ นั้น ต้องมีคนแปลได้ ถ้าแปลไม่ได้ ก็อย่าพูด เพราะจะทำให้ที่ประชุมนั้นเลอะเทอะ ส่งเสียงไม่เป็นโล้เป็นพาย เหมือนคนเมาเหล้า เหมือนคนทะเลาะกัน บางคนพูดภาษาจีน บางคนพูดภาษาอินเดีย บางคนพูดภาษาสวิส บางคนพูดฝรั่งเศส บางคนพูดเยอรมัน พูดกันทั้งที่ประชุม วุ่นวายไปหมด ไม่รู้ว่าเป็นภาษาอะไร? เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้การประชุมไร้ค่า ไม่มีประโยชน์ เป็นเรื่องเลอะเทอะ แต่ถ้ามีใครสักคนหนึ่งแปลได้ ต้องมีประโยชน์แน่นอน เพราะจะทำให้คนได้เห็นว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า มีของประทานที่เป็นฤทธิ์เดช ที่มนุษย์คนหนึ่งพูดได้ และคนที่เป็นเจ้าของภาษานั้นเดินเข้ามาได้ยิน ก็จะตื่นเต้น และเชื่อ เพราะเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ
อาจารย์เปาโลได้เตือนการใช้ภาษาแปลกๆ ว่าให้เราอย่าไปสนใจมากนัก ให้เราพยายามเรียนรู้ถึงสิ่งที่เราเข้าใจได้ ด้วยสมองของเราด้วย ให้เราจดจำและเพ่ง ไตร่ตรองกับถ้อยคำพระเจ้า กับสิ่งที่พระเจ้าสอน กับที่เป็นชีวิตของเรา ก็จะสร้างเสริมเรา เพื่อให้เราเติบโตขึ้น ในความเชื่อศรัทธา ในพระเยซูคริสต์ วิญญาณของเรา เชื่อสมบูรณ์หมดแล้ว ได้รับหมดแล้ว แต่ร่างกายของเราต้องถูกฝึกให้ไปด้วยกันกับวิญญาณด้วย
ยกตัวอย่างง่ายๆ ตอนที่ดิฉันเชื่อพระเยซู ในวันที่เดินออกไปรับเชื่อ ดิฉันพบความรู้สึกที่ประหลาดมาก คือตื้นตัน ซาบซึ้งและอะไรอีกมากมายหลายอย่าง ไม่รู้เหมือนกัน บรรยายไม่ถูก ดิฉันร้องไห้ สามี (ซึ่งตอนนั้นยังเป็นแฟนกันอยู่) ก็ออกมารับเชื่อพร้อมกัน แล้วก็นั่งร้องไห้กันอยู่ 2 คน ในที่ประชุม หลังจากที่ทุกคนเลิกประชุมแล้ว ออกไปหมดแล้ว ดิฉันกับแฟนก็ยังนั่งร้องไห้ เป็นชั่วโมงๆ และหลังจากวันนั้น ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไป โดยที่ยังไม่ได้พูดภาษาแปลกๆ เลย บางคนอาจจะบอกว่าชีวิตไม่เปลี่ยนแปลงหรอก แต่ว่าคนมากมายในโลกนี้ เป็นพยานได้ว่าคุณพูดภาษาแปลกๆ แล้วคุณเปลี่ยนแปลง นั่นเป็นประสบการณ์ แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้น ที่พระเจ้าจะทำให้เรา ไม่เกี่ยวกับภาษาแปลกๆ อย่างที่ดิฉันพูดให้ฟังประเด็นแรก ภาษาแปลกๆ เป็นภาษา เพื่อประโยชน์ในการประกาศข่าวประเสริฐ แต่การบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นการให้ชีวิตใหม่กับเรา ทำให้เราเป็นคนใหม่ เปลี่ยนผ่าตัดหัวใจของเรา เปลี่ยนใจหิน ให้เป็นใจเนื้อ เป็นหัวใจที่รับรู้พระเจ้า เป็นหัวใจที่รักพระเจ้า เป็นความจริงที่เข้ามาในชีวิตจิตใจของเรา เหมือนที่เราร้องเพลงว่าเรารู้ว่าพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาแล้ว เรารู้ เพราะพระองค์อยู่ในใจ ท่วมล้นอยู่ในใจ ความรักของพระเจ้านั้นท่วมท้นหลั่งล้นอยู่ในหัวใจของเรา
ยกตัวอย่าง ถ้าพี่น้องต้องการการเจริญเติบโต ที่จะติดตามพระเยซูคริสต์ ก็ต้องรับรู้ว่าเราเป็นใครในพระเยซูคริสต์ เราเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว โดยโลหิตไถ่ของพระเยซู ชำระเราให้พ้นบาป หมดบาปหมดเวร เราเป็นลูกของพระเจ้า และพระเยซูได้ถูกตรึง เพื่อเราทั้งหลายจะได้ตายต่อบาป คือไม่มีบาป ไม่อยู่ใต้อำนาจของบาป แต่เราอยู่ในความชอบธรรม ถูกต้องของพระเจ้า นั่นก็คือ 1 เปโตร 2:24 ที่ดิฉันเคยให้หลายๆ คนที่มาเชื่อพระเยซูใหม่ๆ ให้พูดด้วยความเชื่อด้วยใจ ด้วยปากของเขา ในถ้อยคำเหล่านี้ ยังไม่รู้เรื่องอื่นในพระคัมภีร์ไม่เป็นไร แต่ให้รู้แน่อันนี้เลยว่าตัวของพระเยซูคริสต์เองได้แบกบาปทั้งหลายของเรา ไว้ในร่างกายของพระองค์ บนต้นไม้นั้น ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องบูชา และพระเยซูได้ถวายตัวเอง เป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้า เพื่อให้พวกเราได้ตายต่อบาป คือไม่มีบาป ไม่อยู่ใต้อำนาจของบาป
คุณแม่ดิฉันเมื่อมาเชื่อพระเจ้าใหม่ๆ ทันทีนั้น คุณแม่ก็ไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรได้ เพราะว่าป่วยหนัก แต่พระเจ้าทรงรักษาให้หาย คุณแม่ก็ไม่ได้พูดภาษาแปลกๆ เลย แต่ดิฉันก็เขียนให้คุณแม่พูดถ้อยคำนี้ และคุณแม่ก็เปลี่ยนเป็นคนใหม่ ลืมทุกสิ่งที่เป็นของเก่าหมดเลย แล้วมารับเชื่อพระเยซูคริสต์ อย่างเต็มใจท่านเอง โดยที่ดิฉันไม่ได้ไปบีบบังคับ หรือข่มขู่ หรืออ้อนวอนใดๆ ทั้งสิ้น
ฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือการรวมเราเข้ากับพระเจ้า บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือการรวมเราเข้ากับพระเจ้า เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า บรรดาผู้เชื่อทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นชาติใดก็ตาม เป็นกรีก เป็นไทย ก็แล้วแต่ ฐานะใดก็ตาม เราได้เข้ามาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระเจ้า และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นร่างกายอันเดียวกันของพระเยซูคริสต์
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญ ก็คือตรงนี้ ไม่อยากให้พี่น้องต้องเอาเรื่องที่เป็นรองมาตั้งเป็นเรื่องหลัก เรื่องหลักของเรา คือพระเยซูคริสต์พาเราตายร่วมกับพระองค์ และเมื่อพระองค์เป็นขึ้น เราเป็นขึ้นกับพระเยซูด้วย และเรามีพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นกำลัง เป็นฤทธิ์เดช นำพาชีวิตของเรา ให้ชีวิตของเราสมบูรณ์แบบ เป็นชาวสวรรค์แล้ว แต่ในขณะที่เรายังเดินอยู่ในโลกนี้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่บัพติศมาเราคลุมเราไว้ในพระเจ้า ก็มีฤทธิ์เดชที่จะสอนเรา นำพาเราให้เรียนรู้จักความรัก ความกว้าง ความลึก ความยาว ความสูงของความรักของพระเจ้า ให้เราซาบซึ้งในคุณงามความดีของพระเจ้ามากขึ้นทุกวันๆ และรังเกียจ สิ่งที่พระเจ้าเกลียด แต่รักสิ่งที่พระเจ้ารัก ขอพระเจ้าเมตตา เอเมน
**********************