คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2025
เรื่อง “พิธีบัพติศมาในน้ำ เป็นภาพคนบาปได้เกิดใหม่”
โดย นคร เวชสุภาพร
หัวข้อเรื่อง คือ “พิธีบัพติศมาในน้ำ เป็นภาพของคนบาปได้เกิดใหม่” พระคัมภีร์บอกมนุษย์ทุกคนเกิดมา ไม่ต้องทำอะไรก็เป็นคนบาปแล้ว การบัพติศมาในน้ำ เป็นภาพ ในโลกฝ่ายวิญญาณที่ทำให้เห็น เป็นภาพของการเกิดใหม่ หรือเรียกว่าบังเกิดใหม่ทางฝ่ายวิญญาณ ในนามพระเยซู เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกวิญญาณ ซึ่งมองไม่เห็น พระเจ้าเลยให้ทำอย่างนี้ เพื่อให้เห็นภาพว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกวิญญาณ เราเริ่มต้นที่ 1 เปโตร 3:21 บันทึกอย่างนี้ อย่างชัดเจน …
1 เปโตร 3:21 “และบัพติศมาด้วยน้ำนี้ ซึ่งเป็นภาพของการช่วยให้รอดทางฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่รอดโดยการขจัดความสกปรกของร่างกายภายนอก แต่โดยได้รับการชำระภายใน ได้บังเกิดใหม่ ได้รับวิญญาณใหม่และใจใหม่ ที่บริสุทธิ์ดีพร้อมเหมือนพระเจ้า ผ่านความเชื่อของท่าน ในการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์”
การบัพติศมาด้วยน้ำนี้ เป็นภาพของการช่วยให้รอดทางฝ่ายวิญญาณ ชัดเจน ไม่ใช่รอดโดยการกระทำภายนอก ก็คือขจัดความสกปรกทางร่างกายภายนอก พูดง่ายๆ เปโตรกำลังยกตัวอย่างว่าการที่ท่านลงน้ำบัพติศมา มันเหมือนกับการอาบน้ำ อาบน้ำเพื่อชำระภายนอก ก็คือชำระขี้โคลน ขี้ดินอะไรต่างๆ เหล่านั้น พอลงน้ำ ขึ้นมามันก็สะอาด แต่นี่เป็นสิ่งที่ทำเป็นภาพของโลกวิญญาณ มีการชำระเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่ชำระขี้โคลน ขี้ดินออกจากร่างกาย แต่เป็นการชำระบาป เอาบาปออกไปจากวิญญาณของท่าน ซึ่งเป็นคนบาป ท่านรอดจากการเป็นคนบาป ได้รับการชำระภายใน ด้วยการบังเกิดใหม่ ได้รับวิญญาณใหม่ และใจใหม่ เป็นผู้ชอบธรรม บริสุทธิ์ ดีพร้อม เหมือนพระเจ้า ผ่านทางความเชื่อของท่าน ในการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ก็คือเชื่อในข่าวดีของพระเยซูว่าพระองค์ทรงเป็นพระมาซีฮาห์ เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ที่พระเจ้าทรงประทานให้กับมนุษย์ทั้งปวง รวมทั้งฉันด้วย รวมทั้งท่านด้วย ท่านจึงได้รับการชำระจากภายใน ก็คือวิญญาณท่านได้รับการบังเกิดใหม่นั่นเอง
เพราะฉะนั้น ท่านบังเกิดใหม่ ท่านได้รับความรอด โดยความเชื่อ …
“ผ่านทางความเชื่อของฉัน ฉันจึงได้รับความรอดนี้”
รอดจากเป็นคนบาป เพราะฉะนั้น เราจึงรู้ว่าไม่ใช่ความประพฤติภายนอก ที่ทำให้เรารอด ไม่ใช่โดยพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ มากมายของชาวยิวหรือของมนุษย์ตั้งขึ้นมา พิธีกรรมอะไรเยอะแยะมากมายที่กระทำ ไม่ใช่ด้วยสติปัญญา หรือความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ หรือความรู้เยอะแยะมากมายไปหมดเลย รู้เรื่องโน้น รู้เรื่องนี้ รู้เรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า รู้เรื่องเกี่ยวกับโลกวิญญาณ รู้เรื่องเกี่ยวกับบทบัญญัติของพระเจ้าเยอะแยะมากมายไปหมด ไม่ใช่การสั่งสมความดีให้ได้มากที่สุด ทำบาปให้ได้น้อยที่สุด ตามที่มนุษย์คิด เพราะการกระทำดีเหล่านั้น ก็ไม่ได้ช่วยให้เขาคนนั้น กลายเป็นคนดีได้ เขาก็ยังเป็นคนบาปอยู่ เขาต้องเกิดใหม่เท่านั้น
เกิดใหม่โดยความเชื่อ เพราะฉะนั้น เป็นความเชื่อเท่านั้น ที่ทำให้เขาได้เกิดใหม่ เชื่อภายในใจของท่าน เกี่ยวกับเรื่องพระเยซูคริสต์ เกี่ยวกับเรื่องข่าวดีของพระเยซูคริสต์ ที่ไม้กางเขน พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน หลั่งพระโลหิตครั้งเดียวเป็นพอ เพื่อไถ่บาปให้กับท่าน ยกบาปใก้กับท่าน ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตทั้งหมดทั้งปวง ยกออกหมดเลย และพระองค์ทรงถูกฝังไว้ในอุโมงค์ และเป็นขึ้นจากความตายในวันที่ 3 ถ้าใครเชื่อข่าวดีตรงนี้ ความเชื่อตรงนั้น ทำให้เขาได้รับความรอดจากการถูกพิพากษาลงโทษ หลังความตาย คือหลังควาตายเขาไม่ต้องพินาศ เขาได้รับการบังเกิดใหม่ในวิญญาณทันที บนโลกใบนี้เลย ในขณะที่เขาเชื่อและวางใจในข่าวดีของพระเยซูคริสต์
ดังนั้น พิธีบัพติศมาในน้ำ ที่เราจะกระทำในวันนี้ และผู้คนกระทำมา 2,000 ปีแล้ว จึงไม่ใช่เป็นสิ่งที่ช่วยให้คนใดคนหนึ่งได้รับความรอดจากการเป็นคนบาปเลย พูดง่ายๆ คือไม่ได้ช่วยให้รอดจากความพินาศ เพราะความรอดเกิดขึ้นเมื่อใครก็ตามเชื่อและวางใจในพระเยซูคริสต์ และสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ เพื่อเราบนไม้กางเขนนั่นต่างหาก เอเฟซัส 2:8-9 ยืนยันในเรื่องนี้ว่า …
เอเฟซัส 2:8-9 “8 เพราะโดยพระคุณ ความเมตตา และความโปรดปรานของพระเจ้า ที่ได้นำท่านเข้ามาอยู่ในพระคริสต์ ท่านทั้งหลายจึงได้รับความรอด พ้นจากการถูกตัดสินลงโทษเนื่องจากบาป และได้รับชีวิตนิรันดร์ ผ่านทางความเชื่อ 9 ความรอดนี้ ไม่ได้เป็นผลจากการพยายามทำด้วยตัวท่านเอง แต่เป็นพระคุณของพระเจ้าที่ได้ประทานให้”
ไม่ใช่ความรอด โดยการประพฤติหรือการกระทำ หรือความพยายามที่จะรักษาบทบัญญัติ รักษาความดี ตามที่เราคิด พระเจ้าบอกว่าเพื่อจะได้ไม่มีใครอวดได้ว่า …
“ฉันรอด ฉันกลายเป็นคนบริสุทธิ์ ดีพร้อม ไปอยู่ในสวรรค์ได้ เพราะฉันกระทำดีมากกว่าเธอ”
นี่เขาเรียกว่าโอ้อวด
“ฉันกระทำดีมากกว่าเธอ ฉันรักษาศีลได้มากกว่าเธอ ได้มากข้อกว่าเธอ รักษาบัญญัติของพระเจ้าได้มากกว่าเธอ ประพฤติดีได้มากกว่าเธอ”
ไม่มีใครสามารถอวดได้อย่างนี้ว่าเขาได้รับความรอด ไปสู่สวรรค์ ด้วยความดีของเขา ที่พยายามทำ อันนี้ไม่ได้หมายถึงว่าไม่ต้องทำดี ทำดีก็ได้ผลของสิ่งที่กระทำดีนั้น เก็บเกี่ยวของดีนั้นบนโลกใบนี้เท่านั้น แต่มิได้เกี่ยวกับผลของการอยู่ในสวรรคสถาน หลังความตายเลย
อาจารย์เปาโลอยากจะให้พี่น้องได้เห็นว่าสิ่งที่พระเจ้าบอกให้กระทำนั้น มันเล็งถึงโลกฝ่ายวิญญาณ ซึ่งสำคัญกว่าสิ่งที่พระเจ้าบอกให้ทำ พระเจ้าบอกให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ เพื่อเล็งถึงภาพ หรือพูดง่ายๆ เพื่อระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกวิญญาณว่ามันคืออะไร? อาจารย์เปาโลเลยไม่อยากให้พี่น้อง คริสเตียนทั้งหลาย ไปให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นภาพหรือเป็นสัญลักษณ์มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ในโลกวิญญาณ พระเจ้าต้องการให้มนุษย์เห็นภาพว่าในโลกวิญญาณมันเกิดขึ้นอย่างนี้ แต่มนุษย์ก็ไปติดยึดกับพิธีกรรมต่างๆ เหล่านั้นว่ามันเป็นจริงเป็นจังมากเหลือเกิน ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกวิญญาณ
อาจารย์เปาโลเลยบอกว่าท่านไม่รู้หรือว่าอะไรได้เริ่มต้นเกิดขึ้นในโลกวิญญาณ เมื่อท่านเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด วันนั้น วันไหนก็ไม่รู้ วันที่ท่านได้ยินได้ฟังถ้อยคำของพระเจ้ามาเป็นเวลาหลายวัน หลายปี หลายเดือนแล้ว แล้วท่านตัดสินใจว่านี้ ฉันเชื่อพระเจ้าแล้ว ที่ท่านคิดว่าท่านเชื่อท่านวางใจ ท่านต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นทันที คือการบัพติศมาในวิญญาณของท่าน ท่านได้บังเกิดใหม่ อาจารย์เปาโลบอกว่าท่านไม่รู้หรือว่าอะไรเกิดขึ้น เมื่อท่านเปิดใจต้อนรับข่าวดีของพระเยซูคริสต์
การบัพติศมาในน้ำ เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของการที่ท่านได้เข้าส่วนร่วม เป็นวิญญาณเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ ในการถูกตรึงตายบนไม้กางเขน ถูกฝังและได้เป็นขึ้นจากความตาย คือได้บังเกิดใหม่ พร้อมกับพระเยซูคริสต์แล้ว ตั้งแต่วันที่ท่านเปิดใจ การลงน้ำ เป็นภาพให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกวิญญาณนั้น โรม 6:3-5 อาจารย์เปาโลจึงได้อธิบายถึงการลงน้ำบัพติศมา เห็นภาพอะไรเกิดขึ้น ในโลกวิญญาณอย่างชัดเจนมาก สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกวิญญาณ เมื่อวันที่ท่านเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันนั้นแล้ว วันนี้ท่านจะมาลงน้ำ ก็ให้เห็นภาพ เพื่อจะได้ระลึกถึงว่า …
“ฉันได้เข้าไปอยู่ในพระเยซูคริสต์ เป็นวิญญาณเดียวกับพระองค์แล้ว ตั้งแต่วันก่อนโน้น วันนี้มาระลึกถึง มาฉลอง”
โรม 6:3-5 “3 ท่านไม่รู้หรือว่าเราทั้งปวงที่เชื่อ (พระเยซู) ก็ได้ (รับบัพติศมา โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า) ถูกนำเข้าไป เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ ก็ได้เข้าส่วนร่วมในความตายของพระองค์ (ที่ไม้กางเขน) ในการบัพติศมานั้น 4 ดังนั้น เราจึงได้ถูกฝังไว้กับพระองค์ โดยการได้บัพติศมาเข้าส่วนร่วมในความตาย เพื่อว่าเราเอง ก็จะได้มีชีวิตใหม่ (บังเกิดใหม่) เช่นเดียวกับที่พระเจ้าได้ทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตาย (บังเกิดใหม่) โดยฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณ และพระเกียรติสิริของพระบิดา 5 ฉะนั้น ถ้าเราได้มีส่วนร่วม เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ในการตาย แน่นอน เราจะมีส่วนร่วม เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ในการเป็นขึ้นจากตาย (บังเกิดใหม่) ด้วย”
บัพติศมา ก็คือการจุ่มเข้าไป มุดเข้าไป เข้าไปร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันนั่นเอง บัพติศมาหมายถึงอย่างนี้ แปลว่าอย่างนี้ ตามภาษา
อาจารย์เปาโลบอกว่า “ท่านไม่รู้หรือว่า”
พูดกับใคร? พูดกับคนที่เป็นคริสเตียน “ท่านไม่รู้หรือว่า” ก็คือท่านควรจะรู้ว่าท่านทั้งปวงที่เชื่อในพระเยซู เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์แล้ว ก็ได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าแล้ว ตั้งแต่วันนั้น วันที่ท่านเปิดใจ พระวิญญาณจุ่มท่านลง นำท่านเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ ท่านถูกนำเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ และก็ได้เข้าส่วนร่วมในความตายของพระองค์ที่ไม้กางเขน เมื่อร่วมความตายกับพระองค์ที่ไม้กางเขนแล้ว
ข้อ 4 บอกดังนั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์ด้วย ก็คือพระองค์ถูกฝัง เราก็ถูกฝังด้วย โดยการบัพติศมาเข้าส่วนร่วมในความตาย เราก็ถูกฝังด้วย เพื่อเราเองก็จะได้มีชีวิตใหม่ บังเกิดใหม่ เช่นเดียวกับพระเจ้า ได้ทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากความตาย คือได้บังเกิดใหม่ โดยฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า พูดง่ายๆ ว่าให้เราเข้าไปอยู่ในวิญญาณเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ แล้วก็ร่วมไปกับพระเยซูคริสต์ เป็นหนึ่งเดียวกันเลย พระองค์สิ้นพระชนม์ เราก็ตายไปพร้อมกับพระองค์ เพราะเราอยู่ในพระองค์ แล้วพระองค์ทรงถูกฝังไว้ เราก็ถูกฝังไว้ วันที่สาม พระองค์ทรงเป็นขึ้นจากความตาย เราก็เป็นขึ้นจากความตายด้วย ฉะนั้น ถ้าเราได้มีส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ในการตาย แน่นอน เราจะมีส่วนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ในการเป็นขึ้นจากความตาย คือได้บังเกิดใหม่พร้อมกับพระองค์ด้วย เพราะว่าเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ไปแล้ว
เพราะฉะนั้น พิธีบัพติศมาในน้ำ จึงเป็นภาพของคนบาปได้เกิดใหม่ เกิดมาเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ คือผู้ชอบธรรม บริสุทธิ์ ดีพร้อม ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า ผู้บริสุทธิ์ ดีพร้อมแล้ว ขอบคุณพระเจ้า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในโลกวิญญาณ เมื่อเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว เกิดอะไรขึ้น? ข้อ 6 กับข้อ 7 ได้บันทึกต่อว่า …
โรม 6:6-7 “เพราะเรารู้ว่าตัวเก่าของเรา (ที่อยู่ในบาปในอาดัม) ได้ถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อตัวบาปเก่านั้น จะได้ถูกขจัดไป (ตายจากบาป) เพื่อเราจะไม่เป็นทาสบาปอีกต่อไป เพราะว่าผู้ใดที่ตายจากบาปแล้ว ก็เป็นอิสระจากบาป”
ในโลกฝ่ายวิญญาณอะไรเกิดขึ้น เรารู้ตัวเก่าของเรา ก็คือเราเป็นคนบาป เกิดมาก็บาปแล้ว เพราะเราเกิดมาจากตระกูลของอาดัม เป็นลูกหลานของอาดัมทั้งสิ้น ตัวเก่าของเราที่เป็นคนบาป ได้ถูกตรึงไว้กับพระเยซูคริสต์ ที่บนไม้กางเขนแล้ว เพื่อตัวเก่านั้นจะได้ถูกขจัดออกไป ก็คือได้ตายไป พร้อมกับพระเยซูที่ไม้กางเขน เพื่อเราจะไม่เป็นทาสบาปอีกต่อไป เพราะว่าผู้ใดที่ตายจากบาปแล้ว เป็นอิสระจากบาป ก็คือไม่เป็นคนบาปอีกต่อไปแล้ว เอเมน ตัวเก่าที่เป็นคนบาป ต้องตายก่อน ถึงจะเกิดใหม่ได้ นึกให้ดีๆ อยู่ดีๆ มาเกิดได้อย่างไร? ยังไม่ได้ตายเลย ตัวเก่ายังอยู่ ไม่มีทางเกิดได้ จะเกิดได้ ต้องตายก่อน
“จะเกิดใหม่ได้ ตัวเก่าต้องตายก่อน”
ผมนึกถึงอะไรรู้ไหม? นึกถึงคำพูดของพระเยซู ตอนที่เดินอยู่บนโลกใบนี้ ประกาศข่าวประเสริฐของพระองค์เรื่องเกี่ยวกับสวรรค์ พูดถึงสิ่งนี้แหละ แต่ตอนนั้น มนุษย์หรือชาวยิวยังไม่ได้เข้าใจดีว่ามันหมายถึงอะไร? เพราะเขายังไม่ได้เกิดใหม่ ไม่รู้เรื่องของโลกฝ่ายวิญญาณ พระเยซูตรัสไว้ในหนังสือมัทธิว 16:24 อย่างนี้ว่า …
มัทธิว 16:24 “แล้วพระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “หากผู้ใดปรารถนาจะเป็นสาวกของเรา ให้ผู้นั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตน แบกและตามเรามา”
พระเยซูบอก … “ใครก็ตามที่เชื่อและวางใจในพระองค์ อยากจะเป็นสาวกของพระองค์ใช่ไหม? ให้ผู้นั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตน แบกและตามเรามา”
มันเกี่ยวอะไรกับการตาย “ให้ผู้นั้นปฏิเสธตนเอง” ปฏิเสธตนเอง ก็คือไม่พึ่งพาตนเอง ในการรักษาบทบัญญัติ หรือในการกระทำต่างๆ เพื่อจะได้ไปสู่สวรรค์ ไปหาพระบิดาในสวรรค์ ซึ่งมนุษย์ทุกคนก็แสวงหาสวรรค์อย่างนี้กันทั้งนั้น ก็คือพยายามกระทำดีที่สุด เพื่อจะไปหาพระเจ้าในสวรรคสถาน พระเยซูบอกว่าถ้าเผื่อไม่ปฏิเสธตนเอง ยังพึ่งพาตนเองในการกระทำอย่างนี้ ไม่มีวันที่จะถึงสวรรค์ได้หรอก ซึ่งมันเป็นจริง มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เธอจะรักษาความดีงามนั้นตลอดไป ไม่ทำผิดเลยแม้แต่นิดหนึ่ง มันเป็นไปไม่ได้จริงๆ ใครจะอยู่สวรรค์ได้ ต้องบริสุทธิ์ ดีพร้อม เหมือนพระเจ้า พระเยซูบอก เพราะฉะนั้น เธอต้องปฏิเสธตนเอง
ปฏิเสธตนเอง ที่จะชดใช้หนี้บาปเวรกรรม ด้วยตนเอง โดยการคิดว่ากระทำดีเหล่านี้ จะลดหนี้บาปลง มันไม่ได้หมดหรอก เธอต้องปฏิเสธตนเอง แล้วรับกางเขนของตน กางเขน คืออะไร? กางเขน คือสัญลักษณ์ของความบาปและคำสาปแช่ง ในพระคัมภีร์ทั้งเล่มทั้งพระคัมภีร์เก่าและพระคัมภีร์ใหม่ พูดถึงกางเขน ก็หมายถึงการถูกสาปแช่ง การเป็นคนบาป อยู่ตรงข้ามกับพระเจ้า รับกางเขนของตน ก็คือให้คนนั้นแบกความบาปของตน เพราะว่าตัวเองเป็นคนบาป กำลังพูดกับคนที่ไม่เชื่อว่าคุณเป็นคนบาป คุณจะชดใช้หนี้บาปด้วยตนเอง ทำไม่ได้หรอก เป็นไปไม่ได้ เลิกซะ แล้วเอาความบาปนั้น ที่ถูกสาปแช่งให้ตกนรก แบกรับเอาไว้ นี่ยังไม่เชื่อนะ แบกไว้ แล้วทำอะไร? ตามเรามา พระเยซูพูดเอง คนบาป แบกบาปของตน คำสาปแช่งของตน หนี้บาปของตน แทนที่จะชดใช้ด้วยตัวเอง ไม่เอาแล้ว เลิก มาเชื่อพระเจ้าดีกว่า เชื่อพระเยซู แบกตามพระเยซูไป
ตอนนี้ท่านพอจะเดาออกได้ไหม? ถามว่าพระเยซูกำลังบอกว่าแบกตามพระองค์ไป ไปไหน? ไปที่ตะกี้นี้ที่เราอ่านในหนังสือโรม 6:3-7 นั้น แบกไปที่ที่เขาตรึงพระเยซูคริสต์ ตอนที่พูดอยู่นี้ กำลังพูดกับสาวก เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว แบกตามเรามา แล้วพระองค์ไปไหน? เป้าหมายของพระองค์ คือไปที่หุบเขากลโกธา หุบเขาหัวกะโหลก เพื่อไปถูกตรึงบนกางเขน พระองค์กำลังบอกว่าให้แบกบาปของเราไปพร้อมกับพระองค์ แล้วไปถูกตรึงไว้กับพระองค์ ร่วมกับพระองค์ที่กลโกธา บนไม้กางเขนนั้น แบกบาปของท่าน แบกคำสาปแช่งของท่านไปที่นั่น แล้วไปถูกตรึงร่วมกับพระองค์ ตัวเก่าที่เป็นบาปนั้น จะได้ตายไป
เพราะฉะนั้น เวลาเราร้องเพลงนี้ ก็ควรจะเข้าใจถึงถ้อยคำพระเจ้าแบบนี้เช่นกันว่าพระเยซูกำลังบอกให้สาวกทำอะไร? เราทั้งหลายนำมาใช้ได้ในปัจจุบัน ท่านทั้งหลายที่จะลงน้ำในวันนี้ ท่านได้ตัดสินใจแล้ว ก่อนวันนี้ ท่านได้ตัดสินใจแล้วว่า …
“ข้าตัดสินใจแล้ว จะตามพระเยซู (x3) ไม่หันกลับเลย (x2)”
ท่านตัดสินใจไปแล้ว วันไหนไม่รู้ เมื่อท่านเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ นั่นแหละ คือการตัดสินใจของท่าน ท่านตามพระเยซูมาตั้งแต่วันแรกที่ท่านได้ยินข่าวดี เมื่อไรก็ไม่รู้ ท่านก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่ก็รับฟังไว้อย่างนั้นแหละ ท่านไม่ปฏิเสธ ท่านฟังจากเพื่อน จากพี่ จากน้อง จากพ่อ จากแม่ จากสื่อต่างๆ ฟังแล้วฟังเล่า ท่านไม่ปฏิเสธ ท่านฟังข่าวดีไป ฟังไปเรื่อยๆ เข้าท่า จนกระทั่งวันหนึ่ง ท่านปฏิเสธตัวเอง ไม่ไหวแล้ว ฉันอยู่อย่างนี้ไม่ได้แล้ว มีแต่ปัญหา วุ่นวายไปหมด แล้วจิตใจก็ไม่สงบ ฉันรู้สึกว่าชดใช้หนี้บาปเวรกรรมตัวเองไม่ไหวแล้ว ฉันขอพึ่งในพระเยซูดีกว่า ท่านกำลังปฏิเสธตนเอง แล้วก็เอาไม้กางเขน ความบาปและคำสาปแช่ง ที่ตัวเองรับอยู่ตามพระเยซูไป ไปที่ไม้กางเขน แล้วท่านก็เปิดใจต้อนรับ นั่นแหละวันนั้น พอท่านเปิดใจปุ๊บ พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็นำวิญญาณของท่านเข้าไปร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน ย้อนกลับไป 2,000 ปี และท่านก็เข้าสู่ขบวนการการบังเกิดใหม่ ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์
ฉะนั้น ข้าตัดสินใจแล้วจะตามพระเยซู (x3) ไม่หันกลับเลย (x2) ไม่มีทางหันกลับแล้วอีกต่อไป เพราะว่าเมื่อท่านเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ พระองค์กอด รัดท่านไว้ ไม่มีใครแยกท่านออกจากพระองค์ได้อีกเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ท่านอยากจะออกไป ยังออกไม่ได้เลย เข้าแล้วออกไม่ได้ นี่เรื่องจริง ต่อให้ถูกล่อลวง ถูกหลอกด้วยความทุกข์ยากลำบากบนโลกใบนี้ ซึ่งเกิดขึ้น เป็นเรื่องธรรมดา ท่านอาจจะเหนื่อยทางร่างกาย ท่านอาจจะบ่นกับพระเจ้า ไม่เอาพระองค์ แต่ท่านได้เชื่อพระองค์ และได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์แล้ว พระองค์ก็บอกว่าล้มลงไม่เป็นไร? จะล้มลงกี่ครั้ง เราก็ยังซื่อสัตย์ เราก็ยังจะอุ้มเจ้า ชูขึ้นมา เอเมนไหม?
นี่แหละ คือข่าวดีของพระเจ้า คือเชื่อแล้วเชื่อเลย รอดแล้ว รอดเลย ท่านเองจะทำอะไรให้มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย พระเจ้าบอกเมื่อเข้าคอกของพระองค์ ไม่มีใครเอาแกะออกจากคอกของพระองค์ได้ พระเจ้าบอกว่าไม่มีใครที่ไหน? อำนาจอะไรต่างๆ เหล่านั้น จะใหญ่ขนาดไหนก็ตาม ไม่สามารถมาเอาเราออกจากความรักของพระเยซูคริสต์ได้ เอเมน พระเจ้าบอก เราจะไม่ละทิ้งเจ้า เราจะอยู่กับเจ้าเสมอ และตลอดไปเป็นนิจนิรันดร์ เอเมน พระเยซูบอกว่าเราจะอยู่กับเจ้าจนถึงสิ้นยุค ก็คือจนกระทั่งสุดโลกใบนี้ จนกระทั่งถึงนิรันดร์ นี่คือภาพ
เราอย่าถูกหลอก เมื่อตัดสินใจ เชื่อพระเยซูแล้ว ได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์แล้ว ยังถูกหลอกให้ร้องเพลงนี้บอกว่า “ฉันยังแบกกางเขนของฉันอยู่” เป็นคริสเตียนแล้ว ไม่ต้องแบกกางเขนของตนเองแล้ว เพราะว่ากางเขนของตัวเองอยู่ที่ไหนตอนนี้ อยู่ที่ไม้กางเขนของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ บนไม้กางเขนนั้น เราถูกตรึงอยู่ที่นั่นแล้ว ตัวเก่าของเราที่เต็มไปด้วยความบาปและคำสาปแช่งได้ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน มองไม้กางเขน มองชัยชนะอย่างนี้ ไม่ใช่มองไม้กางเขน ฉันยังแบกบาป คำสาปแช่งอยู่ ทารุณเหลือเกิน ไม่ใช่อย่างนั้น ในกาลาเทีย 2:20 อาจารย์เปาโลจึงได้บันทึกอย่างนี้ว่าเมื่อถูกตรึงบนไม้กางเขนแล้ว เป็นคริสเตียนแล้ว มันจะเกิดอะไรขึ้นอย่างนี้ ฉันดำเนินชีวิตอยู่ด้วยคอนเชปนี้ คือ …
กาลาเทีย 2:20 “ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว และข้าพเจ้าไม่ได้มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า”
เพลงข้าตัดสินใจแล้ว ท่อน 2 บอกว่า “กางเขนนำหน้าข้า ทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง (x3) ไม่หันกลับเลย (x2)” ท่านรู้แล้วใช่ไหม “ไม่หันกลับเลย” แปลว่าอะไร? ไม่หันกลับเลย ท่านเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์แล้ว ไม่มีใครเอาท่านออกไปจากสวรรค์นี้ได้อีกแล้ว
กางเขนนำหน้าข้า คืออะไร? ก็คือสัญลักษณ์ของตัวเก่าของฉันที่ถูกตรึงบนไม้กางเขนนั้น ตัวเก่า บาปมันตายไปแล้ว มันจบไปแล้ว ชีวิตที่ดำเนินอยู่ทุกวันนี้ เป็นชีวิตใหม่ในพระคริสต์ เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ฉันดำเนินชีวิตในพระคริสต์ พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า พระคริสต์ต่างหากที่อยู่ในฉัน พระคริสต์กับบาปอยู่ด้วยกันได้อย่างไร? ไม่ได้ ฉันกับพระคริสต์เป็นหนึ่งเดียวกัน พระคริสต์ชอบธรรมอย่างไร? ฉันก็ชอบธรรมอย่างนั้น พระคริสต์บริสุทธิ์อย่างไร? ฉันก็บริสุทธิ์อย่างนั้น พระคริสต์ดีพร้อมอย่างไร? ฉันก็ดีพร้อมอย่างนั้น
“กางเขนนำหน้าข้า ทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง” โลก คือชีวิตเก่าของเรา โลก คือความบาปและความตาย และคำสาปแช่ง ที่อยู่บนโลก เราหลุดจากโลกเรียบร้อยแล้ว โลกอยู่เบื้องหลัง
กางเขนนำหน้าข้า คือข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าไม่ได้มีชีวิตอยู่แบบโลกนี้อีกต่อไป แต่พระคริสต์ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้าต่างหาก เอเมน
เพราะฉะนั้น การบัพติศมาในน้ำ จึงเป็นการประกาศความเชื่อ ที่มีพลังมหาศาลที่สุดเลย เป็นความจริง เป็นอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ที่คนๆ หนึ่งสามารถประกาศตรงนี้ได้ว่า …
“ฉันไม่ได้เป็นคนบาปอีกต่อไปแล้ว ฉันได้บังเกิดใหม่ในพระคริสต์เรียบร้อยแล้ว ฉันเป็นผู้ชอบธรรม บริสุทธิ์ดีพร้อมเหมือนพระเยซูคริสต์แล้ว สมบูรณ์ครบถ้วน ไม่มีที่ติเลยแม้แต่นิดเดียวแล้ว ในขณะที่ดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้ เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ ทันทีแล้ว ฉันเชื่ออย่างนี้ ฉันจึงมาลงน้ำ บัพติศมา เพื่อให้เห็นภาพว่านี่แหละ คือสิ่งที่เกิดขึ้น”
ฟังให้ดีๆ “ฉันเชื่อในถ้อยคำพระเจ้าว่าฉันเป็นคนดี บริสุทธิ์ สมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ฉันเป็นคนชอบธรรม บริสุทธิ์ ดีพร้อม”
“ฉันเป็นคนบริสุทธิ์ ชอบธรรม ดีพร้อมในพระคริสต์แล้ว แต่ฉันไม่ใช่คนที่ประพฤติบริสุทธิ์ ดีพร้อม สมบูรณ์แล้วในพระคริสต์”
ปฏิบัติมันคนละเรื่องกับความเป็น … “ฉันเป็นแล้ว แต่ฉันไม่ได้ปฏิบัติ ไม่ได้มีการกระทำ ความประพฤติที่ดีพร้อม สมบูรณ์ ครบถ้วนเหมือนพระเจ้า เดินบนโลกใบนี้ ไม่ใช่ ฉันก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ แต่เป็นมนุษย์ที่อยู่ภายใต้การนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ข้างในฉันเกิดใหม่ เป็นผู้บริสุทธิ์ ดีพร้อมแล้ว ฉันจึงประกาศว่าฉันได้อยู่ในพระคริสต์ เป็นชีวิตนิรันดร์แล้ว”
เราลงน้ำ บัพติศมา ให้เราเห็นภาพนี้ว่า …
“ฉันได้อยู่ในพระคริสต์ เป็นชีวิตนิรันดร์แล้ว พระคริสต์ได้อยู่ในฉัน เป็นความหวังแห่งเกียรติสิริแล้ว ตั้งแต่วันที่ฉันเปิดใจต้อนรับ พระเยซูคริสต์ไปเรียบร้อยแล้ว”
มันเป็นความจริงในโลกวิญญาณที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องจริง …
“ฉันรู้ว่าฉันรู้ ฉันรู้ เพราะอยู่ในใจ อยู่ข้างในลึกๆ พระวิญญาณบริสุทธิ์ยืนยันให้กับวิญญาณของฉัน ฉันเข้าใจรู้ว่าใช่อย่างนี้จริงๆ ฉันจึงตัดสินใจลงน้ำ บัพติศมา เพื่อสำแดงให้เห็นว่านี่แหละ ฉันจะระลึกถึงสิ่งนี้ตลอด”
บางท่านอาจจะถามว่าที่เป็นความจริงในโลกฝ่ายวิญญาณที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ ถ้าเป็นจริงตามนั้นว่าเราได้รับสิ่งเหล่านี้แล้ว ตั้งแต่วันที่เราเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด มันเกิดขึ้นแล้ว
บางท่านอาจมีคำถามว่าเมื่อบังเกิดใหม่ เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่เปิดใจต้อนรับพระเยซู อาจจะถามว่า … “ถ้าอย่างนั้น ฉันได้เกิดใหม่แล้ว ไม่เข้าพิธีรับบัพติศมาในน้ำได้หรือไม่?”
“เกิดใหม่แล้ว ไม่รับบัพติศมาในน้ำได้หรือไม่?”
“ได้ เพราะว่าฉันรอด เพราะความเชื่อ”
ถ้าถามอย่างนี้ล่ะ … “รับบัพติศมาในน้ำแล้ว แต่ฉันไม่เกิดใหม่ได้หรือไม่?”
“ไม่ได้”
มีไหม? มี บางคนไม่รู้เรื่องอะไร? เห็นเขาลงกัน “ฉันลงด้วย น้ำคงศักดิ์สิทธิ์มั้ง มาที่คริสตจักรโฮลี่ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์มาก ลงไป ขึ้นมา ฉันหายจากบาปทันที” มีประโยชน์ไหม? ไม่มี
สมัยก่อนนี้ ตอนประกาศความเชื่อเรื่องฤทธิ์เดชอำนาจของพระเจ้าใหม่ๆ พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับการรักษาโรค หลายคนบอกว่าลงน้ำ บัพติศมา ขึ้นมา ก็จะหายโรคเลย โดยเฉพาะให้ฝ่ามือไล่มาร เป็นคนทำพิธีให้ จะช่วยทำให้มีความเชื่อเพิ่มขึ้น ลงน้ำ บัพติศมา ขึ้นมา โรคหายทันที ไม่ใช่ การเปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ต่างหาก เชื่อและวางใจในการกระทำของพระองค์บนไม้กางเขน ทำให้บังเกิดใหม่ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่นำมาสู่ความรอดจากความพินาศในนรก จะลงน้ำเท่าไรก็ตาม ถ้าไม่มีความเชื่อในข่าวประเสริฐของพระเจ้า ในการกระทำของพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน ลงน้ำ ขึ้นมา ก็ยังเป็นคนบาปเหมือนเดิม ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่ความเชื่อและวางใจในข่าวดีของพระเยซูคริสต์ว่าพระองค์ทรงกระทำอะไรให้กับเราที่ไม้กางเขนนั้นต่างหาก ที่เป็นกุญแจสำคัญ
คราวนี้ จุดประสงค์ของการรับบัพติศมาในน้ำคืออะไร? มาฟัง คนที่จะรับบัพติศมาในน้ำจะเห็นว่าถ้าเช่นนั้น มันไม่สำคัญ ก็ไม่ต้องมาลงสิ เดี๋ยวก่อน มีพร มีประโยชน์ มีสิ่งดีๆ อยู่ในนั้น …
จุดประสงค์ของการรับบัพติศมาในน้ำ คือ …
1. การแสดงออกถึงความเชื่อ : การบัพติศมาในน้ำ เป็นการประกาศต่อสาธารณะว่าเราเชื่อในพระเยซู และยอมรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ในหนังสือกิจการ 2:38 ได้มีตัวอย่างให้เห็น
กิจการ 2:38 “พวกท่านทุกๆ คนจงกลับใจ และรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ เพื่อรับการยกโทษบาปของท่าน แล้วท่านจะได้รับของประทาน คือพระวิญญาณบริสุทธิ์”
อะไรมาก่อน จงกลับใจเชื่อ และกลับใจ ได้รับของประทาน คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วก็ลงน้ำซะ ลงน้ำ เพื่อมาฉลองและระลึกถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้นในโลกวิญญาณ
2. การระลึกถึงการตายและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู : จุดประสงค์ คือการะลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกวิญญาณ การลงไปในน้ำเป็นสัญลักษณ์ของการตาย เดี๋ยวพอท่านลงไปในน้ำ ไม่ใช่เป็นความศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นสัญลักษณ์ เป็นภาพของการตาย วิญญาณตายพร้อมพระเยซู และการถูกฝังร่วมกับพระเยซู พอท่านลงไปในน้ำ จะมุดหรือไม่มุดก็ตาย ให้เห็นภาพว่าลงไปในน้ำนั้น ก็คือการตาย และถูกฝังไว้พร้อมพระเยซูคริสต์ และการขึ้นจากน้ำเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นขึ้นจากความตาย เกิดใหม่ในพระเยซูคริสต์เช่นเดียวกัน ให้เห็นภาพอย่างนี้ ในโรม 6:4 …
โรม 6:4 “ดังนั้น เราจึงได้ถูกฝังไว้กับพระองค์ โดยการได้บัพติศมาเข้าส่วนร่วมในความตาย เพื่อว่าเราเอง ก็จะได้มีชีวิตใหม่ (บังเกิดใหม่) เช่นเดียวกับที่พระเจ้าได้ทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตาย (บังเกิดใหม่) โดยฤทธิ์อำนาจแห่งพระวิญญาณ และพระเกียรติสิริของพระบิดา”
3. การยืนยันความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคริสตจักร : การบัพติศมาในน้ำเป็นการแสดงถึงการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคริสเตียนทั่วโลก ครอบครัวของพระเจ้าทั่วโลกเลย ทางด้านวิญญาณ ท่านเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกันกับเขาแล้ว 1 โครินธ์ 12:13 …
1 โครินธ์ 12:13 “เพราะเราทั้งหมดก็รับบัพติศมา โดยพระวิญญาณองค์เดียว เข้าเป็นกายเดียวกัน ไม่ว่าเราจะเป็นยิวหรือกรีก เป็นทาส หรือเป็นไท และเราทั้งหมดก็ได้รับพระวิญญาณองค์เดียวกัน”
ตอนนี้ท่านเป็นพี่น้องกับคริสเตียนในวิญญาณทั่วโลก อยู่ขั้วโลกเหนือ ท่านก็เป็นพี่น้องกับเขา
4. การยืนยันความเชื่อมั่นในพระคุณของพระเจ้า : การบัพติศมาในน้ำ เป็นการยืนยันว่าเราได้รับการอภัยบาปและรับชีวิตใหม่เรียบร้อยแล้ว ผ่านพระคุณของพระเจ้า ไม่ใช่ด้วยการประพฤติ การกระทำของเราเอง เอเฟซัส 2:8-9 …
เอเฟซัส 2:8-9 “เพราะโดยพระคุณ ความเมตตา และความโปรดปรานของพระเจ้า ที่ได้นำท่าน เข้ามาอยู่ในพระคริสต์ ท่านทั้งหลายจึงได้รับความรอด พ้นจากการถูกตัดสินลงโทษ เนื่องจากบาป และได้รับชีวิตนิรันดร์ ผ่านทางความเชื่อ ความรอดนี้ ไม่ได้เป็นผลจากการพยายามทำด้วยตัวท่านเอง แต่เป็นพระคุณของพระเจ้าที่ได้ประทานให้”
เราหมดบาป หมดเวร หมดกรรม หมดสิ้นแล้ว หมดมลทินทั้งปวง ด้วยพระคุณของพระเจ้า ไม่ใช่การกระทำของตนเอง
การรับบัพติศมาในน้ำ จึงเป็นการเฉลิมฉลองความรอด ระลึกถึงความรอด และการบังเกิดใหม่ที่เราได้รับผ่านทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์แล้ว เราได้รับมาแล้ว เรามาฉลองกัน และเป็นการยืนยันถึงความเชื่อ ในความสัมพันธ์ใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์มากที่สุดถึงที่สุด ก็คือเราเป็นหนึ่งเดียวกันกับวิญญาณของพระองค์ และเป็นครอบครัวที่มีพี่น้องฝ่ายวิญญาณในสวรรค์ร่วมกันในพระองค์ เป็นหนึ่งเดียวกันในสากลโลกเลย
เพราะฉะนั้น ในขณะที่ท่านกำลังรับบัพติศมาในน้ำอยู่ หรือตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ท่านจงรับรู้ และจงมองให้เห็นเถิดว่า …
– ฉันได้อยู่ในพระคริสต์ เป็นชีวิตนิรันดร์แล้ว
– พระคริสต์ได้อยู่ในฉัน เป็นความหวังแห่งเกียรติสิริแล้ว
– ฉันได้เป็นผู้ชอบธรรม บริสุทธิ์ดีพร้อมแล้ว
– ฉันบริสุทธิ์เหมือนพระองค์ ดีพร้อมเหมือนพระองค์แล้ว
– ไม่มีใครแยกเราออกจากกัน เพราะความรักของพระองค์ เป็นนิรันดร์
ที่มอบให้กับฉันแล้ว
– ฉันเป็นวิญญาณเดียวกันกับพระองค์แล้ว
– ฉันซ่อนอยู่ในพระองค์ตลอดไป
– ฉันได้อยู่ในพระคริสต์แล้ว
– พระคริสต์ได้อยู่ในฉันแล้ว
– เราได้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว … ตั้งแต่บัดนี้จนถึงนิรันดร์
พระเจ้าอวยพรครับ
*********************
จากใจคณะศิษยาภิบาล
before and after ตอน 14
คริสเตียน!
ก่อนเชื่อ … เป็นลูกแห่งการไม่เชื่อฟังพระคริสต์
หลังเชื่อ … เป็นลูกแห่งการเชื่อฟังพระคริสต์
ก่อนเชื่อ … ได้เกิดมาเป็นลูกของมาร ผู้ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อต้านพระคริสต์
เอเฟซัส 2:2 … “ครั้งเมื่อก่อนท่านเคยประพฤติในการบาปนั้น ตามวิถีของโลก ตามเจ้าแห่งย่านอากาศ คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ ในบรรดาลูกแห่งการไม่เชื่อฟัง (เป็นปฏิปักษ์ต่อต้านพระคริสต์)”
หลังเชื่อ … ได้เกิดใหม่เป็นลูกของพระเจ้า ผู้ซึ่งเป็นพระบิดาของพระคริสต์
1 เปโตร 1:2-3 … “2 พระเจ้าพระบิดา ได้ทรงเลือกสรรพวกท่าน ตามที่พระองค์ทรงทราบล่วงหน้าแล้ว ผ่านทางการทรงชำระให้บริสุทธิ์ของพระวิญญาณ เพื่อให้พวกท่านมาเชื่อฟังพระเยซูคริสต์ (เพื่อให้ท่านมาบังเกิดใหม่เป็นลูกแห่งการเชื่อฟังพระคริสต์) และรับการประพรม ด้วยพระโลหิตของพระองค์ ขอพระคุณและสันติสุข มีแต่พวกท่านอย่างล้นเหลือ 3 สรรเสริญพระเจ้า พระบิดาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ด้วยพระเมตตายิ่งใหญ่ พระองค์ทรงให้เราทั้งหลายบังเกิดใหม่ เข้าในความหวังอันยืนยง โดยการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์”
ก่อนเชื่อ …
ได้เริ่มต้นด้วยการรับฟัง เมล็ดพันธุ์แห่งข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ไปเรื่อยๆ แล้วก็จะมีวันเวลาหนึ่งที่เมล็ดพันธุ์นั้น เจริญเติบโตงอกออกมา เป็นผลทำให้ท่านพร้อมที่จะเปิดใจต้อนรับข่าวประเสริฐนี้จริงๆ จากใจ
หลังเชื่อ …
และทันทีที่เปิดใจต้อนรับพระเยซูคริสต์ เข้ามาเป็นพระผู้ช่วยให้รอด พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าก็ได้นำท่านเข้าสู่กระบวนการการบังเกิดใหม่ เข้ามาในอาณาจักรของพระเจ้า เข้ามาเป็นลูกของพระเจ้า ที่เต็มไปด้วยความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าทันที จากการเป็นลูกที่ไม่เชื่อฟังพระคริสต์ มาเกิดใหม่เป็นลูกที่เชื่อฟังพระคริสต์
เราทำแค่อย่างเดียว คือตัดสินใจ เปิดใจ ต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดจากบาปเท่านั้น
แล้วพระเจ้าจะประทานความเชื่อศรัทธา ชนิดที่เป็นของพระเจ้าเท่าเมล็ดมัสตาร์ด เข้ามาในวิญญาณและใจของเรา ทำให้เราได้รับการบังเกิดใหม่ เป็นลูกแห่งการเชื่อฟัง จากนั้น ก็ไม่ต้องทำอะไรเลย พระเจ้าจะเป็นผู้ดูแลวิญญาณของเรา ที่พระองค์ได้ไถ่ไว้เองทั้งหมด เขาจึงเรียกว่าพระคุณ
คริสเตียนจึงมีความเชื่อที่เป็นของประทาน เป็นธรรมชาติอยู่ภายในวิญญาณที่บังเกิดใหม่ เป็นความเชื่อที่เป็นนิรันดร์ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ไม่ใช่ ความเชื่อแบบโลกที่มนุษย์คิด ที่มนุษย์อุปทาน ที่มนุษย์พยายามสร้างขึ้นมาเอง ตามระบบของโลก
พระเจ้าอวยพรครับ