คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2017 เรื่อง “จงนิ่งเสีย และรู้ว่าพระองค์คือพระเจ้า” ตอน 9 “พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้เพียงพระองค์เดียว” โดย นคร เวชสุภาพร

คำบรรยายวันอาทิตย์ที่  8  มกราคม  2017

 เรื่อง “จงนิ่งเสีย และรู้ว่าพระองค์คือพระเจ้า”

ตอน 9 “พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด

เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้เพียงพระองค์เดียว”

โดย นคร  เวชสุภาพร

            การบรรยายวันนี้เป็นตอนที่ 9 ของซีรี่ส์ชุด “จงนิ่งเสีย และรู้ว่าพระองค์คือพระเจ้า” วันนี้มีชื่อตอนว่า “พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้เพียงพระองค์เดียว” เรายังอยู่ในเรื่องราวเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ดาเนียลอยู่ ช่วงและสมัยของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่พระเจ้าเรียกว่า “ผู้รับใช้ของเรา” ซึ่งพระองค์ได้เตรียมความยิ่งใหญ่ให้เนบูคัดเนสซาร์ พระเจ้าเป็นผู้สร้างกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ให้เป็นฮีโร่อย่างที่ผมเคยบอก พระเจ้าควบคุมทุกอย่าง สร้างสถานการณ์ และสร้างฮีโร่ จากตอนก่อนๆ ที่ได้อ่านกันไปแล้วว่าพระเจ้าเป็นผู้เตรียมเนบูคัดเนสซาร์ให้เป็นจอมจักรพรรดิ แห่งบาบิโลน ให้เรืองอำนาจในสมัยนั้น ไปรบที่ไหน ก็ชนะ พระเจ้าก็ประทานอาณาจักรต่างๆ ก็คือประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะใหญ่เล็กในสมัยนั้น ให้อยู่ภายใต้การครอบครองของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ รวมทั้งอาณาจักรยิว คืออาณาจักรอิสราเอลของพระเจ้าด้วย ยกให้ไปเลย แล้วเนบูคัดเนสซาร์ก็รับใช้พระเจ้าตามแผนการของพระองค์ ด้วยวิธีการต่างๆ ที่พระเจ้าได้จัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ไม่รู้ว่าพระเจ้าควบคุมอยู่

เนบูคัดเนสซาร์ได้รู้จักพระเจ้า ผู้ยิ่งใหญ่บ้าง ผ่านทางดาเนียล ชัดรัด เมชาค และอาเบดเนโก 4 หนุ่มน้อยยิว ที่ไปชนะอิสราเอล ปล้นอิสราเอล เอาทรัพย์สินเงินทอง ทุกอย่างของอิสราเอลกลับมา รวมทั้งผู้คนด้วย 4 คนนี้ ก็คือ 1 ในจำนวนที่ถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลย ชัดรัด เมชาค อาเบดเนโก และดาเนียล พระเจ้าได้ทำการอัศจรรย์ใหญ่ให้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ผ่านทางเด็กหนุ่ม 4 คนนี้ และกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าทุกครั้ง และทุกครั้งที่ยอมจำนน หลังจากนั้นไม่นาน ก็หยิ่งอีกแล้ว

ดาเนียลทำนายฝันให้ถูกต้อง เข่าอ่อนเลย ประกาศว่า …

“พระเจ้าของดาเนียลยิ่งใหญ่มาก ขอสรรเสริญพระเจ้าของดาเนียล”

แต่งตั้งดาเนียลและเพื่อนทั้ง 3 คน เป็นผู้สำเร็จราชการ มีอำนาจ มีตำแหน่งใหญ่โต รองจากกษัตริย์เลย เพราะเห็นการอัศจรรย์ของพระเจ้า แต่ถ่อมใจได้ไม่นาน พอมีคนแนะนำให้สร้างปฏิมากรทองคำ ให้ผู้คนกราบไหว้ เหมือนเป็นการแก้เคล็ด ก็รู้สึกเหิมเกริมอีกแล้วว่า …

“ตัวข้านี่แหละยิ่งใหญ่สูงสุดแล้ว”

มันเป็นอย่างนี้ พอเพื่อนดาเนียลทั้งสามคน คือชัดรัด เมชาค และอาเบดเนโกไม่ยอมทำตาม ไม่ยอมกราบไหว้รูปปั้นนี้ ก็โกรธใหญ่เลย

มันเป็นอย่างนี้ สำแดงถึงความเย่อหยิ่งของตนเองออกมา โกรธมากเลย  ไม่ยอมทำตามคำสั่ง สั่งจับ 3 คนนี้โยนลงไปในเตาไฟเลย ไม่ใช่ไฟธรรมดา เอาร้อนแรงสุดๆ ไปเลย อย่างที่เราได้เรียนกันมา แค่นั้นยังไม่พอ แถมยังหมิ่นประมาทพระเจ้าว่า …

“ไม่มีพระเจ้าที่ไหนมาช่วยได้ พระเจ้าของแกก็ช่วยไม่ได้”

แต่พอพระเจ้าทำการอัศจรรย์ให้เกิดขึ้น เห็นกับตาอีกครั้งหนึ่งว่าหลังจากที่ทหารโยน 3 คนนี้เข้าไปในเตาไฟ ปรากฏว่าเนบูคัดเนสซาร์เห็น 4 คนอยู่ในนั้น คนที่ 4 มีลักษณะเหมือนเทพบุตร พูดง่ายๆ ว่าเห็นพระเยซูอยู่ในนั้น  ก็เลยเปลี่ยนอีกแล้ว พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่าเนบูคัดเนสซาร์เดินไปที่ประตูเตาไฟ ตรัสว่า …

“ชัดรัด เมชาค อาเบดเนโก ผู้รับใช้ของพระเจ้าสูงสุดเอ๋ย จงออกมาเถิด จงออกมานี่”

เปลี่ยนท่าทีแล้ว คราวนี้ประกาศอีกว่า …

“ขอสรรเสริญพระเจ้าของชัดรัด เมชาค และอาเบดเนโก ผู้ทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาช่วยเหลือผู้รับใช้ของพระองค์ พวกเขาไว้วางใจในพระเจ้า ละเมิดคำสั่งของกษัตริย์ และยอมตายเสียดีกว่าปรนนิบัติพระอื่นใด เว้นแต่พระเจ้าของตน และไม่มีเทพเจ้าอื่นใด สามารถช่วยได้ถึงเพียงนี้”

นี้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ประกาศอย่างนี้ บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ แล้วก็ออกประกาศสำคัญเลย  สั่งไปทั่วราชอาณาจักรของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ว่า …

“ต่อไปนี้ ห้ามใครกล่าววาจาล่วงเกินพระเจ้าของทั้งสามคนนี้ (ของคนยิวนี้) ใครขัดคำสั่ง จะถูกฟันเป็นท่อนๆ”

นี่คือบุคลิกที่เราได้เห็นเกี่ยวกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ แต่ผมยังเชื่อว่ายังมีเหตุการณ์อื่นๆ ในลักษณะอย่างนี้อีกเยอะ ในชีวิตของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่เข่าอ่อนสลับเข่าแข็ง

แม้กระทั่งทุกวันนี้ ก็มีคนแบบเนบูคัดเนสซาร์เยอะแยะ คือพอได้เห็นการอัศจรรย์ของพระเจ้า ก็สรรเสริญพระเจ้า พระเจ้ามีชีวิตอยู่จริงๆ พระเจ้ายิ่งใหญ่จริงๆ พระเจ้าของเธอยอดเยี่ยม พอไปสักพักหนึ่งก็ลืมพระเจ้า แล้วหลายครั้ง ก็ยังสบประมาทพระเจ้าอีก

“พระเจ้าของเธอ ไม่เห็นช่วยเลย”

มันจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เข้ามาอยู่เรื่อยๆ ในชีวิตของเรา นี่คือลักษณะของมนุษย์บนโลกใบนี้ ที่ไม่รู้จักพระเจ้าเที่ยงแท้แต่เพียงพระองค์เดียว เพียงแต่ได้รับรู้ ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เป็นอย่างนี้ ก็เพราะว่าเขายังไม่ได้รู้จักพระเจ้าอย่างจริงๆ ยังไม่ได้สัมผัสกับพระเจ้าจริงๆ เพราะว่าสำหรับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ แล้ว พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่เขาได้รู้จักผ่านทางดาเนียลกับเพื่อนๆ นั้น เป็นเพียงหนึ่งในพระเจ้า (S) หรือหนึ่งในเหล่าเทพเจ้าจำนวนหลายๆ องค์ที่เขาเคยรู้จักเท่านั้นเอง ไม่เหมือนดาเนียลกับเพื่อน และพวกเราทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ ที่ได้รู้จักพระเจ้าแล้ว รู้จักจริงๆ ว่ามีเพียงพระเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น แล้วพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด เป็นพระเจ้าผู้เที่ยงแท้แต่เพียงผู้เดียว

หลักการเชื่อพระเจ้าของดาเนียล สำหรับคริสเตียน คือเชื่อว่ามีพระเจ้าเพียงองค์เดียวเท่านั้นที่ยิ่งใหญ่สูงสุด และเที่ยงแท้ ประโยคนี้ในพระคัมภีร์ หมายถึงนอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใด หนังสือดาเนียลที่เราได้อ่านกัน เรียนกันในครั้งนี้ ตั้งแต่บทที่ 1 จนกระทั่งหมดเลย จะบอกถึงเรื่องนี้ พระเจ้าต้องการสำแดงพระองค์เองว่าพระองค์เป็นพระเจ้าอย่างนี้ นอกจากพระองค์แล้ว ไม่มีพระเจ้าเที่ยงแท้อื่นใดอีกแล้ว สมมติว่าตอนนี้ผมถามว่า …

“มีมิสเตอร์ ABC เป็นคนดังมากเลย ท่านรู้จักเขาไหม?”

ท่านบอกว่า “รู้จักๆ”

“ดูในทีวี คนนี้รู้จัก” สมมติ

แต่กับอีกคนหนึ่ง เป็นเพื่อนกับนาย ABC ตั้งแต่ก่อนเขาจะดังออกทีวีอีก รู้จักกับเขาเลย สนิทสนม กินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ถามว่า …

“รู้จักไหม ABC”

เขาก็จะบอกว่า “ผมรู้จัก”

เห็นไหม? คนแรกรู้จัก กับคนที่สองรู้จัก ไม่เหมือนกัน คำว่า “รู้จัก” ต้องหมายถึงมีปฏิสัมพันธ์ มีความผูกพันกัน มีการติดต่อกัน มีการ Followership มาบ้างแล้ว ไม่ใช่รู้จักแต่เขาว่ามา เขาเล่าว่า อย่างนี้ไม่ใช่

นี่คือความมั่นคงของความเชื่อที่ว่ารู้จักพระเจ้าจริงหรือไม่?  กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เห็นพระเจ้าทำอัศจรรย์ จึงเชื่อว่ามีพระเจ้า แต่พวกเราถึงไม่เห็นอัศจรรย์ เราก็เชื่อว่ามี มันแตกต่างกัน

ผมนึกถึงบทเพลงมาจากพระคัมภีร์ในหนังสือจดหมายฝากของอาจารย์เปาโล ที่เขียนบอกว่า …

“ข้าพเจ้ารู้จัก พระเจ้าที่ข้าพเจ้าเชื่อ”

ท่านรู้จักพระเจ้า ที่ท่านเชื่อไหม? ไม่รู้จัก หมายถึงคนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียน แต่ข้าพเจ้ารู้จักพระเจ้าที่ข้าพเจ้าเชื่อ เขาเอามาแต่งเป็นเพลงเลยนะ

“แต่ข้ารู้จักพระองค์ที่ข้าเชื่อ           และเชื่อมั่นคงว่าพระองค์ทรงฤทธา

รักษาซึ่งมอบไว้กับพระองค์          จนถึงกาลวันนั้นได้”

หลังจากเหตุการณ์ที่เพื่อนของดาเนียล คือชัดรัด เมชาค และอาเบดเนโกถูกจับโยนเข้าไปในเตาไฟ แล้วพระเจ้าช่วยเอาไว้ หลังจากนั้นมา 20 ปี พระเจ้าดลใจให้เนบูคัดเนสซาร์เขียนบันทึกด้วยตัวเอง เหตุการณ์ ประสบการณ์ของตัวเอง บันทึกไว้เหมือนเป็นคำพยาน เพื่อพระเจ้าจะได้บอกแก่บรรดามวลมนุษยชาติ ไม่ใช่บอกแก่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์อย่างเดียว ไม่ใช่บอกเฉพาะมาถึงชาวยิวในสมัยนั้น แล้วก็ไม่ได้บอกมาเฉพาะแค่คนเป็นคริสเตียน ในสมัยยุคพระเยซูเท่านั้น แต่จะบอกจากนี้ต่อไปจนวันสุดท้ายของโลกใบนี้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าผู้เที่ยงแท้แต่เพียงพระองค์เดียว นอกจากพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใด

พระองค์ยิ่งใหญ่มากๆ พระองค์กล้าบันทึกไว้อย่างนี้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าผู้เที่ยงแท้แต่เพียงพระองค์เดียว แปลว่าพระองค์เป็นพระเจ้าจริงๆ อยู่เพียงผู้เดียว ก็แสดงว่านอกนั้น เป็นของไม่เที่ยงแท้ ไม่ใช่พระเจ้าจริงๆ

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ยกย่องพระเจ้ายิ่งใหญ่สูงสุด และโปรดปรานชาวยิว เพราะชาวยิวรู้จักพระเจ้าผู้นี้  จากเหตุการณ์นั้น ปีแล้วปีเล่า จนผ่านไป 20 ปี มาดูว่าอะไรเกิดขึ้น ในดาเนียล 4:1-18 นี่เขาบันทึกด้วยตัวเองเลย เป็นคำพยานของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เอง

ดาเนียล 4:1-18 “1 เรา กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ถึงท่านทั้งหลาย ผู้เป็นพลเมือง ทุกชาติ ทุกภาษาทั่วโลก ขอให้ท่านเจริญรุ่งเรือง 2 เราเห็นควรที่จะแจ้งให้ทราบถึงหมายสำคัญ และปาฏิหาริย์ที่พระเจ้าสูงสุดทรงกระทำเพื่อเรา 3 หมายสำคัญของพระองค์ยิ่งใหญ่เหลือล้ำ การอัศจรรย์ของพระองค์เกรียงไกรยิ่งนัก ราชอาณาจักรของพระองค์ดำรงนิรันดร์ ทรงครอบครองอยู่ตลอดทุกชั่วอายุ 4 เรา เนบูคัดเนสซาร์ อยู่ในวังอย่างผาสุกและรุ่งเรือง 5 ขณะนอนอยู่บนเตียง เราได้ฝัน ทำให้ตกใจกลัว ภาพและนิมิตต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในความคิด ทำให้ตระหนกตกใจ

6 เราจึงสั่งให้นำปราชญ์ของบาบิโลนทั้งหมด มาทำนายฝันให้ 7 เมื่อบรรดานักเล่นอาคม  นักเวทมนตร์ โหราจารย์ และหมอดูฤกษ์ยามมาแล้ว เราก็แจ้งความฝันให้ฟัง แต่พวกเขาไม่สามารถแก้ฝันให้ได้ 8 แล้วดาเนียลก็มาเข้าเฝ้า เราจึงเล่าความฝันให้ฟัง (เขามีอีกชื่อหนึ่งว่า “เบลเทชัสซาร์” ตามชื่อเทพเจ้าองค์หนึ่ง วิญญาณของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์อยู่ในเขา) 9 เรากล่าวว่า เบลเทชัสซาร์ หัวหน้านักเล่นอาคมเอ๋ย เรารู้ว่าวิญญาณของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์อยู่ในเจ้า และไม่มีความล้ำลึกใดๆ ยากเกินความเข้าใจของเจ้า เราฝันเช่นนี้ จงแก้ฝันให้เราเถิด 10 ขณะนอนอยู่บนเตียงเราเห็นนิมิต คือเรามองไปเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่ตรงกลางแผ่นดิน มันสูงใหญ่มาก

11 ต้นไม้นั้น เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งจนยอดสูงจรดฟ้า แม้แต่สุดโลกก็ยังมองเห็น 12 ใบของมันงามน่าดู ผลก็ดกเต็มต้น มันให้อาหารแก่สิ่งมีชีวิตทั้งปวง บรรดาสัตว์ในท้องทุ่ง มาพักพิงใต้ร่มของมัน เหล่านกในอากาศมาอาศัยอยู่ตามกิ่งก้านของมัน บรรดาสิ่งมีชีวิตเลี้ยงชีพด้วยผลของมัน 13 ขณะนอนอยู่บนเตียง เราเห็นนิมิต คือเรามองไปเห็นทูตสวรรค์ ผู้บริสุทธิ์ลงมาจากฟ้าสวรรค์ 14 เขาประกาศก้องว่า โค่นต้นไม้ลง ลิดกิ่งออก ตัดใบทิ้งให้หมด และสลัดผลให้เกลื่อนกระจาย ไล่สัตว์ทั้งหลายออกจากใต้ร่ม และไล่นกออกจากกิ่งต่างๆ ไป 15 แต่จงทิ้งตอกับรากไว้ เอาโซ่เหล็กและโซ่ทองสัมฤทธิ์ ล่ามทิ้งไว้อย่างนั้น กลางดงหญ้าในทุ่ง ให้กายเขาเปียกชุ่มด้วยน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ ให้เขาอาศัยอยู่กับสัตว์ท่ามกลางพืชพันธุ์ต่างๆ ของแผ่นดินโลก

16 ให้ความคิดจิตใจของเขาเปลี่ยนจากมนุษย์ กลายเป็นเหมือนสัตว์ จนครบเจ็ดวาระ 17 เหล่าทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์เป็นผู้แจ้งคำตัดสินนี้ เพื่อผู้มีชีวิตอยู่จะรู้ว่าพระเจ้าสูงสุดทรงครอบครองเหนือมวลอาณาจักรของมนุษย์ ทรงมอบอาณาจักรแก่ผู้ใดก็ได้ ตามแต่ชอบพระทัย ทรงแต่งตั้งผู้ต่ำต้อยที่สุด ให้ปกครองพวกเขา 18 “นี่เป็นความฝันของเรา กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ บัดนี้ เบลเทชัสซาร์เอ๋ย บอกเรามาเถิดว่าฝันนี้หมายความว่าอะไร เพราะไม่มีปราชญ์คนใดในอาณาจักรของเราแก้ฝันให้เราได้ แต่เจ้าทำได้ เพราะวิญญาณของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์อยู่ในเจ้า”

 

อย่างที่บอกไว้ 20 ปีผ่านไป ลืมไปแล้ว ดาเนียลเป็นคนสุดท้ายที่มาเข้าเฝ้า เพื่อที่จะมาถวายคำแปลนิมิตนี้ ไปปรึกษาคนอื่นมาเยอะแล้ว ลืมพระเจ้าของดาเนียลไป

“เรากล่าวว่า เบลเทชัสซาร์ หัวหน้านักเล่นอาคมเอ๋ย”

ข้อ 3 “หมายสำคัญของพระองค์ยิ่งใหญ่เหลือล้ำ การอัศจรรย์ของพระองค์เกรียงไกรยิ่งนัก ราชอาณาจักรของพระองค์ดำรงนิรันดร์ ทรงครอบครองอยู่ตลอดทุกชั่วอายุ”

ที่ต้องการให้อ่านตรงนี้ เพราะตรงนี้ เป็นพล๊อตสำคัญ อีกอันหนึ่ง ข้อ 17

ข้อ 17 “‘พระเจ้าสูงสุดทรงครอบครอง เหนือมวลอาณาจักรของมนุษย์ ทรงมอบอาณาจักรแก่ผู้ใดก็ได้ ตามแต่ชอบพระทัย’”

จำตรงนี้ไว้ เห็นภาพพื้นฐานของความเชื่อในพระเจ้าของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แล้วใช่ไหม? เนบูคัดเนสซาร์เชื่อว่าพระเจ้าของดาเนียลใหญ่ยิ่งจริงๆ สูงสุดด้วย แต่เขาก็ยังเชื่อว่ามีเทพเจ้าอื่นๆ อยู่ เพียงแต่เจ้าองค์นี้ คงจะใหญ่กว่าอะไรประมาณนั้น  ในบาบิโลน มีพวกนักปราชญ์ นักเล่นคาถาอาคม นักเวทมนตร์ นักโหราจารย์ แปลเป็นไทยอีกฝั่งเรียกว่านักวิเคราะห์ทางวิญญาณเยอะแยะมากมาย

กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็เรียกให้ผู้คนเหล่านั้น มาทำนายฝัน แต่ก็ไม่มีใครทำได้ จึงนึกถึงดาเนียล … ดาเนียลจึงมาเข้าเฝ้า เนบูคัดเนสซาร์เชื่อว่าดาเนียลจะทำนายฝันได้ เพราะว่าเพิ่งจะนึกขึ้นได้

“ครั้งที่แล้ว เรายังไม่ได้บอกว่าเราฝันว่าอะไร?  เขายังรู้เลย”

จึงเชื่อมั่นว่าดาเนียลทำได้  แล้วก็เชื่อมั่นว่าดาเนียลมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ (S) หมายถึงว่าในตัวของดาเนียลมีพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ 1 องค์ พูดง่ายๆ ในจำนวนหลายๆ องค์ ท่านจะได้เห็นภาพว่าพื้นฐานลึกๆ มันเป็นอย่างไร? ในยุคปัจจุบัน ความรู้สึกด้านของวิญญาณมนุษย์ ไม่แตกต่างเลย เหมือนเดิม เพียงแต่ทางวัตถุภายนอก  ที่เราเห็นทุกวันนี้ การเจริญรุ่งเรืองของเทคโนโลยี วัตถุสิ่งของ เจริญไป ต่างจากสมัยก่อน เรามีแก๊ส เรามีรถยนต์ มีคอมพิวเตอร์ แต่ทางด้านจิตวิญญาณของมนุษย์มันเหมือนเดิม ไม่มีผิดเลย

นี่คือคำพูดที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เป็นผู้พูดเอง ข้อที่ 3 ที่บอกว่าหมายสำคัญของพระองค์ยิ่งใหญ่เหลือล้ำ การอัศจรรย์ของพระองค์เกรียงไกรยิ่งนัก ราชอาณาจักรของพระองค์ดำรงนิรันดร์ ทรงครอบครองอยู่ตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์ เนบูคัดเนสซาร์เชื่อในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า จากที่ยอมจำนนจากอัศจรรย์ที่เขาเห็น ที่พระองค์ทรงกระทำ แต่ประเด็นสำคัญที่เราจะเรียนรู้จากเรื่องราวในบทที่ 4 ในครั้งนี้ อยู่ข้อที่ 17 ที่ในความฝันของเนบูคัดเนสซาร์ มีเหล่าทูตสวรรค์เป็นรูปลักษณะคนมาเผยนิมิต ประกาศว่าเหล่าทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้แจ้งคำตรัสนี้ เพื่อผู้มีชีวิตอยู่ จะรู้ว่าพระเจ้าสูงสุด ทรงครอบครองเหนือมวลอาณาจักรของมนุษย์ ทรงมอบอาณาจักรแก่ผู้ใด ก็ได้ ตามแต่ชอบพระทัย ทรงแต่งตั้งผู้ต่ำต้อยที่สุด ให้ปกครองพวกเขา

ตรงนี้ ตรงนั้น รวมกันเรียกว่าอาณาจักร หรือว่า Kingdoms พระเจ้าผู้สูงสุด ทรงครอบครองเหนือมวลอาณาจักรของมนุษย์ ก็แสดงว่าพระเจ้าเป็นผู้ครอบครอง ดูแลอยู่เหนือประเทศต่างๆ บนโลกใบนี้ทั้งหมดเลย ตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน จนถึงอนาคตอีก ทรงมอบอาณาจักรแก่ผู้ใดก็ได้ ตามชอบพระทัย คือตามแต่พระประสงค์ของพระองค์ที่วางไว้ บางครั้งพระองค์ก็เลือกอย่างนี้ มีอะไรไหม? แต่เพื่อแผนการที่ดี สำหรับโลกใบนี้ทั้งใบ สำหรับพวกเราทั้งหลายบนโลกใบนี้ แต่เรามองว่าเลือกอย่างนี้มาได้อย่างไร? โหดร้ายมาก เลือกฮิตเลอร์ได้อย่างไร? แต่ในนี้บอกทรงมอบอาณาจักรแก่ผู้ใดก็ได้ ตามแต่ชอบพระทัย นี่คือสิ่งที่พระเจ้าทรงสอนกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ และสอนมนุษย์ทั้งมวล เพราะในนี้บอกว่าเพื่อผู้มีชีวิตอยู่ ก็คือมวลมนุษย์ทั้งหลายบนโลกใบนี้ ให้รู้ว่าพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด แต่เพียงพระองค์เดียว ทรงครอบครองเหนือทุกสิ่ง จะทรงสร้างใครเป็นฮีโร่ ก็ได้ ให้ใครใหญ่ก็ได้  ให้ใครเล็กลงก็ได้ ตามแต่พระประสงค์ หรือน้ำพระทัยของพระองค์เท่านั้น จบ ถ้าเราจะเติมต่อ เราบอกมีอะไรไหม? เดี๋ยวฟังดู ไม่ใช่ผมพูดเอง  กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์พูดคำนี้ด้วย

พระเจ้าทรงทราบอยู่แล้วว่าจิตใจของเนบูคัดเนสซาร์เป็นอย่างไร? วันนี้สรรเสริญพระเจ้า พระองค์ยิ่งใหญ่เหลือเกิน เดี๋ยวเผลอๆ เย่อหยิ่งอีกแล้ว พระเจ้าจึงสอนผ่านเขาเลย ผ่านทางกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ บอกไว้เลยล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น แบบที่เรียกว่าให้ดาเนียลทำนายฝันไว้ล่วงหน้าก่อน เพื่อจะให้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เชื่อและเห็นความอัศจรรย์ ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าว่าใช่แน่ๆ เพื่อเขาจะได้เป็นผู้รับใช้พระองค์ เขียนสิ่งนี้ เป็นพยานให้กับมวลมนุษยชาติได้รู้อีกหนึ่งครั้ง ในจำนวนเยอะแยะหลายๆ ครั้ง ในพระคัมภีร์ที่พระเจ้าต้องการให้มนุษย์ได้รู้และเขียนเป็นคำพยานอยู่ในนี้ว่าอย่าเย่อหยิ่ง ให้รู้ว่าพระองค์เป็นใคร? ดาเนียล 4:19-27

ดาเนียล 4:19-27 “19 แล้วดาเนียลก็ตกตะลึงและว้าวุ่นใจอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ความคิดของเขา ทำให้เขาหวาดวิตก กษัตริย์จึงตรัสว่า “เบลเทชัสซาร์เอ๋ย อย่าให้ความฝัน หรือความหมายของมัน ทำให้เจ้าตกใจกลัวไปเลย” เบลเทชัสซาร์ทูลว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอให้ความฝันและความหมายของมัน ตกแก่ศัตรูของฝ่าพระบาทเถิด 20 ต้นไม้ที่ฝ่าพระบาทเห็น ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ยอดสูงจรดฟ้าจนสุดโลกยังมองเห็น 21 ซึ่งมีใบสวยงาม ให้ผลดกเป็นอาหารแก่สิ่งมีชีวิตทั้งปวง ให้ร่มเงาแก่บรรดาสัตว์ในท้องทุ่ง และมีกิ่งก้านให้เหล่านกมาอาศัยทำรัง 22 ข้าแต่กษัตริย์ ต้นไม้นั้น คือฝ่าพระบาททรงยิ่งใหญ่เกรียงไกร รุ่งโรจน์เทียมฟ้า และแผ่อำนาจไปถึงสุดโลก 23 ข้าแต่กษัตริย์ที่ฝ่าพระบาทเห็นทูตสวรรค์ ผู้บริสุทธิ์ลงมาจากฟ้าสวรรค์ และป่าวประกาศว่าจงโค่นต้นไม้ลงและทำลายมันเสีย แต่เหลือตอไว้  ล่ามมันไว้กลางทุ่งหญ้า ด้วยเหล็กและทองสัมฤทธิ์ ขณะที่รากยังหยั่งลึกอยู่ในดิน ให้เขาตากน้ำค้าง และอาศัยอยู่เยี่ยงสัตว์ป่า จนครบเจ็ดวาระ

24 ข้าแต่กษัตริย์ นิมิตนั้นมีความหมายดังนี้ ประกาศิตขององค์ผู้สูงสุดเกี่ยวกับฝ่าพระบาท 25 คือฝ่าพระบาทจะถูกขับไล่จากมวลมนุษย์ และให้ไปใช้ชีวิตอยู่กับสัตว์ป่า จะกินหญ้าเหมือนวัว และตากน้ำค้างจนครบเจ็ดวาระ จนกว่าฝ่าพระบาทจะเรียนรู้ว่าองค์ผู้สูงสุดทรงครอบครองเหนืออาณาจักรมนุษย์ พระองค์จะประทานอาณาจักรแก่ผู้ใดก็ได้ ตามแต่ชอบพระทัย 26 พระบัญชาที่ให้เหลือตอและรากไว้ หมายความว่าฝ่าพระบาทจะได้รับอาณาจักรกลับคืนมาอีก หลังจากทรงเรียนรู้แล้วว่าพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์นั้น ครอบครองอยู่ 27 ฉะนั้น ข้าแต่กษัตริย์ ขอโปรดยอมรับคำแนะนำของข้าพระบาท ขอทรงละทิ้งบาปด้วยการทำสิ่งที่ถูกต้อง และขอทรงละทิ้งความชั่ว ด้วยการเมตตากรุณา ผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหง แล้วฝ่าพระบาทจะได้ทรงเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไป”

 

ในนี้เขียนบอกว่าดาเนียลตกใจกลัว หวาดกลัวเลย  เพราะนิมิตที่จะเกิดขึ้นกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ มันรุนแรงมาก ผมคิดว่าดาเนียลกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน  เพราะว่านี่ก็ 20 กว่าปีแล้ว ที่ดาเนียลอยู่ที่นี่ แล้วดาเนียลคงได้รับความโปรดปรานจากกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มาก และความโปรดปรานนี้ก็แผ่ไปถึงบรรดาชาวยิวที่ถูกกวาดต้อนมาเป็นเชลยที่บาบิโลนด้วย ดาเนียลจึงมีความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้านายด้วย เป็นเพื่อนด้วย คือตกใจกลัว แล้วจึงทูลกษัตริย์จริงๆ ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับกษัตริย์เลย ให้เกิดขึ้นกับศัตรู เพราะมันน่ากลัว พระเจ้ากำลังสอนเนบูคัดเนสซาร์ให้รู้ว่าพระองค์คือใคร? จะได้เลิกเย่อหยิ่งสักที

ดาเนียลแปลความฝันว่าพระเจ้าจะทำให้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ต้องถูกขับไล่ออกไปจากสังคมมนุษย์ ให้ไปใช้ชีวิตอยู่กับสัตว์ป่า กินหญ้าเหมือนวัว และต้องตากน้ำค้าง จนกว่าเนบูคัดเนสซาร์จะได้เรียนรู้ และได้ถ่อมใจรับรู้ว่ามีพระเจ้า เพียงองค์เดียวเท่านั้น ที่เที่ยงแท้ นอกจากพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกแล้ว อย่าซ่าส์ อย่าเย่อหยิ่ง ที่ในพระคัมภีร์เมื่อกี้เขียนไว้ว่า …

“จนกว่าฝ่าพระบาทจะเรียนรู้ว่าองค์ผู้สูงสุด ทรงครอบครองเหนืออาณาจักรมนุษย์ พระองค์จะประทานอาณาจักรแก่ผู้ใดก็ได้ ตามแต่ชอบพระทัยของพระองค์”

ดาเนียลบอกว่า “กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ พระองค์ต้องถ่อมใจนะ เลิกปฏิบัติตัวอย่างนี้  แล้วพระเจ้าอาจจะเมตตา ลดโทษให้ก็ได้ ทำอย่างนี้เถิด ด้วยความหวังดี”

ดาเนียล 4:28-37 “28 เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ คือ 29 สิบสองเดือนต่อมา ขณะที่กษัตริย์ทรงดำเนินอยู่บนดาดฟ้าพระราชวังของบาบิโลน 30 พระองค์ตรัสว่า “เราได้สร้างบาบิโลนอันยิ่งใหญ่ไพศาลนี้ขึ้นเป็นราชวัง ด้วยฤทธิ์อำนาจอันเกรียงไกรของเรา และเพื่อเกียรติบารมีของเราไม่ใช่หรือ” 31 กษัตริย์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงดังจากฟ้าสวรรค์ว่า “กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เอ๋ย นี่คือประกาศิตสำหรับเจ้า ราชอำนาจถูกพรากไปจากเจ้าแล้ว 32 เจ้าจะถูกขับไล่จากมวลมนุษย์ให้ไปอาศัยอยู่กับสัตว์ป่า ให้กินหญ้าเหมือนวัว จนครบเจ็ดวาระ ตราบจนเจ้าเรียนรู้ว่าองค์ผู้สูงสุดทรงครอบครองเหนืออาณาจักรมนุษย์ พระองค์จะประทานอาณาจักรแก่ผู้ใดก็ได้ ตามแต่ชอบพระทัย”

33 ทันใดนั้น เนบูคัดเนสซาร์ก็เป็นไปตามประกาศิตของพระเจ้า พระองค์ทรงถูกขับไล่จากมวลมนุษย์ และกินหญ้าเหมือนวัว กายนั้นเปียกชุ่มด้วยน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ จนกระทั่งผมยาวเหมือนขนนกอินทรี และมีเล็บยาวเหมือนกรงเล็บของนก 34 เมื่อครบกำหนดแล้ว เรา เนบูคัดเนสซาร์ แหงนหน้าขึ้นมองดูฟ้าสวรรค์ สติสัมปชัญญะก็กลับคืนมา เราจึงถวายสรรเสริญองค์ผู้สูงสุด เราเทิดพระเกียรติและถวายพระเกียรติสิริแด่พระองค์ ผู้ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์ ราชอำนาจของพระองค์ดำรงนิรันดร์  ราชอาณาจักรของพระองค์ยืนยงตลอดทุกชั่วอายุ 35 มวลประชาชาติในโลกนี้ล้วนไร้ค่า พระองค์ทรงมีอำนาจ ที่จะทำต่อเหล่าทูตสวรรค์ และต่อมวลประชาชาติ ตามชอบพระทัยของพระองค์ ไม่มีผู้ใดสามารถยับยั้งพระหัตถ์ของพระองค์ หรือกล่าวกับพระองค์ได้ว่า พระองค์ทำอะไรนี่?” 36 ขณะนั้นสติสัมปชัญญะของเรากลับคืนมา เกียรติและบารมีกลับคืนมาสู่เรา เพื่อสง่าราศีแห่งอาณาจักรของเรา ราชมนตรีและขุนนางทั้งหลายมาตามหาเรา ให้กลับไปครองราชบัลลังก์ดังเดิม และรุ่งเรืองยิ่งกว่าแต่ก่อน  37 บัดนี้ เรา เนบูคัดเนสซาร์ ขอถวายสรรเสริญ และยกย่องเทิดทูนองค์กษัตริย์แห่งฟ้าสวรรค์ เพราะทุกสิ่งที่ทรงกระทำนั้นถูกต้อง และทางทั้งปวงของพระองค์ก็ยุติธรรม บรรดาผู้ดำเนินชีวิตอย่างหยิ่งยโส พระองค์สามารถกระทำให้เขาถ่อมลง”  เอเมน

 

สรุป คำเตือนของดาเนียลไม่ได้ผล ก็เหมือนพวกเราทุกคนในปัจจุบัน เพราะการทดลองมันรุนแรงมาก ถ้าเราตกลงไปในการทดลองแบบกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ เราก็อาจจะสอบไม่ผ่านเหมือนกัน

12 เดือนต่อมา ขณะที่เนบูคัดเนสซาร์ทรงดำเนินอยู่บนดาดฟ้าพระราชวัง ซึ่งทุกวันนี้ ชื่อเสียงของเรื่องนี้ยังอยู่ 1 ใน 7 มหัศจรรย์ เขาเป็นผู้ครอบครอง เขาเป็นผู้สร้างสิ่งนั้นขึ้นมา เขาลืมไปแล้วว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้าง เป็นการทดลองที่รุนแรง ทรงดำเนินอยู่บนดาดฟ้าพระราชวัง ก็คือสวนลอยฟ้าของบาบิโลน ยิ่งใหญ่มาก แล้วพระองค์ตรัสว่า …

“เราได้สร้างบาบิโลนอันยิ่งใหญ่ไพศาลนี้ ด้วยฤทธิ์อำนาจอันเกรียงไกรของเรา และเพื่อเกียรติบารมีของเราไม่ใช่หรือ”

ในนี้บันทึกว่ากษัตริย์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ เพราะเตือนไว้แล้ว ก็มีเสียงดังจากฟ้า พระเจ้าก็ตัดสิน สอนให้รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ สอนให้รู้ว่าพระองค์เป็นใคร? วิธีการสอน ก็คือทำให้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ถ้าเอาปัจจุบัน ที่เล่ามาทั้งหมดนั้น ก็คือเสียสติ ฟั่นเฟือนเหมือนคนบ้าเลย ไม่มีสติ สตังค์แล้ว เพราะในสมัยก่อน ไม่มีหมอรักษาโรคจิต พอสติฟั่นเฟือน ไม่มียา เขาก็ต้องไล่ออกไปอยู่นอกเมือง การเข้าไปอยู่ในป่า ก็คือการเข้าไปอยู่ในธรรมชาติ เหมือนเราเห็นคนสติไม่ดี เดินอยู่ริมถนนทุกวันนี้ คล้ายๆ อย่างนั้น ถ้าทุกวันนี้ ก็ไปเขี่ยถังขยะหาของทาน แต่สมัยก่อน ไม่ใช่ เขาต้องไปกินน้ำค้าง พืชพันธุ์ ผัก อะไรก็ว่ากันไป ไม่อาบน้ำ ปล่อยผมยาวรุงรัง เล็บไม่ตัด เป็นเหมือนที่ตะกี้นี้อธิบาย

แล้ววันหนึ่ง ตามนิมิตนี้  เขาก็ได้รับพระเมตตาจากพระเจ้า  ประทานความถ่อมใจให้กับเขา ในนี้เขียนบันทึกว่าเขาแหงนหน้ามองดูฟ้า เริ่มนึกขึ้นได้ ทั้งหมดมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น พระราชวัง ที่คิดว่าตัวเองเป็นคนสร้าง 1 ใน 7 มหัศจรรย์ สวนลอยฟ้า และบรรดาประเทศชาติต่างๆ ที่เขาไปปล้นมา พระเจ้าเป็นผู้ประทานให้ทั้งสิ้น ความยิ่งใหญ่ของเขา พระเจ้าประทานให้ทั้งสิ้น

“พระเจ้าเมตตาลูกด้วยเถิด”

อะไรประมาณนั้น  เขาจึงบันทึกตรงนี้ว่า …

“ราชอาณาจักรของพระองค์ยืนยงตลอดทุกชั่วอายุ พระองค์เป็นพระเจ้าผู้เที่ยงแท้แต่เพียงพระองค์เดียว ทรงครอบครองทุกสิ่ง ราชอาณาจักรของพระองค์ที่อยู่เหนืออาณาจักรของมนุษย์ทั้งหมด คือราชอาณาจักรของพระองค์ในสวรรค์สถาน ราชอาณาจักรของพระองค์ในโลกวิญญาณ มันยิ่งใหญ่สูงสุด และไปทุกชั่วชาติพันธุ์ คือนิรันดร์นั่นเอง”

ราชอาณาจักรบนโลกใบนี้ ยังอยู่เพียงชั่วคราว 30 ปี 100 ปี แต่ราชอาณาจักรของพระองค์ ราชอาณาจักรในวิญญาณ มันอยู่ตลอดกาลเลย เห็นถึงความยิ่งใหญ่ไหม? แค่คำๆ เดียว ราชอาณาจักรของพระองค์ยืนยงตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้า เจ้าแห่งวิญญาณ อาณาจักรของพระองค์ ก็เป็นอาณาจักรแห่งวิญญาณ และอาณาจักรของพระองค์ที่เป็นวิญญาณนี้ ก็เป็นอาณาจักรนิรันดร์ คือครอบครองใหญ่ที่สุด นิรันดร์กาล

เรื่องราวในพระคัมภีร์ดาเนียล ที่เราอ่านกันวันนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอย่างนี้ทั้งหมด พระเจ้าต้องการให้มวลมนุษยชาติทุกคน เรียนรู้ว่าพระองค์เป็นใคร? เตือนมนุษย์ ด้วยความรัก ความปรารถนาดี เหมือนดั่งที่ดาเนียลได้เตือนด้วยความรัก ความห่วงใยว่ามีพระเจ้าจริงๆ และพระเจ้าผู้นี้ยิ่งใหญ่สูงสุดจริงๆ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์พูดประโยคสุดท้ายว่า …

“มวลมนุษยชาติในโลกนี้ ล้วนไร้ค่า พระองค์ทรงมีอำนาจที่จะทำต่อทูตสวรรค์และมวลมนุษยชาติตามชอบพระทัยของพระองค์ ไม่มีผู้ใดสามารถยับยั้งพระหัตถ์ของพระองค์ หรือกล่าวกับพระองค์ได้ว่าพระองค์ทำอะไรเนี้ย”

พระเจ้าต้องการให้รู้ว่าอาณาจักรของพระเจ้า อาณาจักรของโลกวิญญาณ มันจะอยู่ตลอดกาล ชั่วนิรันดร์เลย ภาษาอังกฤษใช้คำว่าอยู่ตลอดชั่วอายุคน หมายถึงเจเนเรชั่น ทรูเจเนเรชั่น จากชั่วอายุคนหนึ่ง ไปอีกชั่วอายุคนหนึ่ง พูดง่ายๆ เดี๋ยวนี้ถ้าย้อนกลับไปในพระคัมภีร์ ก็จะบอกว่าจากชั่วอายุอาดัมมาถึงยุคโมเสส ไล่มาจนถึงอายุพวกเราปัจจุบันนี้ แล้วต่อไปอนาคต พระเจ้าครอบครองอยู่ตลอดเลย เอเมน

และหลังจากพระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว ที่พระองค์ถูกตรึง และตายที่ไม้กางเขน เป็นขึ้นจากความตาย อาณาจักรของพระเจ้า ลงมาตั้งอยู่บนโลกใบนี้แล้ว มีชื่อว่าอาณาจักรของพระคริสต์ อาณาจักรที่อยู่นิรันดร์ มาเปลี่ยนชื่อเป็นอาณาจักรของพระคริสต์ ตั้งแต่เมื่อ 2,000 ปีที่ผ่านมา จนถึงทุกวันนี้ คืออาณาจักรสวรรค์ของพระเจ้า ผู้เป็นเจ้าของสวรรค์นั่นเอง เพราะฉะนั้น อาณาจักรของพระคริสต์ อาณาจักรของพระเจ้า จึงสำคัญยิ่งใหญ่กว่าอาณาจักรใดๆ ซึ่งอยู่บนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นบาบิโลน ไม่ว่าจะเปอร์เซีย ไม่ว่าจะเป็นกรีก ไม่ว่าจะเป็นโรมัน หรือเป็นประเทศอะไรต่างๆ ต่อมาเรื่อยๆ  จนถึงทุกวันนี้ และต่อไปอนาคต ไม่รู้ว่าใครจะคิดว่าใครใหญ่แล้วแต่ บนโลกใบนี้ พระเจ้าเป็นผู้สถาปนาประเทศนั้น อาณาจักรนั้นขึ้นมา และอยู่ไม่นานหรอก อาณาจักรของพระองค์ อาณาจักรของพระคริสต์อยู่นานกว่า สำคัญกว่า

ในหนังสือดาเนียลที่เรากำลังเรียนกันอยู่นี้ บอกอย่างนั้นว่าพระองค์เป็นผู้กำหนด เป็นผู้แต่งตั้งกษัตริย์ ผู้ปกครอง ผู้มีอำนาจ ทุกอย่าง พระองค์เป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง พระองค์จะให้กับใครก็ได้ พระองค์ควบคุมทุกสถานการณ์อยู่ จงวางใจ และเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว พระองค์ทรงมอบอำนาจยิ่งใหญ่สูงสุด ให้พระเยซูคริสต์เป็นกษัตริย์ของอาณาจักรสวรรค์ เป็นจอมราชันของอาณาจักรสวรรค์ และพระองค์ได้สถาปนาอาณาจักรพระคริสต์นี้ไว้ตลอดกาล  จากคนชั่วอายุหนึ่งไปชั่วอายุหนึ่ง ท่านพอเห็นภาพไหม? จากอาณาจักรสวรรค์ของพระเจ้า เริ่มจากอาดัม ไล่มาถึงพระเยซู ถึงพระเยซูก็ครอบครองต่อไป แต่เปลี่ยนชื่อเป็นอาณาจักรพระคริสต์ ผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้

และอาณาจักรของพระคริสต์ยิ่งใหญ่สูงสุด และชนะทุกอาณาจักรไปเรียบร้อยแล้ว และเป็นชัยชนะนิรันดร์ด้วย และใครก็ตามที่อยู่ในอาณาจักรนี้ เป็นประชากรในอาณาจักรนี้ เป็นผู้คนในอาณาจักรนี้ มีบัตรประชาชนที่อยู่ในอาณาจักรนี้ ที่มีชื่อว่าอาณาจักรของพระคริสต์นี้ เขาก็จะมีชัยชนะนิรันดร์เช่นเดียวกัน เอเมน

“ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่จบไปเลยล่ะ ก็ได้ชัยชนะแล้ว ไม่ต้องมาอยู่บนโลกใบนี้แล้ว”

ถูกไหม? แต่ไม่ใช่อย่างนั้น  มันจำเป็นต้องอยู่ เพราะว่าชัยชนะนิรันดร์นั้น พระเจ้าทำสำเร็จแล้วก็จริง แต่ขบวนการสุดท้ายมันยังไม่จบ เพราะชัยชนะนี้ ยังต้องเรียกบรรดาผู้คนที่เหน็ดเหนื่อยอยู่บนโลกใบนี้ ที่ยังไม่ได้อยู่ในอาณาจักรนี้ ให้เข้ามา เหมือนเราในอดีต เหมือนผมเมื่อ 29 ปีที่แล้ว ผมก็ย้ายจากอาณาจักรของโลกใบนี้  อาณาจักรของความมืด อาณาจักรของความบาป มาสู่อาณาจักรแห่งแสงสว่างของพระบุตร คือพระเยซูคริสต์ เมื่อ 29 ปีที่แล้ว ถ้าเผื่อตรงนี้จบก่อน 29 ปีที่แล้ว ผมก็แย่เลย ผมยังอยู่ในอาณาจักรของความมืดเลย ผมแพ้ตลอด ตอนนั้น พอเข้าใจไหม? ขณะนี้ก็ยังมีคนอีกมากมายบนโลกใบนี้ ที่ยังไม่รู้ว่าพระเจ้าเที่ยงแท้มีเพียงพระองค์เดียว และอาณาจักรของพระองค์อยู่บนโลกใบนี้แล้ว คืออาณาจักรที่พระองค์สถาปนาไว้ ชื่อว่าอาณาจักรของพระคริสต์ มีชัยชนะนิรันดร์ คนยังไม่รู้ หรือบางคนรู้ ก็รู้แบบเนบูคัดเนสซาร์ คือรู้แบบเข้าๆ ออกๆ เขาไม่รู้จักพระเจ้าจริงๆ เพราะเขายังไม่ย้ายเข้ามาอยู่ในประเทศที่มีชื่อว่าพระคริสต์ ประเทศในโลกวิญญาณ รอให้มีใครบอกเขาเสียก่อน เป็นหน้าที่ของเรา ที่ต้องทำงานต่อ เรายังต้องเหน็ดเหนื่อยต่อไป เพราะงานของพระองค์ยังไม่เสร็จ เรามีหน้าที่ที่จะไปบอกข่าวประเสริฐนี้ ให้เขารู้ว่าอาณาจักรสวรรค์มาถึงแล้ว มาอยู่ที่นี่แล้ว จงวางใจเถิด ตอนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า เราเหมือนนกที่ไร้รัง ค่ำไม่รู้จะนอนที่ไหน? บินตลอดทั้งวันทั้งคืน เหนื่อยล้า ชีวิตมันยิ่งเหนื่อย เพราะมันบินนาน ปีกมันเมื่อย แล้วเราก็ได้ยินแว่วๆ มา พระเยซูตรัสว่า …

“ผู้ใดแบกภาระหนักและเหน็ดเหนื่อย กำลังบินเหนื่อย จงมาหาเรา เราจะให้ผู้นั้นหายเหนื่อยและเป็นสุข เราเป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ ที่เธอจะมาสร้างรัง อยู่ที่กิ่งก้านของต้นนี้ ร่มเย็น  มาๆ เลย”

เราก็บินโฉบ เข้าไปอยู่ที่ต้นไม้ สร้างรังของเรา แล้วเราก็ได้รู้จักกับนกตัวอื่นๆ ที่มาพักผ่อนในนี้เยอะแยะมากมายไปหมด รังเล็กๆ ของเรา มีชื่อว่ารังโฮลี่ อยู่ที่กรุงเทพกรีฑา ซอย 8 พวกเราบินมาเหนื่อยทุกคน ก่อนหน้านี้ เพราะเหนื่อยจึงมาหาพระเยซูไง ไม่เหนื่อย ไม่มาอยู่แล้ว ไม่เหนื่อยก็บินต่อไป ใครอยากจะบินต่อไป ก็บิน ถ้าคิดว่าเหนื่อยแล้ว ก็มาหาพระเยซูเถิด พระเยซูบอกพอเถอะ เหนื่อยเปล่าๆ มาพักสงบเถิด

เพราะฉะนั้น เรามีหน้าที่ที่จะไปบอกกับคนอื่นๆ ที่กำลังบินอยู่แล้ว มันเหนื่อย เพื่อนๆ เราที่อยู่ข้างๆ เหนื่อยเหลือเกิน มาเถิด มาพักในร่มเงาของอาณาจักรนี้ พระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นอาณาจักรนิรันดร์ และเราจะครอบครองร่วมกับพระเจ้า พระเยซูคริสต์นิรันดร์กาล

เพราะฉะนั้น บทเรียนในวันนี้ จึงมี 2 ประเด็น ที่เราจะสรุป ก็คือ …

(1) พระเจ้าทรงควบคุมอยู่เหนือทุกสถานการณ์ จึงไม่ต้องกลัวอะไรเลย ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ตาม ไม่ว่าจะเรื่องเศรษฐกิจ สงคราม ภัยธรรมชาติ ภัยต่างๆ แบบแปลกประหลาดต่างๆ มนุษย์อวกาศ มนุษย์ดวงดาวอื่นมา จะมาทำสงครามเลเซอร์อะไรต่างๆ ไม่ต้องไปกลัวเลย ให้เราวางภาระลง ไว้ที่พระองค์ พระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน อาณาจักรนี้ชนะแล้ว

(2) ที่เรายังต้องดำเนินอยู่บนโลกใบนี้   แม้เราจะชนะแล้วก็ตาม  เพราะพระเจ้ายังมอบหมายหน้าที่ให้เราทำอยู่ ในการที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะทำให้แผนการของพระองค์สำเร็จ ครบถ้วนบริบูรณ์ เป็นส่วนหนึ่งในการแผ่กิ่งก้านสาขา ต้นไม้ใหญ่แห่งความรอดขององค์พระเยซูคริสต์สู่สวรรค์ที่พระเยซูคริสต์บอกว่าสวรรค์เปรียบเหมือนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ที่บรรดานกกาเขาจะมาพักอาศัยได้ ให้เป็นที่พักพิงของฝูงนกที่กำลังเหนื่อยและล้ากันในขณะนี้  ให้เขาได้ยินได้ฟัง และนำพาเขาเข้ามาสู่ต้นไม้ต้นนี้ ให้เขาไปหารังต่างๆ บนต้นไม้ต้นนี้อยู่ ไม่ว่าจะรังที่กรุงเทพกรีฑา หรือรังที่ถนนสุขุมวิท หรือรังที่ถนนเพชรบุรี ไปรังไหนก็ได้ ไปอยู่ในรังซะ สงบ คุยกันเรื่องพระเจ้า

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าปีนี้ หรือปีไหนก็ตาม ใครมาขู่อะไร? ข่าวอะไรต่างๆ บอกมาว่าน่ากลัวอย่างนั้น น่ากลัวอย่างนี้ ให้เราวางใจ มอบภาระลงไว้ที่พระเจ้า แล้วเราจะได้พักผ่อนหายเหนื่อยและเป็นสุข ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

**********************