คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2020 เรื่อง “อย่าทุกข์ร้อนในเรื่องใดๆ เลย” ตอน 2 โดย นคร เวชสุภาพร

คำบรรยายวันอาทิตย์ที่  29  มีนาคม  2020

 เรื่อง “อย่าทุกข์ร้อนในเรื่องใดๆ เลย” ตอน 2

โดย นคร  เวชสุภาพร

            ครั้งที่แล้ว ผมได้ยกข้อพระคัมภีร์ที่บันทึกไว้ว่ามันเป็นแผนการของพระเจ้าที่พระองค์ได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า ที่จะมาสถิตอยู่ในมนุษย์ พระเจ้าได้พูดล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ในพระคัมภีร์เดิมเยอะแยะมากมาย ซึ่งเราเรียกกันว่าการเผยพระวจนะ การบอกล่วงหน้า หนึ่งในจำนวนนั้น อยู่ในอิสยาห์ 41:10 ที่เราอ่านกันไปครั้งที่แล้ว

อิสยาห์ 41:10 “ดังนั้น อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าท้อแท้ เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะทำให้เจ้าเข้มแข็งขึ้นและจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าไว้ด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา”

 

ตอนนี้ สำหรับผม ผมอยากจะอ่านอย่างนี้ว่า … “พาสเตอร์อย่ากลัวเลย เพราะพวกเราฟังอยู่ อย่าท้อแท้พูดต่อไป เพราะพวกเราเป็นสมาชิก จงเข้มแข็งเถิด มีคนฟังอยู่จริงๆ” อะไรอย่างนี้

เมื่อตะกี้ที่เราอ่านอิสยาห์ 41:10 นี่แผนการของพระเจ้าบอกล่วงหน้าว่าจะมาอยู่กับมนุษย์ ก็คือพระองค์จะประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์มาเกิดเป็นมนุษย์ มาตายบนไม้กางเขน เพื่อไถ่บาปให้กับมวลมนุษยชาติทั้งปวง และพระองค์เอง และพระเยซูคริสต์ก็จะเข้ามาสถิตอยู่ในมนุษย์ทั้งหลาย เป็นหนึ่งเดียวกัน ครั้งที่แล้วเรียนรู้ไปตอนต้น และแผนการของพระเจ้าก็ได้เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว หลังจากที่พระเยซูคริสต์มาเกิดเป็นมนุษย์ และตายที่ไม้กางเขน ที่ได้เตรียมไว้เมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว ในฮีบรู 13:5 ได้บันทึกไว้อย่างนี้

ฮีบรู 13:5 “อย่ากลัวเลย เราอยู่กับเจ้าแล้ว เราจะไม่ทอดทิ้ง เราจะไม่มีวันละทิ้งเจ้า”

 

หมายถึงพระเยซูบังเกิดแล้ว ตายที่ไม้กางเขนแล้ว หลั่งพระโลหิต ชำระบาปให้กับมวลมนุษยชาติแล้ว เป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สามแล้ว  และใครก็ตามที่เชื่อตรงนี้  เปิดใจต้อนรับพระเยซู เขาก็จะได้รับการผ่าตัดวิญญาณ  ได้บังเกิดใหม่ เข้ามาเป็นบุตรของพระเจ้า  ได้เกิดใหม่เป็นลูกของพระเจ้าในวิญญาณ สะอาด บริสุทธิ์ หมดจด พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตรพระเยซูคริสต์ พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้าไปสถิตอยู่กับเขา ร่วมกับวิญญาณเขา อยู่ในร่างกายของเขาทันที ฮีบรู 13:5 ที่เมื่อกี้ได้อ่าน … “อย่ากลัวเลย เราคือพระเจ้า 3 พระภาคอยู่กับเจ้าแล้ว และจะไม่ทอดทิ้งเจ้าไปไหนอีกแล้ว  แล้วจะไม่ละเจ้าไปไหนอีกเลย เพราะอยู่กับเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน

เพราะฉะนั้น เราจะมาดูว่าที่บอกว่า … “อย่ากลัวเลย เราสถิตอยู่กับเจ้าแล้ว” ตอนนี้ ตอนที่ 2 จะเน้นเรื่องอะไร? เราจะเน้นเพราะว่าตอนนี้ทุกคนกลัว พระเจ้าจึงบอกว่าอย่ากลัวเลย  เพราะเรากลัว ติดเชื้อไวรัส กลัวมาตรการที่ต้องกักตัวอยู่ในบ้าน เห็นแห่ตุนของหมดชั้น หมดตู้ อันนั้นแพงขึ้น จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เริ่มต้นกลัว จะไม่มีอะไรกิน จะไม่มีเสบียง ต้องแย่งกันซื้อ ต้องกักตุนหรือเปล่า ตามเขาหรือเปล่า? หรือธุรกิจที่เราเกี่ยวข้องอยู่ เขาต้องปิดตัวชั่วคราว กลัวว่าจะขาดรายได้ไป  ไม่มีเงินจะทำอย่างไร? เพียงพอค่าใช้จ่ายหรือไม่?  คนที่มีครอบครัว มีลูกก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้น จะมีเงินมาเลี้ยงครอบครัวไหม?  ลูกจะไปเรียนหนังสืออย่างไร? จะติดเชื้อโรคตัวนี้ไหม? ยังเด็กอยู่ กลัวเยอะแยะไปหมดตอนนี้  มันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต้องตกใจ  ไม่มีใครไม่กลัว  เพราะฉะนั้น พี่น้องเป็นเรื่องธรรมดา ที่จะบรรยายในวันนี้ว่าอย่ากลัวเลย เราอยู่ในเจ้า ตอน 2 ย้ำอีกที เพราะจริงๆ แล้วความกลัวเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษยชาติ ฟังให้ดีๆ ปฏิกิริยาของความกลัว มันอยู่ในมนุษยชาติทุกคนอยู่แล้ว ตราบใดที่โลกใบนี้ยังถูกควบคุม และดำเนินการโดยมาร ผ่านทางความกลัว การบีบบังคับ ผ่านทางการข่มเหง จากนั้น มนุษย์ทุกคนอยู่ท่ามกลางโลกใบนี้  ไม่ว่าจะเชื่อพระเจ้าหรือไม่เชื่อ เราอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราอยู่ในระบบโลกนี้  แม้ว่าเราจะเป็นลูกพระเจ้าแล้วในวิญญาณ แต่อย่างที่บอก พระเยซูบอกว่าท่ามกลางบนโลกนี้  เราจะทุกข์ยากลำบาก เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราชนะโลกแล้ว  ก็คือพระเยซูชนะโลกแล้ว ได้รับชัยชนะแล้ว แต่เรายังอยู่ในโลก กระแสของโลก ทำให้เราเกิดความกลัวได้ เป็นเรื่องธรรมดา

เบอร์หนึ่งเราต้องยอมรับก่อนว่าความกลัวเป็นเรื่องธรรมดา จะได้ไม่ตกใจ พอเรากลัวปุ๊บ เราก็เริ่ม …

“เพราะฉันไม่มีความเชื่อ ฉันถึงกลัว เพราะฉันไม่ได้ ประกาศข่าวประเสริฐเลย ฉันจึงกลัว”

ไม่จริง กลัวทุกคนแหละครับ ถ้าไม่กลัว พระเจ้าคงไม่บอกว่าอย่ากลัวเลยๆ  เพราะพระคัมภีร์ทั้งเล่ม ทั้งใหม่และเก่าก็บอกอย่ากลัวเลย  พระคัมภีร์ก็บอกแล้วว่ามารซาตาน มาเพื่อลัก ฆ่า และทำลาย ยอห์น 10:10 บอกไว้

ยอห์น 10:10 “ขโมยนั้นมาเพียงเพื่อลัก ฆ่า และทำลาย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะมีชีวิตและมีชีวิตอย่างครบบริบูรณ์”

 

ที่พระเยซูบอกว่าขโมยมา เพื่อลัก ฆ่าและทำลาย  มารมา เพื่อขโมย ฆ่า และทำลาย ด้วยวิธีทำให้มนุษย์เกิดความกลัว แต่เมื่อพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดได้เข้ามาสถิตอยู่ในเราถึง 3 พระภาคแล้ว เมื่อเราเชื่อแล้ว  เราก็จะมีฤทธิ์เดชอำนาจ จากพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในร่างกายของเรา เป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณของเรา ให้เรามีพลังฤทธิ์อำนาจนี้ สามารถอยู่เหนือความกลัวได้ ไม่ได้ขจัดความกลัวออกไป แต่เอาฤทธิ์อำนาจนี้ทับความกลัวไว้อีกที ให้มันสยบลง มันจะอยู่ ก็อยู่ไป พระองค์บอกว่าเหมือนสุนัขที่ดุมากๆ ซึ่งไม่มีกรง มันกัดเราเมื่อไรก็ได้  แต่ตอนนี้สุนัขดุๆ นั้น พระเจ้าเอากรงใส่ สุนัขยังอยู่ไหม? อยู่  แต่มันกัดเราไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะมีกรงกั้นไว้แล้ว แค่มากก็ข่มขู่  เราก็หัวเราะไป กัดเราไม่ได้แล้ว แกกัดฉันไม่ได้แล้ว จบ มันเป็นอย่างนั้น ยอห์น 14:26-27 ได้บอกเลยว่าทำไมเราไม่ต้องกลัวมัน เพราะพระเจ้าอยู่กับเราแล้ว กลัวอะไรล่ะ

ยอห์น 14:26-27 “26 แต่องค์ที่ปรึกษาคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเราจะทรงสอนสิ่งทั้งปวงแก่พวกท่าน และจะให้พวกท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวกับพวกท่าน 27 เรามอบสันติสุขแก่พวกท่าน สันติสุขที่เราให้ไม่เหมือนที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านทุกข์ร้อนและอย่ากลัวเลย”

 

อย่ากลัวเลย  เรามีองค์แล้ว  3 พระภาคอยู่กับเราแล้ว พระเจ้าอยู่กับเราแล้ว ตอนนี้ เราเลือกได้แล้ว เลือกที่จะกลัวก็ได้ เลือกที่จะไม่กลัวก็ได้ สมัยก่อนเราเลือกไม่ได้ เรามีแต่กลัวลูกเดียว เพราะว่าวิญญาณเราเป็นทาสมาร วิญญาณเราเป็นทาสระบบของมาร เมื่อมันข่มขู่เรา ข้างในเราก็จะตายอยู่แล้ว  ก็เลยกลัวเข้าไปใหญ่ พอกลัวก็เกิดความโลภ นี่คือการงานของมารเท่านั้น พอกลัวปุ๊บ เกิดความโลภ … โลภ เพราะเกิดความเห็นแก่ตัว อันนี้เป็นหลักใหญ่เลย สำคัญ จำไว้เลยว่าถ้าท่านต้องการลดความเห็นแก่ตัวลง ดำเนินด้วยความรัก เพราะความกลัว พยายามไปปั้นความรักขึ้นมา มันไม่ได้ ตราบใดที่มีความกลัวอยู่ ความรักจะไม่เกิด ถ้าความกลัวมันเยอะ ความรักมีน้อย ถ้าความกลัวมีเยอะ ความเห็นแก่ตัวมีมาก พยายามลดความเห็นแก่ตัว ต้องกลัวน้อยลง นี่เป็นหลักการ เพราะฉะนั้น ความกลัวจึงทำให้เกิดความชั่วร้ายต่างๆ บนโลกใบนี้ทั้งหมด ทั้งความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความหยิ่งผยอง ความทะเยอทะยาน การลัก ฆ่า ขโมยและทำลาย  ก็คือมารซาตานนั่นเอง ความชั่วร้ายทุกประการ มาจากความกลัวที่มันส่งเข้ามาก่อน กลัวว่าเขาจะมาแย่งตำแหน่งเรา เพราะฉะนั้น เลื่อยขาซะเลย วางแผนใส่ร้ายเขา อะไรอย่างนี้ นี่คือความกลัวทั้งนั้น กลัวว่าจะไม่มีกิน กลัวว่าจะเจ๊ง เพราะฉะนั้น โลภไว้ก่อน เอาเท่าไร ก็หยิบมาเอาไว้ก่อน โลกนี้มันพินาศก็อย่างนี้ จะเห็นภาพเลยว่าระบบของโลกใบนี้ อย่างเช่นเอาง่ายๆ โพลูชั่น มลภาวะเกิดจากโลกร้อน  มันก็เกิดจากความเห็นแก่ตัว ถามว่าเห็นแก่ตัวเพราะอะไร?  เพราะว่ากลัวไง เริ่มจากจุดเล็กๆ กลัวจะไม่มี กลัวจะไม่พอ  ก็เลยกอบโกย เป็นความโลภ การเกินพอดี เขาเรียกว่าโลภ คือการหามาใส่ตัวเอง พอดีๆ ก็ไม่ได้โลภ โลภ มันคือเกินพอ โลภ คือการเห็นแก่ตัว พอโลภมากๆ มันก็เกิดการเห็นแก่ตัว ทำลาย ทำร้ายโดยไม่รู้ตัว อย่างเช่นทำโรงงาน แล้วปล่อยน้ำเสียออกมา ปล่อยสารพิษออกมา เพื่อจะขายอะไรต่างๆ ที่ตัวเองทำมา เพื่อจะได้ความร่ำรวย อะไรอย่างนี้ แล้วมันก็จะเป็นระบบซับซ้อนไปเรื่อยๆ ว่าทุกคนก็มีความกลัว ต่างคนต่างเห็นแก่ตัว แล้วก็ทำเพื่อตัวเอง และทำร้ายคนอื่น ทำลายโลกใบนี้  โดยไม่รู้ตัว เยอะแยะไปหมด ท่านก็สามารถเอาตรงนี้ไปวิเคราะห์ ทุกเรื่อง ทุกเหตุการณ์บนโลกใบนี้ได้ มันเกิดจากความกลัวทั้งสิ้น เมื่อขจัดความกลัวได้ สิ่งเหล่านี้ ก็จะลดน้อยลง

เพราะฉะนั้น เมื่อพระเจ้าบอกเราว่าอย่ากลัว ก็แสดงว่าพระองค์สามารถทำให้เราไม่กลัวได้  แล้วเมื่อพระองค์บอกว่าอย่ากลัวเลย บางคนไม่เข้าใจ พอพระเจ้าบอกว่าอย่ากลัว บางคนก็บอกว่าพระเจ้ากำลังตำหนิเราว่า …

“เจ้ากลัว ทำไมไม่เชื่อ นี่พ่อนะ ทำไมไม่เชื่อพ่อ  เจ้าทำบาปนะ เจ้ากลัว แทนที่จะเชื่อ เจ้ามีความเชื่อน้อยจริงๆ เลย ทำไมกลัวล่ะ”

ไม่ใช่ท่าทีของพระเจ้า  อย่าลืมว่าพระคัมภีร์บอกพระเจ้าเป็นความรัก เป็นความบริสุทธิ์ เป็นความดีงาม ในพระองค์ไม่มีความมืดเลยแม้แต่นิดหนึ่ง  ไม่มีความชั่วร้ายเลย  ตรงกันข้ามกับมาร ในมารมีแต่ความชั่วร้ายอย่างเดียวโดดๆ 100% คือชั่ว ดำมืด ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีขาวเลยแม้แต่นิดเดียว  เพราะฉะนั้น พระเจ้าเป็นความดีงาม

ดังนั้น เวลาพระเจ้าบอกเราว่าอย่ากลัวเลย พระเจ้าพูดในท่าทีที่ไม่ใช่ตำหนิเรา ไม่ใช่ท่าทีที่ว่าจะกล่าวตักเตือนเรา  ไม่ได้ตั้งใจจะตักเตือนเรา  หรือกำลังบอกเราว่าเจ้าไม่ดี  ไม่เชื่อพ่อ พ่อบอกอย่ากลัวเลย  ไม่ใช่ ไม่ใช่ท่าทีนั้น ฟังให้ดีๆ นะ ถ้าท่าทีอะไรล่ะ ตรงกันข้ามกับที่เราคิด หรือมารพยายามใส่ภาพพระเจ้าให้เราเห็นว่าพระเจ้าโกรธมาก เราไม่เชื่อ ไม่ใช่เลย  แต่พระเจ้าเวลาพูดกับเราว่าอย่ากลัวเลย  เป็นท่าทีของความรัก ความห่วงใย เป็นการแสดงการปกป้องคุ้มครอง ดูแล เป็นการแสดงถึงความรัก ความหวงแหน ความห่วงใย การป้องกันภัยให้กับลูกเล็กๆ  ที่กำลังกลัว ตกใจ

ถ้ายังไม่เห็นชัด ผมจะยกตัวอย่างให้เหมือนเรามีลูกเล็กๆ เวลาเขาหกล้ม ถูกแมลงกัด ถูกน้ำร้อนลวก หรือถูกรังแก ตกใจกลัว วิ่งมาหาพ่อแม่ เราคิดดู แล้วเราบอกว่า …

“ทำไมไม่เชื่อฉัน”

ไม่ใช่เลย เราทั้งหลายก็เป็นลูกเล็กๆ ของพระเจ้า แล้วพระเจ้าทำอะไรกับเรา แล้วเราทำอะไรกับลูกของเรา เหมือนกัน ลูกวิ่งเข้ามาหาเรา ถูกรังแก หรือถูกแมลงกัดต่อย ถูกไฟช๊อต ถูกน้ำร้อนลวก อะไรต่างๆ วิ่งมา ตกใจกลัว พอเจ็บปุ๊บ ลูกจะร้องหาพ่อแม่ก่อนเลย ร้องว่าอย่างไร?

“พ่ออยู่ไหน? แม่อยู่ไหน?”

แล้วเราก็จะตอบว่า “แม่อยู่นี่ … พ่ออยู่นี่แล้ว อย่ากลัวเลย ไม่เป็นไรหรอกนะ แม่จะทายาให้ ไม่ต้องกลัวๆ” แล้วคนไทยเราชอบทำอะไร? “โอมเพี้ยง หายแล้วๆ”

นี่คือท่าทีที่พระเจ้าบอกเราว่าอย่ากลัวเลย  พระเจ้าทำกับเราอย่างนี้เหมือนกัน หลังจากที่บอกเราว่าอย่ากลัวๆ เลย เพราะเราอยู่กับเจ้า ไม่เป็นไร เราอยู่ที่นี่แล้ว พ่อแม่อยู่ที่นั่นแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้ว อย่างนี้ เหมือนกัน ตอนนี้ เรากลัวหมด รายได้ไม่มี รายได้ขาด มองไปมืดไปหมดเลย โรคภัยไข้เจ็บก็เยอะ ออกจากบ้านก็ไม่ได้ แล้วมันจะถึงเมื่อไร? อีกกี่ปี? กี่เดือน?  ถึงจะกลับมาคืนปกติได้  เรากลัว เป็นเรื่องธรรมดา ถูกน้ำร้อนลวก เซ้นต์มันก็บอกกลัว  ถูกยุงกัด ถูกแมลงกัดต่อย ตกใจ ถูกคนเขาข่มเหงรังแก ถูกคนเขาขู่ ตกใจ วิ่งไปหาพ่อแม่ เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ตอนนี้ท่านถูกขู่ จากระบบของโลกใบนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดา ติดเชื้อไวรัส ไวรัสมีตัวใหม่มาอีก 30 ตัว 50 ตัว ทำมาหากินไม่ได้แล้ว จะอยู่อย่างไร? เกิดความกลัวทั้งนั้น เป็นเรื่องธรรมดา วิ่งไปหาพ่อเราเลย ไปหาพระเจ้า แล้วพระเจ้าก็จะกอดเรา แล้วบอกเราว่าเราอยู่กับเจ้าแล้ว เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าไปไหนเลย  เราจะไม่ละเจ้าเลย เราอยู่กับเจ้าตลอดเวลา แม้ขณะที่เจ้านอน เราก็อยู่ด้วย เรามองอยู่ตลอด ไม่ต้องกลัว เรารักเจ้า ไม่มีอะไรจะทำร้ายเจ้าได้เลย โอ๋ๆๆๆ เพี้ยงๆ ไม่ต้องกลัวนะ

เพราะฉะนั้น พระเจ้าบอกว่าอย่ากลัว เราคือพ่อของเจ้า เราจะชูเจ้าขึ้น ด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา แล้วบอกว่าจงนิ่งเสีย และรับรู้ว่าพ่อที่สถิตอยู่ในเจ้า เป็นพระเจ้านะ พ่อที่อยู่ในเจ้า เป็นพระเจ้า เอาอีกครั้งหนึ่ง พ่อเป็นพระเจ้านะ จงนิ่งเสีย และรับรู้เถิดลูกเอ่ย พ่อมีฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่สูงสุด เป็นพระเจ้าผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย  ผู้ทรงฤทธานุภาพอำนาจยิ่งใหญ่สูงสุด ผู้ทรงกระทำทุกสิ่งทุกอย่างได้  ไม่มีใครมาทำอะไรเจ้าได้เลย แม้แต่นิดเดียว พระเจ้าผู้นี้แหละ ที่เป็นพ่อของเจ้า  และเจ้าเป็นลูกของเรา  ซึ่งเรารักอย่างมากมาย  เพราะฉะนั้น โอ๋ ไม่ต้องกลัวนะ พ่ออยู่กับเจ้าแล้ว นี่คือท่าทีของพ่อเรา คือพระเจ้า ที่สถิตอยู่กับเราแล้ว ตอนนี้  ใน 1 เปโตร 5:7 บอกไว้อย่างนี้ ความรู้สึกของพ่อกระวนกระวายใจมากเลย เมื่อเห็นลูกวิตกกังวล อย่ากลัว

1 เปโตร 5:7 “จงละความกังวลทั้งสิ้นของท่านไว้กับพระองค์  เพราะพระองค์ทรงห่วงใยท่าน”

 

“จงโยนเอาความวิตกกังวล ความกลัวต่างๆ มาให้เราเลย มาให้พ่อ พ่อดูแลเองได้ เพราะว่าพ่อห่วงใย พ่อรักและดูแลเจ้าได้ ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัว” นี่คือท่าทีของพ่อ

เรามาสรุปง่ายๆ เป็นหัวข้อชัดๆ ว่าเพราะอะไรเราจึงไม่ต้องกลัวเกินกว่าเหตุ เราจึงสามารถชนะความกลัว และอยู่ตรงนั้นได้ความกลัว ไม่สามารถทำร้ายเราได้อีกต่อไปแล้ว ก็เพราะว่า …

(1) พระจ้าสถิตอยู่ในเรา 3 พระภาคเลย พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตรพระเยซู พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในเรา

(2) พระเจ้าทรงรักเรา และอยู่เคียงข้างเราเสมอ ไม่เคยทอดทิ้งเราเลย แม้แต่นิดหนึ่ง  ไม่เคยห่างแม้แต่นิดหนึ่ง อยู่ในพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์ ไม่มีใครมาทำร้ายเรา ทำอันตรายเราได้เลย แม้แต่นิดเดียว  มั่นใจตรงนี้ไว้ บอกกับตัวเองไว้

(3) พระเจ้าทรงหวงแหนเรา ยิ่งกว่าแม่ไก่ดูแลลูกไก่ ปกป้องคุ้มครองเรา จากสิ่งชั่วร้าย สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายได้

(4) พระเจ้าผู้นี้ที่สถิตอยู่ในเรา สามารถกระทำทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกสถานการณ์ ที่เกิดขึ้นกับเรานั้น ให้มันเป็นผลดี เอื้ออำนวยให้เป็นผลดี สำหรับเรา ลูกของพระองค์ได้อย่างแน่นอน เพราะว่าพระองค์ทรงรักเรามาก พระองค์มีกำลังที่จะทำได้  ไม่ว่าสถานการณ์เกิดขึ้นกับเราจะเป็นเช่นไรในความคิดของเรา  มันอาจจะไม่ดี  มันอาจจะรู้สึกไม่ชอบใจ มันอาจจะทุกข์ อาจจะอะไรต่างๆ  แต่พระเจ้าสามารถทำให้สิ่งเหล่านั้น มันกลายมาเป็นผลดีสำหรับเราได้ พระคุณของพระองค์เพียงพอเสมอ สำหรับเราที่เป็นลูกของพระองค์ และฤทธิ์อำนาจของพระองค์จะทวีคูณขึ้นเต็มขนาดในความอ่อนแอของเรา  ที่เป็นลูกของพระองค์

ฉะนั้น สรุปสุดท้าย ก็คือวิธีที่จะเอาชนะความกลัวนั้น กดความกลัวลง ไม่ให้มันมีอิทธิพลในชีวิตของเราได้  ให้มันเป็นแค่ความรู้สึกเป็นแค่ระบบของโลกใบนี้ ที่เป็นร่างกายของเรา  ที่สัมผัสได้ วิธีที่จะเอาชนะความกลัวเหล่านี้  สรุปแล้ว วิธีแก้ไข ก็มี 2 ทาง ในทางวิญญาณกับทางร่างกาย  สรุปง่ายๆ สั้นๆ นะ

วิธีชนะความกลัวในทางวิญญาณ ก็คือ …

(1) ให้ใส่ข้อมูลของพระเจ้า ก็คือถ้อยคำของพระเจ้า ซึ่งเป็นความจริงว่าเราเป็นใคร? ที่เราเชื่อแล้วว่าเป็นใคร? ใส่ข้อมูลของพระเจ้า ถ้อยคำของพระเจ้าเข้าไปในสมอง ความคิดของเราเยอะๆ  นี่ในทางวิญญาณ

(2) อธิษฐานวิงวอนขอบพระคุณ

(3) จดจ่อที่เบื้องบน จดจ่อไปที่สวรรค์ ที่พระเจ้าสถิตอยู่ จดจ่อไปที่พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตรพระเยซู พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ในร่างกายของเรา จดจ่อไปที่นั่น ให้รู้ตัวตลอดเวลา

(4) ให้ใคร่ครวญถ้อยคำพระเจ้า  เหมือนที่เราได้ฝึกกันมา นั่งนิ่งๆ แล้วทบทวนถ้อยคำพระเจ้า ภาวนาถ้อยคำพระเจ้า …     นี่คือทางวิญญาณ

วิธีชนะความกลัว ในทางร่างกาย เรายังอยู่บนโลกใบนี้อยู่ ร่างกายก็มีระบบของร่างกาย มีกฎเกณฑ์ของเขาอยู่ เพราะฉะนั้น เราต้องเชื่อฟัง เคารพกฎเกณฑ์นี้ด้วยเช่นเดียวกัน  ก็คือ …

(1) ทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ไม่มีเวลาจะอธิบายให้ละเอียดทั้งหมด พอจะหาข้อมูลได้  เพราะอาหารสำคัญมาก สามารถทำให้เราเกิดความกลัวได้ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจจะกลัว ให้เราลดความกลัวได้ ก็เพราะอาหารสำคัญด้วย

ยกตัวอย่างที่เคยคุยกันเมื่อหลายปีก่อน อย่างเช่นลดน้ำตาลลง แป้งขัดขาว น้ำมันที่ไม่ดี น้ำมันที่ผ่านกรรมวิธี ก็ค่อยๆ หาเวลามาทบทวนกัน เพราะฉะนั้น ต้องดูแลสุขลักษณะของเรื่องอาหารการกิน

(2) ต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ต้องบังคับตัวเอง ไม่ใช่กลางคืนเล่นเกม เล่นอะไรก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่นอนอะไรต่างๆ เขาให้กักตัวเองอยู่บ้าน มีเวลาก็พักผ่อนเยอะๆ การพักผ่อนนอนหลับ ทำให้สู้กับโควิดได้ดีด้วย และสู้กับทุกอย่างได้ รวมทั้งสู้กับความกลัวได้ด้วย  ยังไม่มีเวลาอธิบายอย่างละเอียดในเรื่องนี้

(3) ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ อันนี้ก็ใช่  เวลาเรากลัวมากๆ  พอออกกำลังกายปุ๊บ ความกลัวหายไปเลย  อันนี้เรื่องจริงนะ  ส่วนจะหายไปมากน้อยเพียงใด ค่อยมาศึกษากัน ออกกำลังกายบ้างตามสมควร

วิธีเอาชนะความกลัว … ลดความเครียดลง อันนี้ก็ใช่ เมื่อเวลาเรายิ่งเครียด ระบบในร่างกายมันลวนหมด ความกลัวก็จะเพิ่มพูนขึ้น ไม่สามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่ อย่างเช่น …

(1) ไม่เสพข่าวที่เป็นทางลบจนเกินไป  พอประมาณ พอเป็นข่าวสาร เป็นความรู้ พอจะปฏิบัติตัวอย่างไร? พอแล้ว ไม่ต้องให้มันเยอะ ให้มันสมดุล

(2) มีเวลาก็ภาวนาถ้อยคำพระเจ้าบ้าง  อ่านถ้อยคำพระเจ้า ภาวนา ท่องถ้อยคำพระเจ้า  สงบๆ  อยู่กับบ้านตอนนี้ มีเวลาเยอะหน่อย  แล้วก็พยายามที่จะทำสิ่งเหล่านี้

(3) แล้วถ้าทำไม่ได้จริงๆ ทำอย่างไร? บางครั้งก็ต้องปรึกษาแพทย์ บางครั้งไม่ได้เกี่ยวกับโลกวิญญาณแล้ว อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความเชื่อน้อย ไม่ใช่ มันเกี่ยวกับความเจ็บไข้ การป่วยทางด้านความคิด ธรรมดา ก็ปรึกษาแพทย์ได้ว่าเราควรทำอย่างไร? นอนไม่หลับ เครียดทำอย่างไร?  อย่าปล่อยให้มันสะสมมากจนกระทั่งแก้ไม่ได้ อธิษฐานกับพระเจ้า ปรึกษากับผู้รู้ที่เป็นคริสเตียน เป็นพี่น้อง คริสเตียน อธิษฐานร่วมกัน ปรึกษาหารือกัน พระเจ้าก็จะชี้ทางออกให้กับเรา

นี่คือขอบเขตคร่าวๆ ที่จะเอาชนะความกลัวในช่วงนี้  ซึ่งถ้าท่านปฏิบัติตัวตามนี้ ตามวิธีต่างๆ ที่บอกมาแล้ว ผลที่จะได้รับ คืออะไร? ฟิลิปปี 4:7 จะไปถึงท่านแล้ว

ฟิลิปปี 4:7 “แล้วสันติสุขของพระเจ้า ซึ่งเกินความเข้าใจ จะปกป้องความคิดจิตใจของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์”

 

“แล้วสันติสุขของพระเจ้า ซึ่งเกินความเข้าใจของมนุษย์ จะปกป้องความคิดจิตใจของท่าน ไม่ให้มีความกลัวเกิดขึ้น จนเกินกว่าเหตุไว้ในพระเยซูคริสต์”

ในนี้ไม่ได้บอกว่าแล้วความร่ำรวยของพระเจ้า ซึ่งเกินความเข้าใจ ไม่ได้บอกอย่างนั้น

ในนี้ไม่ได้บอกว่าแล้วความสุขของพระเจ้า ซึ่งเกินความเข้าใจ ก็ไม่ได้บอก ความสุขนะ เกี่ยวกับร่างกาย

แล้วก็ไม่ได้บอกว่าแล้วสุขภาพที่แข็งแรงอย่างมากมาย ที่พระเจ้าจะให้กับท่าน ซึ่งเกินความเข้าใจ ก็ไม่ได้บอกไว้อย่างนั้น

แล้วมีอะไรอีก แล้วท่านจะไม่มีปัญหาทั้งปวงเลย  ก็ไม่ได้บอกอย่างนั้น แต่ในนี้บอกว่า แม้อยู่ท่ามกลางปัญหา ความลำบากลำบน ความทุกข์ยากร่วมกับพี่น้องมวลมนุษยชาติบนโลก ที่ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เขาประสบกับความทุกข์ยากลำบากอะไรต่างๆ นานาอย่างไร? เราก็ไม่ต่างอะไรกับเขา เราก็เป็นมนุษย์อยู่บนโลกใบนี้  แต่ถ้าเราเชื่อในพระเจ้า และวางใจในพระองค์ กระทำตามนี้ได้ สันติสุข คือความสงบของพระเจ้า ซึ่งเกินกว่าความคิดของมนุษย์ เราไม่เข้าใจ เราไม่นึกว่าเราจะทำได้ขนาดนี้  จะปกป้องความคิดจิตใจของเรา ไว้ในพระคริสต์ เราจะไม่กลัวจนเกินไป

เพราะฉะนั้น จงจำไว้ว่าไม่ว่าสถานการณ์ต่อหน้าเราจะเป็นเช่นใด  พระเยซูคริสต์จะทรงนำหน้าเราอยู่เสมอ พระองค์จะจูงมือเราผ่านสถานการณ์เหล่านั้นได้ และได้ด้วยดีทุกครั้งเสมอ เพราะฉะนั้น จงจำไว้ว่าไม่ว่าสถานการณ์ตอนนี้  ที่ท่านเห็น ที่ท่านได้ยิน ที่ท่านได้ฟัง ที่ท่านประสบอยู่เป็นส่วนตัวของท่าน เป็นส่วนตัวของกลุ่มของท่าน  ส่วนครอบครัวของท่าน  ส่วนของประเทศ ทำให้เกิดความหวาดกลัว ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร?  จะเลวร้ายอย่างไร? หรือจะดีขึ้น หรือจะเลวร้ายที่สุดอย่างไร? จงจำไว้ว่าพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตรพระเยซูคริสต์ และพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตอยู่ในท่าน ในผู้เชื่อ และพระองค์จะจูงมือผ่านสถานการณ์เหล่านั้นได้  ไม่ว่าสถานการณ์เหล่านั้น จะเลวร้ายขนาดไหน? ตามที่เราคิดก็ตาม พระเจ้าสามารถพาเราผ่านได้ พระคริสต์จะทรงนำหน้าเราทุกฝีก้าวในชีวิต จนกระทั่งถึงนิรันดร์ ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

**********************