คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2019 เรื่อง “สำเร็จแล้ว … เราได้รับชีวิตใหม่ วิญญาณใหม่ ความคิดจิตใจใหม่เรียบร้อยแล้ว” ตอน 6 โดย นคร เวชสุภาพร

คำบรรยายวันอาทิตย์ที่  16  มิถุนายน  2019

 เรื่อง “สำเร็จแล้ว … เราได้รับชีวิตใหม่  วิญญาณใหม่

ความคิดจิตใจใหม่เรียบร้อยแล้ว” ตอน 6

โดย นคร  เวชสุภาพร

            วันนี้ผมใช้หัวข้อเรื่องว่า “เราได้รับชีวิตใหม่ วิญญาณใหม่ ความคิดจิตใจใหม่เรียบร้อยแล้ว” นี่คือข่าวดี มาพูดถึงวันกำเนิดคริสตจักรใหม่ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้พูดไปแล้ว เป็นวันเพ็นเทคอส เป็นวันก่อตั้งของ 2 คริสตจักรนี้ ทางโลกวิญญาณและโลกวัตถุ เผอิญมันเป็นวันเดียวกันพอดี แต่ห่างกัน วันเพ็นเทคอส ของเราครบรอบ 26 ปีกับของพระเจ้าฉลองไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ครบรอบประมาณ 2,000 ปี

พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่าหลังจากเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริสต์ ในวันอีสเตอร์แล้ว พระองค์ก็ได้ทรงปรากฎพระองค์ และอยู่กับเหล่าสาวกอีก 40 วัน จากนั้น ก็ทรงถูกรับ ลอยเข้าไปอยู่ในสวรรค์ ทางโลกวิญญาณ ต่อหน้าต่อตาผู้คนจำนวนมาก ซึ่งเป็นพยานในวันนั้น บันทึกเอาไว้ในหนังสือกิจการ

และในมาระโก บทที่ 16 บันทึกเหตุการณ์อย่างนี้ว่าพระเยซูคริสต์ถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ ประทับที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า  … ลอยขึ้นไปนั่งในสวรรค์ ที่แห่งหนึ่งในโลกวิญญาณ ที่มองไม่เห็น เรียกว่าสวรรค์ ซึ่งก่อนที่พระเยซูจะถูกรับไปอยู่บนสวรรค์กับพระเจ้า คือในช่วง 40 วันที่อยู่กับเหล่าสาวก ที่เดินสอนกับเหล่าสาวก หลังจากเป็นขึ้นจากความตายแล้ว พระองค์ก็ได้ทรงบอกไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่าพระองค์จะต้องจากไปเร็วๆ นี้ และได้ทรงสัญญาว่าเมื่อจากไป จะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้มาสถิตอยู่ด้วยกันกับพวกเธอ หรือกับมนุษย์นั่นเอง ตอนพูดตอนนั้น ไม่มีใครเข้าใจ แต่มีคนจดว่าพระองค์พูดอะไร? แล้วค่อยมาเข้าใจทีหลัง

เคยมีใครตั้งคำถามไหมครับว่าทำไมพระเยซูต้องถูกรับขึ้นไปบนสวรรค์ด้วย? ทำไมพระเจ้าถึงไม่ให้พระเยซูอยู่กับมนุษย์ เดินอยู่บนโลกใบนี้ หลังจากเป็นขึ้นจากความตายตลอดไปเลย บางคนบอกว่าพระเจ้าให้พระเยซูอยู่กับมนุษย์อย่างนั้นนะ รับรองป่านนี้คนทั้งโลกเชื่อพระเจ้าหมดแล้ว นี่คิดแบบมนุษย์

เรื่องราวข่าวประเสริฐของพระเยซู มักจะมีคนตั้งคำถามว่าทำไมอย่างนั้น ทำไมอย่างนี้ คิดตามภาษาปัญญามนุษย์ เรื่อยเปื่อย เราจะมาดูคำตอบกัน พระองค์เป็นคนตอบว่าทำไมพระองค์ต้องจากไป เพื่ออะไร? ยอห์น 16:7

ยอห์น 16:7 “เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่าการที่เราจะจากพวกท่านไป ก็เพื่อผลดีของพวกท่าน ถ้าเราไม่ไป องค์ที่ปรึกษาก็จะไม่มาหาพวกท่าน แต่ถ้าเราไป เราจะส่งพระองค์มาหาพวกท่าน”

 

พระเยซูตอบเองเลยว่าเหตุผลที่พระองค์ถูกรับขึ้นไปอยู่บนสวรรค์กับพระเจ้า ก็เพื่อมนุษย์จะได้มีโอกาส มีองค์ที่ปรึกษามาอยู่ด้วย องค์ที่ปรึกษาในนี้ ก็คือพระวิญญาณ คือพระเจ้านั่นเอง ในรูปแบบของพระวิญญาณ 1 ใน 3 พระภาค พระเจ้า พระบิดา พระเจ้า พระบุตร พระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ คือพระเจ้ามาสถิตอยู่กับมนุษย์นั่นเอง ถ้าพระเยซูไม่เข้าไปอยู่ในโลกวิญญาณ พระเจ้าก็ไม่สามารถมาอยู่ในร่างกายของมนุษย์ได้ พูดง่ายๆ อย่างนี้

วันเพ็นเทคอสที่เราได้ฉลองกันไป เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็คือวันที่องค์ที่ปรึกษา หรือองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็คือพระเจ้าได้มาอยู่กับมนุษย์เป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ มาจนถึงทุกวันนี้ ประมาณ 2,000 ปี เราจึงฉลองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ถ้าพระเยซูยังคงเป็นมนุษย์ เดินอยู่กับพวกเราบนโลกใบนี้ คิดให้ดีๆ แล้วที่บอกว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับผู้เชื่อทุกคน มันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะพระเยซูต้องอยู่ทีละแห่งๆ แล้วอยู่กับทุกคน ทำอย่างไร? ประชากรโลกมีจำนวนมากมาย หลายพันล้าน มันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น พระเจ้าต้องมาในรูปแบบของวิญญาณ เพราะว่าพระเยซูไม่ใช่วิญญาณอีกต่อไป พระเจ้า พระบิดาเป็นวิญญาณ พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นวิญญาณ แต่พระเยซูเป็นมนุษย์ และเป็นวิญญาณด้วย คือเป็นมนุษย์และเป็นพระเจ้าพร้อมกัน

ถ้าพระเยซูเป็นวิญญาณ ก็ไม่เป็นประโยชน์อะไรกับเราเลย แต่ถ้าเป็นมนุษย์ ก็คือเป็นต้นพันธุ์ เป็นเผ่าพันธุ์  เป็นหัวหน้าเราอีกทีหนึ่ง และหัวหน้าของเราชนะแล้ว เอเมน อาดัมก็เป็นหัวหน้าเราในอดีต แต่อาดัมแพ้

เพราะฉะนั้น แผนการของพระเจ้า ก็คือส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้มาเป็นตัวแทนของพระเยซู มาอยู่กับพวกเราทุกคน ทุกวันนี้นั่นเอง แผนการนี้วางไว้ตั้งแต่ก่อนสร้างโลกแล้ว ถ้ามนุษย์ตกลงไปในความบาป จะทำอย่างนี้  คือสรุปสุดท้ายให้พระวิญญาณพระเจ้าลงมาสถิตอยู่กับมนุษย์ทุกคนอีกครั้งหนึ่ง แต่พระเยซูต้องเข้ามาทำงาน ก็ว่ากันไป เอเมน ยอห์น 16:13-15 ลองอ่านดูว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์อธิบายอย่างไรว่าพระองค์จะมาทำอะไร? อย่างไร? ในร่างกายเรา

ยอห์น 16:13-15 “13 เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเสด็จมา พระองค์จะทรงนำพวกท่าน ไปสู่ความจริงทั้งมวล พระองค์จะไม่ตรัส โดยลำพังพระองค์เอง แต่จะตรัสเฉพาะสิ่งที่ทรงได้ยิน และจะทรงแจ้งแก่พวกท่าน ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น 14 พระองค์จะทรงนำเกียรติสิริมาให้เรา โดยการนำสิ่งที่เป็นของเรา มาสำแดงแก่พวกท่าน 15 ทุกสิ่งที่เป็นของพระบิดา ก็เป็นของเรา ฉะนั้น เราจึงกล่าวว่าพระวิญญาณจะทรงนำสิ่งที่เป็นของเรา มาสำแดงแก่พวกท่าน”

 

“เรา” คือพระเยซู เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริง คือพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมา พระองค์จะทรงนำพวกท่าน

“พวกท่าน” ก็คือใครก็ตาม มนุษย์คนใดก็ตาม ที่เชื่อในข่าวดีของพระเยซูคริสต์ เชื่อในการกระทำของพระเยซูบนไม้กางเขน เชื่อว่าพระองค์เป็นพระเจ้า มาช่วยเหลือ เป็นผู้ช่วยให้รอด คนนั้นแหละ

พระองค์จะทรงนำพวกท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล ความจริงที่พระเยซูกำลังพูดตรงนี้ ทำให้เราเป็นไท แล้วอะไรคือความจริงทั้งมวล คำตอบก็ต้องมาจากพระคัมภีร์ อ่านดูต่อ ยอห์น 14:26 พระองค์ตอบเอง

ยอห์น 14:26 “องค์ที่ปรึกษา คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรา จะทรงสอนสิ่งทั้งปวงแก่พวกท่าน และจะให้พวกท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวกับพวกท่าน”

 

เอเมน พระบิดาจะส่งพระวิญญาณมาในนามของพระเยซู เพราะเราเริ่มต้นเชื่อที่องค์พระเยซู เป็นพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ ตายที่ไม้กางเขน ไถ่บาปให้กับเรา  ทางพระเยซูนั่นเอง พอใครเชื่อแบบนี้ปุ๊บ พระเจ้าก็จะทำให้คนนั้นเกิดใหม่ แล้วส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาอยู่ในร่างกายของเขา นั่นคือความจริง และพระวิญญาณผู้นี้ จะทรงสอนสิ่งทั้งปวงแก่พวกท่าน และจะให้พวกท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวกับท่าน

“เรา” คือพระเยซู และจะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์สอนท่าน และระลึกถึงคำพูดต่างๆ คำสอนต่างๆ อุปมาต่างๆ ที่เราไม่เข้าใจ ฟังแล้วงงไปงงมานั้น สอนเราอย่างละเอียดและเข้าใจดี โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์จะบอกกับท่านที่ในวิญญาณของท่าน เอเมน ขณะที่เราฟังคำบรรยายจากผู้บรรยาย หรือฟังคำพยานจากผู้ที่เป็นพยานเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า พระวิญญาณจะเป็นผู้อยู่ข้างในตัวเรา คอยเสริมให้กับเรา คอยบวกๆ ลบๆ อะไรที่ไม่ใช่ ก็บอกไม่ใช่ อะไรที่ใช่ ก็บอกใช่ บางครั้งอะไรที่ไม่ใช่ พระองค์บอกไม่ใช่ ในความคิดเราเคยบอกใช่ แต่ความตั้งใจของพระวิญญาณ คือกำลังสอนเราเกี่ยวกับเรื่องความจริง ที่พระเยซูบอกเราในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ซึ่งมันมีนิดเดียว ความจริงทั้งมวล ที่พระคัมภีร์จะมาสอน และมานำพวกเรา ก็คือความจริงทั้งมวลที่พระเยซูได้ตระเวนสั่งสอน ประกาศแค่ 3 ปีเอง ไม่เยอะเลย นิดเดียว ตอนที่ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ก่อนที่จะทำงานสำเร็จ ที่ไม้กางเขน

พระเยซูดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ 33 ปี แต่สอนจริงๆ แค่ 3 ปีสุดท้าย พระองค์ไม่ได้มาสอนศีลธรรม ไม่ได้มาสอนวิธีการทำความดี แต่มาสอนเรื่องเดียว 3 ปี ขมวดปมเลย สอนเรื่องสวรรค์ … สวรรค์กำลังมา จะเข้าสวรรค์ทำอย่างไร? สวรรค์เป็นอย่างไร? แค่นั้นเอง แล้วทำไมสอน 3 ปี แค่นั้นพอแล้ว พอท่านเข้าสวรรค์จริงๆ ปุ๊บ พระวิญญาณจะเสด็จมาอยู่กับท่าน ข้างในตัวท่าน และพระองค์ก็จะทรงสอนท่านเอง เรื่องอื่น เรื่องศีลธรรม เรื่องความรักในโลกใบนี้ เรื่องอะไรก็ว่ากันไป พระวิญญาณก็จะเป็นพี่เลี้ยง เป็นสติปัญญา เป็นที่ปรึกษา พาท่านเดินไปด้วยกัน เอเมน

แต่ถึงแม้ว่าเราจะได้รับการสอน การทรงนำจากพระวิญญาณไปสู่ความจริงทั้งมวลแล้ว ในขณะเดียวกัน เหล่าวิญญาณชั่วทั้งหลายที่ยังคงวนเวียนอยู่บนแผ่นดินโลกนี้ มันยังคงทำงานอยู่ ก็คือพวกมารซาตานและสมุนของมัน คือกลุ่มทูตสวรรค์ที่ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์ สมุนของมาร พวกวิญญาณชั่วเหล่านี้ มันก็พยายามแยกย้ายกันทำหน้าที่ งานหลักของมารซาตาน ก็คือหลอกล่อมนุษย์ให้ต่อต้านพระเจ้า ให้กบฏต่อพระเจ้า เป็นศัตรูกับพระเจ้า ไม่เชื่อข่าวดีของพระเจ้าเหมือนเดิม แล้ววิธีการของพวกมาร มันใช้ในการล่อลวงมนุษย์ ก็คือทำให้ความจริงของพระเจ้าผิดเพี้ยนไป นี่คือหน้าที่ของมันเท่านั้นเอง มันไม่ได้มาหลอกเราแบบในหนัง ผีหลอก ไม่มี ไม่ต้องห่วง ว่ากันตามจริง มันมีน้อยกว่าพวกเราอีก ถ้าพระคัมภีร์บอกว่ามารและสมุนของมัน 1 ใน 3 ของทูตสวรรค์ของพระเจ้า ตกกระป๋อง กลายเป็นมาร แล้วก็วิญญาณชั่วต่างๆ ที่คอยหลอกล่อเรา ให้ไม่รู้ความจริงของพระเจ้า 1 ใน 3 ก็แสดงว่ามีพวกเราเหลือ 2 ใน 3 ยังไม่นับแม่ทัพใหญ่ คือพระเยซูคริสต์อีก ชัยชนะเหลือล้นแล้ว ไม่ต้องห่วง มันทำอะไรไม่ได้เลย หลอกไม่ได้ ตอนกลางคืนกระตุกขาเราไม่ได้ ที่บอกกระตุกขา บางทีเราเครียด ไม่ต้องไปฟังเลย ไม่มีหลอก ถ้ามันกระตุกได้ เรามีอีก 2 ใน 3 เขามี 1 ใน 3 สมมติเขามี 100 คน เรามี 200 ถ้ามันกระตุกนะ  พวกเราตบกระโหลกเลย หมายถึงพวกเราทางโลกวิญญาณ ถ้าเกิดมีอย่างนั้นจริงๆ ท่านไม่ต้องห่วง แต่ที่น่าห่วงที่สุด  ที่มันทำได้ ก็คือมันบิดพลิ้วความจริง ทำให้ความจริงไม่มาถึงมนุษย์ ตรงนี้ แค่นี้เอง เมื่อไรก็ตามที่ความจริงในข่าวดีของพระเยซูไม่มาถึงมนุษย์คนใด คนนั้นก็ยังอยู่ที่เดิม ก็ยังต่อต้านพระเจ้า ก็ยังเป็นทาสมารอยู่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้น วิธีการของมาร ก็คือทำอย่างไรก็ตามให้มนุษย์หลุดออกไปจากความรู้เรื่องความจริงของพระเจ้า เพื่อจะได้เป็นศัตรูกับพระเจ้าต่อไป ไม่ได้รับสิทธิอะไรต่างๆ ที่พระเจ้าทำไว้เลย

แล้ววิธีการที่พวกมารใช้หลอกมนุษย์ ที่ดีที่สุด ก็คือการขโมย พระเยซูบอกว่ามารมาเพื่อขโมย ฆ่า และทำลาย มันจะทำลายเราไม่ได้เลย ถ้ามันไม่เริ่มต้นด้วยขโมย ถ้ามันขโมยเงินเราไปได้   สมมติเรามีเงินในบ้าน   ใส่เชฟไว้    มารมันส่งวิญญาณชั่วมา    มองไม่เห็นเลย ทะลุเชฟได้ ไปเอาเงินได้ พระเจ้าส่งทูตสวรรค์มาอีก 2 เท่า เอาเงินมาใส่ให้เราเยอะขึ้นกว่าเก่า ไม่ต้องทำงานทำการแล้วตอนนี้ เข้าใจใช่ไหมครับ? มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ต้องห่วง สิ่งที่มันทำได้ ก็คือขโมยความจริง … ความจริงที่จะทำให้เราเป็นไท

ยอห์น 10:9-10 บันทึกไว้อย่างนี้ “9 เราเป็นประตูนั้น ผู้ใดเข้ามาทางเราจะรอด เขาจะเข้าออก และพบทุ่งหญ้า 10 ขโมยนั้นมาเพียงเพื่อลัก ฆ่า และทำลาย เราได้มา เพื่อเขาทั้งหลายจะมีชีวิตและมีชีวิตอย่างครบบริบูรณ์”

 

พระคัมภีร์บอกว่าความจริง คือพระเจ้าได้ประทานชีวิตใหม่ วิญญาณใหม่ ความคิดจิตใจใหม่ ให้กับท่านแล้ว ให้กับมนุษย์แล้ว ไปรับสิทธิได้ทันทีในพระเยซูคริสต์ 2,000 ปีมาแล้ว แปลว่าตอนนี้ท่านได้รับชีวิตใหม่จากพระเจ้าแล้ว ไม่ต้องรอ ตอนนี้ท่านได้รับวิญญาณใหม่แล้ว

ตอนนี้ ท่านได้รับจิตใจใหม่ ที่ติดกับวิญญาณท่านแล้ว

ตอนนี้ ท่านอยู่ในสวรรค์แล้ว

ขอบคุณพระเจ้า ท่านรู้ไหมกว่าเราจะมาอย่างนี้ได้ เราใช้เวลาคุยเรื่องนี้ไปกี่ปี? มันไม่ง่ายเลยนะ ท่านลองไปถามใครก็ได้ ที่เชื่อพระเจ้าแล้ว ท่านอาจจะไม่ได้คำตอบแบบนี้ ท่านจะเห็นมันง่ายๆ แต่มันไม่ง่าย เวลามารมันจะขโมย มันจะขโมยสิ่งเหล่านี้ไปก่อน ทำให้ข่าวดี กลายเป็นข่าวค่อนข้างดี พระเจ้าทำให้เราบริสุทธิ์สะอาดเรียบร้อยแล้ว 100% กลายเป็นพระเจ้าทำให้เราบริสุทธิ์สะอาดแล้ว 60% 50% ไม่มี ของพระเจ้า คือ 0 %  หรือ 100% ไม่มีตรงกลางๆ ฉันเป็นคนชอบธรรม กลางๆ คือฉันทำดีบ้าง ทำชั่วบ้าง เพราะฉะนั้น ฉันอยู่กลางๆ อยู่ประมาณ 50, 60% ไม่มี มีแต่ท่านเป็นศูนย์หรือท่านเป็นร้อย ท่านเป็นร้อยก็อยู่ในสวรรค์ ท่านเป็นศูนย์ก็อยู่ในสถานที่ที่ไม่มีพระเจ้าเหมือนเดิม เหมือนตอนที่พระเยซูยังไม่มาทำอะไรที่ไม้กางเขน นี่คือความจริงทั้งมวลในพระคัมภีร์ ที่พระเยซูบอกว่าความจริงจะทำให้ท่านเป็นไท แต่พวกมารไม่ต้องการให้มนุษย์เป็นไท เพราะมันต้องการควบคุมโลกใบนี้เหมือนเดิม มันต้องการให้มนุษย์เป็นพวกมัน คือเป็นศัตรูกับพระเจ้า

เพราะฉะนั้น วิธีการของมัน ก็คือทำให้ความจริงทั้งมวลเหล่านั้น เสียหาย ด้อยลง ถ้ามันเอาไปได้หมดเลย มันเอาไปหมด แต่ถ้ามันเอาไปไม่ได้ สมมติว่าเราได้รับข่าวดีมา 100%  ถ้าเป็นไปได้ มันคิดในใจเลย มันไม่เคยสงสารเราเลย มันจะขโมยทั้งร้อยนั้นไป แต่ถ้าเผื่อมีคนช่วยเรา พระวิญญาณช่วยเรา เราสนใจอะไรต่างๆ ศิษยาภิบาลมาช่วยกัน พี่เลี้ยงมาช่วยกัน ท่าทางช่วยได้ มันแค่มากที่สุด อาจจะได้ 30% คนๆ นั้นก็อยู่แบบกระท่อนกระแท่น เอาไป 70% ท่านพอเข้าใจไหม? แล้วเขาก็ไปประกาศข่าวดีกับคนอื่นต่อไป ประกาศไปได้แค่ 70 ไม่สามารถประกาศร้อยได้ เพราะเขารู้แค่ 70 เอง ก็ถูกขโมยไปแล้ว แล้วถ้าไปเรื่อยๆ ลูกเขาได้ 70 แล้วมาขโมยต่อ ไปถึงหลานได้ 50 ไปถึงเหลนได้เท่าไร? คิดในใจ ถึงเหลนน่าจะเหลือ 20 ไปถึงโหลนเหลือแค่นับถือศาสนาคริสต์ ก็ตามปู่ย่าตาทวดนั่นแหละ ไม่มีโบสถ์ ไม่อะไรทั้งสิ้น แต่ตามสำมะโนครัวเขียนว่าเป็นคริสต์ศาสนา ท่านพอเข้าใจไหม? ท่านพอมองเห็นภาพไหม? คนถามไม่รู้เรื่องเลย

แต่ท่านนั่งอยู่ขณะนี้ ท่านกำลังบอกว่าท่าน คือต้นพันธุ์ใหม่ที่เกิดและเรียนรู้จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านกำลังตอบเมื่อตะกี้มันเป็นความจริงที่รุนแรงมาก ท่านตอบขณะนี้ท่านอยู่ในสวรรค์แล้ว แค่ประโยคเดียว มารดิ้นพาดๆ เลย เพราะมันไม่อยากให้ใครรู้เลยว่าการเข้าสู่สวรรค์ มันเดี๋ยวนี้เลย ไม่ใช่ต้องรอตายไปก่อน มันเดี๋ยวนี้ทันทีเลย มันพิสูจน์ได้ทันทีเลย  ท่านจะได้เห็นภาพสงครามฝ่ายวิญญาณมันสู้กันแค่นี้ ไม่ต้องกลัวผีอีกต่อไป แต่เรากลัวความมืด มันชิน ไม่ได้ชินกับความมืดนะ ชินกับความกลัว เพราะเรากลัวความมืด ลองไม่เคยดูหนังผีเลยสิ เราไม่เคยฟังเรื่องผีเลย  มาหลอกเรา มันก็ไม่มี ข้อมูลมาให้เรากลัว จริงหรือไม่จริง อยู่เมืองจีน ผีก็เป็นแบบนี้ เดินตัวตรง ยื่นมือออกมา แล้วกระโดด อยู่เมืองฝรั่ง อยู่อเมริกา ผีก็แต่งตัวสวย แต่งเป็นแด๊กคูล่า มีผ้าคลุม เพราะมันหนาว มาผีไทย เปิดหมดเลย ใส่สไบอย่างเดียว บ้านอยู่สูง มือต้องยาว อะไรอย่างนี้ เราจะได้เห็นภาพไงว่าความจริงในโลกฝ่ายวิญญาณนั้น คืออะไร?

เพราะฉะนั้น พวกมารคอยจ้อง และพยายามที่จะเอาข่าวดีนี้ออกไป ตะกี้นี้เราอ่าน ขโมย มาเพื่อลัก ฆ่า และทำลาย แต่พระเยซูบอกว่าเรามาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และมีชีวิตอย่างครบบริบูรณ์ มันตรงกันข้าม ความจริง ก็คือเรื่องข่าวดีของพระเยซูคริสต์ น่าจะเป็นเรื่องเล่าวันนี้ เล่าทุกวันเลยว่าเมื่อ 2,000 ปีเกิดอะไรขึ้นที่โกละโกธา ในโลกวิญญาณมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และมีเหตุอะไรบ้าง ทุกวันเป็นใหม่ทั้งนั้น สามารถพูดได้ตลอด เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว จึงเรียกว่าข่าวเล่า แสดงว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่ข่าวเดาเอา มนุษย์สามารถเกิดใหม่ เป็นวิญญาณใหม่ เป็นความคิดจิตใจใหม่ เหมือนพระเจ้า บริสุทธิ์ผุดผ่อง เหมือนพระเจ้าเลย เหมือนพระเยซูเลย ทันทีเลย บนโลกใบนี้ ไม่ต้องรอให้ตายก่อน ไม่ต้องรอหมดลมหายใจ พระเจ้าได้วางแผนการนี้ไว้หลายพันปี ก่อนที่จะส่งพระบุตร คือพระเยซูคริสต์มากระทำให้สำเร็จบนไม้กางเขน โกละโกธา

ผมยกตัวอย่างข้อพระคัมภีร์ที่พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับการที่พระเยซูกระทำที่ไม้กางเขน อย่างชัดเจนว่าเป็นแผนการของพระเจ้าอย่างไร? ที่พระเจ้าบอกล่วงหน้า ในแผนการที่พระคัมภีร์บอกว่าการเผยวจนะ ในพระคัมภีร์เดิมทั้งหมดเลย นี่คือตอนหนึ่งในนั้น ที่ชัดเจนมาก เอเสเคียล 36:26-27 อันนี้บอกถึงเรื่องเพ็นเทคอส บอกถึงเรื่องพระเยซูทำสำเร็จที่ไม้กางเขน เกิดอะไรขึ้นอย่างไร? บอกก่อนล่วงหน้า ก่อนที่พระเยซูจะทำบนไม้กางเขน ประมาณพันปี

เอเสเคียล 36:26-27  “26 เราจะให้จิตใจใหม่แก่เจ้า และใส่วิญญาณใหม่ในเจ้า เราจะขจัดใจหินออกจากเจ้า และให้เจ้ามีใจเนื้อ 27 เราจะใส่วิญญาณของเราไว้ในเจ้า โน้มนำเจ้า ให้ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และใส่ใจ รักษาบทบัญญัติของเรา”

 

พระเจ้าตรัสว่า “เราจะให้จิตใจใหม่แก่เจ้า” พูดมาก่อนพระเยซูคริสต์จะมาเกิด ประมาณพันปี จิตใจ คือความคิดจิตใจที่ติดกับวิญญาณ

นี่คือแผนการที่พระเจ้าเปิดเผยไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะเอเสเคียล ตั้งแต่ก่อนที่พระเยซูจะมาเกิดเป็นมนุษย์ บอกว่า “จะ” จะให้จิตใจใหม่ จะให้วิญญาณใหม่ จะให้ชีวิตใหม่ และให้การดำเนินชีวิตแบบใหม่ ทั้งหมดนี้ จะให้เมื่อพระเยซูได้ทรงกระทำตามแผนการของพระองค์สำเร็จ แล้วพระเยซูก็ทำสำเร็จแล้ว ที่บนไม้กางเขน วันศุกร์ ตอนบ่าย 3 โมง  พระองค์ประกาศว่า “สำเร็จแล้ว” ภาษากรีกว่า “Telelestai” แปลว่า “สำเร็จแล้ว” หรือแปลได้อีกคำหนึ่งว่า “จ่ายหมดแล้ว” จ่ายหนี้ของมวลมนุษยชาติหมดแล้ว

“เธอสามารถมาสวรรค์ได้เดี๋ยวนี้เลย ทันทีเลย พิสูจน์ได้เลย ร่างกายของเธอจะเป็นวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะสถิตอยู่ด้วย ภาษาไทยเขาเรียกว่ามีองค์ เข้าใจคำว่ามีองค์ไหม? ไม่ใช่องค์ธรรมดา องค์ใหญ่สูงสุดเลย ไปที่ไหนองค์อยู่กับเธอเลย”

มันเป็นจริงตามนั้น มันน่าตื่นเต้น แผนการสำเร็จแล้ว Telelestai แล้ว ตามที่เราอ่านในเอเสเคียล บอกล่วงหน้าว่ามันจะเป็นอย่างนั้น พอสำเร็จแล้ว มันก็เป็นตามที่เขียน นี่คือความจริง ที่จะทำให้มนุษย์เป็นไท แต่น่าเสียดาย ความจริงต่างๆ นี้ ถูกบิดเบือนไปเยอะ มีทั้งบิดเบือน เพราะไม่รู้ ไม่เข้าใจ จนถึงเป็นการทำงานของพวกมาร สมุนของมัน  พยายามปิดบังตา พยายามหลอกล่อต่างๆ ที่จะเอาความจริงนี้ไปจากมนุษย์ และบิดเบือนโดยความเย่อหยิ่งของมนุษย์เองว่า …

“ฉันรู้ๆ”

แทนที่จะพึ่งพระวิญญาณ แทนที่จะค่อยๆ อธิษฐาน แล้วค่อยๆ สังเกตดูในพระคัมภีร์มันคืออะไร? พระคัมภีร์บันทึกไว้ชัดเจนว่าเราได้รับชีวิตใหม่ จิตใจใหม่ วิญญาณใหม่เรียบร้อยไปแล้ว ผมพยายามพูดเรื่อยนี้บ่อยมาก หลายปีนี้ พยายามเน้นคำหลังๆ ที่เขาไม่เน้น คือคำว่า “เรียบร้อยไปแล้ว” “ได้แล้ว” พยายามเน้น เพราะว่าตรงนี้ คือหัวใจของข่าวดีของพระเจ้า ข่าวประเสริฐของพระเจ้า เพราะก่อนพระเยซูมา มีแต่คนรอ เพราะรู้ว่าพระเจ้าจะประทานผู้ช่วยให้รอด มาช่วยเหลือมนุษย์ ทุกคนรู้ … รู้ระแคะระคายว่าวันหนึ่งจะมีคนมาช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากหนี้บาป เวรกรรม ความทุกข์ทรมานของมนุษย์ ลำบากลำบนไม่มีใครช่วยได้ เราต้องรอให้คนๆ หนึ่งที่มีบารมีมาเกิด รอ อันนี้รู้หมด แต่พอมาเกิดแล้ว เฉย ไม่รู้ว่าคนนี้มาเกิดแล้ว คือพระเยซูคริสต์นั่นเอง พระคัมภีร์บันทึกไว้ชัดเจนว่าได้รับชีวิตใหม่เรียบร้อยแล้ว ได้รับวิญญาณใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีคน มีคริสเตียนเรา มีผู้เชื่อ สอนกันว่าตอนนี้เรายังเป็นคนเดิม เป็นเหมือนเดิมอยู่ ต้องรอจนกว่าตายไปแล้ว ถึงจะได้รับการสร้างใหม่ ถึงจะได้ไปสวรรค์หรือเปล่า? ฟังให้ดีๆ นะ ถึงจะได้ของใหม่ ต้องรอให้จากโลกนี้ไปก่อน

บางคำสอน ฟังให้ดีๆ แม้จะมาเชื่อพระเจ้าแล้วก็ตาม ก็ยังต้องระวังตัวในการดำเนินชีวิต ต้องละเว้นจากการทำบาป ต้องคอยระวังไม่ให้สูญเสียความเชื่อ ต้องรักษาความเชื่อเอาไว้ และถ้าเรามาเชื่อพระเจ้าแล้ว ยังต้องคอยระวังรักษาความเชื่ออีก ยังต้องลุ้นว่ามีการกระทำอะไรบ้างที่เป็นบวกหรือเป็นลบอยู่ แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าพระคุณ Amazing Grace ได้อย่างไร? มันขัดกันมาก Amazing Grace คือฟรี เข้าใจไหมครับ เราก็ไม่มั่นใจเลยว่าตกลงเรารอดไหม? เชื่อพระเจ้าแล้ว ไหนบอกรอดแล้ว ไปอยู่สวรรค์แล้ว วันดีคืนดีมีบอกอยู่สวรรค์แล้วก็จริง แต่ต้องระวังตัวนะ อยู่บนโลกใบนี้ สุดท้ายต้องไปอยู่ต่อหน้า พิพากษาพระเจ้าอีก พระเจ้าจะดูว่าทำสมควรไหม?

“อ้าว ตกลง ฉันจะได้ไปสวรรค์ไหม?”

ไม่รู้ กลับมาที่เดิม เห็นไหม? ข่าวประเสริฐพระเจ้าเสียหายไปแล้ว ตะกี้บอกได้รับ สรุปตอนนี้ไม่ได้ ยังไม่แน่ใจว่าจะได้ เห็นไหม? สิ่งนี้เกิดขึ้นไหม? เกิดขึ้น แล้วเกิดขึ้นบ่อยด้วย เกิดขึ้นเยอะด้วย เราต้องเรียนรู้จักถ้อยคำพระเจ้าจริงๆ และอธิษฐานกับพระวิญญาณว่ามันคืออะไร? อยากรู้ๆ เดี๋ยวพระวิญญาณจะค่อยๆ สอนเราทีละนิดทีละหน่อย เวลาผมสอน ก็อย่าปักใจว่าอย่างนี้ใช่ ถูก ไปคิดดูว่าถูกไหม? ไปคิดตามเหตุผล ไปเปิดพระคัมภีร์ดูว่ามันจริงไหม? ว่ามันใช่ไหม? คุณนครพูดตามพระคัมภีร์หรือเปล่า? หรือพูดเอง แล้วตอนที่พูดพระคัมภีร์เหล่านั้น ไปศึกษาเองว่ามันใช่ไหม? มันคืออะไร? เรียนภาพรวมของข่าวประเสริฐ เรียนภาพรวมในพระคัมภีร์ 1 เล่ม ไม่ใช่เอาแค่เศษนิดๆ หน่อยๆ มาเรียน แล้วก็มาเดาเอาว่ามันเป็นอย่างนี้ แต่เอาภาพรวมว่าพระเจ้าคือใคร? ข่าวประเสริฐ คืออะไร? เหมือนเอาภาพรวมของช้างมารวมกัน แล้วเห็นว่าเป็นช้าง ไม่ใช่ไปจับ คลำงา แล้วก็บอกว่าช้าง จับคลำหาง แล้วบอกว่าช้าง จับแตะตัว แล้วบอกว่าช้าง มันถูกหมดแหละ แต่มันใช่ความจริงไหม?  ถามว่ามันถูกไหม?  ก็ช้างจริงๆ แต่ช้างไม่ใช่งา มีส่วนประกอบอีกต่างๆ ที่เป็นความจริง ที่จำเป็นต้องเรียนรู้ นี่แหละคือการงานของพวกเราทุกคนบนโลกใบนี้ 1 เปโตร 2:24 บันทึกไว้อย่างนี้ ลองอ่านดู นำมาให้ท่านเห็น เพื่อแยกแยะว่าอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วบ้าง?

1 เปโตร 2:24 “พระองค์เอง ทรงรับแบกบาปของเราทั้งหลายไว้ที่พระกายบนไม้กางเขนนั้น เพื่อเราจะได้ตายต่อบาป และมีชีวิตอยู่เพื่อความชอบธรรม และด้วยบาดแผลของพระองค์ พวกท่านได้รับการรักษาให้หาย”

 

โดยรอยแผลเฆี่ยนของพระเยซู เราได้รับการรักษาให้หาย คำว่า “ได้รับการรักษาให้หาย” ตรงนี้หมายถึงได้รับการรักษาให้หาย ทางวิญญาณ จากโรคบาป ซึ่งก็มีหลายคนเอามาใช้ผิด หมายถึงว่าโดยพระเยซูแล้ว เราจะต้องหายโรคภัยไข้เจ็บทางร่างกาย ทางวัตถุ ทุกอย่าง โดยรอยแผลเฆี่ยนของพระเยซูรักษาทุกโรค คำว่า “รักษาให้หาย” ในบริบทนี้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับโรคภัยไข้เจ็บทางร่างกายเลยแม้แต่นิดเดียว  เห็นไหม? ภาพรวมมันไม่ใช่เลย แต่เราเอาแค่นั้น แล้วเราก็ไปคิดของเราเอง

“รักษาให้หาย” คือหายจากโรคบาป เพราะวิญญาณเดิมของมนุษย์ ก่อนที่พระเยซูจะมาตายที่ไม้กางเขน ก่อนที่คนนั้นจะรับเชื่อในข่าวดีของพระเยซู วิญญาณเดิมของมนุษย์ก่อนที่จะได้รับการบังเกิดใหม่นั้น เป็นวิญญาณบาป เป็นวิญญาณที่สกปรก ไม่สามารถอยู่กับพระเจ้าได้ เป็นศัตรู เป็นปฏิปักษ์ พระเจ้าบอกขาว เขาบอกดำ พระเจ้าบอกไป ฉันไม่ไป อะไรก็ตามตรงข้ามกับพระเจ้าหมด พระเจ้าบอกรัก บอกฉันเกลียด ฆ่า ทำลาย อะไรอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ถ้าพระเจ้าต้องการจะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าให้มาสถิตกับมนุษย์ คิดให้ดีๆ พระองค์ก็ต้องทำให้วิญญาณของมนุษย์เป็นวิญญาณที่สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากบาปสะก่อน เช็ด ทำความสะอาดที่อยู่นี้ก่อน เพราะมันสกปรกอยู่ แล้วพระองค์จึงจะมาสถิตอยู่กับเราได้  ถูกไหม?

และวิธีทำให้มนุษย์สะอาด ก็คือโดยรอยแผลเฆี่ยนของพระเยซู ได้รักษาเราให้หายจากความสกปรกโสมม หายจากเชื้อโรค ไวรัสบาป หลุดออกไปเลย จากวิญญาณและความคิดจิตใจของเรา ที่เป็นตัวตนจริงๆ ของเรา เอาออกไปเลย และในการทำให้วิญญาณของมนุษย์สะอาดบริสุทธิ์ปราศจากบาปได้นั้น พระเจ้าจำเป็นต้องใช้วิธีการผ่าตัดเปลี่ยนใหม่ ไม่ใช่ซ่อมแซม เพราะมันเสียหายมาก เสียหายยับเยิน มันซ่อมไม่ได้แล้ว มันเป็นหัวใจที่เละแล้ว มีทางเดียว คือจะอยู่ต่อ ต้องเปลี่ยนหัวใจใหม่เลย  ต้องเปลี่ยนทั้งวิญญาณ ทั้งความคิดจิตใจเราใหม่  การรักษาของพระเจ้าไม่สามารถเปลี่ยนแค่บางส่วนได้ เปลี่ยนอะไหล่ได้ไหม? ไม่ได้ ถ้าเป็นรถ เขาก็เรียกว่าเปลี่ยนทั้งยวงเลย คือทั้งวิญญาณและความคิดจิตใจ ที่เป็นตัวตนของมนุษย์จริงๆ ตัวตนของเราที่จะอยู่ไปตลอด คือวิญญาณของเราและความคิดจิตใจของเรา ไม่สามารถมาเปลี่ยนอะไหล่ตรงนี้ได้ แต่ต้องเปลี่ยนหมด เปลี่ยนของจริง ของใหม่เลย ซึ่งฟังดูแล้ว ก็เหมือนว่าน่าจะเข้าใจได้ง่ายๆ แต่ในความเป็นจริง อย่างที่บอกไว้ มารมันจะพยายามบิดพลิ้ว ทำอะไรก็ได้ที่ให้เสียหายกับข่าวประเสริฐของพระเจ้า ในการที่จะขโมยความจริงนี้ไปจากมนุษย์ พยายามที่จะทำทุกวิถีทางที่จะทำให้มนุษย์ไม่ได้เป็นไทสักทีหนึ่ง ไม่ได้รับความจริงสักทีหนึ่ง การทำงานของมาร มีทั้งการทำงานผ่านทางกระแสของโลกใบนี้ ที่เขาดำเนินกัน อันนี้เรียกสติปัญญาของโลก อันนี้เรียกความรู้วิชาการของโลก ซึ่งทั้งหมดนี้ มันต่อต้านกับพระเจ้า ต่อต้านข่าวดีของพระเจ้าทั้งสิ้น ผ่านทางกระแสของโลกนี้ ผ่านทางข้อมูลข่าวสาร และกิเลสตัณหาของเราเอง ของมนุษย์ ของร่างกายที่เป็นวิหารนี้ มันยังมีกิเลสตัณหาอยู่ ผ่านทางคำสอนเท็จ จากผู้คนทั้งหลายที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ หรือจงใจก็ไม่รู้นะ สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา เพื่อขโมยเอาความจริงไปก่อน ค่อยๆ ขโมยความจริงไปทีละนิด แล้วค่อยๆ ฆ่าและทำลายแผนการของพระเจ้า ที่จะให้ชีวิตใหม่กับมวลมนุษยชาติ และให้ไปแล้วด้วย  แค่นี้เอง มารมันจ้องทำลาย โดยการฆ่า ขโมยความจริงไป แล้วฆ่าชีวิตนิรันดร์เสีย ไม่ได้แล้ว กลับไปอยู่ที่เดิม กลับไปตายเหมือนเดิม ไม่ได้รับชีวิตนิรันดร์ ไม่ได้เป็นลูกพระเจ้า เพราะความจริง ถูกขโมยไปแล้ว

วิธีการของมัน ก็คือขโมยเอาความจริง และหลอกล่อด้วยความเท็จทั้งหลาย เอามาใส่เรา ถ้าเผื่อขโมยไปหมด ดี ถ้าเผื่อไม่หมด เอาครึ่งหนึ่งก็ยังดี ถ้าไม่ได้ครึ่งหนึ่ง เอา 10% ก็ยังดี พยายามดิ้น สุดท้าย ไม่ให้ข่าวประเสริฐ 100% กับมนุษย์เด็ดขาด  เพราะกลัว เพราะนี่คืออาวุธสำคัญที่สุดของพระเจ้า และทำสำเร็จแล้ว ที่พระเยซูคริสต์มีชัยชนะ อยู่ที่ไม้กางเขน

โรม 2:5 ผมยกมาให้ท่านดู ท่านจะได้เห็นว่าวิญญาณเก่าของเราก่อนที่จะรับเชื่อในพระเจ้า ก่อนจะได้ข่าวดีของพระเจ้า มันเป็นลักษณะอย่างไร?

โรม 2:5 “แต่เพราะท่านใจแข็ง ดื้อด้าน และไม่ยอมกลับใจ ท่านจึงส่ำสมพระพิโรธให้แก่ตนเองไว้ สำหรับวันแห่งพระพิโรธของพระเจ้า เมื่อพระองค์ทรงสำแดงการพิพากษา อันชอบธรรม”

 

เห็นไหม ใจแข็ง จิตใจที่อยู่ตรงกันข้ามกับพระเจ้า เข้ากับพระเจ้าไม่ได้ เป็นศัตรูกับพระเจ้า ดื้อด้าน ไม่กลับใจเลย ฟังอะไรก็ไม่รู้เรื่องเลย เพราะจิตใจนั้นมันเป็นทาสมาร มันยังอยู่ในความบาป

กิจการ  7:51 “ท่านเหล่าประชากรผู้หัวแข็ง ผู้มีจิตใจและหูที่ไม่ได้เข้าสุหนัต ท่านก็เป็นเหมือนบรรพบุรุษของท่าน พวกท่านต่อต้านพระวิญญาณบริสุทธิ์เสมอ”

 

เหล่าประชากรผู้หัวแข็ง หมายถึงชาวอิสราเอล ผู้หัวแข็ง เขาประกาศข่าวดี ข่าวประเสริฐแล้ว แต่ได้บอกถึงลักษณะของวิญญาณพวกเขาว่าเป็นวิญญาณที่แข็งกระด้างต่อพระเจ้า เป็นศัตรูกับพระเจ้า พูดถึงสภาพลักษณ์วิญญาณเขาเป็นอย่างนั้น ผู้มีจิตใจและหูไม่ได้เข้าสุหนัต ก็คือหูทางฝ่ายวิญญาณไม่ได้อยู่ในทางพระเจ้า เข้าสุหนัต คือการทำพันธสัญญากับพระเจ้า การคืนดีกับพระเจ้า พูดง่ายๆ คือไม่ได้คืนดี การเข้าสุหนัตเป็นสัญลักษณะอันหนึ่งที่เล็งให้เห็นว่าเราต้องการคืนดีกับพระเจ้า ยื่นมือมา อันนี้ไม่ใช่ ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จักพระเจ้า ก็คือเป็นศัตรูกับพระเจ้า ท่านก็เป็นเหมือนบรรพบุรุษของท่าน ก็คือเหมือนชาวยิว สมัยก่อนพระเยซูจะมาเกิดนั่นแหละ พวกเขาเหล่านั้นทั้งหมดเลยนะ ก่อนหน้าพระเยซูคริสต์จะมาเกิดทั้งหมด รวมถึงกษัตริย์ดาวิด รวมถึงโมเสส อาโรนทั้งหมดเลย เป็นอย่างนี้หมด เป็นศัตรู เพราะวิญญาณเขาเป็นศัตรู พระเจ้าไม่ได้เข้าไปสถิตอยู่ข้างใน พระเจ้านำเขาอยู่ข้างนอก พระเจ้าต้องไปอยู่ในอภิสุทธิสถานที่ทำด้วยมือ คือพลับพลา ต้องมีสัญลักษณ์เป็นหีบพันธสัญญาว่าพระเจ้าอยู่ที่นี่ แต่บัดนี้ พระเยซูทำให้สำเร็จแล้ว คือพระเจ้าสามารถมาสถิตอยู่กับมนุษย์ได้แล้ว

นี่พูดถึงในอดีตก่อนที่จะเชื่อพระเจ้า ก่อนที่จะรับเชื่อในข่าวดีของพระเจ้า ก่อนที่วิญญาณจะเกิดใหม่ จิตใจของมนุษย์สกปรกอย่างนี้แหละ พระเจ้าจึงจำเป็นต้องชำระวิญญาณและความคิดจิตใจของมนุษย์เสียใหม่ ให้เอี่ยมเลย เพื่อพระองค์จะได้มาอยู่ได้ วิธีการทำให้สะอาดบริสุทธิ์ ก็คือการส่งพระบุตรมาทำให้สำเร็จ คือ Telelestai ตายที่ไม้กางเขน หลั่งพระโลหิต ชำระบาปให้กับเรา แล้วเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่ 3 และประกาศว่าสำเร็จแล้ว นั่นแหละ พระเจ้าทำสำเร็จแล้ว  ให้มนุษย์สะอาดแล้ว พร้อมที่พระองค์จะเข้ามาอยู่แล้ว คราวนี้รอมนุษย์คนนั้น จะรู้ข่าวดีนี้ แล้วก็เปิดใจว่าเอาด้วยคน อยากได้ๆ แสดงความต้องการออกมาแค่นั้นเอง ใช้สิทธิของเขา ในพระเยซูคริสต์เท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้น เมื่อเราเชื่อในข่าวดีของพระเจ้า เราจะเกิดการเกิดใหม่ในวิญญาณ ก็คือพระเจ้ามาประทานวิญญาณใหม่ ความคิดจิตใจใหม่ให้กับเรา โดยเดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า เราจึงมีสภาพที่เป็นวิญญาณ และมีความคิดจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์เหมือนพระเจ้า  ถ้าเราต้อนรับข่าวดี และเรายังมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า ซึ่งคือตัวพระเจ้าเอง มาในรูปแบบพระวิญญาณบริสุทธิ์ มาสถิตอยู่กับเรา อยู่ข้างๆ วิญญาณของเรา เป็นหนึ่งเดียวกันกับเรา ในร่างกายนี้ด้วย ในขณะที่กำลังเดินบนโลกใบนี้แหละ เอเมน ในขณะที่เรายังป่วยเป็นมะเร็งอยู่เลย มาเชื่อพระเจ้าแล้ว ได้เกิดใหม่แล้ว วิญญาณเปลี่ยนใหม่ ความคิดจิตใจเปลี่ยนใหม่ พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เข้ามาสถิตอยู่แล้ว เราก็ยังเป็นมะเร็งอยู่เลย แต่ข้างในมันสะอาดหมดจดแล้ว เดี๋ยวพระวิญญาณจะนำเราต่อไปในการเผชิญกับปัญหามะเร็งนั่นแหละ แต่จะเผชิญแบบไหน? ผ่านอย่างไรไม่รู้ แต่มันผ่านแน่นอน เพราะความหวังเราไม่ได้อยู่ตรงนี้ ร่างกายเรา 80, 90, 100 ปี มันก็ต้องลงโลง มันต้องจบ สุดท้าย เพราะว่ามนุษย์บาป และความบาปนี้ ทำให้ร่างกายนี้ต้องตาย แต่วิญญาณเกิดใหม่แล้ว พระเจ้าเตรียมร่างกายใหม่ให้กับเราเรียบร้อยแล้ว

พระวิญญาณคอยเป็นพี่เลี้ยง เป็นที่ปรึกษา เป็นสติปัญญานำพาชีวิตเรา เขาเรียกว่าหนทางของพระเจ้า แนวทางของพระเจ้า ก็คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ ความชื่นชมยินดี ความรักอดทนนาน กระทำคุณให้ พระวิญญาณจะนำเราไป นำเราตรงไหน? วิญญาณของเรา ความคิดจิตใจของเรา ที่เปลี่ยนแล้ว นี่คือข่าวดี  ขอพระเจ้าอวยพรครับ

 

**************************