คำบรรยายวันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม 2015
เรื่อง “เราเป็นใครในพระคริสต์” ตอน 1
โดย นคร เวชสุภาพร
เราเป็นใครในพระเยซูคริสต์? หรือเราเป็นใครในพระคริสต์? ซึ่งเป็นชื่อหัวข้อในการบรรยายในวันนี้ เราเป็นใครในพระคริสต์ เราเคยได้ยินบ่อยๆ ใช่ไหม? ตั้งแต่เรามาเชื่อพระเจ้าถึงเดี๋ยวนี้ เราจะได้ยินบ่อยๆ เลยว่า “พระคริสต์ๆๆๆ” “ในพระคริสต์” อะไรก็พระคริสต์ รัก ก็พระคริสต์ ถวายทรัพย์ ก็พระคริสต์ และพระคริสต์คืออะไร?
ถ้าพูดคำว่า “ในพระคริสต์” พวกเราทุกคนก็คุ้นเคยกันใช่ไหมครับ? เราอยู่ในพระคริสต์ เราเป็นหนึ่งในพระคริสต์ เรามีชัยชนะในพระคริสต์ ด้วยความรักในพระคริสต์ เราลงจดหมาย ส่งถึงกัน ด้วยความรักในพระคริสต์ รักในพระคริสต์ และอีกเยอะแยะมากมาย ในพระคริสต์ ในพระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างนั้น
แล้วท่านทราบไหมครับว่าความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ในพระคริสต์” คืออะไร? เราเป็นใคร? หรือมีสภาพอย่างไรในพระเยซูคริสต์ มีตำแหน่งอย่างไร? มันเป็นอย่างไร? พูดง่ายๆ
นี่คือสิ่งที่เราจะเรียนรู้กันอย่างละเอียดเลยนะครับ พอพูดว่าอย่างละเอียด แน่นอน มันไม่ใช่ครั้งเดียว หลายครั้ง จะพยายามค่อยๆ ไปเรื่อยๆ แล้วท่านจะทราบดีว่าในพระคัมภีร์ทั้งหมด เกี่ยวข้องกับเรื่องในพระคริสต์เท่านั้นเลย
อย่างเช่น ในหนังสือเอเฟซัส 1:3-4 ยกตัวอย่างนิดหนึ่ง ให้ท่านอยากจะเรียนรู้เรื่องนี้ต่อไปว่าท่านเป็นใคร?
เอเฟซัส 1:3 “สรรเสริญพระเจ้าพระบิดาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา ผู้ประทานพระพรฝ่ายจิตวิญญาณนานัปการ ในพระคริสต์แก่เราทั้งหลาย ในสวรรค์สถาน”
พระพรนานัปการ ที่ไหน? ในพระคริสต์
เอเฟซัส 1:4 “เพราะพระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ในพระคริสต์ พระองค์ได้ทรงเลือกเราทั้งหลายไว้ในพระคริสต์ ตั้งแต่ก่อนทรงสร้างโลก ให้เป็นผู้บริสุทธิ์ปราศจากที่ติในสายพระเนตรของพระองค์ด้วยความรัก”
แค่นี้เอง ก็อยากรู้แล้วนะ เรียกเราอย่างไรตั้งแต่ก่อนสร้างโลก เรียกเราเข้ามาอยู่ที่ไหน? ในพระคริสต์
ให้พวกเราพูดพร้อมกัน “ในพระคริสต์”
ท่านจะต้องพูดนี้ไปอีกนานเลยนะครับ ในซีรี่ส์นี้
เปาโลได้รับการดลใจจากพระเจ้า แล้วเขาได้เห็น เขาได้รู้ พระเจ้าพาเขาไปเรียนรู้ถึงในพระคริสต์เป็นอย่างไร? เขาเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และยิ่งใหญ่ของชีวิตของเขา เมื่อเชื่อพระเยซูคริสต์ เขาอยู่ในพระคริสต์ มันเป็นอย่างไร? เขาจึงอยากให้บรรดาคนที่มาเชื่อพระเจ้า เหมือนกับเขา มาเชื่อพระเยซูนั้น ได้รู้ เหมือนที่พระเจ้าประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์และสำแดงให้เขาได้รับรู้ เขาจึงอธิษฐานและวิงวอนตลอด และเขียนคำนี้ขึ้นมา ในข้อที่ 18 เขาได้อธิษฐานให้กับเราอย่างไรว่า.-
เอเฟซัส 1:18-22 “18 ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้ตาใจของท่านสว่าง เพื่อท่านจะได้รู้ถึงความหวังที่เรียกท่านมานั้น รู้ถึงความมั่งคั่งแห่งมรดกอันรุ่งเรืองของพระองค์ สำหรับประชากรของพระองค์ และรู้ถึงฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ สุดหาใดเทียบ สำหรับเราทั้งหลายที่เชื่อ 19 ฤทธานุภาพนี้ เป็นเหมือนพระราชกิจแห่งพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ 20 ซึ่งทรงกระทำในพระคริสต์ เมื่อทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากความตาย และให้ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ในสวรรค์สถาน 21 สูงส่งยิ่ง เหนือเทพผู้ครอง เทพผู้ทรงอำนาจ เทพผู้ทรงเดชานุภาพ และเทพผู้ครองอาณาจักรทั้งสิ้น และเหนือทุกนามที่เขาเอ่ยขึ้น ไม่เพียงในยุคนี้เท่านั้น แต่ในยุคหน้าด้วย 22 และพระเจ้าให้สิ่งสารพัดอยู่ใต้พระบาทพระคริสต์ และทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นประมุขเหนือทุกสิ่ง เพื่อคริสตจักร อันเป็นกายของพระองค์”
และเราอยู่ในพระคริสต์ยิ่งใหญ่ขนาดไหน? ท่านลองคิดดู ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ใต้พระคริสต์ แล้วเราอยู่ในพระคริสต์ ทุกอย่างเลยอยู่ใต้? ทุกอย่างอยู่ใต้พระคริสต์ เราอยู่ในพระคริสต์ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างก็อยู่ใต้เรา
เปาโลจึงอยากให้เราเห็นสิ่งเหล่านี้ จึงอธิษฐานขอพระเมตตาจากพระเจ้า ช่วยให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดตาใจเรา ขอวิญญาณแห่งปัญญาในการสำแดงความรู้ เราจึงต้องมาเรียนรู้เรื่องนี้กัน ให้พระวิญญาณช่วยเราในซีรี่ส์นี้ ในการที่จะเปิดตาใจเราทุกคนได้เห็น เหมือนดั่งที่เปาโลได้เห็นแล้ว เหมือนดั่งที่พระเจ้าต้องการให้เราได้เห็น เพื่อเราจะได้รับสิ่งทั้งปวง ทั้งมวล ที่พระเจ้าทำให้กับเราแล้วในพระคริสต์ เพื่อเราจะได้รับอิสรภาพ เราจะได้มีชัยชนะอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ อย่างที่พระเยซูคริสต์บอกเรามีชัยชนะอย่างแท้จริง
ก่อนอื่น เรามาดูรากศัพท์กันก่อน ความหมายของคำว่า “พระคริสต์” พระคริสต์ ภาษาไทยไม่ต้องออกเสียง “ส” นะ แต่ภาษาอังกฤษ “Christ” อ่านว่า “ไครสท์” มีเสียง “S” เพราะฉะนั้น คำว่า “พระคริสต์” ต้องอ่านว่า “พระ-คริด”
รากศัพท์ คำว่า “พระคริต” ภาษาไทยนะ พระคริตตรงนี้ หมายถึงใครครับ? เราก็รู้ หมายถึงพระเยซูคริสต์ ถูกไหมครับ? นี่คือภาษาไทย คำว่าพระคริตในภาษาไทย มาจากภาษาอังกฤษ คือคำว่า “Christ (ไครสท์)”
“Christ (ไครสท์)” ภาษาอังกฤษนี้ มาจากภาษากรีก คือคำว่า “Christos (คริส-ทอส)” ภาษากรีก ซึ่งมาจากคำว่า “Messiah (เมซียาห์ หรือมา-ซี-ฮา)” ในภาษาฮีบรู
พอพูดคำว่าเมซียาห์ ทุกคนคุ้นภาษาฮีบรูคำนี้มากเลย ใครมาเชื่อพระเยซูได้พูดภาษาฮีบรูคำหนึ่งแน่ๆ คือคำว่าเมซียาห์ พระเยซู คือพระมาซียาห์
และคำแปลของคำว่าเมซิยาห์ ท่านรู้ไหมว่าแปลว่าอะไร? Messiah หรือ Christos หรือ Christ หรือภาษาไทย พระคริสต์ แปลว่าผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งไว้
พูดพร้อมกัน “ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งไว้”
ถ้าแปลตามคำโดยตรงๆ ตามภาษาตรงๆ แปลว่าผู้ที่ถูกเจิมด้วยน้ำมัน Anointed with oil ก็คือเจิมด้วยน้ำมัน ตรงๆ เลย ซึ่งก็หมายถึงผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งเอาไว้ ความหมาย คืออะไรรู้ไหมครับ? ความหมาย คือผู้ที่พระเจ้าเจิมแต่งตั้งไว้ เพื่อทำงานพิเศษ ให้กับพระองค์ ตรงนี้แปลตรงตัวเลย
ส่วนคำว่า “เยซู” ภาษาอังกฤษ คือ “Jesus” ภาษาจีนเรียกว่า “เหย่-โซว” แต่ “เยซู” ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ “Jesus” มาจากภาษากรีก คำว่า “Joshua” และมาจากคำว่า “Yeshua” ในภาษาฮีบรู
และคำว่า “Yeshua” ภาษาฮีบรูตรงนี้ เป็นคำย่อของคำว่า “Yahweh is Salvation” … “Yahweh (ยาเว่ห์)” คือความรอด แปลว่า God is salvation ภาษาอังกฤษ ก็คือคำว่าเยซู ก็แปลได้ว่าพระเจ้าเป็นความรอด ซึ่งก็หมายถึงพระเยซู ทรงเป็นผู้ช่วยให้รอด ที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งเอาไว้ เจิมตั้งเอาไว้นั่นเอง เอเมน
และเมื่อมารวมคำ คำว่า “พระคริสต์” กับ “เยซู” นึกออกใช่ไหมครับ พระคริสต์ตะกี้นี้ กับคำว่าเยซู คือชื่อพระเยซู รวม 2 คำเข้าด้วยกัน คราวนี้ชัดแล้ว เราพูดอยู่บ่อย ก็คือคำว่าเยซูคริสต์ ภาษาไทย เนื่องจากเราเคารพ สักการะ ภาษาไทยเรา เฉพาะภาษาไทยเรา เราจะให้คำนำหน้าอีกคำหนึ่ง คำว่า “พระ” ก็เลยกลายเป็นจากเยซูคริสต์ กลายเป็นพระเยซูคริสต์ คราวนี้ท่านจะได้ชัดแล้วว่ามาจากตรงนี้เอง เพราะฉะนั้น ท่านจะเรียกว่าเยซูคริสต์ หรือพระเยซูคริสต์ มีค่าเท่ากัน
พระเยซูคริสต์ ก็จะได้ความหมายรวมอย่างนี้ว่าพระเยซูคริสต์ ก็คือผู้ที่ได้รับการเจิมตั้งไว้ หรือถูกเลือกสรรไว้ โดยพระเจ้า เพื่อให้ทำงานพิเศษ ให้กับพระองค์ คือมาช่วยมนุษย์ให้ได้รับความรอด เอเมน
แล้วใครบ้างครับ ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่อยู่ในพระคริสต์ หรืออยู่ในพระเยซูคริสต์ ใครบ้าง? เรามาดูข้อพระคัมภีร์ด้วยกัน กาลาเทีย 3:26-28
กาลาเทีย 3:26-28 “26 ท่านทั้งหลายล้วนเป็นบุตรของพระเจ้า โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ 27 เพราะพวกท่านทั้งปวง ผู้ได้รับบัพติศมาเข้าส่วนในพระคริสต์แล้ว ได้คลุมกายของท่านด้วยพระคริสต์ 28 ไม่มียิวหรือกรีก ทาสหรือไท ชายหรือหญิง เพราะพวกท่านทั้งปวง เป็นหนึ่งเดียวในพระเยซูคริสต์”
พูดตามผมนะครับ “นคร … (ใส่ชื่อท่าน) เป็นบุตรของพระเจ้า โดยความเชื่อในพระคริสต์ นคร … (ใส่ชื่อท่าน) ผู้ได้รับบัพติศมา เข้าส่วนในพระคริสต์แล้ว ได้คลุมกายของนคร … (ใส่ชื่อท่าน) ด้วยพระคริสต์”
สิ่งที่สำคัญที่สุด และเป็นเงื่อนไขเดียว ที่ทำให้เรารับสภาพ หรือมีสภาพในพระคริสต์ เข้าไปอยู่ในพระคริสต์ได้ ก็คือโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์
โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ก็คืออะไร? ก็คือเชื่อในตัวพระองค์ ก็คือเชื่อในข่าวประเสริฐ ข่าวดีของพระคริสต์ เชื่อในอะไร? เชื่อความหมายของคำว่าเยซูคริสต์ เยซูคริสต์ คือผู้ที่ถูกเจิมตั้งไว้ หรือพระเจ้าเลือกสรรมาให้ทำงานพิเศษให้กับพระเจ้า คือไถ่มนุษย์ให้ได้รับความรอด คือเชื่อตรงนี้แล้ว เชื่ออะไร? เชื่อตอนที่พระเยซูบอกว่าพระองค์เป็นพระบุตรพระเจ้า มาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อตายที่ไม้กางเขน หลั่งพระโลหิต เพื่อชำระท่านให้พ้นจากบาป และเป็นขึ้นมาใหม่ ในวันที่สาม เชื่อตรงนี้ เรียกว่าข่าวดีของพระเจ้า พอเชื่อปั๊บ ท่านได้รับสภาพ เข้าไปอยู่ในพระคริสต์แล้ว เข้าไปอยู่ในนี้แล้ว ง่ายไหม? ง่าย ใครอยู่ในพระคริสต์แล้วตอนนี้ ยกมือขึ้น? ขอบคุณพระเจ้า นั่นคือเงื่อนไข ที่เราไปอยู่ในพระคริสต์ ก็คือเชื่อในข่าวประเสริฐ หรือข่าวดีขององค์พระเยซูคริสต์
ในข้อที่ 27 เมื่อตะกี้นี้ เราอ่านร่วมกันนะครับ บอกว่า “พวกท่านทั้งปวงผู้ได้รับบัพติศมา” ได้รับเมื่อไร? ได้รับเมื่อรับเชื่อพระเยซูคริสต์แล้ว ถูกไหม? ซึ่งถามว่าในนี้ใครรับบัพติศมาแล้ว ยกมือขึ้น ทุกคนยกมือ คิดในใจว่า.-
“ฉันลงน้ำแล้ว”
ถูกไม่ถูก แต่ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่หมายถึงลงน้ำ ไม่ใช่หมายถึงลงน้ำ คำที่เราอ่านพร้อมกันตะกี้ว่า.-
“นคร … (ใส่ชื่อท่าน) ผู้ได้รับบัพติศมา เข้าส่วนในพระคริสต์แล้ว”
ไม่ได้หมายถึงลงน้ำ ไม่ได้บอกว่านคร ผู้ได้รับบัพติศมาในน้ำแล้ว ไม่ใช่ซะหน่อย ตะกี้เราพูดพร้อมกันว่าอย่างไร?
“เพราะนคร ผู้รับได้บัพติศมา เข้าส่วนในพระคริสต์แล้ว ได้คลุมกายของนคร ด้วยพระคริสต์แล้ว”
ไม่ได้พูดถึงน้ำสักนิดหนึ่ง แล้วทำไมเรานึกถึงว่าเราลงน้ำแล้ว เราเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ การลงรับบัพติศมาในน้ำ เป็นเพียงแค่เหมือนเงา ที่ผมเคยยกตัวอย่างว่าเป็นเหมือนเงา หรือเหมือนรูปภาพของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อพระเยซูมา ก่อนพระเยซูมาเป็นแค่เงา ตอนพระเยซูมา พระองค์เป็นตัวจริง ก่อนพระเยซูมา เป็นแค่รูปภาพ ตอนพระเยซูมาเป็นตัวจริง นึกออกใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นการลงน้ำบัพติศมา เป็นเพียงรูปภาพ เงาของพระเยซูจะมา เพื่อบัพติศมาเรา ลงในไหน? ในไฟแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ จำได้ไหม? ยอห์นบัพติศโตบอกว่า.-
“เราบัพติศมาท่านด้วยน้ำ แต่ผู้ที่มาภายหลังเรายิ่งใหญ่กว่ามากนัก แม้กระทั่งเชือกรองเท้า เรายังไม่สามารถถอดให้เขาได้เลย ผู้นั้นจะบัพติศมาท่านทั้งหลาย ด้วยไฟ”
ไฟ หมายถึงฤทธิ์เดชอำนาจ พลังอำนาจยิ่งใหญ่ ตัวนี่แหละ ที่เรียกว่าพลังอำนาจในพระคริสต์ ผู้ที่ได้รับบัพติศมาเข้าส่วนในพระคริสต์ เข้าส่วน อยู่ในไฟ ไฟเป็นสัญลักษณ์ หมายถึงฤทธิ์เดชอำนาจ หมายถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ซึ่งรวมกันมาอยู่ในพระคริสต์ ในพระเยซู ผู้ที่ได้รับการเจิมตั้งไว้ ผู้ได้รับการจัดตั้งไว้ เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด การช่วยของพระองค์ ก็คือใครเชื่อ คนนั้นก็ได้ถูกชุบ, จุ่มเข้ามาสู่พลังอำนาจ ในพระคริสต์นี้
เพราะว่าคำว่าบัพติศมา แปลว่าอะไรรู้ไหม? บัพติศมา รู้ไหมแปลว่าอะไร? บางทีเราก็พูดบัพติศมา แบ็บติส แบ็บไทน์ ภาษายุ่งไปหมดเลย ภาษาอังกฤษบ้าง ภาษากรีกบ้าง ภาษาไทยบ้าง ภาษาไทยก็แปลมาจากภาษากรีกบ้างอะไรต่างๆ
บัพติศมา ถ้าแปลตรงๆ ตะกี้ข้อ 27 บอกว่าอย่างนี้ ถ้าผมแปลเป็นภาษาไทย … ภาษาไทยธรรมดา “เพราะพวกท่านทั้งปวง ผู้ได้รับการจุ่มลงไป ในพระคริสต์แล้ว ได้คลุมกายของท่านด้วยพระคริสต์”
บัพติศมา แปลว่าจุ่มลงไป มุดลงไป ชุบลงไป เมื่อท่านเชื่อในพระเจ้า เชื่อในข่าวประเสริฐ พอพระเจ้าจับท่าน ในวิญญาณของท่าน จุบลงไปในไหน? ในพระคริสต์ ก็คือในไฟ … ไฟ ก็คือหมายถึงฤทธิ์เดชอำนาจมหาศาล ที่ตะกี้นี้เราได้อ่านกันนิดหน่อย ในหนังสือเอเฟซัส ตอนที่เราเริ่มต้น พอเห็นยัง? ท่านอยู่ที่ไหนตอนนี้
พระเจ้าจุ่มเราลงไป ชุบเราลงไป ในฤทธิ์เดชอำนาจอันยิ่งใหญ่มหาศาล ซึ่งใช้สัญลักษณ์ว่าไฟในสมัยนั้น เพราะไม่รู้ว่าจะพูดว่าอย่างไร? ต้องบอกไฟ ถ้าเดี๋ยวนี้ ถ้าเป็นเรา ในยุคสองพันปีผ่านมา แล้วก็บอกว่าจุ่มเราลงไปในปรมาณู เพราะสมัยนั้น ไฟสูงสุดแล้ว ถูกไหม? จุ่มเราลงไปในพระคริสต์
พระคริสต์ นี่หมายถึงอะไร? ตะกี้นี้เราบอกแล้วใช่ไหม? พระคริสต์ ภาษาฮีบรู ภาษาเดิม ก็คือเยสิยาห์ใช่ไหม? พระเจ้าชุบเราเต็มลงไป จับเราจุ่มลงไปมิดเลย ดำมิดลงไปในไหน? ในมาซีฮาห์ … มาซีฮาห์นี้ เข้าไปถึงในฤทธิ์เดชอำนาจของ The Anointed one มาซีฮาห์ หมายถึงผู้ที่ถูกเจิมเอาไว้ เข้าไปสู่ความยิ่งใหญ่ เป็นครอบครัวก็ได้ มหาศาลเลย ความยิ่งใหญ่นี้ เราถูกจุ่มเข้าไปพระมาซีฮาห์ ท่านลองนึกถึงภาพว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน? และผลที่ตามมา ก็คือท่านก็จะได้คลุมกายของท่านด้วยพระคริสต์ ก็คือมันจุ่มลงไปใช่ไหม? ท่านจะเห็นภาพว่าคลุมกาย คืออะไร? พอจุ่มลงไป มุดเข้าไปนะ ถ้าท่านมุดลงไปในน้ำ ท่านก็จะคลุมกายด้วยน้ำ ทั้งหมดเลย ตอนที่เรารับบัพติศมาในน้ำ ซึ่งเป็นการสมมติ เป็นการประกาศให้ผู้คนว่าเราเชื่อในพระเจ้า ในรูปแบบของพิธีกรรม ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเกิดขึ้นจริงๆ
ในทางฝ่ายวิญญาณ ตอนนั้น ที่เราสมมติ ทำพิธีกัน ลงไปในน้ำใช่ไหม พอลงไปปุ๊บ ขึ้นมาปุ๊บ ตอนลงไป ก่อนขึ้นมา ทำอย่างไร มันถูกคลุมไปด้วยน้ำ แต่พอมาเรื่องของพระวิญญาณ ทางฝ่ายวิญญาณ พอเราเชื่อพระเยซูคริสต์เจ้า เชื่อในข่าวประเสริฐของพระองค์ปุ๊บ ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ตาม ยังไม่ทันลงน้ำเลย ทันที ทันใด ถ้าท่านเชื่อจริงในวิญญาณของท่าน พระเจ้า พระบิดาจะจับท่านชุบลงไปในไหน? ในพระคริสต์ ในเมซีฮาห์ ท่านคิดดูสิว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน? ในเมซีฮาห์ แล้วท่านก็ลงไปในพระมาซีฮาห์ ในการเจิมนั้น เรียกว่าพระคริสต์นั้น เป็นหนึ่งเดียวกันเลย แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร? เหมือนที่ท่านทำตัวอย่าง คือจุ่มลงไปในน้ำ บัพติศมาในน้ำ พอลงไปในน้ำปุ๊บ ท่านกับน้ำเป็นหนึ่งเดียวกัน นั่นคือภาพสมมติ ภาพเงา เป็นภาพที่ไม่ใช่ของจริง เป็นรูปภาพที่จะบังเกิดขึ้นจริงๆ ในวิญญาณ ทางพระเยซูคริสต์ ในตอนที่พระเยซูคริสต์มาเกิดเป็นมนุษย์ และตายที่ไม้กางเขน หลั่งพระโลหิต แล้วพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม
คนสมัยก่อนเขาไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นโมเสส อาโรน ผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย เดวิด อิสยาห์ เขาไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ เขารู้อย่างเดียวว่าพระเมซีฮาห์ พระเจ้าทรงสัญญาว่าพระเมซีฮาห์จะมา พระเมซีฮาห์คือใคร? พระเมซิฮาห์ คือพระคริสต์ พระคริสต์ คือใคร? พระคริสต์ ก็คือไคร์ซ … ไคร์ซ ก็คือผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งเอาไว้ เพื่อมาทำงานพิเศษ เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด เขารู้ว่าพระเจ้าสัญญาไว้ จะมีพระมาซีฮาห์มา เท่านั้นเอง แต่เขาไม่รู้นะครับว่าพระเมซีฮาห์ที่จะมา จะมาเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ได้มาช่วยเราธรรมดา จะมาพาเราเข้าไปอยู่กับพระองค์ ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน เราจะเข้าไปอยู่ในพระเมซีฮาห์ ถ้าเผื่อมีใครไปพูดกับโมเสสตอนนั้น หรือพูดกับเอลียาห์ตอนนั้น เอลียาห์ก็จะบอกว่า.-
“จะบ้าเหรอ แกบ้า เพี้ยนไปแล้ว”
แต่นี่พระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างนั้นหมดเลย มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ เป็นพระคุณมหาศาลของพระเจ้าที่ทำอย่างนี้ คนสมัยนั้น ไม่มีทางที่จะเข้าใจเลย แม้แต่เราเดี๋ยวนี้ เราฟังดู เรายังไม่ค่อยเข้าใจเลย แต่เราเชื่อ เพราะว่าพระคัมภีร์เขียนไว้อย่างนั้นจริงๆ ว่าเราได้อยู่ในพระเยซูคริสต์ เราได้อยู่ในพระคริสต์ และเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ เป็นหนึ่งอย่างไร รู้ไหมครับ? เหมือนอะไรรู้ไหม? จะยกตัวอย่างชัดขึ้นนะครับ การลงบัพติศมาในน้ำที่ตะกี้อธิบายให้ฟัง ยังไม่ค่อยชัดเท่าไรว่าท่านเป็นหนึ่งเดียวกัน ลงไป มุดลงไปปุ๊บ ที่เขาบอกว่าเวลาจะทำพิธีนี้ ต้องทำไม? กดหัวลงไปให้จมน้ำ เพื่อที่จะให้มีสัญลักษณ์ว่าท่าน มุดอยู่ ถูกคลุมอยู่ด้วยน้ำ แล้วเป็นหนึ่งเดียวกันกับน้ำ แต่มันดูอย่างไร มันก็ไม่เป็นหนึ่ง เพราะยังเป็นตัวอยู่ แต่ถ้ายกตัวอย่างอันนี้ง่ายเลย คืออย่างไรรู้ไหม? ท่านเคยชงชาใช่ไหม? เอาชาถุงก็ได้ มีน้ำอยู่ใช่ไหม? ร่างกายท่านเป็นถุงชา พอท่านเอาถุงชาลงไปในน้ำร้อน สักครู่หนึ่ง มันจะเกิดอะไรขึ้น ชามันจะเข้าไปสู่น้ำ น้ำจะไหลเข้ามาสู่ชา ชาและน้ำทำปฏิกิริยาอะไรกันก็ไม่รู้ รวมกันเป็นน้ำชา แยกออกไหม? พอมาเป็นน้ำชา ท่านพอจะมองออกไหม อันไหนคือชา อันไหนคือน้ำ ไม่ออกแล้ว ในทำนองเดียวกัน เมื่อท่านถูกจุ่มลงไป ถูกชุบลงไป ในพระเยซูคริสต์ หรือในพระมาซีฮาห์ ท่านได้เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ ไม่สามารถแยกท่านได้ว่าใครเป็นท่าน และใครเป็นพระมาซีอาห์ นี่พูดถึง ยกตัวอย่างให้ฟังนะ เข้าใจไหม?
ในหนังสือยอห์น 20:31 บันทึกอย่างนี้นะครับ “แต่ที่บันทึกเรื่องเหล่านี้ไว้ ก็เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า และโดยความเชื่อ ท่านจะได้มีชีวิต ในพระนามของพระองค์”
พระเยซูคริสต์เป็นพระคริสต์ เห็นไหม? พระเยซูคริสต์เป็นพระคริสต์ เป็นพระบุตรของพระเจ้า และโดยความเชื่อ ท่านจึงได้รับชีวิตในนามของพระองค์ อยู่ในนามนั้น ถึงจะมีชีวิต ไม่ใช่เชื่ออย่างเดียว เชื่อแล้วพระเจ้าจับท่านลงไปอยู่ในพระคริสต์ เป็นหนึ่งเดียวกัน นั่นแหละ ท่านถึงจะได้รับชีวิต เพราะว่าพระเยซูบอกว่าพระองค์ทรงเป็นแหล่งของชีวิต ไม่มีที่ไหนมีแล้วในโลกนี้ ในมหาจักรวาลนี้ พระองค์เป็นแห่งเดียว ที่เป็นชีวิตและเป็นแสงสว่าง ท่านเข้าไปอยู่ในแสงสว่าง อยู่ในชีวิต
ชีวิตของพระเยซู และชีวิตของท่านมองไม่ออกว่าชีวิตเป็นของใคร? ทั้งสองฝ่ายเป็นชีวิตทางพระเจ้าเหมือนกัน ทั้งสองฝ่ายเป็นแสงสว่างเหมือนกัน พระเยซูบอกท่านไปไหน ท่านจงจำไว้ ท่านเป็นแสงสว่าง พระเยซูบอกว่าท่านเดินไปไหนก็ตาม ท่านเป็นแสงสว่าง ไม่ใช่ท่านพยายามทำตัวให้เป็นแสงสว่าง เป็นคริสเตียนไม่ใช่ เพื่อจะทำตัวให้เป็นแสงสว่าง ไม่ใช่ ทำดีแล้วท่านจะเป็นแสงสว่าง ไม่ใช่ ท่านเป็นแสงสว่างอยู่แล้ว จงให้แสงสว่างนั้นมันฉายออกไปเอง ไม่ต้องพยายาม มันไปของมันเอง ท่านต้องรู้ก่อนว่าท่านเป็นแสงสว่าง ไม่อย่างนั้น ท่านไม่รู้ พอไม่รู้ ก็เดินสะปะสะเปะ แต่ท่านรู้ว่าตัวท่านเองเป็นแสงสว่าง บางคนเข้าใจผิด คิดว่ามาเป็นคริสเตียน ต้องทำตัวเป็นความสว่าง ไม่ใช่ ท่านเป็นความสว่างอยู่แล้ว ผมต้องทำตัวเป็นผู้ชายไหม? ถามจริง ท่านต้องทำตัวเป็นผู้หญิงไหม? เพราะว่าท่านเป็นอยู่แล้ว ยกเว้นว่าท่านจะเป็นเพศที่สาม ท่านอาจจะต้องทำ แต่ถ้าท่านเป็นอะไร? แต่ท่านเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ท่านเป็นผู้หญิง ท่านก็เป็นผู้หญิง ท่านเป็นผู้ชาย ท่านก็เป็นผู้ชาย ในพระเยซูคริสต์ เราเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า เราเป็นแสงสว่าง เราเป็นชีวิต นี่ ไม่ใช่เราไปขอชีวิตจากพระเจ้า พระเจ้าจับเราใส่เข้าไปในหนึ่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ เป็นชีวิตเดียวกันเลย
โรม 8:1-2 “1 เหตุฉะนั้น บัดนี้ จึงไม่มีการลงโทษ 2 แก่บรรดาผู้ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์”
เหตุฉะนั้น บัดนี้ จึงไม่มีการลงโทษแก่ทุกคนเลย เพราะว่าพระเยซูมาไถ่บาปเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่ ตั้งใจฟัง บัดนี้ จึงไม่มีการลงโทษ แก่บรรดาทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้เลย เพราะว่าพระเยซูคริสต์มาไถ่บาปแล้ว ไม่ใช่สิ
เพราะฉะนั้น ในพระเยซูคริสต์ บัดนี้ ไม่มีการลงโทษใดๆ เลย ไม่มี จะทำบาป ทำผิดอะไร ก็ไม่มีการลงโทษ สำหรับมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้เลย เพราะพระเยซูมาเกิดเป็นมนุษย์ แล้วตายที่ไม้กางเขน หลั่งพระโลหิต ชำระมนุษย์ให้พ้นจากบาปผิดทั้งปวง ใช่หรือไม่? ไม่ใช่ ดังๆ สิ ไม่ใช่ ต้องมั่นใจ ข้างๆ เขาไม่กล้าพูด เราก็ไม่พูด ไม่ใช่ เฉพาะผู้ที่เลือกว่าจะมาอยู่ในพระคริสต์ เชื่อในพระเยซูคริสต์ว่าพระองค์ทำจริง
เขาก็จะได้รับสิทธิของเขาเอง เอเมน สำหรับทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนได้รับ เอ๊ะ! ถูกหรือเปล่านี้ ถูก สำหรับทุกคน แต่ไม่ใช่ทุกคนได้รับ เพราะว่าทุกคนไม่ได้ใช้สิทธิของเขา ใช่ไหม? เงิน 600 บาทต่อเดือน สำหรับคนมีอายุแบบผม หรือแบบใครก็ตามที่มีอายุ 60 ขึ้นไป ที่รัฐบาลคอยช่วยเหลือ เขาเรียกเป็นค่าอะไร? เบี้ยค่าครองชีพของผู้สูงอายุ ค่าเลี้ยงดูผู้สูงวัย 600 บาทต่อเดือน เป็นของคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ของคนในประเทศนี้ ใช่หรือไม่ใช่? ใช่ แต่คนที่ได้รับไม่ใช่ทุกคน เฉพาะคนที่ยอมเชื่อและไปใช้สิทธิของเขา ไปยื่น กรอกข้อความที่เขตว่า.-
“ฉันอายุเท่านี้จริงๆ นะ ฉันนคร เวชสุภาพร อายุเท่านี้ เอาบัตรประชาชนให้ดู อยู่บ้านเลขที่นี้ โอเค ฉันต้องการรับ 600 บาท”
ในที่สุด ผมก็ได้ 600 นั้นจริงๆ นี่เหมือนกันเลย คือใครก็ตามเมื่อมาเชื่อในข่าวดีของพระเยซูคริสต์ เชื่อจริงๆ นะครับ เชื่อว่าพระเยซูคริสต์มาตายที่ไม้กางเขน พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า เป็นพระคริสต์ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งไว้ เป็นพระเมซิฮาห์ ที่ถูกเจิมตั้งไว้โดยพระเจ้า ให้มาทำการนี้โดยเฉพาะ คือ
“มาไถ่มนุษย์ให้รอดพ้นจากความบาป แล้วพระองค์มาทำแล้ว คือตายที่ไม้กางเขน หลั่งพระโลหิตของพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่สาม พระโลหิตทรงชำระมนุษย์ให้สะอาดหมดจดทุกคนเลย โดยรวมทั้งฉันด้วย ฉันจะเอาแล้ว ฉันจะไปรับสิทธิของฉัน”
นั่นแหละ คือเชื่อในข่าวดี เขาก็จะได้รับสิทธินี้ทันที ได้เชื่ออย่างนี้ ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่อยู่ในพระคริสต์ทันที เป็นผู้ที่ถูกจุ่มลงไป ไม่ใช่สระน้ำหน้าบ้านเรา ไม่ใช่ จุ่มลงไป มุดลงไป ได้ถูกชุบลงไป โดยพระเจ้า ลงไปในพระคริสต์ทันทีเลย ไม่ว่าจะเป็นตีหนึ่ง ตีสี่ ตีห้า กี่โมงก็ตาม ที่เขาปิ๊งขึ้นมาว่า.-
“เชื่อแล้วๆ เขามาประกาศตั้งนาน เขามาเล่าให้ฉันฟังตั้งนาน ฉันเชื่อแล้ว วินาทีนี้เลยทันที”
พระเจ้าจับท่านมุดลงไปในฤทธิ์เดชอำนาจ ซึ่งเรียกว่าไฟ พลังอำนาจยิ่งใหญ่นี้ ที่เรียกว่าพระคริสต์ พระคริต หรือมาซีฮาห์ ทันทีทันใด ท่านได้รับสิทธินั้นทันที และเมื่อจุ่มท่านลงไป มุดลงไปในน้ำ ท่านเปียก ถูกไหม? ตอนที่เราทำตัวอย่างบัพติศมาในน้ำ
บัพติศมาในน้ำ ไม่ใช่ไม่สำคัญ ถามว่าสำคัญไหม? มันเป็นเหมือนกำลังใจให้เรา ที่ดีที่เดียวที่เราจะบอกผู้คนว่าเราเชื่อพระเจ้าจริงๆ เป็นการปฏิบัติให้เห็นเท่านั้นเอง มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางวิญญาณเลย ไม่ได้เกี่ยวสักนิดหนึ่ง ถ้าท่านไม่เชื่อ ท่านลงน้ำให้ตายสัก 20 ครั้ง ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะการลงน้ำเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ ได้เห็นเท่านั้นเอง ท่านเข้าใจใช่ไหมครับ บางคนบอกว่า.-
“ฉันจะไปลงน้ำ เพื่อฉันจะได้รับชีวิตนิรันดร์”
ไม่ได้หรอกครับ ท่านไม่ได้ ถ้าท่านไม่เชื่อในข่าวประเสริฐ พระเยซูคริสต์จริงๆ ท่านจะไม่ได้ตรงนี้ แต่ส่วนใหญ่ที่เขาลงน้ำ เพราะว่าเขาเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระผู้ไถ่บาปจริงๆ ก่อนแล้ว เขาถึงลงน้ำ นี่พูดถึงส่วนใหญ่ ก็มีส่วนน้อยที่เป็นคริสตาม ก็ตามเขามา ก็อยากลงน้ำ เขาลง ก็อยากลงบ้าง สนุกดี แปลกดี ก็อยากลงบ้าง อย่างเช่น ลูก หลาน เหลน โหลนอะไรประมาณนี้ ก็ลงไปเถอะ ไม่เป็นอะไร สนุกดี แต่เมื่อวันหนึ่งที่เขาตามแล้ว วันหนึ่งที่เขาเรียนรู้จักพระเจ้าจริงๆ แล้วเขาเชื่อในข่าวประเสริฐแล้ว เขาถึงจะได้รับการจุ่มลงไปในฤทธิ์เดชอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า เรียกว่าไฟแห่งพระวิญญาณ เรียกว่าในพระคริสต์ ในคริต ในไครซ์ ในมาซีฮาห์นี้ เอเมน เข้าใจนะ
แล้วถามว่าจุ่มลงไปเป็นอะไรเกิดขึ้น ถ้าจุ่มลงไปในน้ำ เราก็เปียก แค่นั้นเอง จบ ไม่มีอะไรเลย จริงๆ ไม่มีอะไรจริงๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว นอกจากเปียก แต่พระเจ้าชุบท่าน ลงไป กดท่านลงไป ทำให้ท่านมุดลงไปในพระคริสต์ พระมาซีฮาห์ ทำให้เกิดปฏิกิริยาเกิดขึ้น ในวิญญาณของท่านทันที ในคนๆ นั้น ทันทีทันใดเลย
พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้อย่างนี้ ท่านอ่านดูนะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทันทีทันใดนั้น มันสปาร์ก นึกถึงภาพอะไรดี ในปัจจุบัน อย่างที่ผมบอก ต้องนึกถึงภาพปรมาณู ทางวิทยาศาสตร์อะไรต่างๆ ที่มันยิ่งใหญ่ ใส่เข้าไปปุ๊บ มันระเบิด 2 โครินธ์ 5:17 เกิดอย่างนี้ขึ้น ก่อนจะอ่านท่านนึกถึงภาพนะครับ พอท่านเชื่อในข่าวประเสริฐ คนใดคนหนึ่ง หรือเราก็ได้ เราเอง พอผมเชื่อในข่าวประเสริฐของพระเจ้า เชื่อจริงๆ เลย ซาบซึ้งในข่าวประเสริฐจริงๆ เลย ทุกคนมีวินาทีนี้ทุกคน ไม่มีใครไม่มีเลย ทุกคนที่อยู่ในพระคริสต์เดี๋ยวนี้ ทุกคนมีวินาทีนั้น เพียงแต่จะระลึกถึง หรือนึกถึงหรือไม่เท่านั้นเอง วินาทีนั้น มันซาบซ่าส์ ขณะนั้น พระเจ้ากำลังทำพิธีบัพติศมา หรือจุ่มท่าน กดท่านให้มุดลงไปในน้ำ เหมือนคล้ายๆ กับตอนที่ศิษยาภิบาลกดท่านรับบัพติศมาในน้ำ หน้าโบสถ์ คล้ายๆ อย่างนั้น แต่ตรงนี้ทางฝ่ายวิญญาณ ท่านตัวไม่เปียกเลย เพียงแต่เหงื่อแตกเท่านั้นเอง ท่านไม่รู้ตัวเลย แต่ในทางวิญญาณ พระเจ้ากำลังจับท่านเข้าไปในไฟแห่งพระวิญญาณ ที่เรียกว่าพระคริสต์ มาซีฮาห์ ฤทธิ์เดชอำนาจ ไฟแห่งพระวิญญาณ อะไรก็ว่าไป ท่านลองอ่านตรงนี้ดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้น
2 โครินธ์ 5:17 “เหตุฉะนั้น ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะ กลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”
เห็นหรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น? ถ้าลงน้ำเปียก แต่ในทางวิญญาณ เมื่อเชื่อในพระเจ้า พระเจ้าบัพติศมาท่านลงไปในฤทธิ์เดชอำนาจ แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่เรียกว่าพระคริสต์ มาซีฮาห์ เกิดอะไรขึ้น ท่านถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดเก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะ … นี่แน่ะในภาษาเดิมเขาเรียกว่าอะไรรู้ไหมครับ แปลว่าอะไรรู้ไหมครับ Be hold บอกจงมองให้เห็นเถิด มันใหม่มาก จงเห็นเถิด ไม่เห็นก็พยายามทำให้เห็น เพราะว่ามันเป็นจริงตามนั้น คืออะไร? คือท่านกลายเป็นสิ่งใหม่เลย เป็นวิญญาณดวงใหม่เอี่ยม ไม่มีบาป ไม่มีสิ่งสกปรกโสโครกอยู่ในวิญญาณท่านอีกต่อไป เอเมน ความจริงตรงนี้ไม่ต้องเชียร์ ท่านก็ต้องปรบมือแล้วล่ะ เพราะท่านทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ เกือบ 100% เป็นตรงนี้หมดเลย โดยเราไม่รู้ตัว พอเรามาเรียน
“อ้อ! เราเป็นอย่างนั้นเหรอ ก็ดีเหมือนกันนะ”
เนี้ยแหละ ใหม่ไหม? รู้สึกกลับไปบ้าน หน้าตาดูดีขึ้นเยอะเลยนะ ถ้าตาใหม่ขึ้นเยอะเลย
“ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้น ก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป”
กลับไปทำไมสิวยังอยู่ล่ะ แผลเป็นก็ยังอยู่ เพราะว่าที่พูดทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องของวิญญาณของเรา วิญญาณของมนุษย์ ซึ่งสำคัญที่สุด ร่างการเราวันหนึ่งมันต้องตายทุกคน ร่างกายเรา พระเจ้าไม่จัดการแล้ว เพราะว่าเตรียมร่างกายใหม่ไว้ให้แล้ว แต่วิญญาณเราจะต้องอยู่นิรันดร์ ไม่ว่าจะอยู่ในที่ไม่มีพระเจ้า หรือที่มีพระเจ้า ที่เรียกว่าสวรรค์นิรันดร์กาล ที่ใดที่หนึ่ง ต้องอยู่แน่นอน ตลอดกาล เพราะพระเจ้าให้วิญญาณมนุษย์ สร้างวิญญาณมนุษย์ให้บริสุทธิ์ สะอาด เป็นวิญญาณที่มาจากพระองค์ เป็นวิญญาณนิรันดร์ นิรันดร์ที่เป็นกาลเวลานะ ก็คืออยู่ไม่มีการตาย ไม่มีการสูญสิ้น พอเข้าใจใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้น ตัวนี้ เสร็จสิ้นไปแล้ว สำคัญมาก นี่คือความหวังของคนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ เชื่อในข่าวดีของพระเยซูคริสต์ ผู้ที่เชื่อในข่าวประเสริฐ หรือข่าวดีของพระเยซูคริสต์ ก็คือผู้ที่ได้อยู่ในพระคริสต์นั่นเอง ผู้ที่ต้อนรับข่าวดีพระเยซูคริสต์ ก็คือผู้ที่ได้อยู่ในพระคริสต์ พระเจ้าจับใส่มาอยู่ในพระคริสต์ คือวิญญาณของคนๆ นั้น ได้รับการชุบขึ้นมาใหม่ จุ่มขึ้นมาใหม่ เกิดปฏิกิริยาขึ้นมาใหม่ เปลี่ยนจากวิญญาณที่ตายแล้ว ในความบาป ไม่รู้จักพระเจ้า มีแต่สิ่งสกปรกโสโครก โสมม กลายเป็นสภาพวิญญาณใหม่ สะอาดบริสุทธิ้เหมือนพระเจ้า เป็นวิญญาณที่ได้รับการ Anoint เจิมด้วยฤทธิ์เดชอำนาจ เพราะเข้าไปอยู่ในฤทธิ์เดชอำนาจ พอเข้าใจใช่ไหม เข้าไปอยู่ในพระคริสต์ พระคริสต์เป็น Anointed one พระคริสต์เป็นฤทธิ์เดช เป็นการเจิมของพระเจ้า คนนั้นเข้าไปอยู่ในการเจิมของพระเจ้า วิญญาณเข้าไปอยู่ในพระเจ้า เกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง สะอาดบริสุทธิ์ ชำระอย่างรุนแรงเลย ทำให้สภาพของวิญญาณนั้น มีลักษณะเหมือนพระเยซู หรือเรียกว่ามีพระฉายเหมือนพระเจ้า
ยกตัวอย่างเหมือนอะไรรู้ไหมครับ? เหมือนแจกันทองคำโบราณ มีค่ามหาศาลมากเลย อยู่ๆ มา มีคนไม่รู้จักค่าของมัน นึกว่าเป็นทองปลอม ก็ทิ้งมัน พอทิ้งมันนานๆ เขา หยากไย่ มันเคอะไปหมดเลย เขาเรียกว่าขี้ทอง หรือว่าเกลี้ยงทอง หรือว่าเชื้อราอะไรต่างๆ เกิดขึ้น สกปรกหมดเลย หนาหลายปีมา ไม่มีใครเอาเลย ลูกๆ หลานๆ เหลน โหลน ก็เอาแจกันอันนี้ ไปขายทอดตลาด ข้างในมันเป็นทองแท้ ทองคำบริสุทธิ์ นึกออกใช่ไหมค่ะ ขายไปตลอด ยิ่งขายไปเท่าไร ยิ่งสกปรกโสโครก โสมม เต็มไปหมด ไม่เห็นทองเลย ไม่เห็น เห็นแต่แจกันอะไรดำๆ แต่เมื่อมีคนหนึ่งรู้ว่าข้างในมันเป็นทอง ก็เลยไปซื้อแจกันทองนี้มา มาทำอะไรรู้ไหมครับ? เขาจะมีน้ำยากัด ทองเวลาเราเอาไปล้าง เขาจะมีน้ำยาอันหนึ่ง สำหรับล้างทอง ให้มันบริสุทธิ์ ให้เอาสิ่งที่สกปรกติดอยู่ออกไป อันนี้ผมไม่รู้เรื่องหรอกนะ ผมเล่าให้ฟังเท่านั้นเอง จริงๆ เขาล้างอย่างไรไม่รู้ แต่เขามีวิธีล้าง เขาก็เอาแจกันทอง ซื้อมาถูกๆ เอง แล้วมาทำไมรู้ไหม? มาจุ่มมันลงไป ให้มันมิดลงไป ในสารเคมี น้ำสารเคมีตัวนี้ พอลงไปปุ๊บ น้ำสารเคมีก็ทำการไปปฏิกิริยากับตัวแจกันนี้ กัดสกปรกออก ชุบกลายเป็นทองขึ้นมาใหม่ ปิ้งเลย ใสแจ๋วเลย
ท่านรู้ไหม น้ำสารเคมีนั้น ถ้าเทียบกับพระเยซูคริสต์ คืออะไร? น้ำนั้น คือน้ำเลือดของพระเยซูเอง พระโลหิตของพระบุตรของพระเจ้า ที่บริสุทธิ์นั้น สามารถลบล้างบาปทั้งสิ้น ความสกปรกโสโครกทั้งสิ้นของวิญญาณเราได้ เอเมน พอไหม? ขอบคุณพระเจ้า ที่ให้เราได้รู้อย่างนี้ ที่ให้เราได้รู้อย่างนี้ ทำไมพระเจ้าทรงเมตตาต่อเรามากขนาดนี้ เราเหมือนแจกันที่ไปอยู่โน่น ขายทอดตลาดมาไม่รู้กี่ทอดแล้ว ตอนนี้อยู่ … ขอโทษนะ อยู่ข้างส้วม เขาทิ้งไว้ ไม่มีใครไปซื้อเลย คนนั้นเดินมาก็เตะที บางคนก็ … ขอโทษนะ … ถ่มน้ำลายลงไปในแจกันนี้ มันอยู่กับพื้น จริงๆ มันอยู่บนหิ้ง เป็นทองสวย มีแก้วจาระไน ทำเป็นตู้วาง ตอนนี้มันอยู่ตรงหน้าประตูส้วม แล้วก็นาน หยากไย่ขึ้น ถ่มน้ำลายลงไปอะไรต่างๆ สกปรกโสโครกมากๆๆๆๆ แล้วพระเจ้ารู้ พระเจ้าทรงคิดแบบนี้
“อันนี้ ฉันจำได้ แจกันอันนี้ ฉันสร้างเอง ของจริง คือทองแท้บริสุทธิ์ ฉันยอมไปซื้อมา”
แล้วก็ชุบลงไปในสารเคมีพิเศษ ซึ่งทำยากมาก เพราะต้องเกิดขึ้นจากการเสียสละของพระองค์เอง คือพระเยซูคริสต์ต้องตายที่ไม้กางเขน เพื่อได้รับสารเคมีนี้มา เรียกว่าพระโลหิตของพระองค์ เพื่อที่จะกัดตัวบาป โสโครก ที่ติดอยู่กับทองนี้ ลอกมันออกหมดให้ได้เลย ท่านคิดดู ต้องลงทุนขนาดไหน? ที่จะทำสารเคมีตัวนี้ ขึ้นมา เพื่อชำระล้าง แล้วท่านรู้หรือไม่ว่าแม้กระทั่งแจกัน ที่มันสกปรก โสโครกขนาดนั้น ที่อยู่หน้าห้องน้ำขนาดนั้น แต่พระเจ้ารู้ว่ามันบริสุทธิ์ ข้างในมันเป็นทองบริสุทธิ์ พระองค์เป็นผู้สร้างเอง พระองค์รู้ ท่านรู้ไหมโสโครกขนาดนั้น ถ้าเป็นเรา เราไปซื้อ มันคงไม่กี่ตังค์ ถูกไหม? จ่ายเงินไม่กี่ตังค์ แล้วเราก็ซื้อกลับมา แต่พระเจ้าต้องจ่ายราคาแพงมาก คือจ่ายชีวิตของพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์เอง ยอมสละพระเจ้า สภาพของพระเจ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นมนุษย์ที่ต่ำต้อย มาเดินอยู่บนโลกใบนี้ที่ต่ำต้อย สละสภาพพระเจ้าเด็ดขาด มาอยู่เป็นมนุษย์ธรรมดา เพื่อเป็นตัวแทนมนุษย์มารับโทษบาปแทนมนุษย์ เพื่อแจกันนั้นจะได้กลับคืนไปสู่หิ้งเหมือนเดิม เอเมน นี่คือพระคุณ เขาเรียกว่าพระเมตตาคุณของพระเจ้า เขาเรียกว่า Amazing Grace ถ้าใครได้เรียนรู้ตรงนี้ Amazing Grace จริงๆ
นอกจาก พยายามอธิบายให้ท่านเห็นภาพ พระคริสต์ๆ ในพระคริสต์ เป็นอย่างไร อยากให้ท่านเห็นภาพ เพราะอะไรรู้ไหมครับ ท่านจะได้เห็นพระคุณของพระเจ้า ได้เห็นคุณค่าของตัวท่านเอง และได้เห็นว่าพระเจ้าได้ทำอะไรเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ท่านนั่งอยู่ตรงนี้ ทุกวันนี้ มันเกิดขึ้นแล้วนะ ที่พูดเนี้ย ทั้งหมด ไม่ใช่จะเกิดขึ้นนะ มันเกิดขึ้นแล้ว แล้วพอเรารู้ เราก็จะใช้สิทธิของเรามากขึ้น ถ้าเรารู้ เราก็จะหายเหนื่อยและเป็นสุข อย่างที่พระเยซูบอกเรามากขึ้น พยายามจะยกตัวอย่างให้ท่านเห็นว่า “ในพระคริสต์” นั่นคืออะไร? ในพระคริสต์เป็นฤทธิ์เดชอำนาจ ในพระคริสต์เป็นเหมือนอะไรอีกรู้ไหม?
ในพระคริสต์เปรียบเหมือนครอบครัวหนึ่ง เปรียบเหมือนครอบครัวพระเจ้าใหญ่ๆ เมื่อเราเชื่อในข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ เราได้ถูกชำระล้างด้วยพระโลหิตของพระเยซู ให้จิตวิญญาณเราได้สะอาดหมดจดแล้ว เราได้ย้ายเข้ามาสู่ครอบครัวในพระคริสต์ ในพระคริสต์เหมือนครอบครัวหนึ่ง เหมือนกับสำมะโนครัวหนึ่งที่มีทะเบียนอันหนึ่ง เข้าใจใช่ไหมครับ
เจ้าของบ้าน ก็คือพระเจ้า พระบิดา ถูกไหม? สมมติเอานะ พระเจ้าทำทะเบียนขึ้นมาใหม่ทะเบียนหนึ่ง พระเจ้าเป็นผู้สร้างทะเบียนนี้ขึ้นมา หัวหน้าครอบครัว เขาเรียกอันดับหนึ่ง ถูกไหม? ต้องเบอร์หนึ่ง ทะเบียนบ้านนี้เรียกว่าบ้านพระคริสต์ บ้านพระคริสต์ สมาชิกอันดับหนึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว มีชื่อว่าพระเยซู อันดับสอง คือไม่รู้เปโตร เปาโล ท่านเป็นอันดับที่เท่าไรไม่รู้ เข้าใจไหม? ในพระคริสต์หมายถึงอย่างนี้ ยิ่งใหญ่ขนาดไหน? เราเข้าไปอยู่ในสถาบันนี้ เราเข้าไปอยู่ในครอบครัวนี้ แล้วมันหมายถึงฤทธิ์เดชอำนาจด้วย พร้อมๆ กันเลยทีเดียวเชียวล่ะ 1 โครินธ์ 12:13 ท่านจะเห็นภาพตรงนี้ มันเหมือนครอบครัวอย่างไร? มันเหมือนถ้าเราไปอยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกันอย่างไร? คำว่า “ในพระคริสต์” นอกจากเป็นภาพแบบที่ตะกี้นี้ ที่ผมอธิบาย เป็นฤทธิ์เดชอำนาจยิ่งใหญ่ ที่เราได้ถูกสร้างขึ้น แล้วจุ่มลงไปในฤทธิ์เดชอำนาจนี้แล้ว เป็นเหมือนทะเบียนบ้านที่เราเข้าไปอยู่ มีนามสกุลว่าพระคริสต์ สมมติอย่างนั้นนะ เป็นน้องของพระเยซู อยู่ในบ้านเดียวกัน มีสิทธิเท่ากัน 1 โครินธ์ 12:13 บันทึกไว้อย่างนี้นะครับ
1 โครินธ์ 12:13 “เพราะเราทั้งหมดก็รับบัพติศมา โดยพระวิญญาณองค์เดียว เข้าเป็นกายเดียวกัน ไม่ว่าเราจะเป็นยิวหรือกรีก เป็นทาสหรือเป็นไท และเราทั้งหมด ก็ได้รับพระวิญญาณองค์เดียวกัน”
จะลองแปลงตรงนี้ ให้ท่านได้เห็นภาพว่ามันคืออะไร? ท่านจะได้เข้าใจชัดขึ้น
“เพราะเราทั้งหมด ก็ได้รับการจุ่มลงไป การชุบลงไป การมุดลงไป โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน เข้าเป็นกายเดียวกัน ไม่ว่าเราจะเป็นยิวหรือกรีก เป็นทาสหรือไท เราทั้งหมด ก็ได้รับพระวิญญาณองค์เดียวกัน”
พอมองเห็นไหม? คือเราทั้งหลาย เหมือนกันหมด เหมือนเผ่าพันธุ์มนุษย์ ผมยกตัวอย่างอันนี้ ไม่รู้ว่าน่าจะได้ไหม? น่าจะได้เหมือนกันนะ เหมือนท่านไปเห็นฝูงม้า เข้าใจไหม? ท่านเห็นฝูงม้า ฝูงหนึ่ง สมมติ 10,000 ตัว ท่านมองไปเป็นม้าหมดเลย ท่านรู้ไหมตัวไหนเป็นตัวไหน? คล้ายๆ อย่างนั้นแหละ จริงๆ มันมีนะ ถูกไหม? ม้าแต่ละตัวมันก็จะมีแต่ละลักษณะ แต่เรามองไปเป็นฝูงม้า ถูกหรือเปล่า? เหมือนกัน มนุษย์ท่านมองไปทั้งหมด ท่านมองไป ท่านรู้ว่าคนนี้เป็นมนุษย์ ต้องมาบอกท่านไหมว่านี่มนุษย์นะ อันนั้นเราด่ากันมากกว่า ที่บอกไม่เหมือนมนุษย์ จริงๆ เรารู้ แต่เราแกล้ง เราไปว่าเขา ถูกไหม?
“แกไม่เหมือนมนุษย์”
ไม่ต้องบอก ท่านมองดู ทุกคนรู้หมดแล้ว อย่างนี้เรียกว่ามนุษย์ มนุษย์เห็นไหม ก็เหมือนกันหมด ลักษณะเดียวกัน คนที่เกิดใหม่โดยวิญญาณ โดยพระเยซูคริสต์ โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ เข้าไปอยู่ในพระคริสต์ คนเหล่านั้นอยู่ในครอบครัวเดียวกัน อยู่ในครอบครัวพระคริสต์ เป็นเหมือนกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นพี่น้องกัน เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน เป็นลักษณะชีวิตเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ด้วย เอเมน
และการที่เราได้อยู่ในพระคริสต์ ได้รับการถูกสร้างใหม่ในพระคริสต์ ได้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระคริสต์ทันที เราก็จะมีลักษณะ มีชีวิตอยู่เหมือนพระเยซูคริสต์ ซึ่งพระเยซูคริสต์เป็นเหมือนใคร? เหมือนพระเจ้า ท่านไปต่อเองแล้วกันว่าควรจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะเราได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระเจ้า มีความบริสุทธิ์สะอาดเหมือนพระเจ้า สามารถอยู่กับพระเจ้าได้
สามารถอยู่กับพระเจ้าได้เดี๋ยวนี้เลย เอเมน สามารถอยู่กับพระเจ้าได้ เหมือนที่พระเยซูบอกว่าพระองค์อยู่ในพระเจ้า พระเจ้าอยู่ในพระองค์ จำคำนี้ได้ไหม? รู้ แต่จำไม่ได้แล้ว เอาถ้อยคำมาให้อ่าน ท่านอ่าน ยอห์น 14:20 ฟังพระเยซูพูดเองเลยนะครับ ผมไม่ได้พูดนะ ยอห์น 14:20 พูดไว้อย่างนี้ พระเยซูตรัสว่า.-
ยอห์น 14:20 “ในวันนั้น พวกท่านจะตระหนักว่าเราอยู่ในพระบิดาของเรา และพวกท่านอยู่ในเรา และเราอยู่ในพวกท่าน”
เอเมน … ผมไม่ได้พูดเลย พระเยซูบอกว่าในวันนั้น ถามว่าในวันนั้น คือวันไหน? วันนั้น คือวันนี้ วันที่เรากำลังพูดอยู่นี้ วันนั้น คือวันที่พระเยซูทรงอยู่บนไม้กางเขน ในตอนบ่ายสามโมง แล้วพระองค์ตะโกนว่า It is finished. มันสำเร็จแล้ว มันไม่ใช่กำลังจะสำเร็จ มันไม่ได้กำลังจะเริ่มต้น เพิ่งจะเริ่มต้น แต่พระองค์บอกว่ามันสำเร็จแล้ว จบแล้ว การไถ่บาปให้กับมนุษย์ จบสิ้นแล้ว ครอบครัวได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ ทะเบียนบ้านของพระเยซูคริสต์อันใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว ในวันนั้น พวกท่านจะได้ตระหนัก พวกท่านจะได้รู้ว่าพระเยซูอยู่ในพระบิดา พระเยซูอยู่ในพระเจ้า พระบิดา และพวกท่านอยู่ในพระเยซู พวกท่านได้เชื่อพระเยซูแล้ว ได้ถูกจุ่มลงไปในพระคริสต์ ท่านอยู่ในพระคริสต์แล้ว และพระเยซูอยู่ก็อยู่ในพวกท่าน และเราทั้งหลายก็อยู่ในพระบิดา รวมความแล้วว่าอย่างไร? เป็นหนึ่งเดียวกันในพระเจ้านั่นเอง หนึ่งเดียวกันได้อย่างไร? ถ้าไม่เหมือนกัน ถูกไหม?
ท่านพอจะมองเห็นหรือยังว่าความสัมพันธ์ตรงนี้ พระเยซูบอกว่าพระองค์ทรงอยู่ในพระเจ้านะ และพระเจ้าทรงอยู่ในพระองค์ … ช้าๆ นะ และเราทั้งหลาย ผู้เชื่อในพระองค์อยู่ในพระคริสต์ และพระคริสต์อยู่ในเรา สรุป คือเราอยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าทรงอยู่ในเรา เพราะเราเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์
สรุปแล้วเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ถามว่าเกิดขึ้นเมื่อไร? รอให้เราตายก่อน แล้วค่อยไปอยู่ในสวรรค์ใช่หรือไม่ใช่? ใช่ไหม? ไม่ใช่ เกือบถูกหลอกแล้ว เกิดขึ้นเมื่อไร? เกิดขึ้นที่ไม้กางเขน เมื่อเกือบ 2,000 ปีที่แล้ว ที่พระเยซูคริสต์ตายที่ไม้กางเขน และบอกว่ามันจบแล้ว “เททเทเลสสไต” ภาษากรีก ที่บอกว่าจ่ายหมดแล้ว จ่ายหมดแล้ว จ่ายอะไร? จ่ายหนี้บาปของมนุษย์ทั้งหลายไปเรียบร้อยแล้ว หมดเกลี้ยงแล้ว มนุษย์พ้นจากหนี้บาปแล้ว ใครก็ตามที่รู้ข่าวดีนี้ มารับสิทธิของเธอไปเลย เธอจะได้รับการจุ่มเข้าไปในฤทธิ์เดชอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งหมายถึงพลังอำนาจของพระเจ้า ที่เรียกว่าที่กระทำการงานอยู่ในพระคริสต์ และเธอจะได้เข้าไปอยู่ในพระคริสต์นี้ อยู่ในครอบครัว อยู่ในทะเบียนใหม่นี้ เอเมน เรียกตัวเองว่าลูกของพระเจ้าเลยทันที
พอเราว่าจุ่มลงไปในพระคริสต์ เราถูกมุดเข้าไปในพระคริสต์ใช่ไหม? พระเจ้าจะจับเรามุดเข้าไปในพระคริสต์ใช่ไหม? เราได้รับการถูกสร้างขึ้นมาใหม่ใช่ไหม? เกิดปฏิกิริยาใหม่ คือวิญญาณใหม่ใช่ไหม? แล้วในพระคัมภีร์บอกว่าอย่างไร? “เราอยู่ในพวกท่านใช่ไหม?” แล้วพูดต่อมาในข้อ 23 ว่า.-
ยอห์น 14:23 “พระเยซูตรัสตอบว่าถ้าผู้ใดรักเรา เขาจะเชื่อฟังคำสั่งสอนของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา พระบิดากับเราจะมาหาเขา และจะอยู่กับเขา”
ภาษาเดิมบอกว่าจะสร้างบ้านร่วมกับเขา Make our home with him. ใครก็ตามที่รักเรา และรักพระเยซู เชื่อฟังคำสอนของพระเยซู หมายถึงไม่ได้เชื่อว่าพระเยซูสอนว่าตบหน้าข้างซ้าย ให้หันข้างขวาให้ตบด้วย ไม่ใช่แค่นั้น สอนว่าพระองค์เป็นใคร? พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า มาตายที่ไม้กางเขน หลั่งพระโลหิตของพระองค์ ชำระบาปให้กับเรา พระองค์เป็นพระคริสต์ๆ ไม่ใช่มาเชื่อพระเยซูว่า.-
“อ๋อ! พระองค์บอกว่าใครทำอะไรไม่ดีกับเรา ให้อภัยเขา ใครเขาอยากได้เสื้อเรา เอาเสื้อคลุมไปด้วย”
ไม่ใช่แค่นั้น ตรงนั้นไม่สำคัญเท่ากับตรงนี้ ต้องเชื่อว่าพระองค์เป็นใคร? พระองค์เป็นพระมาซีฮาห์ ผู้ที่พระเจ้าเจิมตั้งไว้ เลือกสรรไว้มาทำงานพิเศษ คือไถ่มนุษย์ให้พ้นจากความบาป เชื่อตรงนี้ และเชื่อว่าพระองค์มาจริงๆ เกิดแล้ว และไถ่บาปเรียบร้อยแล้ว ที่ไหน? ที่ไม้กางเขน ตามที่พระองค์ได้บอกว่าพระองค์มา เพื่อตายที่ไม้กางเขน และในวันที่ 3 พระองค์จะทรงเป็นขึ้นมาใหม่ เชื่อจริงๆ ตามนั้น พอเชื่อแล้วเกิดอะไรขึ้น? พระเจ้ากับพระเยซูจะมา เขาเรียกว่า Make out home. หมายถึงว่าทำบ้านของเรากับเขา หมายถึงมาอยู่กับเขา ภาษาไทยแปลว่ามาอยู่กับเขา
ตอนนี้ใครอยู่กับท่าน? พระเจ้า พระเยซูอยู่กับท่าน ต้องรอไหม? รอให้วันหนึ่งท่านตาย ไปอยู่กับพระเจ้าไหม? ท่านรู้ไหมว่าเวลาเราตายอะไรเกิดขึ้น? แค่เราเปลี่ยนมิติ ทุกอย่างเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนมติเข้าไปเท่านั้นเอง สิ่งที่จริงๆ ในโลกฝ่ายวิญญาณ ที่เรามองเรืองรางเหลือเกิน ต้องอ่านจากถ้อยคำพระเจ้าเหล่านี้ ที่เราเอเมนๆ ยิ้มๆ อย่างนี้ ไม่ชัด แต่เมื่อวันหนึ่งข้างหน้า เมื่อเราจากร่างนี้ไปแล้ว ทิ้งร่างนี้ไปแล้ว มันจะปรากฏให้เราอย่างชัดเจน เปิดให้เราเห็นอย่างชัดเจน ไม่ได้เป็นมากกว่านี้ ไม่มีอะไรมากกว่านี้ มันเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ตื่นเต้นไหม? ตื่นเต้น ไว้รอสัปดาห์ต่อไป
ตอนนี้เรามาร้องเพลงนี้ด้วยกัน ผมนึกถึงการจุ่ม การชุบลงไปแล้ว ผมนึกถึงเพลงนี้ ตอนที่เรารับบัพติศมาในน้ำ เราก็เอาเพลงนี้มาร้อง แต่เราร้อง เราก็นึกว่าการรับบัพติศมาในน้ำ ถ้าเราไม่ได้เรียนรู้ถ้อยคำพระเจ้าแบบวิญญาณอย่างนี้ ตามพระคัมภีร์อย่างนี้ มันก็ไม่ลึกซึ้งเท่าไร แต่พอได้เรียนอย่างนี้แล้ว ร้องอย่างนี้ มันลึกซึ้งมากเลยว่า “มีธารน้ำพุเต็มด้วยโลหิตของพระเยซู” เห็นไหม? “ถ้าใครทำบาป ดำลงให้มิด”
คำว่า “ใครทำบาป” นี้ ไม่ได้หมายถึงคนทำบาป หมายถึง sinner หมายถึงคนบาปอย่างเรา มนุษย์ คนบาปทุกคนเลย พระคัมภีร์บอกว่ามนุษย์เป็นคนบาปทุกคน ถ้าคนบาปอย่างเรามุดลงไปในพระโลหิตพระเยซูนี้ จะถูกล้างชำระให้พ้นบาปทั้งปวงเลย เอเมน
*********************